บทที่ 729 เทพ (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

บทที่ 729 เทพ (1)

ด้านในวิหารเซ่นสรวง

แสงสีแดงอันชั่วร้ายค่อยๆ เข้าแทนที่แสงสีทองอ่อนบนวงแหวนเวทเซ่นสรวง

บาทหลวงบัดดี้ปลดปล่อยแสงสีทองเจิดจ้าแยงตาออกมาจากทั่วร่าง สองตากลายเป็นสีทองโดยสมบูรณ์ อักขระสีทองเข้มกลุ่มหนึ่งประกอบกันเป็นวงแหวน ก่อนจะหมุนวนอย่างรวดเร็วด้านหลังเขา

แสงสีทองเจิดจ้าทั่วร่างเขากำลังต้านทานแสงสีแดงที่กำลังรุกล้ำไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง แสงสีแดงพวกนี้เหมือนกับหนอนไชกระดูก คอยกัดกินพลังเทพของเขาที่เป็นร่างแปลงเทพแห่งการเซ่นสรวงตลอดเวลา

“แกเป็นตัวอะไรกันแน่!” บัดดี้หรือราเอลเทพแห่งการเซ่นสรวงตวาดเสียงเฉียบ

ลู่เซิ่งก้าวขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง สองมือยังคงจับสองแขนของอีกฝ่ายไว้แน่น แสงสีแดงจำนวนมากแผ่ขยายไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยความเร็วสูงตามเส้นสายนี้

“ข้าเป็นแค่ผู้ขอความช่วยเหลือที่ไร้เดียงสาเท่านั้น…” เขายิ้มอย่างแปลกพิกล “ข้าเซ่นสรวงสมบัติให้ไปแล้ว…แกเป็นเทพแห่งการเซ่นสรวง ในเมื่อมีคนถวายสมบัติให้ แกก็ควรจะตอบสนองความปรารถนาของอีกฝ่ายอย่างสมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ”

“สาวกนอกรีต! ปีศาจ!” เทพแห่งการเซ่นสรวงราเอลตวาด พร้อมกับระเบิดแสงสีทองที่เหมือนเข็มออกมาจากทั่วร่าง

“ค้อนแห่งการลงทัณฑ์!” เงาคนสีทองสูงใหญ่สายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังเขาอย่างฉับพลัน

นั่นคืออมนุษย์กระทิงที่มีร่างเป็นคนหัวเป็นวัวกระทิงสีทองที่ถือค้อนขนาดยักษ์

ร่างกายมหึมาที่สูงเกือบห้าเมตรกว่าๆ ของมันสลักอักขระเสริมพลังกับสัญลักษณ์ลึกลับไว้มากมายหลายชนิด กลางหน้าผากยังมีสัญลักษณ์เทพอันเป็นตัวแทนพลังเทพของเทพแห่งการเซ่นสรวงอยู่ด้วย

ราเอลเป็นจอมเวทระดับตำนานขั้นสูงสุดที่มีความพิเศษคนหนึ่งก่อนจะก่อตั้งอาณาจักรเทพได้ อมนุษย์กระทิงตัวนี้เป็นราชาแห่งชนเผ่าอมนุษย์กระทิงที่เขาเคยสังหารมาก่อน แล้วถูกเขาประกอบศพกับวิญญาณเข้าด้วยกันเพื่อทำเป็นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง

หลังกลายเป็นเทพแล้ว ราเอลก็ได้ทำให้ไพ่ตายของตนกลายเป็นอาวุธสงครามน่ากลัวที่เทียบได้กับระดับศักดิ์สิทธิ์

ในเวลานี้ ตอนที่อีกฝ่ายใช้ความสามารถปริศนาสะกดร่างแปลงของตัวเองไว้ ไพ่ตายนี้จึงมีประโยชน์แล้ว

ตูม!

อมนุษย์กระทิงเจ้าของร่างขนาดมหึมาชูค้อนศึกขึ้นสูงแล้วฟาดใส่ลู่เซิ่งอย่างรุนแรง

สัญลักษณ์อันแข็งแกร่งที่เป็นตัวแทนพละกำลังและพลังทำลายกะพริบบนค้อนศึกสีทอง ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสัญลักษณ์เทพ พลังเทพกลายเป็นพลังระเบิดทางกายภาพอย่างรวดเร็ว

ด้วยพละกำลังอันบริสุทธิ์และความเร็วที่เหนือชั้นเกินกว่าสายตาจะมองเห็นได้ ชั่วเวลานั้นเข้ามาสัมผัสหน้าผากลู่เซิ่งในทันที

พรูด!

แสงประกายวิญญาณเวทมนตร์อันแข็งแกร่งหลายชั้นบนร่างของลู่เซิ่งถูกเจาะทะลวง หนึ่งชั้น สองชั้น สามชั้น สิบชั้น ยี่สิบชั้น สามสิบชั้น…

หลังจากทะลวงประกายวิญญาณป้องกันชั้นที่เจ็ดสิบกว่า ในที่สุดค้อนศึกก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ

“พลังเทพหรือ!” ราเอลหน้าซีด น่าจะสัมผัสได้แล้วว่าประกายวิญญาณที่ลู่เซิ่งกางออกบนร่างอยู่เหนือกว่าขอบเขตพลังงานทั่วไปมาก แม้แต่พลังงานเหนือธรรมชาติก็ยังไม่อาจบรรยายความแข็งแกร่งของพลังงานชนิดนี้ได้ด้วยซ้ำ

มีแต่พลังเทพ พลังเทพที่ไปถึงต้นกำเนิดอันเป็นแก่นสารเท่านั้นถึงจะเทียบเคียงกับระดับของพลังงานชนิดนี้ได้

ลู่เซิ่งโคจรปราณปฐพีที่แข็งแกร่งร้ายกาจทั่วร่าง นี่คือการเพิ่มพลังอันน่ากลัวจากวิชาพันเทวะ ถ้าใช้แค่ระดับจากร่างมังกรสีรุ้งอย่างเดียว ย่อมไม่อาจเอาชนะเทพที่แท้จริงองค์หนึ่งได้

แต่หากใช้ปราณปฐพีอันเป็นพลังแกนหลักของร่างหลักมาเสริมพลัง ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างออกไป

ปราณปฐพีเป็นพลังงานอันน่ากลัวที่มีเฉพาะในหมู่ผู้เข้มแข็งระดับมายาพิศวง ระดับพลังและความแข็งแกร่งในการหดตัวของมัน อย่าว่าแต่พลังเทพของเทพแห่งการเซ่นสรวงอย่างราเอลเลย ต่อให้เป็นพลังเทพของเทพระดับบนที่แข็งแกร่งบางส่วนก็ไม่แน่ว่าจะเทียบเคียงได้

ต่อให้จะเป็นพลังเทพก็มีการแบ่งระดับเช่นกัน

“ลาก่อน ฝ่าบาทราเอล” มือดำจำนวนมากพลันยื่นออกมาด้านหลังลู่เซิ่ง หัตถ์แห่งเงาอันเป็นเวทมนตร์อันดับที่แปดสิบแปดในมนตราทั้งเก้าสิบเก้าทำงานอย่างสุดกำลัง

ครั้งนี้เป็นการร่ายเวทด้วยพลังทั้งหมด

หัตถ์แห่งเงาขั้นที่หกร้อยเจ็ดสิบแปด ยังมีดัชนีมรณะที่ยกระดับถึงขั้นที่หนึ่งหมื่นเพื่อรับมือกับเทพที่แท้จริง

แคว่ก

ท่ามกลางหัตถ์แห่งเงาจำนวนมาก แสงสายฟ้าสีแดงไหลไปตามเส้นทางที่ไร้กฎเกณฑ์ แล้วพุ่งไปโดนกลางทรวงอกของราเอลอย่างฉับพลัน

ครืนๆ!

แสงสีทองกะพริบ แสงสีทองนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากทั่วร่างของราเอล แล้วกลายเป็นกลีบดอกไม้สีทองมากมาย เงาคนสีทองกึ่งโปร่งแสงหลายสายปรากฏตัวขึ้นรอบๆ นั่นคือนักบุญนับไม่ถ้วนที่เขาเคยรับเข้าสู่อาณาจักรเทพ

พวกเขาเป็นสาวกผู้คลั่งไคล้ในตัวเทพแห่งการเซ่นสรวง หลังจากตายไปแล้วก็ได้รับการดึงตัวเข้าสู่อาณาจักรเทพแห่งการเซ่นสรวงเนื่องจากวิญญาณอันคลั่งไคล้และทักษะสูงส่ง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเทพ

ตอนนี้ร่างแปลงของเทพที่แท้จริงเผชิญกับดัชนีมรณะมากกว่าขั้นหนึ่งหมื่น พบกับห้วงนาทีเป็นตายแล้ว เหล่านักบุญทั้งหมดปรากฏตัวออกมา พุ่งมาถึงข้างกายราเอลผ่านช่องทางอาณาจักรเทพที่ลึกลับ เอาตนเข้ารับดัชนีมรณะที่สามารถคร่าชีวิตได้ทันทีเอาไว้แทน

นักบุญจำนวนมากดับสูญในพริบตาที่โดนดัชนีมรณะ แสงสีแดงแห่งความตายค่อยๆ ริบหรี่ลง

เมื่อเวลาผ่านไป การปรากฏตัวของนักบุญกลับไม่ได้เยอะเท่าตอนเริ่มต้นแล้ว แสงสีแดงอันเป็นตัวแทนความตายค่อยๆ จางลงเช่นกัน

พรึ่บ!

ในที่สุด ดัชนีมรณะก็สลายไปโดยสิ้นเชิง นักบุญผู้เป็นสาวกที่คลั่งไคล้จำนวนหลายร้อยคนที่ราเอลเก็บสะสมมาหลายหมื่นปีเหลือแค่จุดแสงสีแพลตินัมไม่กี่สิบจุดที่วนเวียนรอบตัวเขาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น

เวลานี้ความโกรธแค้นและเสียสติของเขาเลยขีดจำกัดไปแล้ว นักบุญที่สะสมอย่างยากลำบากมาหลายปีกลับถูกคนตรงหน้าทำลายทิ้งจนสิ้นในพริบตา

สำหรับเขาที่รักสงบมาโดยตลอด นี่เป็นการหยามหยันที่ยากจะจินตนาการ

คนธรรมดาคนหนึ่ง คนธรรมดาสามัญที่ไม่ใช่อสูรและก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์นี่ ถึงกับใช้เวทมนตร์ขั้นสูงที่ผ่านการเพิ่มความแข็งแกร่ง สร้างความเสียหายให้แก่เขาอย่างสาหัสได้!

“จงเซ่นสรวงเถอะ! วิญญาณแห่งโลกา!” เขาอ้าปาก ก้อนโลหะทรงสี่เหลี่ยมที่เรืองแสงสีรุ้งก้อนหนึ่งลอยออกมาจากช่องปาก

ก้อนโลหะละลายกลายเป็นเกราะโลหะของเหลวอย่างรวดเร็ว เข้าปกคลุมทั่วร่างเขา พละกำลังกับการป้องกันที่แข็งแกร่งทะลักไปทั่วตัว เขาดิ้นอย่างรุนแรง ก่อนจะสลัดหลุดจากหัตถ์แห่งเงาจำนวนมากที่จับตัวเขาเอาไว้ได้

“ตายซะ…!” ราเอลคำรามพร้อมจะลงมือ

ยังไม่รอให้เขาพุ่งเข้าไป แสงสีแดงของดัชนีมรณะสายหนึ่งก็พุ่งมาด้านหน้าอีกหนหนึ่ง

สีหน้าเขาแปรเปลี่ยน ก่อนจะหมุนตัวหลบ

ซู่…

บนพื้นด้านหลังเขาถูกแสงสีแดงโจมตีใส่ ฉับพลันนั้นพื้นปูหินขนาดใหญ่ซีดจางร้าวแตกละเอียดกลายเป็นผงสีขาวจำนวนมาก

แม้แต่เหล่าชีวิตกระจ้อยร่อยในก้อนหินก็สูญสิ้นไปเพราะการโจมตีนี้เช่นกัน

“ขยายด่านเซ่นสรวง!” ราเอลยื่นมือออกมาโบกสะบัด วงแหวนเซ่นสรวงสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนแขนของเขาอย่างฉับพลัน

“ขอเซ่นสรวงพลังเทพของตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับความเร็วและพละกำลังสูงสุด” วาจาศักดิ์สิทธิ์ปรากฏแวบในจิตเทพของเขา

แขนขวาของเขาแผ่วเบาคล่องแคล่วและเต็มไปด้วยกำลังวังชาอย่างไร้สุ้มเสียง

แทบจะเป็นหลายเท่าตัวของตอนที่เขาลงมือเมื่อก่อนหน้า พละกำลังและความเร็วหลายเท่าตัวในระดับศักดิ์สิทธิ์นี่เทียบเท่ากับไปถึงขีดจำกัดที่มิติหลักจะรองรับได้แล้ว

ราเอลเพียงแค่ตวัดมือไปด้านหน้า มิติพลันถูกฉีกออกเป็นรอยกรีดสีดำหลายสาย

กระแสอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนถูกบีบอัดให้ระเบิดออกไปรอบๆ พร้อมกับระเบิดคลื่นเสียงนับไม่ถ้วน ผนังด้านในโบสถ์ค่อยๆ แตกออก แจกันที่ตั้งโชว์และกระจกสีโมเสคต่างระเบิดเป็นผุยผงทันที

มิติสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่แสงก็เหมือนจะริบหรี่ลงไปด้วยพลังกรงเล็บนี้

กรงเล็บนี้ได้เซ่นสรวงพลังเทพเกือบครึ่งหนึ่งของเขา เขามีพลังเทพอ่อนแอและสาวกแค่ไม่กี่พันคน ด้วยระดับเช่นนี้ เพียงพอแค่รักษาการลุกไหม้แห่งอัคคีเทพของเขาได้เท่านั้น ไม่อาจจะสั่งสมพลังเทพได้มากเท่าไหร่

พลังเทพของเขาในตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาเก็บหอมรอมริบมาในตอนที่ยังรุ่งเรือง มีทั้งหมดเจ็ดสิบกว่าหน่วย

แต่ว่าตอนนี้เขาได้เผาไหม้พลังเทพไปสามสิบกว่าหน่วยเพื่อทำลายปีศาจที่สังหารนักบุญจำนวนมากของเขา

พลังเทพที่บ้าคลั่งอัดแน่นในแขนขวาเข้าตะปบใส่ทรวงอกของลู่เซิ่งอย่างรุนแรง

เปรี้ยง!

ทรวงอกของลู่เซิ่งระเบิดกลายเป็นรูเลือดขนาดเท่าหัวคน

พลังที่หลงเหลืออยู่กลายเป็นก้อนผันผวนบิดเบี้ยวขนาดมหึมา ก่อนจะพุ่งทะลวงออกไปด้านหลังลู่เซิ่ง จากนั้นก็กระแทกกำแพงรอบๆ วิหารขึ้นไปยังท้องฟ้ายามราตรี แล้วหายไปในพริบตาเดียว

“กรงเล็บนี้ไม่เลว” ลู่เซิ่งก้มมองแขนที่แทงเข้าใส่ทรวงอกตัวเองขณะที่ยิ้มเหมือนชื่นชม

“น่าเสียดาย…” ก้อนเวททำลายล้างสีม่วงอมดำจำนวนเหลือคณานับค่อยๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา

นี่คือ ก้อนเวททำลายล้างสุดขั้ว เวทโจมตีเป้าหมายเดี่ยวที่แข็งแกร่งที่สุดในระบบเวทคำสาปของเวทมนตร์ขั้นเก้า ทั้งยังเป็นเวทมนตร์อันแข็งแกร่งที่ใช้ยากที่สุดสำหรับเหล่าจอมเวทจำนวนมากที่จะเข้าสู่ขั้นที่สิบแปด

มันไม่ได้ก่อให้เกิดผลตายทันทีเหมือนดัชนีมรณะ หากแต่จะทำลายวิญญาณของสิ่งมีชีวิตผ่านความสามารถที่เหมือนเวทคัดแยก

เทียบกับดัชนีมรณะ ก้อนเวททำลายล้างสุดขั้วนี้รวดเร็วฉับไวกว่า แถมยังควบคุมได้ดั่งใจนึก สามารถลอยลดคดเคี้ยวได้ตามปรารถนา

ส่วนดัชนีมรณะเหมือนกับปืนใหญ่ ไม่อาจควบคุมได้อย่างละเอียดหลังปล่อยออกมา

ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ ลู่เซิ่งจึงได้พัฒนาก้อนเวททำลายล้างสุดขั้วเป็นคาถาเทพก้อนเวททำลายล้างสุดขั้ว

หลังจากได้รับการพัฒนาเปลี่ยนแปลง คาถาเทพก็สามารถปลดปล่อยจากทั่วทุกส่วนของเขาได้ตามใจนึกเหมือนดัชนีกระบี่เทพหกชีพจร หนำซ้ำยังปลดปล่อยได้หลายร้อยลูกในครั้งเดียวด้วย

และในยามนี้ด้วยภายใต้สภาพที่มีปราณปฐพีอันยิ่งใหญ่คอยเสริมพลังให้ ลู่เซิ่งร่ายเวทเพียงสองครั้งก็สามารถปล่อยก้อนพลังเวทออกมาลอยอยู่ด้านหลังได้มากกว่าพันลูก

“ไป!”

เขาชี้นิ้ว ทันใดนั้นเหล่าก้อนเวททำลายล้างสุดขั้วก็พุ่งใส่ราเอลดุจห่าฝน

ทั้งสองอยู่ใกล้กันเกินไป จึงไม่อาจหลบพ้นได้

ราเอลฝืนยกแขนขึ้นกันไว้ด้านหน้า จากนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง

นี่คือเวทมนตร์ขั้นเก้า ต่อให้เป็นเขาก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด กายเทพป้องกันได้แค่เวทมนตร์ขั้นห้า หรือการโจมตีของจอมเวทขั้นสิบเท่านั้น

แต่ถ้าหากมีระดับสูงกว่านั้น เขาย่อมไม่มีทางไม่ได้รับบาดเจ็บ

ตูมๆๆๆ!

ก้อนเวทขนาดเล็กๆ จำนวนมากตกใส่ร่างของราเอล และพากันระเบิดเหมือนกับสายฟ้าฟาด ประกายวิญญาณสีม่วงอมดำที่มีฤทธิ์กัดกร่อนระเบิดบนผิวของเขา

เกราะโลหะบนตัวเขาค่อยๆ ปรากฏรอยแตกร้าวตามวิถีระเบิดของก้อนเวทมนตร์จำนวนมาก

นี่เทียบได้กับจอมเวทขั้นสิบแปดมากกว่าพันคนปลดปล่อยก้อนเวททำลายล้างสุดขั้วใส่เขาพร้อมกัน

ความแข็งแกร่งระดับนี้ อย่าว่าแต่เขา ต่อให้เป็นกายเทพของเทพระดับกลางองค์อื่น ก็มีผลลัพธ์เหมือนกัน

เพียงต้านทานได้แค่หนึ่งในสามส่วน ในที่สุดราเอลก็ทนไม่ไหว เกราะระเบิดเป็นผุยผง เผยให้เห็นกายเทพที่อาบเลือดข้างใน

“ไม่!” อสูรกระทิงร่างสูงใหญ่ด้านหลังก้าวเข้ามาป้องกันเขาไว้ที่ด้านหน้า แต่ป้องกันก้อนเวทมนตร์ได้แค่สิบกว่าลูกเท่านั้น ก็ถูกประกายวิญญาณทำลายล้างสีดำอมเทาละลายสลายไปเป็นควันทันที

ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น แม้แต่เครื่องสวมใส่และอาวุธทั้งหมดต่างก็ละลายหายไปท่ามกลางประกายวิญญาณทำลายล้างเช่นกัน

“ไม่!” ราเอลตะโกน

เทพเป็นอมตะ

แก่นสารของเทพคืออัคคีเทพ อัคคีเทพลุกไหม้ด้วยพลังแห่งศรัทธาและวิญญาณของตัวเอง นี่คืออัคคีแห่งชีวิตของเทพ

พูดง่ายๆ ก็คือ พลังแห่งศรัทธาคือเชื้อเพลิง ส่วนวิญญาณของตัวเองคือเชื้อเพลิงสำรอง

การเผาไหม้ของอัคคีเทพก่อให้เกิดพลังเทพ

ทุกๆ การเคลื่อนไหวของเทพล้วนผลาญพลังเทพ ดังนั้นเพื่อรักษาอัคคีเทพเอาไว้ เหล่าเทพจึงให้ความสำคัญต่อสาวกมากกว่าสิ่งอื่นใด เป็นเพราะว่านี่เป็นพื้นฐานที่ทำให้พวกเขารับประกันได้ว่าตัวเองจะไม่ตาย

ทว่าในเวลานี้ พลังเทพของราเอลถูกผลาญไปเป็นจำนวนมาก แค่ต้านทานก้อนเวททำลายล้างก็เสียพลังเทพทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ไปจนหมดสิ้นแล้ว

ถึงตอนสุดท้าย หุ่นเชิดด้านหลังเขาก็ถูกหลอมละลายไปด้วยเช่นกัน

อัคคีเทพของเขาไม่อาจมอบพลังเทพให้อีกต่อไป กายเทพจึงเริ่มแตกสลาย

ด้านหน้าลู่เซิ่ง ร่างของราเอลค่อยๆ แตกเป็นรอยร้าวนับไม่ถ้วนเหมือนกับภาชนะกระเบื้อง จนเห็นคริสตัลทรงกลมที่มีหนามแหลมนับไม่ถ้วนงอกอยู่ในร่างของเขาได้ผ่านรอยแตก

คริสตัลก้อนนั้นหมุนช้าๆ แสงรุ้งอ่อนๆ วนเวียนอยู่ด้านในที่แวววาวระยิบระยับ มีเปลวเพลิงสีขาวบริสุทธิ์ลุกไหม้อยู่จุดหนึ่ง

พริบตาที่เห็นคริสตัล ลู่เซิ่งก็เหมือนได้ยินเสียงอธิษฐานและเสียงขับขานบทเพลงของเหล่านักบุญนับไม่ถ้วน ยังมีเสียงวิงวอนอย่างทรมานและการบรรยายอย่างสิ้นหวังของพวกผู้เซ่นสรวงจำนวนเหลือคณานับเช่นกัน

เสียงและภาพจำนวนมากแวบผ่านห้วงสมองของเขาอย่างรวดเร็ว

‘นี่คือคุณสมบัติเทพ!’ เขายินดีเป็นอย่างมาก

เขาได้ทราบจากจอมอสูรที่เป็นบริวารว่า เทพแห่งการเซ่นสรวงเป็นบาทหลวงธรรมดาคนหนึ่งซึ่งหดอาณาจักรของตัวเองจนเล็กลง และซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบของมิติหลักผืนนี้มาโดยตลอด

อาณาจักรของราเอลผู้เป็นเทพแห่งการเซ่นสรวงไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นหลังจากหดเล็กลงแล้ว เขาถึงขั้นซ่อนตัวอยู่ในวิหารแห่งนี้มาโดยตลอด และเปลี่ยนส่วนหนึ่งของวิหารให้กลายเป็นอาณาจักรเทพบนดิน

เนื่องจากอาณาจักรเทพของเขาอ่อนแอเกินไป พลังกีดกันของมิติหลักจึงไม่รุนแรงมาก ทำให้เขาปกป้องตัวเองได้

ความจริงเทพจำนวนไม่น้อยต่างทราบถึงการดำรงอยู่ของเขา แต่เพราะมีการปกปักษ์จากอาณาจักรเทพ ตัวราเอลเองจึงแสดงพลังเกือบทั้งหมดออกมาได้

ส่วนเทพองค์อื่นถูกมิติหลักสะกดไว้มากกว่า แม้พลังที่แสดงออกมาได้จะแข็งแกร่งเหมือนกัน แต่ก็แข็งแกร่งกว่าเขาไม่เท่าไหร่

ดังนั้นจึงย่อมไม่มีใครมาหาเรื่อง

อย่างมากสุดก็มีแต่ระดับตำนานกับระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ทราบความลับนี้บางคนที่ดาหน้าเข้ามาเพราะต้องการผนึกเทพเท่านั้น

ทว่าส่วนใหญ่มาแล้วไม่ได้กลับไป

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท