สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1140 ตอนพิเศษ (39)

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1140 ตอนพิเศษ (39)

บทที่ 1140 ตอนพิเศษ (39)

“ฮูหยิน มีอะไรหรือเจ้าคะ?” สาวใช้ด้านข้างเอ่ยถาม

ฝางซิ่วหลานไม่แม้กระทั่งเก็บมุกปะการังขึ้นมา นางหันหลังเดินไปทางอื่นทันที “ข้ารู้สึกไม่สบายท้องเล็กน้อย รีบกลับเถอะ”

“ฮูหยิน หากท้องท่านรู้สึกไม่สบายจักต้องไปตรวจที่ร้านยานะเจ้าคะ ร้านยาอยู่ทางนั้นเจ้าค่ะ” สาวใช้เก็บมุกปะการังขึ้นมาแล้วรีบไล่ตามนางไป “ฮูหยิน คุณชายน้อยที่อยู่ในท้องท่านสำคัญยิ่งนะเจ้าคะ อย่าได้เดินเร็วจนเกินไปเจ้าค่ะ”

หยางชิงซือแค่นเสียงเย็น “เห็นท่าทีกินปูนร้อนท้องของนางหรือไม่?”

หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ข้าอยากซื้อเมล็ดพันธ์ุ ร้านขายของชำอยู่ข้างหน้าใช่หรือไม่?”

“เจ้าใจกว้างเหลือเกิน” หยางชิงซือเบะปาก

“ทุกคนล้วนต้องได้รับผลกรรม นี่เป็นสิ่งที่ท่านย่าเพียรบอกข้าเสมอ มีเหตุย่อมมีผล ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ข้าไม่รีบร้อน อย่างไรนางก็มีราคาที่ต้องจ่าย”

เมื่อฝางซิ่วหลานเดินไปไกลแล้ว นางก็หันไปมองหลิวจิ่วจู๋เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นตนเอง ถัดจากนั้นนางก็เอียงตัวเล็กน้อย ยกมือขึ้นมากุมท้องเอาไว้

จู่ ๆ ก็เจ็บท้องขึ้นมาแล้ว

สีหน้าของฝางซิ่วหลานแปรเปลี่ยนฉับพลัน นางกล่าวเสียงสั่น “เจ่าจือ ข้ารู้สึกปวดท้องเล็กน้อย”

เมื่อครู่นี่เป็นเพียงข้ออ้าง แต่ยามนี้มันเป็นเรื่องจริงแล้ว

ฝางซิ่วหลานนึกเสียใจ นางไม่ควรใช้ท้องไส้เป็นข้ออ้างเลย ทารกในท้องคือสมบัติที่ใหญ่ที่สุดของนางในตอนนี้ หากเกิดอะไรขึ้น คหบดีจางจะเป็นคนแรกที่ไม่ไว้ชีวิตนาง

เจ่าจือก็ตื่นตระหนกเช่นกัน!

นางตะโกนเรียกผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลัง “มานี่เร็วเข้า! ฮูหยินไม่สบายท้อง พวกเราพานางไปร้านยาเถอะ!”

หลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือซื้อของมากมายและทำความสะอาดบ้านทรุดโทรมหลังนั้นต่อ

หลังจากปรับปรุงซ่อมแซมใหม่เป็นเวลาสองวัน เมื่อดูจากด้านนอกพบว่า กระเบื้องแตกถูกเปลี่ยนใหม่ ใบไม้ร่วงถูกกวาดทิ้ง ตอนนี้จึงรกร้างน้อยลง ดูเป็นที่อยู่คนขึ้นหลายส่วน

หลายวันต่อมา หยางชิงซือก็บอกลาหลิวจิ่วจู๋ นางพกพาความกังวลและความไม่ยินยอมกลับไปที่หมู่บ้าน

ครอบครัวนางยังอยู่ที่หมู่บ้าน หยางชิงซือไม่อาจอยู่ในเมืองกับหลิวจิ่วจู๋ตลอดไปได้

“จู๋จือ อีกสองสามวันข้าจะเข้าเมืองมาหาเจ้า”

“เจ้าจะมาได้อย่างไร” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “พี่ซู่เกินไม่อยู่ ไม่มีผู้ใดมาส่งเจ้าเข้าเมือง หากเจ้ามาก็ต้องใช้เงิน ไม่คุ้มกัน เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

“ข้าจะไม่กังวลได้อย่างไร สามีเจ้าไม่อยู่ที่นี่ ตอนนี้ข้าเป็นคนในครอบครัวผู้เดียวของเจ้า เจ้าอยู่ดีหรือไม่ ผู้อื่นไม่สนใจ แต่ข้าสนใจ! อย่างไรเสียข้าก็จะมาหา เจ้าอย่าได้ห่วงเลยว่าข้าจะมาอย่างไร ในเมื่อข้าคิดจะมา แม้นจะไกลสุดขอบฟ้าข้าก็จะมา!”

“ขอบใจเจ้านะชิงซือ” หลิวจิ่วจู๋ดึงนางเข้ามากอด “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าอยู่ที่นี่ทำยาอมสะดวกทีเดียว”

“เจ้าหลอกข้าให้น้อยหน่อยเถอะ ตอนเจ้าทำยาอม ตัวยาก็ต้องซื้อ ไม่เหมือนตอนที่เจ้าอยู่หมู่บ้าน ตอนนั้นเจ้ายังขึ้นเขาไปเก็บมาได้ เช่นนี้คำนวณดูแล้ว ไม่คุ้มเลยจริง ๆ”

“เจ้าคิดว่ามีเพียงหมู่บ้านเราที่มีป่าเขาหรือ? ข้าเก็บสมุนไพรในภูเขาละแวกนี้กลับมาทำยาอมได้ นับ ๆ ดูแล้ว ข้ายังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเข้าเมืองด้วย นั่นไม่ใช่คุ้มกว่าอีกหรือ?”

หยางชิงซือเกาหัว จู่ ๆ นางก็เอ่ย “จริงด้วย! ข้าโง่เสียจริง ไม่ได้คิดถึงจุดนี้แม้แต่น้อย”

หลิวจิ่วจู๋ส่งหยางชิงซือขึ้นเกวียนไปแล้ว

หลังจากหยางชิงซือขนของที่ซื้อในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาขึ้นเกวียน นางก็มองไปทางหลิวจิ่วจู๋ ขณะเกวียนเคลื่อนตัวออกไป ร่างหลิวจิ่วจู๋ค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็กลายเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ เลือนหายไป

หลิวจิ่วจู๋มองไม่เห็นเกวียนจึงกลับเข้าบ้านตน

ในลานบ้านไม่รกอย่างตอนแรกแล้ว ใบไม้แห้งถูกกวาดออกไปจนเกลี้ยง ในสวนมีการเพาะปลูก บ้างเป็นผัก บ้างเป็นดอกไม้ บ้างเป็นสมุนไพร

ที่นางชอบบ้านหลังนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะมันถูกที่สุดแต่เป็นเพราะมีลานบ้านขนาดใหญ่

ส่วนตัวบ้านนั้น เพราะมีอายุมากเกินไปจึงทรุดโทรมมากจริง ๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นอยู่ไม่ได้ ขอเพียงนางหาเงินได้และค่อย ๆ ซ่อมแซม ที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นบ้านหลังใหม่สำหรับนางและสามี

“โฮ่ง! โฮ่ง!” ตัวเป่าสมาชิกใหม่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน

หลิวจิ่วจู๋นั่งลงแล้วอุ้มเจ้าตัวเป่าขึ้นมา นางลูบหัวมันแล้วกล่าว “ตัวเป่า ชิงซือไปแล้ว ระยะนี้มีเพียงเจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้า ในฐานะที่เจ้าเป็นตัวผู้ การเฝ้าบ้านเป็นหน้าที่เจ้า หากทำได้ดี เจ้าก็จะได้ขนมตอบแทน”

“โฮ่ง ๆ”

“คนสมควรตายที่ใดกล้ามาทำลายต้นอ่อนของข้า?!” เสียงกราดเกรี้ยวดังมาจากข้างบ้าน

หลิวจิ่วจู๋เหลือบมองบ้านข้าง ๆ แวบหนึ่งพลางขมวดคิ้วมุ่น

“สมควรถูกเฉือนเป็นพัน ๆ ครั้งซะจริง! ต้นอ่อนของข้าตายหมดแล้ว แม้กระทั่งคำขอโทษยังไม่ได้รับ” เสียงนั้นยังคงด่าทอต่อไป

หลิวจิ่วจู๋นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

เมื่อวันก่อนนางจ้างช่างฝีมือมาซ่อมแซมกำแพงหลายคน หรือว่าผู้ที่ถูกป้าข้างบ้านตะโกนด่าจะเป็นนาง? เช่นนั้นย่อมต้องไปดูหน่อยแล้ว

ตอนนั้นหลิวจิ่วจู๋เตือนช่างให้ระมัดระวัง อย่าได้ขว้างหินไปข้างบ้าน อย่างไรเสียนางก็เพิ่งมาใหม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนบ้านดี ๆ และหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหา

วันรุ่งขึ้นหลังจากที่นางย้ายมาที่นี่ นางก็ซื้อผลไม้อบแห้งและขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปเยี่ยมบ้านข้าง ๆ แนะนำตัวว่าเพิ่งย้ายมาที่นี่ อาจมีเสียงรบกวนในช่วงสองสามวัน บ้านข้าง ๆ หลังนั้นไม่ได้เปิดประตู ได้ยินว่าไปเยี่ยมญาติ อย่างไรก็ตาม หญิงสาวยังคงเตือนช่างให้ระมัดระวังในการทำงาน อย่าได้ทำลายต้นไม้ที่บ้านข้าง ๆ ปลูก หรือทำให้บวบที่เลื้อยตามแนวกำแพงเสียหาย

หลิวจิ่วจู๋วางตัวเป่าลงแล้วกลับไปในบ้าน นางนำผลไม้อบแห้งกับของว่างที่เหลือออกมา หญิงสาวถือของไปให้บ้านข้าง ๆ แล้วเคาะประตู

“ผู้ใดน่ะ?” เสียงหมดความอดทนเสียงหนึ่งดังขึ้น

หลิวจิ่วจู๋ได้ยินก็รู้ทันทีว่าผู้ที่เปิดประตูเป็นป้าที่เพิ่งก่นด่าสาปแช่งคนเมื่อครู่

ประตูเปิดออก ใบหน้าดุร้ายใบหน้าหนึ่งโผล่ออกมา

“เจ้าเป็นผู้ใด” จางซื่อมองนางด้วยใบหน้าถมึงทึง

“ท่านป้า ข้าอาศัยอยู่บ้านข้าง ๆ นี้เอง” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ข้าเพิ่งมาใหม่จึงแวะมาทักทาย ข้ามาเมื่อสองวันก่อน ท่านป้าไม่อยู่บ้านจึงไม่มีโอกาสได้เจอ จริงสิ นี่เป็นของขวัญพบหน้า ท่านป้า ข้าเพิ่งย้ายมาที่นี่ บ้านเก่าเหลือเกิน ข้าใช้เวลาซ่อมแซมอยู่พักหนึ่ง บางทีอาจประมาทเลินเล่อระหว่างซ่อมแซมไปบ้างเลยทำให้ทุกคนต้องลำบากใจ ขอท่านป้าโปรดอภัย”

“ที่แท้เจ้าก็คือคนใหม่ที่ย้ายมาอยู่บ้านข้าง ๆ” จางซื่อรับของขวัญไปแล้วกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ผักของข้าตายไปไม่น้อย เจ้าจะชดใช้อย่างไร?”

“ข้าขอดูหน่อยได้หรือไม่?” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่านป้า เพียงแต่อยากข้ารู้ว่าเสียหายอย่างไรบ้าง ข้าทำสวนได้จึงอยากจะช่วยเหลือ”

“ไยข้าต้องให้เจ้าเข้าไปในบ้าน?” จางซื่อกล่าวเสียงเย็น “ผักข้าตายหมดแล้ว เจ้าจ่ายมาให้ข้าห้าสิบอีแปะ! ข้าจะไปซื้อต้นอ่อนเพิ่ม!”

หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เช่นนั้นให้ข้าไปช่วยท่านป้าปลูกใหม่เถอะ!”

“ไม่ต้อง ข้าปลูกเอง เจ้าเป็นแม่นางน้อยมาจากที่ใด เหตุใดอยากลอบเข้ามาในบ้านผู้อื่นอยู่เรื่อย? เจ้าคงไม่ใช่สตรีไม่รู้จักศีลธรรมกระมัง?”

ต่อให้หลิวจิ่วจู๋อารมณ์ดีเพียงใด ยามนี้นางก็โกรธขึ้นมาแล้ว

“ท่านป้าไม่ให้ข้าดู ข้าย่อมไม่รู้สถานการณ์ เช่นนั้นเรื่องชดใช้ข้าก็ไม่อาจตกลง หากท่านป้าเห็นว่าไม่สะดวกก็ลืมไปเสียเถอะ!” สิ้นคำ หลิวจิ่วจู๋ก็ฉวยเอาของขวัญกลับมาจากอ้อมแขนหญิงข้างบ้าน

ดวงตาของจางซื่อเบิกกว้าง

ของขวัญที่เมื่อครู่ยังอยู่ในอ้อมแขนนางกลับไปอยู่ในอ้อมแขนของหลิวจิ่วจู๋อีกครั้ง อีกฝ่ายหมุนกายเดินจากไปอย่างโกรธเคือง ไม่อ่อนโยนและช่างพูดอย่างตอนแรก

“จริงสิ บวบของท่านป้าเลื้อยข้ามกำแพงมาแล้ว หากมันออกผลทางฝั่งข้า เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นของข้าแล้วกัน” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ต้นไม้ของท่านเองก็โผล่พ้นกำแพงมาแล้วเช่นกัน ท่านป้าคิดหาทางจัดการเองเถอะ!”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท