ตอนที่ 210 ฝังดิน
ทหารกลุ่มหนึ่งไล่ตามมาล้อมรถม้าไว้
“หยุด!”
ยามเผชิญหน้ากับทหารท่าทางดุดัน สารถีกำบังเหียนไว้แน่น ไม่รู้ควรทำเช่นไรดี
หัวหน้ากลุ่มทหารกวาดตามองตัวรถม้าที่นิ่งเงียบทีหนึ่งเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ “คนข้างในออกมา!”
ครู่ต่อมาม่านประตูก็เลิกขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าของเสี่ยวเหลียน “คุณหนูเราอยู่ในรถ ขอเรียนถามว่าเกิดเรื่องอันใด”
หัวหน้ากลุ่มทหารมองสาวใช้ใบหน้างามทีหนึ่ง แล้วก็มองไปที่รถม้าอย่างสำรวจอีกทีหนึ่ง
รถม้าสีเขียวธรรมดา ไม่เห็นตราสัญลักษณ์ว่ามาจากจวนใด
หัวหน้ากลุ่มทหารตัดสินใจได้ว่าคนที่นั่งในรถม้ามิใช่ผู้สูงศักดิ์ใด ก็ประสานมือขอไปที “พวกข้าเป็นคนของผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวง รับคำสั่งให้ตามจับตัวนักโทษหนีคดี ขอคุณหนูลงจากรถให้ความร่วมมือด้วย”
ม่านรถม้าปล่อยลงไม่นานก็เลิกขึ้นอีก สาวใช้ที่ออกมาพูดก่อนหน้านี้เหยียบบันไดรถม้าลงมาก่อนจะหันไปประคองคุณหนูในรถลงมา
หัวหน้ากลุ่มทหารจ้องมองสาวน้อยที่ลงจากรถม้าเขม็ง เห็นการแต่งกายเรียบง่าย มีเพียงปิ่นทองที่เสียบอยู่บนมวยผมดำขลับก็ยิ่งวางใจ นั่งอยู่บนหลังม้าถามขึ้นว่า “คุณหนูได้พบหนุ่มน้อยผู้หนึ่งหรือไม่”
ซินโย่วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยสบตากับหัวหน้ากลุ่มทหาร “หนุ่มน้อยพบเห็นได้ทั่วไป ไม่ทราบว่านายท่านถามถึงลักษณะใด”
คำตอบเย็นเยียบทำให้หัวหน้ากลุ่มทหารขมวดคิ้วแน่น
เดิมเขาคิดว่าในรถม้าเป็นคุณหนูปกติทั่วไป พบกับเจ้าหน้าที่ทางการนั่งอยู่บนหลังม้ามือถือดาบ นางกลับไม่หวาดกลัวจนร่ำไห้ หากคุณหนูมีท่าทางหวาดกลัวจึงจะปกติ คิดไม่ถึงว่ามองพลาดไป
คำพูดนี้ ไม่แน่นอาจเป็นคนที่กล้าแอบซ่อนนักโทษจริงๆ
“เป็นชายหนุ่มในชุดซอมซ่อ รูปร่างปานกลาง ค่อนข้างผอม ใบหน้ากระจ่าง…”
ซินโย่วฟังหัวหน้ากลุ่มทหารพูดจบก็เอ่ยขออภัย “ขออภัย พวกเราเดินทางมาไม่เห็นคนเช่นนี้ ลุงซุน?”
ลุงซุนเป็นสารถี พออยู่ๆ ถูกถามก็รีบตอบรับว่า “ใช่ ไม่เห็น”
หัวหน้ากลุ่มทหารมองสีหน้าซินโย่วกับสารถี สุดท้ายมองไปทางรถม้าที่จอดสนิทข้างทาง พยักพเยิดให้ลูกน้องเอ่ยว่า “ไปดูในรถ”
เสี่ยวเหลียนสีหน้าแปรเปลี่ยน “ไม่ได้!”
หัวหน้ากลุ่มทหารมองไปทางสาวใช้ที่คล้ายดังเผชิญศัตรูใหญ่ ก็ส่งเสียงแค่นเยาะ “ทำไม หรือว่าในรถมีของที่ไม่อาจให้ผู้ใดพบเห็น หรือว่า…พวกเจ้าแอบซ่อนนักโทษไว้!”
เสี่ยวเหลียนรู้ว่าคุมสติตนเองไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสงสัยก็รู้สึกโมโหและตำหนิตนเอง ดีที่ติดตามซินโย่วมานาน ผ่านเรื่องราวมาไม่น้อย จึงตั้งสติได้รวดเร็ว “นายท่านอย่าได้เข้าใจผิด ในรถมีข้าวของของคุณหนูเราไม่น้อย พวกนายท่านล้วนเป็นผู้ชาย เกรงว่าจะไม่สะดวก …”
“ไม่สะดวก?” หัวหน้ากลุ่มทหารกุมด้ามดาบแน่น สีหน้าดำทะมึน
“เสี่ยวเหลียน เปิดม่านรถออก” ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนรับคำ เดินเข้าไปเลิกม่านรถม้าขึ้น
ในรถม้ามองปราดเดียวก็เห็นทั่ว ในนั้นมีหีบหลายใบยึดติดกับผนังรถ พร้อมกับโต๊ะอีกตัวหนึ่ง นอกจากนี้แล้วก็มีห่อผ้าใหญ่ห่อหนึ่ง ยังมีของต่างๆ เช่นถุงผ้าและพรมผืนบางที่แขวนอยู่ผนังรถ
หัวหน้ากลุ่มทหารกวาดตามองทีหนึ่ง ไม่เห็นที่หลบซ่อนคนได้ แต่ชายที่กำลังหลบหนีผู้นี้สำคัญมากจริงๆ แต่หากต้องพลาดจากร่องรอยนี้ไป เขาทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ
“ไปตรวจใต้ท้องรถ”
ไม่นานทหารนายหนึ่งก็ก้มตัวมุดเข้าไปตรวจสอบ เสี่ยวเหลียนเห็นดังนี้ก็รู้สึกหวาดกลัว
หากมิใช่เจ้าวานรนั่นพบว่าใต้ท้องรถมีคน พวกนางกระโดดลงล้างตัวในแม่น้ำฮวงโหก็คงล้างชื่อเสียงไม่สะอาด
“หัวหน้า ไม่มีขอรับ”
“รบกวนแล้ว”
หัวหน้ากลุ่มทหารกวาดตามองตัวรถอีกทีหนึ่ง ก่อนจะกระชากบังเหียนเตรียมจะจากไป แต่ก็พลันชะงักมองไปยังห่อผ้าที่ตกอยู่ที่พื้น “ในห่อผ้ามีอันใด”
ขนาดของห่อผ้าย่อมมิอาจแอบซ่อนผู้ชายคนหนึ่งได้ แต่มองดูก็รู้สึกว่ามีความแปลกบางอย่างที่ไม่อาจบรรยาย
เสี่ยวเหลียนกัดฟันแน่น เคร่งเครียดจนมือสั่น
ซินโย่วตอบกลับอย่างสงบนิ่งว่า “เป็นเพียงแค่เสื้อผ้าที่ข้าเปลี่ยนแล้วเท่านั้น”
ไม่รอให้หัวหน้ากลุ่มทหารเอ่ยปาก นางก็เดินเข้าไป หยิบตั๋วแลกเงินใบหนึ่งออกจากถุงเงิน “ของใช้แล้วของผู้หญิงไม่สะดวกให้คนนอกดู ขอนายท่านเข้าใจ ทำให้นายท่านเสียเวลาแล้ว ขออภัยจริงๆ ไว้นายท่านเสร็จงานก็ไปซื้อดื่มสุรากัน”
หัวหน้ากลุ่มทหารก้มลงมอง สีหน้าที่มองซินโย่วแปลกใจอยู่บ้าง “คุณหนูใจกว้างจริง”
คุณหนูอายุน้อยๆ แจกทีถึงกับเป็นตั๋วแลกเงินห้าสิบตำลึง
ซินโย่วส่งสายตาให้เสี่ยวเหลียน อยู่ด้วยกันมานานเพียงนี้ สองนายบ่าวใจสื่อถึงกันนานแล้ว เสี่ยวเหลียนส่งเสียงดังขึ้น “จะมีอันใดกัน คุณหนูเรายังบริจาคห้าหมื่นตำลึงให้ผู้ประสบภัยติ้งเป่ย!”
หัวหน้ากลุ่มทหารสีหน้าตกใจ แววตาที่มองซินโย่วก็เปลี่ยนไป “เจ้าคือคุณหนูโค่ว?”
ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวง ยังมีหลายคนไม่เคยพบคุณหนูโค่ว แต่คนไม่เคยได้ยินเรื่องคุณหนูโค่วกลับไม่มาก
ซินโย่วพยักหน้ายอมรับ
“รบกวนแล้ว” หัวหน้ากลุ่มทหารประสานมือ ความคิดประสงค์ร้ายเดิมตอนเห็นตั๋วแลกเงินห้าสิบตำลึงก็พลันหายไป ยามนี้รีบขี่ม้านำลูกน้องจากไปทันที
คุณหนูโค่วปรากฎรายชื่อต่อเบื้องพระพักตร์ ล่วงเกินนางไม่คุ้ม
ซินโย่วมองกลุ่มคนจากไปไกลแล้ว แววตาก็เย็นเยียบ
ลูกน้องผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงเหล่านี้ ดูท่าทางการทำงานแล้วก็ไม่เท่าไร ตอนที่หัวหน้ากลุ่มเห็นตั๋วแลกเงิน สีหน้าก็แสดงความคิดชิงทรัพย์อย่างชัดเจน ทำให้นางส่งสายตาบอกให้เสี่ยวเหลียนแสดงสถานะนาง
กลับถึงบนรถ เสี่ยวเหลียนก็มีสีหน้าสำนึกผิด “ล้วนเพราะบ่าวไม่ดี ไม่อาจระงับท่าทีให้นิ่งได้ จึงทำให้ทหารพวกนั้นสงสัย”
“อย่าคิดมาก เจ้าเคร่งเครียดก็เป็นเรื่องปกติ”
ในห่อผ้าแท้จริงก็คือกระดูกของโค่วชิงชิง อย่าว่าแต่เสี่ยวเหลียนเคร่งเครียด นางเองก็ไม่อาจเสี่ยงปล่อยให้ทหารพวกนั้นเปิดออก จึงได้ยอมเผยทรัพย์สินขับไล่พวกเขาไป
“ชายหนุ่มผู้นั้นแท้จริงเป็นใครกันแน่น เกือบถูกเขาพาเอาเดือดร้อนไปด้วย!” เสี่ยวเหลียนคิดถึงผลจากการที่ห่อผ้าถูกเปิดออกแล้วก็อดโมโหไม่ได้
“บางที…อาจเป็นคนน่าสงสาร”
หากไม่ได้พบกับทหารบนเส้นทางหลวงพวกนั้น ซินโย่วยังไม่คิดเช่นนี้ แต่ตอนนี้มีภาพจำที่ไม่ดีต่อทหารพวกนั้น จึงอดคาดเดาเช่นนี้ไม่ได้
แต่เรื่องนี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นมารวดเร็วแล้วก็ผ่านไป จากนั้นรถม้าก็เบนเข็มไปทางโรงบ้านแห่งหนึ่ง
โรงบ้านแห่งนี้เป็นของโค่วชิงชิง หนึ่งในกิจการที่ซินโย่วยึดกลับคืนมา นำโค่วชิงชิงมาฝังที่นี่เป็นข้อเสนอของเสี่ยวเหลียน
จวนรองเจ้ากรมมิใช่บ้าน บ้านที่เคยอยู่ไม่อาจกลับไปได้อีก ฝังที่นี่นับว่าเป็นบ้านครึ่งหนึ่ง
ในอาณาเขตโรงบ้านมีเนินเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง ซินโย่วสั่งให้คนขุดหลุมและเตรียมโลงศพไว้แล้ว การฝังโค่วชิงชิงจากนี้เป็นหน้าที่ของนางกับเสี่ยวเหลียนแล้ว
หนึ่งชั่วยามกว่าผ่านไป หลุบศพใหม่ก็ปรากฏขึ้น เสี่ยวเหลียนคุกเข่าเผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่หน้าหลุมศพ
เทศกาลเชงเม้งเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน กระดาษเงินกระดาษทองที่เผาไหม้เป็นเถ้าถูกสายลมม้วนหอบพัดไปไกล
ฟ้ามืดค่ำลงอย่างไม่ทันรู้ตัว ซินโย่วย่อตัวลงตบไหล่เสี่ยวเหลียน “กลับกันเถอะ วันหน้าก็จะมาหาคุณหนูโค่วได้ตลอดเวลาแล้ว”
เสี่ยวเหลียนพยักหน้า โค่วชิงชิงฝังแล้วทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายลงมาก
ซินโย่วเองก็ปลดภาระลงไปหนึ่งอย่าง ก่อนกลับยังมองไปที่หลุมศพเดียวดายทีหนึ่ง ในใจแอบรับรองกับโค่วชิงชิงว่าขอให้คุ้มครองข้าให้ราบรื่น สมดังหวังแล้วจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า