ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 520 ปฏิเสธ(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 520 ปฏิเสธ(1)

ตอนที่ 520 ปฏิเสธ(1)

เดิมทีคังอันเหอคิดว่าเป็นเพราะฉินมู่หลานและเช่าเจิ้งเฟิงพูดอะไรบางอย่าง หล่อนจึงโดนสั่งย้ายออกจากโรงพยาบาลทหาร นึกไม่ถึงว่าจะเป็นฝีมือของอารองถูไคหัว หากเป็นแบบนี้ ความพยายามของหล่อนก็คงสูญเปล่า

ถูไคหัวเห็นสีหน้าสิ้นหวังของคังอันเหอ ก็ถอนหายใจ ก่อนจะพูด “เธอไปอยู่ที่โรงพยาบาลชุมชนเถอะ จะได้ประสบการณ์ดี ๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอจะย้ายมาที่โรงพยาบาลทหาร ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่าเธอมีความสามารถ แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนเธอยังมีคุณสมบัติไม่ถึง”

“อารองคะ หนู…”

คังอันเหออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็โดนถูไคหัวขัดจังหวะเสียก่อน

“เธอกับหมอฉินเคยมีเรื่องกันอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ทำให้หมอรู้สึกขุ่นเคืองอีก เธอคิดว่าจะอยู่รอดในโรงพยาบาลได้เหรอ เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลานจะไม่รู้ถึงความเป็นมาของข่าวลือที่เกิดขึ้นนี้”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คังอันเหอก็อ้าปากค้างพูดไม่ออก หล่อนรู้ว่าฉินมู่หลานคาดเดาได้ตั้งนานแล้ว แต่อารองจัดการเร็วมาก สุดท้ายก็ทำประกาศออกมา เรื่องนั้นจึงผ่านพ้นไป แต่ฉินมู่หลานก็ยังคงฝังใจเจ็บเรื่องนี้ เมื่อคิดได้แบบนี้ หล่อนจึงไม่พูดอะไรมากมาย ทำเพียงแค่พยักหน้า แล้วเอ่ย “อารอง หนูเข้าใจแล้วค่ะ”

แต่สุดท้ายก็ถามถึงถูเฉิงเสียงอีกครั้ง

“อารองคะ เฉิงเสียงจะกลับมาเมื่อไหร่คะ เรื่องนี้หนูจำเป็นต้องบอกเขาเหมือนกัน เดี๋ยวเขากลับมาแล้วจะไม่เจอหนู”

“วางใจ อีกไม่นานภารกิจของเขาก็จะจบลงแล้ว น่าจะกลับมาได้ทันก่อนที่เธอจะต้องไปโรงพยาบาลชุมชน”

คังอันเหอได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า หลังจากนั้นก็พูดกับถูไคหัวต่ออีกหน่อย แล้วจากไปเพียงลำพัง

เมื่อเห็นคังอันเหอไปแล้ว ถูไคหัวก็อดถอนหายใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพี่ใหญ่ทราบเรื่องเข้า แต่ไม่ว่าอย่างไร หลายปีที่ผ่านมานี้หลานชายและหลานสะใภ้ก็มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจริง ทำอะไรไม่ค่อยระมัดระวัง ครั้งนี้จึงถือเป็นการสั่งสอนบทเรียนให้กับพวกเขา

และระหว่างที่คังอันเหอกำลังเดินทางกลับ ก็ได้เจอกับคู่อริอย่างฉินมู่หลาน

เมื่อเห็นฉินมู่หลานกำลังสะพายกระเป๋าใบเล็ก และมีเซี่ยเจ๋อหลี่ยืนคอยจูงเด็กทั้งสองอยู่ข้าง ๆ หล่อนก็ได้แต่รู้สึกตื่นตานิดหน่อย

“บังเอิญจังนะคะหมอฉิน”

ฉินมู่หลานก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอคังอันเหอที่นี่ เพียงแต่ทั้งสองคนเข้ากันไม่ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว ดังนั้นฉินมู่หลานจึงขี้เกียจเกินกว่าจะเสแสร้งปั้นสีหน้า แค่ทักทายยังไม่อยากเสียด้วยซ้ำ

คังอันเหอเห็นใบหน้าที่เย็นชาของฉินมู่หลาน จิตใจจึงร้อนรุ่มเป็นไฟ

“ฉินมู่หลาน เธอนี่ยังมีความสามารถเหมือนเดิมเลยนะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ฉันก็เริ่มโชคร้าย ครั้งนี้ฉันอุตส่าห์ใช้ความพยายามย้ายมาประจำที่โรงพยาบาลทหารอย่างยากลำบาก แต่ตอนนี้มันก็กลับพังไม่เป็นท่า โดนสั่งย้ายไปอยู่โรงพยาบาลชุมชน สาแก่ใจเธอแล้วใช่ไหมล่ะ”

เมื่อพูดจบ คังอันเหอก็ไม่รอให้ฉินมู่หลานได้ตอบโต้อะไร ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป

เฝ้ามองแผ่นหลังของคังอันเหอที่เดินจากไป ฉินมู่หลานก็หัวเราะขึ้นด้วยความโกรธ

“นี่หล่อนสมองพิการเหรอ จะกี่ครั้งก็เป็นตัวหล่อนเองนั่นแหละที่สร้างปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังไม่รู้เลยว่าทำไมหล่อนถึงโดนสั่งย้าย”

เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ขมวดคิ้วพลางเหลือบมองคังอันเหอที่กำลังเดินจากไปเช่นกัน จากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานแล้วกล่าวขึ้นว่า “มู่หลาน อย่าไปสนใจคนแบบนั้นเลย”

ฉินมู่หลานก็ไม่ได้อยากสนใจอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เธอก็อยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย “อาหลี่ คุณได้ข่าวอะไรมาบ้างหรือยัง ทำไมอยู่ ๆ คังอันเหอถึงโดนสั่งย้ายออกจากโรงพยาบาลทหารกะทันหัน เป็นเพราะหมอเช่าหรือเปล่าคะ?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ผมได้ยินมาว่าเป็นท่าน ผบ. ลงมือเอง คังอันเหอจึงโดนสั่งย้ายไป”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

เธอรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยกับวิธีการของถูไคหัว ไม่เพียงแต่ถูเฉิงเสียงเท่านั้นที่ถูกลงโทษ แต่ตอนนี้กลับสั่งย้ายคังอันเหอด้วย ต่อหน้ากลับไม่อยากให้ทุกคนรู้ แต่ก็คอยแอบจัดการอยู่เบื้องหลังทั้งหมด

จากนั้นทั้งสองก็ไม่คุยเรื่องนี้ต่อแล้ว และเดินไปที่ประตูใหญ่แทน

“มู่หลาน หลังจากคุณกลับไปครั้งนี้อย่าเพิ่งกลับมานะ ท้องคุณโตขนาดนี้แล้ว คอยดูแลลูกทั้งสองก็คงไม่ค่อยสะดวกนัก เดี๋ยวช่วงที่ผมว่างจะกลับไปหาพวกคุณที่บ้านเอง”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ค่ะ”

เหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงรออยู่ข้างนอกแล้ว เมื่อเห็นพวกฉินมู่หลานออกมา ก็รีบก้าวเดินเข้ามาเพื่อรับเด็กทั้งสอง จากนั้นก็คุ้มกันพวกฉินมู่หลานกลับไปที่บ้าน

เซี่ยเจ๋อหลี่เฝ้ามองภรรยาและลูก ๆ จากไป จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับ แต่ไม่เท่าไรก็โดนทางฝั่งถูไคหัวเรียกตัวไป

ถูไคหัวมองเซี่ยเจ๋อหลี่ผู้มีหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้า เมื่อนึกไปถึงว่าเขามาถึงจุดนี้ด้วยความสามารถของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีภรรยาที่เก่งกาจเช่นนั้นอีก จึงอดพูดไม่ได้ “อาหลี่เอ๊ย นายกับภรรยาเป็นคู่ครองที่ยอดเยี่ยมมาก”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่คาดคิดว่าถูไคหัวจะพูดเรื่องนี้กับตัวเอง หากเพียงแค่ชมเชยเขา เขาอาจจะตอบกลับเพียงไม่กี่คำ แต่เมื่อชมมู่หลาน เขากลับตอบรับเต็มที่ “ใช่ครับ มู่หลานยอดเยี่ยมมาก ผมหาภรรยาแบบนี้ได้ ช่างเป็นโชคของผมจริง ๆ ครับ”

เมื่อได้ยินเซี่ยเจ๋อหลี่พูดแบบนี้ ถูไคหัวก็ปรายตามองเขาอีกครั้ง

หลายคนค่อนข้างถ่อมตัว ถึงแม้ว่าจะได้รับคำชมก็ล้วนส่ายหัวปฏิเสธทั้งนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่ถูไคหัวจะเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่พูดแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา “ดูเหมือนว่านายกับภรรยาจะรักกันดีนะ ดีๆๆ ต่อไปก็ใช้ชีวิตทุกวันกันอย่างมีความสุขกันนะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานและเด็ก ๆ ทั้งสองคนกลับถึงบ้าน ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็รู้สึกมีความสุข

“มู่หลาน ชิงชิง เฉินเฉิน ในที่สุดทุกคนก็กลับมากันแล้ว”

ถึงแม้ว่ามู่หลานและเด็กทั้งสองคนจะออกไปข้างนอกเพียงสองวันเท่านั้น แต่พวกเขากลับรู้สึกเวลาช่างเนิ่นนาน แม้แต่ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ใช่แล้ว ต่อไปชิงชิงกับเฉินเฉินอยู่แค่ที่บ้านเถอะ อาหลี่ยุ่งขนาดนั้น ต่อให้ไปหาก็ไม่มีเวลาอยู่กับพวกเด็ก ๆ หรอก”

แต่ถึงอย่างนั้นชิงชิงและเฉินเฉินก็เล่าเรื่องที่เล่นกับปะป๊าด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว

เมื่อได้ยินเด็กทั้งสองเล่า คนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะพากันหัวเราะ “อย่างที่คิดเอาไว้เลยว่าเด็ก ๆ ผูกพันกับพ่อแม่ อาหลี่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเด็ก ๆ เท่าพวกเรา แต่พวกเขาก็ยังชอบเล่นกับปะป๊า”

ถึงแม้ว่าทั้งสองจะยังเด็ก แต่ก็ยังรู้จักปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน “คุณปู่~ คุณย่า~ คุณตา~ คุณยาย~ชอบนะครับ/คะ”

เมื่อได้ยินเด็กทั้งสองพูดแบบนี้ เหยาจิ้งจือและพวกซูหว่านอี๋ก็อดหัวเราะขึ้นเสียไม่ได้

ฉินเคอวั่งที่อยู่ข้าง ๆ จึงรีบทักท้วงขึ้นทันที “แล้วกับน้าล่ะ?”

“ชอบ…”

หลังจากเด็กทั้งสองกลับมา ในบ้านก็มีชีวิตชีวาขึ้นทันที ฉินมู่หลานที่เห็นว่าทั้งสองเริ่มหาว จึงพาพวกเขาไปนอนพักผ่อนก่อน

ซูหว่านอี๋เห็นแบบนี้จึงรีบบอกกล่าว “มู่หลาน เดี๋ยวพวกแม่พาเด็ก ๆ ไปนอนเอง ลูกก็ไปงีบสักหน่อยเถอะ”

“ค่ะ”

สองวันที่ผ่านมาฉินมู่หลานรู้สึกพักผ่อนได้ไม่ค่อยเต็มที่ จึงพยักหน้าแล้วกล่าว “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูขอไปงีบสักหน่อย”

เมื่อตื่นขึ้นมาหลังจากงีบ ฉินมู่หลานก็รู้สึกดีขึ้นมาก เด็กทั้งสองคนก็ตื่นแล้วเหมือนกันและวิ่งเล่นอยู่ในลานบ้านตั้งนานแล้ว ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังนั่งลงดื่มน้ำ ข่งไฉ่อิงก็มาหา

“มู่หลาน ดีจังเลยที่เธออยู่บ้าน”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ไปอยู่ที่ของตัวเองเถอะค่ะหมอคัง อย่ามาปล่อยพลังลบให้คนอื่นเลย รักษาตัวเองก่อนนะ

เด็กๆ เป็นสีสันของบ้านจริงๆ นะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท