ตอนที่ 522 ความรู้สึกมากมาย(1)
ตอนที่ 522 ความรู้สึกมากมาย(1)
ถูเฉิงเสียงก็เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เหมือนกัน
ทันทีที่กลับมาเขาก็ได้ฟังสิ่งที่ภรรยาเล่า จึงทราบว่าคังอันเหอโดนสั่งย้ายไปอยู่โรงพยาบาลชุมชนแล้ว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดสงสัยเซี่ยเจ๋อหลี่และภรรยา อารองก็ได้อธิบายทุกอย่างกับเขา ขณะเดียวกันก็ได้บอกเหตุผลมากมายที่อยู่ในใจกับเขา
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ความสัมพันธ์ของเขากับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ใช่ว่าจะดี
ถูเฉิงเสียงจ้องมองเซี่ยเจ๋อหลี่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ละสายตาจากไป
เซี่ยเจ๋อหลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าถูเฉิงเสียงจะทำภารกิจเสร็จและกลับมาแล้ว ครั้งนี้ทั้งสองต้องไปทำภารกิจเดียวกัน เพียงแต่ครั้งนี้พวกเขาจะไปที่มณฑลกว่างซี และเขาก็ไม่ได้สนใจถูเฉิงเสียงมากนัก ได้แต่หวังว่าภารกิจในครั้งนี้จะสำเร็จ
เมื่อถึงเวลาเรียกรวมพล เซี่ยเจ๋อหลี่ ถูเฉิงเสียง เฉาเจิ้งหนานและคนอื่น ๆ ก็ออกเดินทางลงใต้ มุ่งตรงสู่มณฑลกว่างซี
สงครามที่เพิ่งจบลงเมื่อต้นปีนี้ ทำให้ฝ่ายเขาเกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างมาก ตอนนี้ยังมีสหายร่วมรบอีกมากมายที่ต้องเป็นตัวประกันของทางฝ่ายตรงข้าม และในครั้งนี้พวกเขามีภารกิจเข้าไปแลกเปลี่ยนตัวประกันที่มณฑลกว่างซี ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี
เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่น ๆ มาถึง ก็มีคนมารอรับพวกเขาแล้ว
คนที่มารับพวกเขาคือผู้รับผิดชอบภารกิจแลกเปลี่ยนตัวประกันในครั้งนี้ “พรุ่งนี้จะเป็นวันแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ ถึงเวลาพวกเราจะตรงไปที่ด่านโหย่วอี้กวน แลกเปลี่ยนตัวประกันกลับมา”
“ครับ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ ถูเฉิงเสียงรวมถึงคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าจริงจัง
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่น ๆ ก็ไปที่ด่านโหย่วอี้กวนด้วยกัน วันนี้เป็นการแลกเปลี่ยนครั้งแรก หลังจากที่ทุกคนแลกเปลี่ยนกันเรียบร้อยจึงแยกย้ายกันกลับไปทีละคน เพียงแต่เมื่อเห็นสหายร่วมรบมีรอยแผลกลับมาทั่วตัว สีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่จึงเยือกเย็นขึ้นอย่างมาก
แม้แต่ถูเฉิงเสียงก็อดพูดด้วยความขมขื่นไม่ได้ “ทำเกินไปแล้ว พวกเราดูแลคนของพวกมันเป็นอย่างดี ทางอันหนานปฏิบัติกับคนของเราแบบนี้ยังไงกัน ดูอาการบาดเจ็บของพวกเขาสิ พวกเขาดูทรมานมากเลย”
ผู้รับผิดชอบภารกิจอย่างเหลยหยวนก็รู้สึกโกรธไม่แพ้กัน แต่สงครามจบไปตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้ว พวกเขายังมีสหายร่วมรบมากมายที่ยังอยู่ในมือของฝ่ายนั้น ตอนนี้จึงยากที่จะลงมือทำอะไร
“ผบ.เหลย พวกเราจะปล่อยมันไปเหรอครับ”
ถูเฉิงเสียงได้แต่รู้สึกทนไม่ไหว อย่างที่ทราบกันว่าพวกตัวประกันของฝั่งตรงข้ามไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเลยสักนิด โดยเฉพาะพวกทหารหญิงนั่นอยู่ที่นี่ได้อย่างอิสระ ประหนึ่งแค่มาเยี่ยมญาติ แต่คนของพวกเขาล่ะ สิ่งที่ได้รับคือการทุบตีและการดูหมิ่น จากคำพูดของสหายร่วมรบที่เพิ่งกลับมา พวกเขายังได้ทราบบางอย่างเพิ่มเติมอีกด้วย
ตอนที่สหายร่วมรบได้รับบาดเจ็บจนขาเดินไม่ได้ คนอันหนานก็เพียงแค่ฆ่าคนพวกนั้นแล้วทิ้งพวกเขาไว้ข้างถนน ส่วนสหายร่วมรบที่ยังมีแขนขาสมบูรณ์ ก็จะโดนลากไปร่วมขวบนแห่ เพื่อให้ประชากรอันหนานได้ชื่นชม “ผลลัพธ์” ของพวกเขา
อย่าว่าแต่ถูเฉิงเสียงเลย แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรออกมายังแสดงสีหน้าโกรธจัด
“ไม่ได้ ยังไงฉันก็ทนไม่ได้”
ถูเฉิงเสียงพูดแล้วก็เดินไปข้างหลัง ที่นั่นมีตัวประกันของทางอันหนานอยู่ไม่น้อย มีหลายคนที่เดินไปกับเขา ไม่นานก็มีเสียงต่อย เตะ และเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
เหลยหยวนทราบอยู่แล้วว่าถูเฉิงเสียงเป็นหลานชายของถูไคหัว เขาเห็นแบบนี้จึงไม่พูดอะไร “ถูเฉิงเสียงนี่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเลยจริง ๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ ถึงตอนนั้นภารกิจครั้งนี้คงไม่มีทางสำเร็จแน่”
เซี่ยเจอหลี่ไม่มีคำพูดใด จนกระทั่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดเงียบลง เขาก็เปิดปากขึ้น “ขออภัยครับ ผบ.เหลย พวกเราประมาทเกินไป เดี๋ยวผมจะไปตามคนออกมาเองครับ” พูดจบเขาก็เดินไปทางด้านหลัง
คนอื่น ๆ ที่เฝ้าอยู่ตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นแบบนี้
“เด็กนั่นไม่ได้พูดช้าไปใช่ไหม นี่เหมือนกับว่าเห็นคนกำลังโดนทุบตีอยู่ข้างใน แต่ก็จงใจเดินไปห้ามช้า ๆ เดี๋ยวพอเขาไปถึง คนข้างในก็โดนทุบตีหมดแล้ว”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็รู้สึกพอใจเช่นกัน ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามทำเกินไปจริง ๆ
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่เข้าไปข้างใน คว้ามือของถูเฉิงเสียงทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เอาเถอะ พอแล้ว เดี๋ยวเราจะต้องส่งตัวมันออกไปต่ออีกนะ”
“ปล่อยมือ”
ถูเฉิงเสียงเหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยความโกรธ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นายไม่โกรธไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะต้องไม่โกรธด้วย ยังไงฉันก็ทนไม่ได้ที่พวกมันทำกับสหายร่วมรบของเราแบบนี้”
“ฉันเองก็โกรธเหมือนกัน แต่ตอนนี้เราต้องมองสถานการณ์โดยรวม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถูเฉิงเสียงก็แค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ย “นายโกรธจริงเหรอ ทำไมฉันดูไม่ออกเลยนะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าถูเฉิงเสียงไม่ยอมฟังกันเลย จึงขมวดคิ้วนิดหน่อย ขณะที่กำลังจะดึงคนออกไป เหลยหยวนก็เข้ามาแล้ว “พอแล้ว แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วล่ะ”
เมื่อเห็นเหลยหยวนพูดแบบนั้น ถูเฉิงเสียงจึงหยุดมือ
การแลกเปลี่ยนตัวประกันครั้งแรกเป็นไปอย่างราบรื่น เซี่ยเจ๋อหลี่ ถูเฉิงเสียงและคนอื่น ๆ อยู่ต่อเพื่อทำการแลกเปลี่ยนในครั้งที่สอง ขณะที่พวกเขาอยู่ที่นี่ก็ได้ทราบเรื่องหลายเรื่องในช่วงสงคราม ซ้ำยังเห็นว่ามีหลุมศพของผู้พลีชีพอยู่มากมาย
สงครามกับทางอันหนานในครั้งนี้ ถือเป็นสงครามกับต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทางฝ่ายพวกเขาสูญเสียไปเยอะมาก
ถูเฉิงเสียงและเฉาเจิ้งหนานรวมถึงคนอื่น ๆ เคยผ่านภารกิจมาไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาเผชิญหน้าด่านสงคราม ดังนั้นอารมณ์จึงหนักหน่วงและซับซ้อนมาก แต่เซี่ยเจ๋อหลี่มีประสบการณ์มากกว่านิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้น อารมณ์ของเขาในตอนนี้ก็หนักหน่วงมากเช่นกัน มีสงครามย่อมมีการเสียสละ สหายร่วมรบผู้สละชีวิตมิอาจย้อนคืนมาได้อีกแล้ว
ทางฝั่งเซี่ยเจ๋อหลี่เต็มไปด้วยอารมณ์แสนหนักหน่วง
ส่วนทางด้านปักกิ่งนั้น ฉินมู่หลานไม่ทราบว่าครั้งนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ไปทำภารกิจอะไร ช่วงนี้เธอไปเรียนทุกวันและกลับมาบ้านช่วงบ่ายสองตลอดเป็นประจำทุกวัน จนกระทั่งวันศุกร์หลังจากกลับถึงหอพักในช่วงเที่ยง ก็หาโอกาสเชิญเกาซุนชิว ขณะเดียวกันก็ให้พาเกาเชี่ยนเชี่ยนและเกาอวิ๋นเซียวมาด้วย
“ครั้งก่อนรู้สึกขอบคุณพวกเธอมาก ครั้งนี้ก็เลยอยากเลี้ยงข้าวพวกเธอสามคนน่ะ”
เกาซุนชิวได้ยินแบบนี้ ก็บอกกล่าวทั้งรอยยิ้ม “ได้สิ ถึงเวลาเดี๋ยวพวกเราจะไปหาพรุ่งนี้นะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เกาซุนชิวก็พาเกาเชี่ยนเชี่ยนและเกาอวิ๋นเซียวไปหาฉินมู่หลานที่บ้านก่อนเวลา
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าพวกเขาจะมากันเร็วขนาดนี้ จึงรีบเชิญพวกเขาเข้ามานั่งข้างในพร้อมรอยยิ้ม
ฉินเคอวั่งก็ทราบแล้วว่าพี่สาวเชิญสามพี่น้องตระกูลเกามา วันนี้เขาจึงไม่ได้ออกไปข้างนอก อยู่บ้านคอยต้อนรับแขกด้วยกัน
เมื่อเกาเชี่ยนเชี่ยนเห็นฉินเคอวั่ง ก็รีบยกยิ้มแล้วเอ่ยถามทันที “ฉินเคอวั่ง ช่วงสุดสัปดาห์นี้นายทำอะไรเหรอ?”
ฉินเคอวั่งเปิดปากกล่าวตามตรง “ปกติแล้วช่วงสุดสัปดาห์ฉันไม่อยู่บ้านหรอก แต่วันนี้เห็นว่าพวกเธอมา ก็เลยอยู่ต้อนรับพวกเธอโดยเฉพาะ”
เกาเชี่ยนเชี่ยนได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกเกรงใจนิดหน่อย ที่แท้การมาของพวกเขาก็มีผลต่อฉินเคอวั่งด้วย
หลังจากฉินเคอวั่งทราบก็รีบโบกมือทันทีก่อนจะกล่าวว่า “ไม่เป็นไร จริง ๆ แล้ววันนี้อาจารย์ฉันก็ยุ่งเหมือนกัน ไม่ได้ตั้งใจจะออกไปข้างนอกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“อาจารย์เหรอ?”
เกาเชี่ยนเชี่ยนได้ยินแบบนี้ ก็หันมองฉินเคอวั่งด้วยความสับสนก่อนจะเอ่ยถาม “อาจารย์คนไหน?” เธอยังคิดว่าเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย
“คนนี้เธอไม่รู้จักหรอก”
พอเขากล่าวแบบนี้ เกาเชี่ยนเชี่ยนก็เหมือนจะยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
เกาอวิ๋นเซียวเห็นว่าน้องสาวกำลังคุยกับฉินเคอวั่ง ก็มองหล่อนอย่างไม่พอใจ ได้แต่รู้สึกว่าหล่อนช่างไร้อนาคต ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ ปฏิเสธหล่อนไปแล้ว แต่ตอนนี้หล่อนยังคุยกับเขาเยอะขนาดนั้นอีก เพียงแต่ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะเอ่ยตักเตือน จึงทำได้แค่นั่งบูดบึ้งอยู่เพียงลำพัง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ภาพสงครามมันน่าหดหู่จริงๆ แหละ หวังว่าพี่หลี่จะไม่เก็บความรู้สึกหดหู่กลับมานะคะ
เอ้า คุยกันเยอะก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันได้นี่ ใช่ว่าจะต้องเป็นความสัมพันธ์ชายหญิงสักหน่อย เปิดใจบ้างไอ้หนุ่มหวงน้องสาว
ไหหม่า(海馬)