บทที่ 545 แผนซ้อนแผน
เผยยวนพยักหน้ารับรู้ “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น”
อย่างไรเสียมู่หรงเจี๋ยก็เป็นผู้ชาย การจะให้ผู้หญิงของตัวเองไล่ตามผู้ชายคนอื่นและเสนอตัวหลับนอนด้วยเช่นนี้ เขาคงไม่สามารถทำได้เป็นแน่
มู่หรงจาวก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ข้ารู้ว่าด้วยนิสัยของท่านอ๋อง หากไม่ใช่เพื่อสร้างพันธมิตร เกรงว่าองค์หญิงจินฮวาคงตายไปแล้ว”
นิสัยของเผยยวนกับจี้จือฮวน มู่หรงจาวจะไม่รู้ได้อย่างไร
เผยยวนได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
มู่หรงจาวจึงพูดต่อ “ผู้น้อยมีเรื่องอยากจะเสนอแนะ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะคิดเช่นไร หากไม่ดีท่านอ๋องก็คิดเสียว่าผู้น้อยพูดเหลวไหลก็ได้เจ้าค่ะ”
เผยยวนจึงเอ่ยขึ้นว่า “ลองพูดมา”
มู่หรงจาวมองไปรอบ ๆ จากนั้นจึงได้ขยับเข้าไปใกล้ และพูดเสียงเบากับเผยยวน “การที่ท่านอ๋องกับพี่ใหญ่ข้าเป็นพันธมิตรกัน ความจริงแล้วพี่ใหญ่ข้าก็ต้องรับความเสี่ยงที่จะเป็นการล่วงเกินเมืองหลวง และอาจจะต้องละทิ้งดินแดนผืนนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงมีความกังวลอยู่ ความหมายของผู้น้อยก็คือ ในเมื่อซือถูรุ่ยอยู่ในมือท่านอ๋องแล้ว เหตุใดเราไม่จัดฉากขึ้นมาเล่าเจ้าคะ?”
เผยยวนมองหน้านาง “ความหมายของเจ้าก็คือ…”
ความจริงแล้วเขาก็พอจะเดาความคิดของนางได้คร่าว ๆ แล้ว เพียงแต่ยังไม่ปักใจเชื่อ
“ความหมายของผู้น้อยก็คือ ไม่สู้เราใช้แผนซ้อนแผน ตอนนี้นอกจากพวกเราแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าซือถูรุ่ยอยู่ที่ใด รู้แค่ว่าเขาออกจากเมืองเจว๋เฉิงไป เช่นนั้นพวกเราก็แค่จัดฉากขึ้นมา ให้ซือถูรุ่ยกับองค์หญิงจินฮวาลักลอบพบกันที่นอกเมือง จากนั้นองค์หญิงจินฮวาก็ตายด้วยน้ำมือของซือถูรุ่ย ดีหรือไม่เจ้าคะ ให้เผ่าถูกู่หุนกับเมืองเจว๋เฉิงแตกหักกัน ถึงเวลาก็ใช้ชื่อของท่านอ๋อง นำร่างขององค์หญิงส่งกลับไปที่เผ่าถูกู่หุนอย่างสมบูรณ์ และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ ยังได้จับตัวซือถูรุ่ยส่งให้พวกเขาด้วย”
เวลาที่ซือถูรุ่ยกับองค์หญิงจินฮวาหายตัวไปไล่เลี่ยกัน ดังนั้นขอเพียงพวกเขาให้การตรงกัน เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบแล้ว
วิธีการนี้ยังจะทำให้การที่มู่หรงเจี๋ยกับต้าจิ้นเป็นพันธมิตรกันดูสมเหตุสมผลด้วย เพราะการที่ซือถูรุ่ยสังหารองค์หญิงจินฮวา คิดว่าเขายังจะได้รับการช่วยเหลือจากนักรบเผ่าถูกู่หุนอีกอย่างนั้นหรือ นี่ไม่เท่ากับเป็นไปไม่ได้หรอกหรือ?
และการที่เผยยวนอยากจะสร้างไมตรีกับเผ่าถูกู่หุน นี่ก็เป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?
ชิงเหออ๋องโปรดปรานลูกสาวคนนี้มากที่สุด
หากนางตายกะทันหันละก็ เขาจะต้องเจ็บปวดราวกับจะขาดใจอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้นางกับท่านพี่ได้ขึ้นครองตำแหน่งสำคัญ
นี่ถือเป็นเรื่องที่จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
เผยยวนได้ยินดังนั้นก็มองมู่หรงจาวอย่างพิจารณา ทันใดนั้นก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดฮวนฮวนมักจะพูดว่า อย่าได้ดูถูกมู่หรงจาวผู้นี้
วันนี้เขาได้ประสบกับตัวเอง จึงเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว
นางเป็นคนเช่นนั้นจริง ๆ
มู่หรงจาวเอ่ยจบก็สบตากับเผยยวน ก่อนเอ่ยด้วยความกลัวว่า “หากท่านอ๋องคิดว่าวิธีการนี้ของผู้น้อยโหดเหี้ยมเกินไป จะไม่ใช้แผนนี้ก็ได้นะเจ้าคะ”
“ทำตามที่เจ้าว่าก็แล้วกัน”
เรื่องที่องค์หญิงจินฮวาผู้นั้นจะตายหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับเขากัน?
ชิงเหออ๋องผู้นั้นโหดเหี้ยมอย่างไร้ที่เปรียบ ส่วนลูกสาวของเขาก็มีนิสัยสำส่อน และมักจะฆ่าคนอื่นตามใจชอบ คนพวกนี้ตายไปก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย
มู่หรงจาวดีใจอย่างมาก “ท่านอ๋องวางใจได้เจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านอ๋องคงไม่อยากลดตัวลงไปจัดการกับผู้หญิงคนหนึ่ง ดังนั้นยกเรื่องนี้ให้ข้าจัดการเองดีกว่าเจ้าค่ะ”
เผยยวนมองดูนางเดินกลับไปที่กองไฟ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ภายหน้าหากกลับไปอยู่เผ่าถูกู่หุน และมีพี่ชายช่วยหนุน เกรงว่าวาสนาภายภาคหน้าคงไม่อาจประเมินได้
องค์หญิงจินฮวากำลังอารมณ์เสีย เดิมก็เห็นว่ามู่หรงจาวรกหูรกตาอยู่แล้ว มิหนำซ้ำนางยังเรียกเผยยวนออกไปคุยตามลำพัง ทั้งยังเข้าใกล้ได้เพียงนั้นนางก็ยิ่งไม่พอใจ
ทันทีที่เห็นมู่หรงจาวกลับมาก็อาละวาดทันที “เจ้า มานี่สิ”
มู่หรงจาวหลุบตาลง ย่อกายลงเล็กน้อย
‘เพียะ!’ องค์หญิงจินฮวาตบเข้าที่ใบหน้าของมู่หรงจาวทันที
“อาจาว!” มู่หรงเจี๋ยที่คิดมาตลอดทางว่าควรฆ่าหรือไม่ควรฆ่าองค์หญิงจินฮวาดี เมื่อเห็นว่านิสัยของนางไม่เคยเปลี่ยน แม้แต่น้องสาวของเขาที่เพิ่งกลับมาก็ยังทำร้ายได้ลงคอ จึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที!
“เจ้าเป็นห่วงนางอย่างนั้นหรือ!? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าไม่ชอบหน้านาง! มู่หรงเจี๋ย เจ้ามานี่เดี๋ยวนี้นะ” ผู้ชายคนนี้เป็นของนาง จะปล่อยให้มองผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไรกัน!
องค์หญิงจินฮวาวางอำนาจจนเคยตัว จึงไม่สามารถยอมรับได้เมื่อมู่หรงเจี๋ยไม่สนใจนางเช่นนี้
ทว่าตั้งแต่เด็กมู่หรงจาวก็ถูกคนตบตี เหยียดหยามจนชินชาเสียแล้ว องค์หญิงจินฮวาตบแค่นี้จะเป็นอะไรไป เพราะเรื่องที่อัปยศยิ่งกว่านี้นางก็เคยเจอมาหมดแล้ว
มู่หรงจาวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “องค์หญิงตบได้ดี นี่เป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ”
องค์หญิงจินฮวาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกพอใจ ขณะเดียวกันก็มองนางด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “คนชั้นต่ำก็คือคนชั้นต่ำ ถูกคนตบยังจะบอกว่าตบได้ดีอีกอย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงเจี๋ยโมโหจนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว “เจ้าหุบปากซะ!”
ปกติเวลาอยู่บนเตียง องค์หญิงจินฮวาผู้นี้ก็ไม่ได้วางมาดอะไร ทว่าเมื่อถูกมู่หรงเจี๋ยตะคอกเช่นนี้ นางก็ไม่สนใจเผยยวนอีก “มู่หรงเจี๋ย เจ้ากล้าตะคอกข้าเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่นอย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงจาวดึงมู่หรงเจี๋ยเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “ท่านพี่ ข้าไม่เป็นอะไร องค์หญิงขาเจ็บอยู่ พานางเข้าไปพักผ่อนในถ้ำก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
เอ่ยจบนางก็มองไปทางเผยยวนที่เดินเข้ามา “ท่านอ๋องไม่ถือสาใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เผยยวนรู้ว่านางคงจะลงมือคืนนี้เป็นแน่ เพราะศึกเมืองเจว๋เฉิงไม่อาจล่าช้าได้ ดังนั้นนางจึงต้องรีบหาข้ออ้างที่ชอบธรรมให้กับพี่ชายของนางและตัวนางเอง
เผยยวนจึงพยักหน้าให้ องค์หญิงจินฮวาผู้นั้นเห็นทุกคนยอมลงให้แล้ว จึงสั่งให้มู่หรงเจี๋ยอุ้มนางเข้าไปในถ้ำด้วยความพอใจ
“มัวยืนอึ้งอยู่ทำไมกัน ไม่มาอุ้มข้าเข้าไปเล่า!”
มู่หรงเจี๋ยเองก็รู้แผนการของน้องสาวดี ขณะที่อุ้มองค์หญิงจินฮวาเข้าไปในถ้ำจึงไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนที่ผ่านมาอีก
แต่องค์หญิงจินฮวากลับไม่รู้เลยว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา ยังคงร้องตะโกนเดี๋ยวก็บอกว่าหิว เดี๋ยวก็บอกว่าต้องการจะพบเผยยวน
“เหตุใดเนี่ยเจิ้งอ๋องถึงไม่เข้ามานอนด้วยกันเล่า? ด้านนอกอากาศเย็น อยู่ในถ้ำอบอุ่นกว่าตั้งเยอะ
มู่หรงเจี๋ย เจ้าชักสีหน้าใส่ผู้ใดกัน?
น้องสาวของเจ้าคิดจะแย่งผู้ชายกับข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้เลยนะ ข้าเกลียดผู้หญิงอื่นที่สุด”
หลิวเฟิงที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้น ก็รู้สึกรำคาญจึงเตะต้นไม้ไปหนึ่งที “ท่านอ๋อง พวกเราลำบากแทบแย่กว่าจะหาถ้ำเจอ เหตุใดต้องยกให้นางด้วยขอรับ ให้นางหนาวตายก็ดีแล้ว”
เผยยวนจึงพูดขึ้นมา “เก็บของให้เรียบร้อย อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะไปแล้ว”
ทุกคนก็ไม่อยากอยู่ต่ออีกแล้ว ยอมอดนอนยังดีกว่าต้องมาทนฟังเสียงของผู้หญิงคนนี้
“หากพวกเราออกเดินทางคืนนี้ แม่นางมู่หรงจะไม่ถูกองค์หญิงผู้นั้นฆ่าตายหรือขอรับ?” หลิวเฟิงเห็นมู่หรงจาวเป็นพวกเดียวกันแล้ว ย่อมเป็นกังวลไปด้วย
เผยยวนส่ายหน้า “วางใจเถอะ นางไม่เป็นอะไรหรอก”
เรื่องที่เหลือเป็นเรื่องภายในเผ่าถูกู่หุนของพวกเขา ดังนั้นเผยยวนจึงไม่อยากจะสอดมือเข้าไปยุ่ง
องครักษ์ที่องค์หญิงจินฮวาพามาถูกคนของมู่หรงเจี๋ยกันให้ออกไปอยู่ด้านนอกนานแล้ว เมื่อองค์หญิงจินฮวาได้ยินเสียงฝีเท้าม้า จึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้น “เสียงอะไร เนี่ยเจิ้งอ๋องไปแล้วใช่หรือไม่ ไป! รีบไปตามคนกลับมาให้ข้า”
ตอนนั้นเอง มู่หรงจาวก็ยกชามไม้เดินเข้ามา ในชามใบนั้นมียาพิษที่ไป๋จิ่นมอบให้นางไว้ป้องกันตัวอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ใช้มันเร็วเพียงนี้
“เจ้าเข้ามาทำไม? ไสหัวออกไปซะ!” องค์หญิงจินฮวาตะคอกออกมา
รอยยิ้มของมู่หรงจาวก็ไม่ได้หุบลง “หม่อมฉันกลัวว่าองค์หญิงจะหิว จึงได้ยกอาหารมาให้องค์หญิงเพคะ”
องค์หญิงจินฮวาหิวมากจริง ๆ และยังเหนื่อยมากด้วย แต่ว่าเมื่อเห็นหน้านางก็ไม่อยากกินแล้ว “เจ้าให้มู่หรงเจี๋ยเข้ามา ข้าจะให้เขาป้อนให้ข้า”
มู่หรงจาวเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เกรงว่าท่านพี่คงไม่สะดวก องค์หญิงกินแล้วเขาถึงจะเข้ามาเพคะ”
องค์หญิงจินฮวาเบะปากมองอาหารเหล่านั้น คาดว่าคงจะนำมาจากค่าย สี กลิ่น รสดูยั่วยวนไม่น้อย นางจึงหยิบน่องแกะขึ้นมาและกัดไปคำหนึ่ง จากนั้นก็กินข้าวอีกเล็กน้อย
มู่หรงจาววางของเหล่านั้นลง
“สายตาของเจ้านี่มันอะไรกัน เจ้ากล้ามองข้าด้วยสายตาเช่นนี้หรือ?”