ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 230 สุราปราบมารแสนธรรมดานั้น ทำสิ่งใดพวกเขาไม่ได้หรอก!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 230 สุราปราบมารแสนธรรมดานั้น ทำสิ่งใดพวกเขาไม่ได้หรอก!

บทที่ 230 สุราปราบมารแสนธรรมดานั้น ทำสิ่งใดพวกเขาไม่ได้หรอก!

เมื่อดูจากลักษณะของกำไลหยกเร้นกายขั้นสุดยอดแล้ว หลิงเยว่รู้สึกว่าตนขาดทุนยับเยิน สิ่งของเช่นนี้ในแผ่นดินจีนอาจจะขายได้สูงสุดแค่ห้าเหมาหรือหนึ่งหยวนเป็นอย่างมาก หนำซ้ำหนึ่งหยวนนั้นนางยังคิดว่าแพงไปเสียด้วยซ้ำ!

“ระบบ ห้าหมื่นล้านคงจะมีอะไรมากกว่าแค่ปกปิดกลิ่นอายขอบเขตการบำเพ็ญใช่หรือไม่?”

[นั่นเป็นเพียงคุณสมบัติหนึ่งเท่านั้น กำไลนี้ยังสามารถพรางตัวเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือสมุนไพรที่เจ้าเคยเห็นได้อีกด้วย ระยะเวลาขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณ ยิ่งพลังวิญญาณแข็งแกร่งเท่าใดยิ่งพรางตัวได้นานและเหมือนจริงมากขึ้นเท่านั้น]

หลิงเยว่พลิกดูคู่มือการใช้งานแล้วลองพยายามพรางตัว

ในชั่วพริบตานางก็กลายเป็นหัวหน้าตะขาบมรกต

หลิงเยว่ในร่างของหัวหน้าตะขาบมรกตเงยหน้าขึ้นสูง เดินด้วยท่าทีองอาจเข้าไปยังหัวหน้าตะขาบมรกตตัวจริง

หัวหน้าตะขาบมรกตตัวจริงที่กำลังดื่มสุราและกินอาหารวิญญาณพิเศษอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเห็นตัวเขาอีกร่างกำลังเดินเข้ามา หัวหน้าตะขาบมรกตอ้าปากค้าง ทำให้สุราที่เพิ่งเทเข้าปากไปไหลทะลักออกมาจนเสื้อเปียกชุ่ม ขนมในมือพลันร่วงหล่นลงพื้น

“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาแอบอ้างตัวว่าเป็นข้า!”

หากเพียงแค่แอบอ้างก็ช่างเถิด แต่ยังบังอาจเดินมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างเย่อหยิ่งอีกด้วย มันเชิดหน้าจนเห็นรูจมูกโต ๆ ทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตรำคาญจนอยากจะฆ่าทิ้ง!

หัวหน้าตะขาบมรกตโกรธจนตัวสั่น ยกมือขึ้นเตรียมจะตบตะขาบมรกตตัวปลอมนี้ให้แบนราบ มันช่างกล้าดียิ่งนัก!

“หากเจ้ากล้าตบข้า โอสถแปลงกายก็ไม่ต้องหวัง!”

หลิงเยว่หัวเราะอย่างเยือกเย็น เชิดหน้าขึ้นสูง เผยให้เห็นเส้นผมสีมรกตเงางามยาวสลวยพลิ้วไหว แล้วเดินอวดโฉมไปทั่วสำนักพร้อมกับสีหน้าเย่อหยิ่ง

หัวหน้าตะขาบมรกตจำใจชักมือกลับด้วยความไม่พอใจ เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อย!

นางทำได้อย่างไร? หรือว่านางจะเอาน้ำลายของมันไปคิดค้นของเล่นชิ้นใหม่ขึ้นมาอีกแล้วหรือ?

ในเรื่องนี้หัวหน้าตะขาบมรกตยอมรับในตัวหลิงเยว่เป็นอย่างมาก แม้ว่ามนุษย์ผู้นี้จะบอบบางและขี้ขลาด แต่สติปัญญาและทักษะของนางนั้นช่างล้ำเลิศยิ่งนัก

ตะขาบมรกตตัวหนึ่งขนาดเท่าหัวแม่มือเกาะลงบนบ่าของหลิงเยว่ คนกับตะขาบมรกตเดินเข้าไปในชั้นเรียนพิเศษ

ทว่าเมื่อคนตัวโตขนาดนี้เข้าไปกลับไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น เนื่องด้วยทุกคนจดจ่ออยู่กับการกลั่นสมุนไพรวิญญาณ มีเพียงฝูงตะขาบมรกตกว่าร้อยตัวที่ใช้ดวงตากลมเล็กของมันมองมา แล้วบินวนรอบ ๆ ตัวของหลิงเยว่ที่แปลงกายเป็นหัวหน้าตะขาบมรกต

ทั้งที่เป็นกลิ่นของหัวหน้าตะขาบมรกต แต่เหตุใดถึงให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้?

หลิงเยว่ปล่อยให้ฝูงตะขาบมรกตบินวนอยู่รอบตัวของนาง ส่วนเจ้าตะขาบมรกตตัวน้อยที่แปลงกายมาจากหัวหน้าตะขาบมรกตก็อยู่ในมือของนางแล้ว ตราบใดที่นางสามารถหลอกลวงฝูงตะขาบมรกตได้สำเร็จ เงินห้าหมื่นล้านของนางจึงจะถือว่าคุ้มค่า!

ในตอนแรกฝูงตะขาบมรกตยังคงสับสน แต่เมื่อผ่านการตรวจสอบของพวกมันแล้วพบว่าเป็นหัวหน้าตะขาบมรกตตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน ทว่าหัวหน้าตะขาบมรกตวันนี้ช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ถึงขนาดยอมให้พวกมันหยามเกียรติอยู่บนร่างกายเช่นนี้แล้วยังไม่โจมตีอีก? หัวหน้าตะขาบมรกตช่างใจดีเหลือเกิน!

ฝูงตะขาบมรกตต่างเข้ามาออดอ้อนหลิงเยว่ด้วยความรักใคร่ เอียงศีรษะถูไถไปมาอย่างเป็นมิตร ถ้าพวกมันไม่ได้มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวขนาดนี้คงจะดีไม่น้อยเลย

“ไป ๆ”

หลิงเยว่โบกมือไล่ฝูงตะขาบมรกตออกไป ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าเซี่ยซิ่นรุ่ยที่นั่งอยู่ข้างกำแพง แล้วเอื้อมมือออกไป

“เจ้ากินหมดแล้วหรือ!”

เซี่ยซิ่นรุ่ยแทบคลั่ง หัวหน้าตะขาบมรกตตัวนี้ช่างตะกละตะกลามเกินไปแล้ว! เมื่อครู่นี้เพิ่งจะให้มันกินอาหารวิญญาณพิเศษสำหรับสิบคน และยังมีสุราหมักสมุนไพรวิญญาณอีกเกือบยี่สิบไห ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามกลับหมดเกลี้ยงแล้ว!

หลิงเยว่ไม่พูดอะไร กลับจ้องเขม็งอย่างเจ้าเล่ห์ นางเข้าใจพฤติกรรมของหัวหน้าตะขาบมรกตเป็นอย่างดี จนผู้คนเห็นแล้วอยากจะตบ แต่สุดท้ายก็ต้องหยิบของสะสมของตนเองออกมาให้

เซี่ยซิ่นรุ่ยแทบร้องไห้ เหตุใดถึงรังแกเขาคนเดียวเล่า? แม้แต่สุนัขข้างทางที่ผ่านมายังเตะเขาเลย!

แรงกระโดดนั้นรุนแรงจนทำให้เซี่ยซิ่นรุ่ยที่ไม่ทันตั้งตัวกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุบ!

เถาวั่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ถอยออกห่างเซี่ยซิ่นรุ่ยโดยไม่รู้ตัว เพราะกลัวว่าจะโชคร้ายไปด้วย

ลูกศิษย์ผู้น่าสงสาร…

หลิงเยว่ส่งสายตาเห็นใจให้กับเซี่ยซิ่นรุ่ย ขณะที่อุ้มตะขาบมรกตรูปร่างน่าเกลียดเดินไปทั่วห้องเรียน โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลยว่านางไม่ใช่หัวหน้าตะขาบมรกตตัวจริง หรืออาจเป็นเพราะพวกเขากำลังจดจ่ออยู่กับการกลั่นสมุนไพร ทำให้ไม่มีใครเหลือบมองหลิงเยว่เลย

โดยรวมแล้ว หลิงเยว่ถือว่าพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้

หลังจากความพึงพอใจ หลิงเยว่ก็กลับเข้าสู่มิติเพื่อทำหน้าที่เพาะปลูกต่อไปโดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนเกิดอาการคลั่งไคล้สุราปราบมารของนางเป็นอย่างมาก

ภายในห้องกลั่นโอสถชั้นสูงสุดของหอจี้ซื่อ แต่ละห้องมีนักกลั่นโอสถขั้นสูงประจำอยู่ หนึ่งในนั้นคือนักกลั่นโอสถอาวุโสที่นั่งอยู่ในห้องลึกสุด เขากำลังคิ้วขมวดแน่น แม้จะได้ดื่มสุราปราบมารไปห้าไหแล้ว แต่กลับไม่อาจแยกได้ว่าใช้ส่วนผสมใดบ้าง?

สมุนไพรวิญญาณที่ใช้ในการกลั่นโอสถสร้างรากฐานถูกทำลายไปไม่น้อย เขาได้ลองทุกตำราที่สามารถผสมได้และยังนำมาผสมกับปี้สุ่ยเย่ อันล้ำค่าลงไปด้วย หลังจากนั้นผ่านไปสามเดือน แม้แต่สุราสมุนไพรวิญญาณธรรมดาสักจอกก็ยังทำไม่ได้ สิ่งนี้ทำให้ชายชราเริ่มสงสัยในความสามารถของตนเอง

หรือว่านอกจากตำราโอสถสร้างรากฐานและปี้สุ่ยเย่แล้ว สุราปราบมารยังมีส่วนผสมอื่นที่ไม่รู้จักอยู่อีก?

เมื่อส่วนผสมและสมุนไพรผสมเข้าด้วยกันแล้ว จะเกิดกลิ่นสุราอันเป็นเอกลักษณ์หรือไม่?

หญิงสาวผู้นั้นมักจะกระจายข่าวเกี่ยวกับอาหารวิญญาณพิเศษอยู่เสมอ บางทีกลิ่นแปลกประหลาดเหล่านั้นอาจเป็นกลิ่นสมุนไพรวิญญาณก็ได้?

น่าจะใช่!

ชายชราหัวเราะอย่างพึงพอใจ

ดังนั้น เครื่องเทศ สมุนไพรวิญญาณ สัตว์อสูร และสัตว์วิญญาณที่หลิงเยว่ใช้สอนลูกศิษย์จึงถูกนำเข้ามาชั้นบนสุดของหอจี้ซื่อ

บรรดาปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนต่างแสดงความสามารถของตนเองออกมา กลิ่นที่น่ารังเกียจจนยากจะบรรยายได้ กลิ่นเหล่านั้นผสมรวมกัน แล้วฟุ้งกระจายไปทั่วเป็นเวลานาน ทำให้คนที่นำวัตถุดิบขึ้นมาให้เกือบจะอาเจียนออกมาเสียตรงนั้น

ตอนออกมาใบหน้าของเขาก็ซีดขาวราวกับถูกวางยา

“พวกเจ้าเป็นอะไรกัน?” ผู้อาวุโสหลิวเรียกลูกศิษย์คนหนึ่งที่มีสีหน้าย่ำแย่ที่สุดมาถาม ศิษย์ผู้นั้นกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าพออ้าปากก็อาเจียนออกมาทันที

เสียงอาเจียนนั้นราวกับเป็นโรคติดต่อ เหล่าศิษย์ที่พยายามอดทนมาตลอดต่างอาเจียนออกมาพร้อมกัน

จนผู้อาวุโสหลิวเกือบจะอาเจียนตามไปด้วย แต่โชคดีที่นางยังสามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ จากนั้นจึงหันหลังกลับ แล้วมุ่งหน้าเดินขึ้นไปด้านบน

“ท่านผู้อาวุโส… อย่า…”

น่าเสียดายที่ศิษย์ทั้งหลายเตือนช้าไป ท่านผู้อาวุโสหลิวได้เดินมาถึงชั้นบนแล้วสุดแล้ว

ทว่ากลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนนั้นได้โจมตีเข้ามาทุกรูขุมขนโดยไม่ทันตั้งตัว เหล่าผู้บำเพ็ญนั้นมีประสาทสัมผัสที่ว่องไว กลิ่นอันน่าสะพรึงนั้นจึงทวีความรุนแรงขึ้นหลายร้อยเท่า ผู้อาวุโสหลิวไม่ได้ตั้งตัวจึงตามรอยลูกศิษย์ทั้งหลายของนาง โดยใช้มืออุดปากแล้วอาเจียนออกมาเช่นกัน

จนกระทั่งนางปิดกั้นประสาทรับกลิ่นได้แล้ว จึงรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง

สิ่งนี้คือสุราปราบมารที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่อย่างนั้นหรือ?!

ผู้อาวุโสหลิวรู้สึกไม่เชื่อสายตา สุรานั้นนางเคยดื่มไปแล้ว กลิ่นหอมอ่อนโยน เวลาดื่มเข้าไปจะรู้สึกเหมือนเปลวเพลิง แต่เมื่อกลืนลงไปแล้วยังคงทิ้งกลิ่นหอมหวานเอาไว้ในโพรงปาก จนทำให้ผู้ดื่มไม่อาจลืมเลือน

เหตุใดจึงกลายเป็นกลิ่นเหม็นเน่าเช่นนี้!?

ประตูห้องกลั่นโอสถที่ปิดสนิทอยู่พลันเปิดออก ปรากฏนักกลั่นโอสถผมเผ้ารุงรังคนหนึ่งก้าวออกมา เขาตั้งใจจะออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ทว่ากลับต้องเผชิญกับกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนจากเขียวไปเป็นซีดเผือด ก่อนที่ดวงตาของเขาจะมืดลงแล้วล้มหมดสติไป

ผู้อาวุโสหลิว “…”

เมื่อมีคนแรกสลบไปแล้ว อีกไม่นานเกินรอย่อมจะมีคนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่…

เพียงแค่จะเรียนรู้สุราปราบมารเท่านั้น เหตุใดจึงยากเย็นถึงเพียงนี้?

ผู้อาวุโสหลิวสีหน้าบึ้งตึง เปิดห้องกลั่นโอสถที่ว่างอยู่ แล้วนำสมุนไพรวิญญาณนานาชนิดที่เตรียมไว้ออกมา เริ่มต้นหนทางในการเรียนรู้ของนางทันที

สุราปราบมารแสนธรรมดานั้น เพียงเดือนเดียว ไม่สิ! ครึ่งเดือน นางก็สามารถเลียนแบบออกมาได้สำเร็จแล้ว เพื่อให้หญิงสาวปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่กล้าปฏิเสธคำท้าของลูกศิษย์นาง ได้รู้จักความอับอาย!

ผู้อาวุโสหลิวมีความตั้งใจอย่างแรงกล้า เหล่าปรมาจารย์กลั่นโอสถขั้นสูงท่านอื่น ๆ ก็ตั้งใจว่าจะต้องเลียนแบบสุราปราบมารออกมาให้ได้เช่นกัน พวกเขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาเหยียบย่ำได้!

จะไม่ยอมเด็ดขาดเลย!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท