รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 969 กล่อมให้ยอมถอยได้หมด ทุกตนล้วนเป็นมือพระกาฬด้านเจรจา!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 969 กล่อมให้ยอมถอยได้หมด ทุกตนล้วนเป็นมือพระกาฬด้านเจรจา!

บทที่ 969 กล่อมให้ยอมถอยได้หมด ทุกตนล้วนเป็นมือพระกาฬด้านเจรจา!

ตู้ม!

เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น ผู้เฒ่าดับสวรรค์และยอดฝีมือหลังฉากชั้นสูงทั้งหลายต่างคาดไม่ถึง ถูกทำร้ายอย่างหนัก!

เส้นทางอันแน่นอนปลอดภัยที่ว่าหาได้ปลอดภัยไม่ หลังพวกเขาย่ำเท้าลงไปก็มีพลังอันน่าสะพรึงถาโถมใส่พวกเขา

ก่อนนี้พวกหลี่จิ่วเต้าก้าวเข้ามาได้อย่างปลอดภัย พวกเขาล้วนมิได้คิดให้มากกว่านี้ มิเคยเคลือบแคลง นึกว่าเส้นทางนี้ปลอดภัย จึงมิได้ระแวดระวังแต่อย่างใด

ยามพลังอันน่าสะพรึงนี้บุกเข้ามา พวกเขาไม่ได้ป้องกันตัว จึงถูกจู่โจมโดยรับมือไม่ทัน

โลหิตสาดกระเซ็น ร่างของพวกเขาแหลกเหลวกลายเป็นหมอกเลือด

ยังดีที่แท้ว่าเส้นทางไม่ถูกต้อง กระนั้นก็เป็นจุดที่อ่อนบางที่สุดจริง ๆ ลงท้ายพวกเขาก็หนีออกมาได้

พวกเขาก่อร่างขึ้นใหม่ สีหน้าย่ำแย่กันทุกผู้

เป็นไปได้อย่างไรกัน?!

เหตุใดพวกหลี่จิ่วเต้าเข้าไปไม่เป็นไร แต่พวกเขาเข้าไปกลับเกิดเรื่องเสียอย่างนั้น

“พวกเราถูกหลอกหรือ?”

ปีศาจกระต่ายดูดเลือดสายตาเย็นยะเยือก จิตสังหารทั่วร่างปะทุออก ไม่เหลือเค้าความใสซื่อบริสุทธิ์อย่างสาวน้อยข้างบ้าน เผยธาตุแท้ออกมา

นางรู้สึกโดนหลอก

กลุ่มของหลี่จิ่วเต้าไม่ธรรมดา!

“พวกเขาเก่งกาจปานนั้นเชียวหรือ”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยเสียงเข้ม “พลังในบริเวณนี้น่าพรั่นพรึงปานใด ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระขั้นหกขั้นเจ็ดก็มิอาจเข้าไปได้อย่างเงียบเชียบกระมัง!”

เขาแสดงความคิดเห็น “พลังในพื้นที่บริเวณนี้เกินหยั่ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังพวกเขาเข้าไป เส้นทางที่เคยปลอดภัยจึงไม่ปลอดภัย”

จู่ ๆ จะมีสิ่งมีชีวิตทรงพลังเช่นนี้โผล่มาง่าย ๆ ได้อย่างไร

เขารู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้

“มีเหตุผล หากต้องระงับพลังในบริเวณนี้มิให้ปะทุจำต้องเก่งกล้าถึงขั้นสยดสยองจึงจะทำได้ ข้าก็มองว่าพลังในบริเวณนี้เปลี่ยนแปลงในภายหลัง”

ยอดฝีมือหลังฉากชั้นสูงอีกคนกล่าว

“เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ! สิ่งสำคัญคือพวกเขาเข้าไปแล้ว!”

สีหน้าผู้เฒ่าดับสวรรค์อึมครึม “ของวิเศษชิ้นนั้นมีระดับสูงส่ง ผู้ใดจะรู้ว่าหลังได้ครอบครองจะสามารถเก่งขึ้นเพียงใด ข้ากลัวว่าหลังพวกเขาได้ครอบครองของวิเศษจะไม่อาจต่อกรด้วยได้อีก”

ในสายตาของเขา หารือว่าเหตุใดถึงเกิดเรื่องกับพวกเขาไร้ความหมายสิ้นดี

สิ่งที่สำคัญและมีความหมายคือพวกหลี่จิ่วเต้าเข้าไปในเทือกเขาสำเร็จ หากพวกหลี่จิ่วเต้าได้ครอบครองของวิเศษจริง ๆ น่ากลัวว่าสถานการณ์ต้องย่ำแย่ลงแน่

“ไม่ต้องร้อนใจ ต่อให้พวกเขาเข้าไปได้ก็ใช่ว่าจะได้ของวิเศษมาอยู่ในครอบครองง่าย ๆ มวลพฤกษาและอสูรร้ายในเทือกเขาล้วนวิวัฒนายกระดับขึ้นเพราะของวิเศษชิ้นนั้น หาได้ต่อกรด้วยง่าย ๆ!”

ปีศาจกระต่ายดูดเลือดสงบใจลง แจกแจงเหตุผล

“ต้องรีบหาเส้นทางเข้าไป แล้วค่อยหยั่งเชิง!” นางเสนอ

บรรดายอดฝีมือหลังฉากชั้นสูงต่างเห็นด้วยกับข้อเสนอของนาง รีบร่วมมือกันพยากรณ์เพื่อค้นหาเส้นทางอันเหมาะสมสำหรับเข้าไป

เหตุผลที่ปีศาจกระต่ายดูดเลือดแจกแจงมานั้นไม่ผิด

เข้าไปถึงเทือกเขาก็มิได้หมายความว่าจะได้ของวิเศษชิ้นนั้นมาไว้ในครอบครอง

มวลพฤกษาและอสูรในเทือกเขาล้วนเปลี่ยนแปลงไปมหันต์ แต่ละตัวต่างสยดสยองเป็นที่สุดในบัดนี้!

โดยเฉพาะมวลพฤกษาและเหล่าอสูรที่พำนักอยู่ใกล้ ๆ ของวิเศษ ยิ่งน่าประหวั่นพรั่นพรึง!

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่บรรดายอดฝีมือหลังฉากชั้นสูงปรารถนาของวิเศษชิ้นนั้น!

หลังพลังวิถีที่ของวิเศษชิ้นนั้นเผยออกมาปกคลุมเทือกเขาเพียงไม่นาน ก็เปลี่ยนมวลพฤกษาและอสูรในเทือกเขาแห่งนี้ให้แข็งแกร่งน่าครั่นคร้ามขึ้นมา

หากพวกเขาได้มันมาอยู่ในครอบครอง ย่อมต้องแข็งแกร่งขึ้นได้เช่นกัน

ซ่า!

ต้นก่วมสูงใหญ่ต้นหนึ่งพลิ้วไหว ก่อให้เกิดพายุกระหน่ำ หลังพวกหลี่จิ่วเต้าเข้ามาถึงเทือกเขาเหตุการณ์มิได้สงบ ต้นก่วมตั้งใจจะฆ่าพวกเขา

รวมถึงวัชพืชท่ามกลางพงไพรต่างยืดสูงอย่างบ้าคลั่ง แผ่กระจายพลังอันสยดสยองออกมา

“ดูเอาเถิด ข้าถึงบอกว่าไม่ต้องร้อนใจ ใช่ว่าพวกเขาไปถึงแล้วจะฟาดของวิเศษได้”

ปีศาจกระต่ายดูดเลือดกล่าว

พวกเขามองเห็นภาพการณ์ด้านหลี่จิ่วเต้า

พลังที่ปะทุออกจากต้นก่วมและวัชพืชแม้แต่พวกเขายังนึกหวั่นใจ ไม่มั่นใจว่าจะต้านได้ไหว

กลุ่มของหลี่จิ่วเต้าต้องตายด้วยการโจมตีระดับนี้แน่

ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้าเตรียมตัวลงมือ

“เรื่องเล็กแค่นี้ ไยต้องให้คุณชายออกโรง ข้าเอง”

ต้นหลิวหัวเราะเบา ๆ กล่าวกับคุณชาย “ข้าเองก็เป็นพฤกษา นับว่ามีรกรากเดียวกับพวกมัน ให้ข้าไปเจรจากับพวกมันเถิด”

หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า

ถึงอย่างไรเขายังมีของวิเศษจากบรรพจารย์ฝู ลงมือได้ทุกเมื่อ ไม่มีทางเป็นอันใด

“คิดแก้สถานการณ์ด้วยวาจาหรือ?”

ปีศาจกระต่ายดูดเลือดหัวเราะออกมาอย่างอดมิไหวหลังได้ยินคำกล่าวระหว่างต้นหลิวและหลี่จิ่วเต้า

“เหตุใดถึงไร้เดียงสาเช่นนี้!”

นางหัวเราะพรืด

นี่ใช่ปัญหาที่แก้ไขด้วยบทสนทนาได้หรือ

คิดอะไรอยู่!

ไม่มีทาง!

“ไม่เคยเห็นผู้ที่ไร้เดียงสาเช่นนี้มาก่อนจริง ๆ!”

“ข้าก็ด้วย!”

ผู้เฒ่าดับสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่นพากันกล่าว

เวลานั้นเอง ต้นหลิวก้าวไปข้างหน้า

มันปริปากว่า “ทุกท่านโปรดใจเย็น ฟังข้าสักประโยค ข้าเองก็เหมือนทุกท่าน ล้วนมาจากรกรากเดียวกัน ทุกท่านถือว่าไว้หน้าข้าสักคราได้หรือไม่”

ลำพังการสนทนาก็คิดจะทำให้ต้นก่วมและพืชพันธุ์อื่น ๆ ยอมล้มเลิกการโจมตีหรือ

เป็นไปได้อย่างไร!

มันย่อมมิได้ไร้เดียงสาปานนั้น

ขณะที่คุยกันอยู่ มันเจือแรงกดดันมหาศาลลงไปในเสียง เพื่อบีบให้ต้นก่วมและพืชพันธุ์อื่น ๆ หยุดการโจมตี

ต้นก่วมและพืชพันธุ์อื่น ๆ แข็งแกร่งอย่างแท้จริง น่ากลัวว่าแม้แต่ขอบเขตอิสระขั้นหกยังมิใช่คู่มือ

ทว่ามันเหนือขอบเขตอิสระไปนานแล้ว สูงชั้นกว่าต้นก่วมและพืชพันธุ์อื่น ๆ หลายขุม แรงกดดันที่มันเจือลงไปในเสียงเกินกว่าที่ต้นก่วมและพืชพันธุ์อื่น ๆ รับไหว

“ก็…ได้!”

“รกรากเดียวกันมิสมควรทำร้ายกันเอง ควรต้องช่วยเหลือสมัครสมาน!”

ต้นก่วมและพืชพันธุ์อื่น ๆ พากันส่งเสียง ดึงพลังกลับไปในพริบตา ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ

พวกมันรับรู้จากแรงกดดันนี้แล้วว่าต้นหลิวแข็งแกร่งทรงพลังปานใด รู้ดีว่าพวกมันมิใช่คู่มือต้นหลิว ถึงได้รีบร้อนยั้งมือ

“เช่นนี้ก็ได้หรือ”

“เรื่องบ้าอะไรกัน! มวลพฤกษาเหล่านั้นเข้าใจง่ายเพียงนี้เชียวหรือ”

นอกเทือกเขา ผู้เฒ่าดับสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่น ๆ ตาค้างกันหมด อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าต้นหลิวสำเร็จได้ด้วยเพียงคำว่ารกรากเดียวกัน!

“รักใคร่สมัครสมาน ไม่เลว ๆ”

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ พืชพันธุ์เหล่านี้ยอมเข้าใจง่าย ๆ เช่นนี้ นับว่าผิดคาดเขาเช่นกัน

พวกเขาเดินทางกันต่อ ระหว่างนี้ต้นหลิวสนทนากับมวลพฤกษาอื่น ๆ อย่าง ‘เป็นมิตร’ อยู่เนือง ๆ พฤกษาเหล่านี้ล้วนหลีกให้อย่าง ‘รู้ความ’ แสดงจุดยืนอันเป็นมิตร

“เก่งกาจปานนี้เชียว?!”

ผู้เฒ่าดับสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่น ๆ มีสีหน้าประหลาดกันหมด มิมีผู้ใดนึกถึงเลยว่าต้นหลิวแข็งแกร่งเพียงนี้ ช่างเจรจาถึงเพียงนี้ ลำพังสนทนาเพียงเล็กน้อยก็ทำให้มวลพฤกษายอมถอย!

พวกเขาเริ่มร้อนใจ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อของวิเศษชิ้นนั้นต้องตกอยู่ในมือพวกหลี่จิ่วเต้าเป็นแน่!

โฮกกก!

เวลานั้นเอง เสียงอสูรคำรามดังก้องกังวานสะท้านหูอยู่ในเทือกเขา แม้แต่นอกเทือกเขายังได้ยินเสียงอสูรคำรามเช่นนี้ด้วย

“นอกจากมวลพฤกษา ยังมีอสูรเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ อีก!”

สีหน้าผู้เฒ่าดับสวรรค์ทอประกายยินดี “อสูรนั้นมีนิสัยดุร้าย คงมิยอมหลีกให้ง่าย ๆ ด้วยเพียงการเจรจากระมัง!”

เขายินดีเป็นล้นพ้น อสูรในเทือกเขานี้ล้วนไม่ธรรมดา อาจเก่งกาจกว่ามวลพฤกษาเสียด้วยซ้ำ

มีอสูรเหล่านี้ขวางทางพวกหลี่จิ่วเต้า พวกหลี่จิ่วเต้าไม่มีทางได้ของวิเศษชิ้นนั้นไปง่าย ๆ แน่

อีกด้าน มีอสูรปราดไปอยู่ตรงหน้าพวกหลี่จิ่วเต้าจริง ๆ

มันเป็นพยัคฆ์ขาวตัวหนึ่ง ร่างกายมหึมาดุจขุนเขา ดวงตาพยัคฆ์ทอประกายอำมหิต ดูแล้วชวนให้ขวัญผวาอย่างยิ่งยวด!

“เสี่ยวชี เจ้าไปเจรจากับมันแล้วกัน”

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยนามมัจฉาสัตมายา ส่งมันออกไปพูดคุย

ตัวที่ปรากฏออกมาคืออสูร มิใช่รกรากเดียวกับต้นหลิวอีก เขารู้สึกว่าต้องเปลี่ยนตัวผู้เจรจาแล้ว

มัจฉาสัตมายาถือเป็นอสูร สามารถเข้าไปสนทนาได้

“ห๊า”

มัจฉาสัตมายาอึ้งงัน ให้มันสนทนาอย่างไรไหว

ที่พี่หลิวเจรจาจนพืชพันธุ์เหล่านั้นยอมถอยล้วนเป็นเพราะพี่หลิวนั้นมีพลังกล้าแกร่ง

แต่มันนั้นมิใช่!

คลื่นพลังที่แผ่ซ่านออกจากพยัคฆ์ขาวเหนือชั้นกว่ามันหลายขุม เกินกว่าที่มันจะเทียบไหว

หากให้มันเข้าไปเจรจากับพยัคฆ์ขาว น่ากลัวว่าพยัคฆ์ขาวตบมันตายได้ในกรงเล็บเดียว

“ฮ่า ๆ เกือบลืมไปว่าเจ้าเป็นปลา หาได้เกี่ยวข้องกับพยัคฆ์ขาว ส่งเจ้าเข้าไปคุยไม่แน่ว่าพยัคฆ์ขาวอาจเข้าใจว่าให้อาหารมันเสียอีก”

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ ไฉนเลยจะลืมว่าร่างเดิมของมัจฉาสัตมายาคือปลา

เขาเพียงแต่หยอกมัจฉาสัตมายาเล่นเท่านั้น มิได้คิดส่งอีกฝ่ายไปเจรจาจริง ๆ

“ลั่วสุ่ย เจ้าไปแล้วกัน แมวกับเสือคล้ายคลึงกัน ไม่แน่ว่าหมื่นปีก่อนอาจมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน เจ้าไปเจรจากับพยัคฆ์ขาวตัวนี้”

เขาบอกกับลั่วสุ่ย

ในใจของเขา ลั่วสุ่ยต่างหากคือตัวเลือกที่ดีที่สุด

“ได้เลยคุณชาย!”

ลั่วสุ่ยยิ้มหวานพลางเอ่ย

นางก้าวไปข้างหน้า มองพยัคฆ์ขาวพลางกล่าว “เจ้าคือเสือขาว ข้าคือแมวขาว ใช่ว่าพวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันเสียเมื่อไร ต้องบอกว่าถอดแบบมาทุกประการ! ไว้หน้าข้าหน่อยเถิด!”

ถอดแบบมาทุกประการกับผีน่ะสิ!

แมวกับเสือน่ะหรือเหมือนกัน?

พยัคฆ์ขาวอยากเอ่ยออกไปเหลือเกินว่าเจ้าพูดผิดหรือไม่ ที่ถูกคือใช่ว่าถอดแบบมาทุกประการเสียเมื่อไหร่ ต้องบอกว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันสักนิด!

จากนั้นมันทำท่าจะลงมือ ตบคนไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเช่นลั่วสุ่ยให้ตายเสียที่นี่

ทว่าขณะที่มันจะลงมือ กลับเหลือบไปเห็นดวงตาของลั่วสุ่ย

นั่นเป็นดวงตาเช่นไรกัน

มันเห็นเพียงแวบเดียวเท่านั้นก็รู้สึกหนาวสะท้านราวกับตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง หัวใจหวาดผวาอย่างอดมิได้!

ชั่วพริบตานั้น มันกระจ่างแล้วว่าลั่วสุ่ยมิใช่ตัวตนที่มันต่อกรด้วยได้ หากลั่วสุ่ยคิดสังหารมันจริง ย่อมทำได้ในอึดใจเดียว!

“เจ้าพูดถูกแล้ว! สายเลือดของพวกเขาใกล้เคียงกัน ต้องไว้หน้าแน่!” พยัคฆ์ขาวรีบบอก

“ใช่แล้ว”

ลั่วสุ่ยคลี่ยิ้ม “สายเลือดใกล้เคียงกันปานนี้ เจ้าไม่ช่วยข้าคงมิได้ เจ้าว่าใช่หรือไม่”

ลำพังพลังของนางยังไม่พอให้พยัคฆ์ขาวหวาดกลัวถึงเพียงนี้

นางใช้พลังจากจี้ห้อยรูปหัวใจด้วย นี่ย่อมมิใช่พลังที่พยัคฆ์ขาวเทียบได้

“แน่นอน!”

พยัคฆ์ตอบอย่างรวดเร็ว ว่านอนสอนง่ายเป็นที่สุด

มันไม่อยากตายอยู่ที่นี่

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าไปสนทนากับอสูรตนอื่นในเทือกเขาแห่งนี้ บอกให้พวกมันหลีกทางให้เรา อย่าได้ขวางทางพวกเรา”

ลั่วสุ่ยเอ่ยยิ้ม ๆ

“ไม่มีปัญหา! ข้าจะไปทำเดี๋ยวนี้!”

พยัคฆ์ขาวไปจากที่นี่ ส่งข่าวบอกอสูรตนอื่นมิให้โผล่หัวตามคำสั่งของลั่วสุ่ย

“อะไรกัน เช่นนี้ก็ได้หรือ”

“คนพวกนี้เป็นตัวอะไร แม้แต่อสูรยังจัดการอยู่หมัด! แต่ละตนล้วนเป็นมือพระกาฬด้านเจรจาอย่างสะท้านโลกันตร์!”

ผู้เฒ่าดับสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่นเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาด

พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่เผ่าอสูรยังถูกกล่อมให้ยอมถอย มิหนำซ้ำพยัคฆ์ขาวยังยอมช่วยเกลี้ยกล่อมอสูรตนอื่นอีกด้วย

สวรรค์! โลกทัศน์ของพวกเขาแหลกสลายทั้งหมดในลมหายใจนี้!

สิ่งมีชีวิตบนเส้นทางฝึกตนเข้าใจง่ายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด นิสัยโอบอ้อมอารีได้เพียงนี้เชียวรึ?

พวกเขาไม่อาจเชื่อได้ลงเลย!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท