ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1426 หมดสติ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1426 หมดสติ

บทที่ 1426 หมดสติ

ถานอวี้ซูเพิ่งออกไป แต่กู้เสี่ยวหวานยังยืนอยู่ที่บริเวณทางเดิน เห็นชายอายุประมาณห้าสิบปีเดินเข้ามา ตามด้วยชายหนุ่มที่สะพายกล่องยาอยู่ด้านหลัง เมื่อพวกเขาเห็นถานอวี้ซู คนด้านหน้าก็โค้งคำนับ ถานอวี้ซูคำนับกลับให้อีกฝ่ายเล็กน้อย และพาทั้งสองคนเข้าไปในห้อง

หรือว่านี่จะเป็นท่านหมอหลวงเมิ่งที่อาอวี้พูดถึง

ระหว่างทางกลับไปที่สวนชิง กู้เสี่ยวหวานยังคงครุ่นคิดว่าถานเย่สิงเป็นอะไรกันแน่

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ รู้แค่ว่าชาติที่แล้วดูละครเกี่ยวกับเรื่องราวในวังมาเยอะ และทุกเรื่องก็มีเรื่องเกี่ยวอุบายมากมาย และมันจะมีตัวละครหนึ่งที่น่าสนใจ

ไม่รู้ว่าหมอหลวงเมิ่งผู้นี้ต้องการให้ถานเย่สิงดีขึ้นหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถพูดได้เพราะหมอหลวงเมิ่งคือหมอของฮ่องเต้

ยิ่งคิดก็ยิ่งเลยเถิด ยิ่งกู้เสี่ยวหวานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น

นางต้องดึงความคิดที่น่าสะพรึงกลัวนั้นออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่านางจะนั่งอยู่บนรถม้า แต่ก็ยังคงมีเหงื่อเย็นไหลโซมกาย “อาจั่ว ตรงไปที่ร้านฝูจิ่นก่อน”

ตอนนี้หลี่ฝานน่าจะอยู่ที่ร้านฝูจิ่น

เมื่อมาถึงร้านฝูจิ่น ความครึกครื้นในร้านก็ยังเหมือนกับครั้งก่อน ๆ ห้องโถงชั้นล่างเต็มไปด้วยผู้คน แต่ความแตกต่างคือมีเสียงมากมายดังมาจากชั้นสองและสาม แม้ว่าประตูจะถูกปิดอย่างแน่นหนา และในส่วนของห้องส่วนรับรองก็เต็มเช่นกัน

ครั้งสุดท้ายที่นางมาก็เวลาราว ๆ นี้ ดูเหมือนว่ากิจการของร้านฝูจิ่นจะดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้วมาก

แน่นอนว่าเมื่อเข้าไปในห้องรับรองก็เห็นหลี่ฝานกำลังดูสมุดบัญชี และเมื่อเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานเข้ามาก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “เสี่ยวหวานมาแล้วหรือ”

“ลุงหลี่” เมื่อเห็นรอยยิ้มของหลี่ฝานก็ทำให้กู้เสี่ยวหวานลืมความคิดอันน่ากลัวที่วกวนอยู่ในหัวชั่วคราว “เห็นว่าท่านมีความสุขมาก คิด ๆ ดูแล้วแสดงว่าวันนี้กิจการร้านฝูจิ่นนั้นต้องดีแน่ ๆ”

“ใช่ ๆ” หลี่ฝานถูมืออย่างตื่นเต้นและพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูสิ ห้องส่วนรับรองบนชั้นสองและสามใกล้จะเต็มแล้ว แม้ว่าอาหารของเราจะไม่ได้ลดราคา แต่ก็ยังมีลูกค้ามากมายอยู่ดี”

จากนั้นก็หยิบสมุดบัญชีของช่วงเวลานี้ออกมาและชี้ให้กู้เสี่ยวหวานดู “ดูผลกำไรของช่วงเวลานี้สิ มันเป็นความรุ่งโรจน์ของเราในตอนนั้นกำลังกลับมาอีกครั้ง ถึงมันไม่ดีเท่าตอนเริ่มต้น แต่มันก็ไปได้เรื่อย ๆ กำไรปีนี้น่าจะเท่าปีที่แล้ว”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าพลางจิบชา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับร้านซุ่ยอวี้กู่ไจ”

“จะอะไรได้ล่ะ” หลี่ฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “มันยังคงเหมือนเดิม ผู้คนต่างก็มุ่งเป้าไปที่ร้านนั้น มันเหมือนกับที่เจ้าพูด ผู้คนต้องกินและดื่ม ถ้าที่นั่นมันไม่ดี พวกเขาก็จะไปกินที่อื่น อาหารสองสามจานที่ออกจากร้านของเราในครั้งนี้วางขายได้ไม่ถึงครึ่งเดือน ร้านซุ่ยอวี้กู่ไจคิดรายการอาหารออกมาไม่ทันหรอก เสี่ยวหวาน รอบนี้กำไรของร้านเราดีมาก”

หลี่ฝานยกนิ้วขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม

“นั่นก็แสดงว่าพ่อครัวของท่านเก่ง ข้าแค่บอกข้อเสนอของข้าให้ฟังเท่านั้น ที่เหลือเป็นความคิดของเขาเอง คนที่ควรขอบคุณที่สุดคือพ่อครัวคนนั้น” เมื่อนึกถึงพ่อครัวคนนั้น คนที่สามารถเข้าใจในสิ่งที่นางพูดแล้วทำอาหารออกมาได้ ช่างหาได้ยากจริง ๆ

หลี่ฝานพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง ข้าซื้อตัวเขามาแพงมาก”

“เชื่อถือได้หรือ?” กู้เสี่ยวหวานพลันนึกถึงบางสิ่งและถามออกมา

ในเวลานั้น ในครัวทั้งหมดมีพวกเขาเพียงสามคน ถ้ามีอะไรรั่วไหลออกไป คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือพ่อครัว

หลี่ฝานมองไปที่เขาหลังจากได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นก็พูดด้วยความกังวลใจ “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะระมัดระวังอย่างดี”

เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานให้ความสนใจ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโล่งใจ “ข้าอยากไปที่ร้านซุ่ยอวี้กู่ไจสักครั้ง”

“ถ้าเจ้าอยากไปก็ไปได้ มีคนมากมายที่นั่น แต่เจ้าต้องปกป้องตัวเองให้ดี ที่นั่นมีคนทุกประเภทปะปนกันไปหมด ตั้งแต่ญาติของฮ่องเต้ในราชสำนัก ขุนนางระดับสูง ไปจนถึงปุถุชนคนธรรมดา จงระวังตัวให้ดี”

กู้เสี่ยวหวานเห็นด้วยและเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่ นางเองก็ไม่อยากที่จะอุดอู้อยู่ในครัว ตอนออกจากห้องของหลี่ฝาน เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยและเป็นที่สนใจของผู้คน หลี่ฝานจึงมาส่งนางที่ประตูแล้วปิดประตูลง แล้วให้คนรับใช้นำทางนางออกไปที่ห้องโถงและเดินออกจากร้านไป

เพียงว่าแต่กลิ่นอายของนางตอนที่อยู่ที่ห้องรับรองของหลี่ฝานชั่วขณะหนึ่ง ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ ชายคนหนึ่งยืนพิงราวบันไดมองดูความพลุกพล่านวุ่นวายของชั้นล่าง

จู่ ๆ ร่างเพรียวบางก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา นางเดินลงบันไดไปอย่างเชื่องช้า ความสง่างามของนางทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมอง

ชายคนนั้นลืมที่จะเขย่าพัดและจ้องมองไปที่ร่างเพรียวตรงหน้า ใบหน้าที่ขาวเนียนราวกับหยก แม้ว่าเขาจะมองเห็นด้านหน้าไม่ชัดเจน แต่จากใบหน้าด้านข้างก็สามารถทำให้ผู้คนหลงใหล

ความประหลาดใจและความอยากรู้อยากเห็นฉายชัดในดวงตาของเขา แต่เขาก็ไม่ทำให้ผู้ที่ถูกจ้องมองนั้นรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม

เขาหมกมุ่นอยู่กับการไล่ตามหญิงงามและไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนอยู่ข้าง ๆ เขาในขณะนี้

“จื่อเยว่ เจ้ากำลังดูอะไรอยู่ เจ้าดูสนใจมันมาก” ชายคนหนึ่งเดินมาจากด้านข้าง มองท่าทางเหม่อลอยของชายคนนี้ และมองตามสายตาของเขาก็พลันเห็นร่างหนึ่งเดินหายลับไปจากสายตา

“หญิงผู้นั้นเป็นใครหรือ ทำไมข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อนเลย” ชายคนนั้นเอามือเท้าคางพร้อมกับยิ้มเหยียดหยามที่มุมปาก

“จื่อเยว่ เจ้ารู้จักนางหรือเปล่า เมื่อครู่ข้าเห็นนางจากทางด้านหลัง ข้าคิดว่านางเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แต่แปลกจริง ๆ ที่ข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อน ข้าไม่คุ้นเลย”

ดวงตาคู่หนึ่งมองชายที่ชื่อจื่อเยว่อย่างไม่แน่ใจ และมีรอยยิ้มที่ไม่สบายใจปรากฏขึ้นที่มุมปาก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท