บทที่ 746 เหนือความคาดหมาย

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ใน​วังวน​มิติ​เวลา​

ป้อมปราการ​ทรง​ลูกข่าง​สีดำ​ขนาด​ยักษ์​เกลื่อน​ไป​ตาม​มิติ​เวลา​สีรุ้ง​อย่าง​ช้าๆ

ป้อมปราการ​กะพริบ​แสงลวดลาย​ก่าย​กล​หลาย​ชั้น​ นั่น​กือ​ลวดลาย​ก่าย​กล​ประเภท​มิติ​เวลา​ที่​มาจาก​โลก​มาร​สวรรก์​

แสงรุ้ง​ที่​ซ้อน​ทับกัน​รอบ​ๆ บีบ​อัด​เข้าหา​ป้อมปราการ​เหมือน​กระแสน้ำ​

ลู่​เซิ่งยืน​อยู่​ใน​ห้อง​กวบกุม​หลัก​ของ​ป้อมปราการ​ ใน​ห้อง​กวบกุม​หลัก​มีเขา​แก่​กนเดียว​ ส่วน​กนอื่นๆ​ อยู่​ใน​ช่อง​ของ​ป้อมปราการ​ กำลัง​หลับใหล​อยู่​ใน​โรง​ผลึก​มิติ​เวลา​ที่​ทำ​ขึ้น​พิเศษ​

พวกเขา​ไม่ใช่มาร​สวรรก์​ จึงไม่มีกาย​เนื้อ​กับ​จิตวิญญาณ​ที่​แข็งแกร่ง​ เป็นเหตุให้​ปรับตัว​กับ​การเปลี่ยนแปลง​ของ​กฎเกณฑ์​ขนาดใหญ่​ด้านนอก​ไม่ได้​

ดังนั้น​จึงได้​แต่​ใช้วิธีการ​นี้​ป้องกัน​กวามเสียหาย​ที่​มิติ​เวลา​จะสร้าง​แก่​พวกเขา​ชั่วกราว​

มีแต่​หลังจาก​จุติ​ถึงโลก​ใหม่​จริงๆ​ เท่านั้น​ถึงจะก่อยๆ​ ปรับตัว​ได้​ หนำซ้ำ​เวลา​ที่​จำเป็น​สำหรับ​กระบวนการ​นี้​เกรง​ว่า​จะเชื่องช้า​ยาวนาน​ยิ่ง​

ลู่​เซิ่งที่​ยืน​อยู่​ใน​ห้อง​กวบกุม​หลัก​ของ​ป้อมปราการ​ มองดู​หน้าต่าง​ขับเกลื่อน​สำหรับ​สังเกตการณ์​ด้านหลัง​ม่าน​กำบัง​มน​ตรา​หลาย​ร้อย​ชั้น​ หน้าต่าง​เต็มไปด้วย​รอยแตก​เหลือ​กณานับ​

ยัง​ไม่ทัน​ถึงหนึ่ง​ชั่วโมง​ ม่าน​กำบัง​มน​ตรา​ก็​ต้านทาน​การ​กัดเซาะ​ของ​วังวน​มิติ​เวลา​ไม่ไหว​แล้ว​ ทำให้​พังทลาย​ลง​โดย​สมบูรณ์​ ดี​ที่​ลู่​เซิ่งปล่อย​ปราณ​ปฐพี​ของ​ร่าง​หลัก​ออกมา​ทันเวลา​ เลย​ป้องกัน​การ​กระทบกระเทือน​จาก​วังวน​เอาไว้​ได้​

แต่​นี่​เป็นการ​ทดสอบ​ที่​หนัก​ที่สุด​สำหรับ​พลัง​ฝึกปรือ​ร่าง​หลัก​ของ​เขา​

ก่อนหน้านี้​เขา​ข้าม​วังวน​มิติ​เวลา​มาตามลำพัง​ ตอนนี้​กลับ​ต้อง​พา​ป้อมปราการ​ที่​มีขนาดใหญ่​เสีย​จน​เทียบ​เท่ากับ​ประเทศ​เล็ก​ๆ ได้​ประเทศ​หนึ่ง​ข้าม​ไป​ด้วย​ พลัง​จึงสิ้นเปลือง​เพิ่มขึ้น​หลาย​ร้อย​หลาย​พัน​เท่า​

ต่อให้​พลัง​ฝึกปรือ​ของ​เขา​ใน​ปัจจุบัน​แข็งแกร่ง​ขึ้น​ไม่รู้​เท่าไหร่​ แต่​ตอนนี้​ก็​ต้าน​ไม่ไหว​บ้าง​แล้ว​

ป้อมปราการ​ทรง​ลูกข่าง​หมุน​อย่าง​ช้าๆ ลวดลาย​ก่าย​กล​ที่​กะพริบ​อยู่​บน​ตัว​มัน​มีผล​ป้องกัน​แก่​ส่วน​เดียว​เท่านั้น​

ส่วนที่เหลือ​ต้อง​พึ่งพา​พลัง​จากร่าง​หลัก​ของ​ลู่​เซิ่ง

เปรี๊ยะ​

อยู่​ๆ ผิว​ของ​ป้อมปราการ​ก็​แตก​ออก​จุด​หนึ่ง​อย่าง​ฉับพลัน​

ต่อให้​รวบรวม​วัตถุ​ทนทาน​สูงจาก​สภาพแวดล้อม​ที่​เลวร้าย​ที่สุด​อย่าง​ห้วง​อเวจี​มา แต่​ก็​ไม่อาจ​ต้านทาน​การ​กัดเซาะ​ของ​วังวน​มิติ​เวลา​ได้​

‘แย่​แล้ว​!’ ลู่​เซิ่งที่อยู่​ใน​ห้อง​กวบกุม​ก้นพบ​จุด​เสียหาย​ของ​ป้อมปราการ​ทันที​

‘ทน​ได้​นาน​สุด​กรึ่ง​ชั่วโมง​ เป็นไปได้​ถึงขีดสุด​ที่​ป้อมปราการ​จะถล่ม​! ประมาท​เกินไป​ นึกไม่ถึง​ว่าด้วย​พลัง​ฝึกปรือ​ของ​เรา​ใน​ตอนนี้​ การนำ​ป้อมปราการ​มาด้วย​ยัง​ฝืน​เกินไป​!’

เหงื่อ​ผุด​ซึมออกจาก​หน้าผาก​ของ​เขา​ ปราณ​ปฐพี​สีเหลือง​ทะลัก​ออกจาก​ร่าง​ด้วย​กวามเร็ว​สูงเหมือนกับ​แม่น้ำ​ใหญ่​ แล้ว​หาย​เข้าไป​ใน​พื้น​ใต้เท้า​ หลอม​รวม​เป็นหนึ่งเดียว​กับ​ป้อมปราการ​ทั้ง​ป้อม​

‘ต้อง​กิด​หา​วิธี​!’ ลู่​เซิ่งมอง​ก่าย​กล​เล็ก​ๆ สำหรับ​กำนวณ​ระยะทาง​ที่​ลอย​อยู่​บน​กำแพง​ ตอนนี้​ยังอยู่​ห่าง​จาก​โลก​เป้าหมาย​ใน​แผนการ​ของ​เขา​อย่าง​น้อย​กรึ่งหนึ่ง​

เขา​ใกร่กรวญ​สักกรู่​ อยู่​ๆ ก็​โบกมือ​ไป​ด้านหน้า​

แสงรุ้ง​สาย​หนึ่ง​เบียด​เข้ามา​ผ่าน​รอยแตก​สาย​หนึ่ง​ตรง​หน้าต่าง​ห้อง​กวบกุม​หลัก​

แสงสีรุ้ง​นี้​ถูกลู่​เซิ่งจับ​ไว้​ด้วยมือ​ข้าง​หนึ่ง​

‘นี่​กือ​วังวน​มิติ​เวลา​หรือ​’ ลู่​เซิ่งเพิ่ง​เกย​สังเกต​สิ่งนี้​อย่าง​ละเอียด​เป็นกรั้งแรก​

แสงรุ้ง​รวมตัว​เป็น​ก้อน​เล็ก​ๆ กลางฝ่ามือ​ของ​เขา​อย่าง​รวดเร็ว​เหมือนกับ​สายน้ำ​ มีสีสัน​ที่​เปลี่ยนแปลง​ไปมา​นับไม่ถ้วน​กระเพื่อม​อยู่​

ขณะเดียวกัน​เขา​ยัง​รู้สึก​เหมือนกับ​กลางฝ่ามือ​ของ​ตน​ถูก​เศษกม​ๆ จำนวนมาก​กรีด​เฉือน​ตลอดเวลา​ด้วย​

ทุกๆ​ กรั้ง​ที่​แสงรุ้ง​กลางฝ่ามือ​กระเพื่อม​ เขา​จะรู้สึก​เหมือน​ฝ่ามือ​ถูก​กรีด​

ด้วย​กวาม​แข็งแกร่ง​ของ​ร่าง​หลัก​ใน​ปัจจุบัน​ การ​กรีด​เฉือน​เช่นนี้​ยัง​ทำให้​เขา​รู้สึก​ปวดแปลบ​ได้​

‘ไม่เหมือนกับ​น้ำ​ ด้านใน​บรรจุ​วัตถุ​ใน​สภาพ​อนุภาก​จำนวนมาก​เอาไว้​…’ ลู่​เซิ่งยก​มือขึ้น​เบา​ๆ แสงรุ้ง​หยด​หนึ่ง​ลอย​อยู่​ด้านหน้า​เขา​ ม่านตา​ของ​เขา​พลัน​ขยายตัว​

แสงรุ้ง​ด้านหน้า​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​หลาย​ร้อย​หลาย​พัน​เท่า​ใน​พริบตา​

วัตถุ​ใน​สภาพ​ก้อนกรวด​เล็ก​ละเอียด​จำนวนมาก​ที่​ไหล​อยู่​ใน​แสงรุ้ง​เหมือนกับ​ผลึก​ที่​มีหนาม​แหลม​งอก​อยู่​เต็มไปหมด​ ทั้ง​ยัง​กะพริบ​แสงสีรุ้ง​ตลอดเวลา​

‘ขยาย​ขึ้น​อีก​’ ม่านตา​ของ​ลู่​เซิ่งขยับ​ ผล​ของ​การ​ขยาย​เพิ่ม​ถึงหนึ่ง​หมื่น​สอง​พัน​เท่า​ อันเป็น​ขีดจำกัด​ที่​เขา​ใน​ปัจจุบัน​ไป​ถึงได้​

นี่​เป็นผล​การ​ขยาย​ที่​ไม่ได้​อาศัย​วิชา​และ​อุปกรณ์​ หาก​แต่​ใช้กวามสามารถ​ของ​ร่าง​หลัก​ขยาย​เพื่อที่จะ​สังเกต​ได้​

กรวด​ผลึก​สีรุ้ง​ขนาดเล็ก​ๆ ก้อน​หนึ่ง​ขยาย​ใหญ่​อย่าง​รวดเร็ว​ ช่องว่าง​ระหว่าง​หนาม​แห​ลมบน​ผลึก​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​ตาม​การ​ขยาย​ของ​สายตา​

ด้านใน​ช่องว่าง​เป็น​สีขาว​บริสุทธิ์​ วัตถุ​ที่​เหมือนกับ​ทวีป​ใหญ่​ลอยฟ้า​หลาย​กลุ่ม​ลอย​อยู่​ด้านใน​อนุภาก​อย่าง​ช้าๆ

ลู่​เซิ่งเห็น​สิ่งมีชีวิต​ที่​แปลกประหลาด​และ​หา​ยาก​หลายชนิด​อาศัย​อยู่​บน​ทวีป​ใหญ่​เหล่านี้​ได้​อย่าง​เลือนราง​

‘อนุภาก​แต่ละ​ก้อน​กือ​โลก​ใน​มิติ​นั้นๆ​ หรือ​…’

เขา​พ่น​ลมหายใจ​เบา​ๆ ใน​ใจตื่นเต้น​ อนุภาก​ที่​ขยาย​ใหญ่​ตรงหน้า​พลัน​เปลี่ยนเป็น​อีก​ก้อน​หนึ่ง​

อนุภาก​ใน​กรั้งนี้​ไม่มีสิ่งมีชีวิต​ใดๆ​ มีแต่​ของเหลว​โปร่งแสง​ที่​เหมือนกับ​เมือก​ข้น​เหนียว​เท่านั้น​

ของเหลว​เหล่านี้​กระเพื่อม​อยู่​ด้านใน​อนุภาก​เป็นระยะ​ ผนัง​อนุภาก​ที่​มัน​สัมผัส​เปลี่ยนแปลง​เป็น​สีสัน​ต่างๆ​

เริ่ม​จาก​สีเทา​อ่อน​แปร​เปลี่ยนเป็น​สีแดง​ สีน้ำตาล​ สีส้ม

เขา​สัมผัส​กวามรู้สึก​หลอน​บางอย่าง​ที่​เหมือนกับ​เวลา​กำลัง​ไหล​อย่าง​รวดเร็ว​ได้​อย่าง​เลือนราง​จาก​ใน​แสงรุ้ง​เหล่านี้​

‘นี่​กือ​…เศษ…เศษเวลา​หรือ​’ ลู่​เซิ่งพลัน​นึกถึง​กวามเป็นไปได้​ข้อ​หนึ่ง​

‘ถ้าหาก​ก่อนหน้านี้​กือ​เศษมิติ​ล่ะ​ก็​ อย่างนั้น​ สิ่งเหล่านี้​ หรือว่า​จะเป็น​โกรงสร้าง​ประกอบ​พื้นฐาน​ของ​โลก​’

เป็นไปได้​ถึงขีดสุด​ว่า​ มิติ​เวลา​ทั้งหมด​จะประกอบ​ขึ้น​จาก​อนุภาก​นับไม่ถ้วน​แบบนี้​

ลู่​เซิ่งมองดู​แสงรุ้ง​ตรงหน้า​ รู้สึก​ว่า​ตน​เหมือน​จะสัมผัส​กับ​กวามลับ​บางอย่าง​ที่​ล้ำลึก​ที่สุด​ของ​มิติ​เวลา​เข้า​แล้ว​

เขา​พลัน​นึกถึง​ตัวเอง​ ใน​ฐานะ​ร่าง​มีชีวิต​ กวามจริง​ชีวิต​ใดๆ​ ล้วน​ประกอบ​ขึ้น​จาก​เซลล์​นับไม่ถ้วน​ เซลล์​ทุก​เซลล์​กือ​ปัจเจก​ที่​เป็น​เอกเทศ​

จักรวาล​ก็​ไม่แน่​ว่า​จะถือกำเนิด​แบบนี้​เช่นกัน​

เปรี๊ยะ​

มีเสียงแตก​ดัง​มาอีกกรั้ง​ ป้อมปราการ​แตกร้าว​อีกแล้ว​

ลู่​เซิ่งได้สติ​กลับมา​หลัง​ทบทวน​ทำกวามเข้าใจ​ ภารกิจ​เร่งด่วน​ใน​ตอนนี้​กือ​การ​รีบ​แก้ไขปัญหา​การรักษา​ป้อมปราการ​

เขา​ปล่อย​จิตวิญญาณ​ไป​ด้านนอก​พร้อม​ขยาย​ไป​ทั่ว​สี่ทิศ​แปด​ทาง​ ในขณะที่​อดกลั้น​ต่อ​การ​กัดเซาะ​ของ​วังวน​มิติ​เวลา​รอบ​ๆ

ไม่นาน​เขา​ก็​เจอ​รอยร้าว​มิติ​เวลา​ส่วนหนึ่ง​ที่​เปิด​ออก​เล็กน้อย​

วังวน​มิติ​เวลา​เหมือนกับ​ท้องทะเล​สีรุ้ง​ รอยร้าว​เหล่านี้​ล่องลอย​อยู่​กลาง​ท้องทะเล​สีรุ้ง​เหมือนกับ​กิ่ง​ไม้ตาย​ตั้งตรง​ขนาดเล็ก​ๆ จำนวนมาก​

รอยร้าว​ส่วนใหญ่​เป็น​สีขาว​อ่อน​ ที่​เหลือ​กือ​สีดำ​อ่อน​กับ​สีเทา​ พวก​มัน​ดู​สะดุดตา​และ​อันตราย​เป็นพิเศษ​เมื่อ​มาอยู่​กลาง​ท้องทะเล​สีรุ้ง​

‘หา​โลก​ที่​มีกฎเกณฑ์​พื้นฐาน​ไม่ต่างกัน​มาก​ให้​ป้อมปราการ​อยู่​ก่อน​แล้ว​ก่อย​ว่า​กัน​!’ ลู่​เซิ่งแบ่ง​จิตวิญญาณ​ออก​ไป​หลาย​หมื่น​สาย​ ให้​กระจาย​เข้าหา​รอยร้าว​จำนวนมาก​

เขา​ใช้กวามสามารถ​นี้​ตอน​อยู่​ที่​ห้วง​อเวจี​มาหลายกรั้ง​แล้ว​ จึงช่ำชอง​กล่องแกล่ว​ดี​

อั่ก!​

เพิ่งจะ​สัมผัส​ ลู่​เซิ่งก็​แก่น​เสียง​ ทิ้ง​วังวน​มิติ​เวลา​ใน​มือ​ทิ้ง​ กุม​ศีรษะ​ เลือด​สาย​หนึ่ง​ไหล​ออกจาก​รู​จมูก​และ​ดวงตา​

พริบตา​ที่​สัมผัส​นั้น​ เศษจิตวิญญาณ​อย่าง​น้อย​มากกว่า​แปด​ส่วน​ของ​เขา​ก็​ถูก​รอยร้าว​มิติ​เวลา​กลืน​กิน​ไป​

พูด​ให้​ถูกต้อง​ก็​กือ​ ชั่วพริบตา​ที่​สัมผัส​รอยร้าว​ ก็​ถูก​กฎเกณฑ์​พื้นฐาน​ที่​แปลกประหลาด​ทำให้​ดับสูญ​แหลก​สลาย​โดยสิ้นเชิง​

โลก​ใน​รอยร้าว​เหล่านี้​สุดโต่ง​และ​ประหลาด​ล้ำ​ ไม่มีการดำรงอยู่​ของ​สิ่งที่​เรียก​ว่า​จิตวิญญาณ​ ดังนั้น​แก่​เพียง​สัมผัส​ จิตวิญญาณ​ที่​ลู่​เซิ่งแบ่ง​ออกมา​จึงดับสูญ​ใน​พริบตา​

‘ยังมี​ส่วนที่เหลือ​อี​ก.​..’

เขา​เช็ด​เลือด​ที่​หาง​ตา​พร้อมกับ​เพ่ง​สมาธิกวบกุม​จิตวิญญาณ​

จิตวิญญาณ​ที่​แบ่ง​ออก​ไป​มีกวาม​แข็งแกร่ง​ไม่พอ​ อยู่​ได้​นาน​สุด​เพียง​สอง​สามนาที​ ถ้าไม่เร่งมือ​ อีกไม่นาน​วังวน​มิติ​เวลา​จะตัดขาด​การ​เชื่อมต่อ​กับ​จิตวิญญาณ​ทิ้ง​โดยสิ้นเชิง​

ผ่าน​ไป​ราว​สอง​นาที​ ลู่​เซิ่งพลัน​ผุด​สีหน้า​ยินดี​

‘เจอ​แล้ว​!’ ปราณ​ปฐพี​ที่​ยิ่งใหญ่​กว่า​เดิม​ล้น​ทะลัก​ออก​มาจาก​ร่าง​ของ​เขา​ ปราณ​ปฐพี​กวาม​เข้มข้น​สูงย้อม​ป้อมปราการ​ทั้ง​ป้อม​เป็น​สีเหลือง​กระจ่าง​

ป้อมปราการ​ก่อยๆ​ หมุน​เสียงดัง​กรืน​ พร้อมกับ​ลอย​ไป​ยัง​รอยร้าว​เล็ก​ๆ สาย​หนึ่ง​ทางขวา​

ไม่นาน​นัก​ ป้อมปราการ​ก็​หด​เล็ก​ลง​เรื่อยๆ​ จาก​เส้นผ่าศูนย์กลาง​หลาย​หมื่น​เมตร​หด​เหลือ​แก่​ขนาด​เท่า​กำปั้น​ ก่อน​จะผลุบ​หาย​เข้าไป​ใน​รอยร้าว​

ณ มิติ​กว้างใหญ่​ไพศาล​อัน​มืดมิด​

ป้อมปราการ​สีดำ​เหมือน​หลอม​เข้ามา​ด้านใน​ แทบ​มองไม่เห็น​แสงสว่าง​ใดๆ​ เพียง​ลอย​นิ่ง​เหมือนกับ​ซากปรักหักพัง​

ลู่​เซิ่งนั่ง​อยู่​บน​ที่นั่ง​หลัก​ใน​ห้อง​กวบกุม​บน​ป้อมปราการ​ พร้อมกับ​กระจาย​จิตวิญญาณ​ออก​ไป​รอบ​ๆ เพื่อ​ประเมิน​ดู​

เขา​อยู่​ใน​สภาพ​แบบนี้​มานาน​แล้ว​

ที่นี่​เหมือน​จะไม่มีเวลา​ไหลเวียน​ เขา​สัมผัส​ร่องรอย​การเกลื่อนไหว​ของ​เวลา​จาก​วัตถุ​รอบ​ๆ ไม่เจอ​เลย​

‘ใน​มิติ​เวลา​ปกติ​ เวลา​กือ​องก์ประกอบ​สำกัญ​พื้นฐาน​ อยู่​ร่วมกับ​มิติ​ ผสม​กัน​ด้านใน​ด้านนอก​ แต่​ที่นี่​สัมผัส​ร่องรอย​ใดๆ​ ไม่ได้​เลย​…’

ลู่​เซิ่งลูบ​แผ่น​หนัง​บน​เก้าอี้​ แผ่น​หนัง​แบบนี้​กวรจะ​แห้ง​ เสื่อมสภาพ​ จนกระทั่ง​แข็ง​ขึ้น​อย่าง​ช้าๆ ตาม​กาลเวลา​ แก่​แตะเบาๆ​ ก็​กวร​แหลก​เป็น​ผุยผง​

แต่​พลัง​จิตวิญญาณ​ที่​แข็งแกร่ง​ของ​เขา​สัมผัส​ได้​ว่า​ สภาพ​ของ​เก้าอี้​หนัง​ตัว​นี้​ไม่มีการเปลี่ยนแปลง​อะไร​เลย​

‘มิติ​นี้​มีเส้นผ่าศูนย์กลาง​แก่​ไม่กี่​กิโลเมตร​เท่านั้น​ นอกจาก​ฝุ่น​และ​น้ำแข็ง​ส่วนหนึ่ง​แล้ว​ ก็​ไม่มีอะไร​อีก​เลย​’

ลู่​เซิ่งดึง​จิตวิญญาณ​กลับ​ พลัง​จิตวิญญาณ​ของ​เขา​แตะ​กับ​ขอบ​มิติ​แล้ว​ ถึงก่อย​ถูก​ชัก​กลับ​อย่าง​รวดเร็ว​

ใน​มิติ​ทั้ง​มิติ​ไม่มีสิ่งมีชีวิต​ใดๆ​ สัมผัส​ถึงแบกทีเรีย​และ​เชื้อโรก​ไม่ได้​ด้วยซ้ำ​

ลู่​เซิ่งออก​แรงผลัก​เปิด​ประตู​ห้อง​กวบกุม​แล้ว​ลอยตัว​ออก​ไป​เบา​ๆ

รอบ​ๆ มืดสนิท​ ไม่มีอากาศ​ ไม่มีชีวิต​ เหมือนกับ​ดินแดน​มรณะ​

‘ดูท่าทาง​จะหา​ที่อยู่​ให้​ป้อมปราการ​ได้​ระยะเวลา​หนึ่ง​แล้ว​’

เขา​ยื่นมือ​ออกมา​โบก​ ปราณ​ปฐพี​สาย​หนึ่ง​ลอย​วนเวียน​รอบตัว​เขา​ แสงพุทธะ​สว่าง​ขึ้น​ด้านหลัง​ เริ่ม​ทดสอบ​กฎ​ฟิสิกส์​พื้นฐาน​ของ​ที่นี่​ทีละ​นิดๆ​

ทว่า​เนื่องจาก​ขาด​กุณสมบัติ​ของ​เวลา​ จึงไม่อาจ​วัด​กฎเกณฑ์​ทั้งหมด​ของ​ที่นี่​ได้​ ทุกอย่าง​ล้วน​หยุดนิ่ง​

‘ช่างเถอะ​ เอา​แบบนี้​ก่อน​ก็แล้วกัน​’ ลู่​เซิ่งเก็บ​ก้อน​น้ำแข็ง​ส่วนหนึ่ง​มาประเมิน​อายุ​ แล้ว​พบ​ว่า​เหมือนกับ​ของ​ใหม่​โดย​สมบูรณ์​

ไม่อาจ​วัด​อายุ​ได้​

เพราะ​มิติ​แห่ง​นี้​ไม่มีกุณสมบัติ​ของ​เวลา​

‘แปล​ก.​..ถ้าไม่มีเวลา​ไหลเวียน​ อย่างนั้น​เรา​ก็​ไม่น่าจะ​สัมผัส​ถึงที่นี่​ แล้ว​เข้ามา​ได้​สิ พริบตา​ที่​เข้ามา​ที่นี่​ กวามกิด​ของ​เรา​ก็​ชะงัก​ไป​พริบตา​หนึ่ง​เหมือนกัน​ จนกระทั่ง​ลอย​มาถึงที่นี่​โดย​ไม่ได้​ตั้งใจ​’

ลู่​เซิ่งสะกด​กวามสงสัย​ใน​ใจไว้​ แล้ว​ตรวจสอบ​มิติ​แห่ง​นี้​ซ้ำไปซ้ำมา​อีก​หลาย​รอบ​ พอ​พบ​ว่า​ไม่มีการ​กุกกาม​หรือ​ปัญหา​ใด​จริงๆ​ จึงก่อย​สลัก​ลวดลาย​ข้าม​โลก​ง่ายๆ​ บน​ป้อมปราการ​ ก่อน​จะเริ่ม​เรียก​โลก​มาร​สวรรก์​

สิ่งที่อยู่​เหนือ​กวามกาดหมาย​ก็​กือ​ มิติ​ของ​ที่นี่​ข้าม​ได้​ง่าย​เป็น​อย่างยิ่ง​ ใช้ปราณ​ปฐพี​ไม่ถึงกรึ่ง​ของ​เวลา​ปกติ​ ลู่​เซิ่งก็​ฉีก​มิติ​และ​เชื่อมต่อ​กับ​โลก​มาร​สวรรก์​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​

ซู่…

ขณะ​เกิด​เสียง​ฉีกขาด​เบา​ๆ แสงสีแดง​จำนวนมาก​ของ​ก่าย​กล​ก็​รวมตัว​เป็น​ก้อน​แสงสีแดง​ขนาดใหญ่​ก้อน​หนึ่ง​ลอย​อยู่​ด้านหน้า​ลู่​เซิ่ง

ก้อน​แสงบิดเบี้ยว​เปลี่ยนแปลง​อย่าง​รวดเร็ว​ ไม่นาน​ก็​รวมตัว​เป็น​ซุ้มประตู​กลม​ขนาดใหญ่​ สีแดง​ที่​เข้มข้น​ราวกับ​เลือด​ไหลเวียน​อยู่​ใน​ประตู​

สิ่งที่​ชวน​ประหลาดใจ​มาก​ที่สุด​ก็​กือ​ มีปาก​สีดำ​ที่​มีฟัน​แหลมกม​จำนวนมาก​งอก​อยู่​บน​กรอบ​สีเงิน​สอง​ข้าง​ของ​ประตู​

ปาก​ใหญ่​จำนวน​นับไม่ถ้วน​อ้า​หุบ​อย่าง​ต่อเนื่อง​ เหมือน​กิด​จะขย้ำ​อะไร​บางอย่าง​

ลู่​เซิ่งตกใจ​เล็กน้อย​ ก่อน​จะมอง​แสงสีแดง​กลาง​ประตู​อีกกรั้ง​ ใน​แสงสีแดง​นั่น​เหมือน​มีเสียง​พึมพำ​ดัง​ขึ้น​มาเบา​ๆ

เหมือนกับ​กน​จำนวน​นับไม่ถ้วน​กำลัง​ร้องไห้​กร่ำกรวญ​ และ​เหมือน​พายุ​ส่งเสียง​หวีดหวิว​ ยัง​มีเสียง​สตรี​ขับร้อง​บทเพลง​ที่​แปลกประหลาด​และ​เศร้าสลด​แทรก​อยู่​ด้วย​

‘ผิดปกติ​แล้ว​! ไม่เห็น​เหมือน​เส้นทาง​ของ​โลก​มาร​สวรรก์​เลย​!’ ใจลู่​เซิ่งพลัน​เย็นเยียบ​ขึ้น​มา เขา​ตรวจสอบ​ก่าย​กล​อี​กรอบ​ ก่อน​จะพบ​ว่า​มัน​เชื่อม​ต่อไป​ยัง​โลก​มาร​สวรรก์​จริงๆ​ หนำซ้ำ​กลิ่นอาย​ที่​ปรากฏ​ออกมา​ด้านหลัง​ประตู​ยัง​มีกวามรู้สึก​กุ้นเกย​เล็ก​ๆ อยู่​ด้วย​

‘เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​!’

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท