บทที่ 747 หวนกลับ (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

‘ปรากฏการณ์​เช่นนี้​…จำได้​ว่า​คัมภีร์​โบราณ​เหมือน​จะเคย​พูดถึง​อยู่​…’

ลู่​เซิ่งมอง​ประตู​ใหญ่​ตรงหน้า​ สมอง​นึก​เชื่อมโยง​ถึงบันทึก​ที่​เคย​อ่าน​ใน​ห้องสมุด​ของ​นคร​ตราชั่ง​

‘นี่​คือ​…การ​รุกราน​โลก​หรือ​’

โลก​มาร​สวรรค์​มัก​สร้าง​พายุ​คาวเลือด​หยาดฝน​โลหิต​บน​โลก​ใบ​อื่นๆ​ ดังนั้น​จึงคุ้นเคย​กับ​การเปลี่ยนแปลง​ของ​ประตู​แห่ง​โลกา​ที่​มีความ​พิเศษ​แบบนี้​มาก​

ลู่​เซิ่งเคย​อ่าน​บันทึก​ที่​มีความคล้าย​กัน​ซึ่งบอ​กว่า​ ตอนที่​โลก​พบ​เจอ​การ​บุกรุก​ ประตู​แห่ง​โลกา​จะปรากฏ​การ​แจ้งเตือน​คล้ายๆ​ กัน​นี้​

‘น่าสนใจ​…ใคร​กัน​หนอ​กล้า​บุก​โลก​มาร​สวรรค์​…’ ใน​โลก​ทั้งหมด​ที่​ลู่​เซิ่งรู้จัก​ตอนนี้​และ​พานพบ​มาแม้โลก​มาร​สวรรค์​จะไม่ใช่โลก​ที่​มีระดับ​พลัง​สูงสุด​ แต่​ก็​ถือเป็น​โลก​ไม่กี่​ใบ​ที่อยู่​ใน​ระดับ​สุดยอด​

ผู้ยิ่งใหญ่​ขอบเขต​มายา​พิศวง​แทบ​ทุกคน​ล้วน​เป็น​บุคคล​ระดับ​ราชัน​ที่​สร้าง​ความวุ่นวาย​ให้​แก่​โลก​ใบ​อื่นๆ​ ได้​ ตอนนี้​ถึงกับ​มีคน​กล้า​เหยียบ​เข้า​บ้าน​ของ​เหล่า​ผู้ยิ่งใหญ่​

ลู่​เซิ่งเกิด​ความสนใจ​ทันที​ ‘กลับ​ไป​ก่อน​ค่อย​ว่า​กัน​’

เขา​ทิ้ง​สัญลักษณ์​ไว้​บน​ป้อมปราการ​อย่าง​ช่ำชอง​

นี่​เป็น​สัญลักษณ์​ที่​เขา​สร้าง​ขึ้น​มาเพื่อ​ใช้เชื่อมต่อ​ระหว่าง​โลก​ทั้งสอง​ จะส่งสัญญาณโดยอัตโนมัติ​เพื่อ​แสดงถึง​สภาพ​ของ​ตัวเอง​ทุกๆ​ ช่วงเวลา​หนึ่ง​

เมื่อ​เป็น​แบบนี้​ เขา​จะจัดการ​ปัญหา​ใดๆ​ ที่​อาจ​เกิด​ขึ้นกับ​ป้อมปราการ​ได้​ทันเวลา​

เขา​ไม่อยาก​จะกลับ​ไป​ แล้ว​พอ​กลับมา​อีกครั้ง​ ป้อมปราการ​ก็​ถูก​ทำลาย​เพราะ​อุบัติเหตุ​บางอย่าง​

หลังจาก​ติดตั้ง​สัญญาณระหว่าง​โลก​เรียบร้อย​แล้ว​ ลู่​เซิ่งก็​มอง​ประตู​แห่ง​โลกา​ด้านหน้า​อี​กรอบ​ ในที่สุด​ก็​ก้าว​เท้า​เข้าไป​ด้านใน​

ซู่…

ด้านหน้า​เปลี่ยนแปลง​พร่ามัว​ พริบตาเดียว​เขา​ก็​เข้าไป​ใน​เส้นทาง​สีแดง​เลือด​ที่​หมุน​วน​เป็นเกลียว​สาย​หนึ่ง​

บิน​ตาม​เส้นทาง​ไป​ด้านหน้า​ ไม่ถึงสิบ​วินาที​ เขา​ก็​พุ่ง​ออกจาก​เส้นทาง​สีเลือด​เหมือนกับ​โผล่​พ้น​ผิวน้ำ​

ด้านหน้า​เปิดกว้าง​โดยพลัน​

เพดาน​โลหะ​สีดำ​ที่​เต็มไปด้วย​วงจร​ มีอากาศ​ที่​ให้​ความรู้สึก​หล่อลื่น​มัน​มะเมื่อ​มดั่ง​โลหะ​จางๆ ไหลเวียน​อยู่​

ตอนที่​ลู่​เซิ่งได้สติ​กลับมา​ ตนเอง​ก็​ยืน​อยู่​ใน​ห้อง​โลหะ​สีดำ​ไม่ใหญ่​ไม่เล็ก​แห่ง​หนึ่ง​แล้ว​ พื้น​เต็มไปด้วย​ค่าย​กล​ข้าม​มิติ​อันเป็น​ประตู​แห่ง​โลกา​ที่​สลัก​ลวดลาย​ไว้​เต็มไปหมด​

เขา​หันไป​มอง​ด้านหลัง​ แล้ว​ใช้จิต​ควบคุม​ให้​ประตู​แห่ง​โลกา​สีแดง​เลือด​หด​จาก​ขนาด​เท่า​หนึ่ง​คน​ครึ่ง​เหลือ​ขนาด​เท่า​ปลาย​เข็ม​ รักษาการ​เชื่อมต่อ​อ่อน​ๆ กับ​โลก​ป้อมปราการ​ไว้​เพื่อ​สะดวก​ใน​การ​ส่งข่าวสาร​เท่านั้น​

พอ​จัดการ​ทุก​อย่างนี้​เสร็จ​ ลู่​เซิ่งก็​ตรวจสอบ​ความสมบูรณ์​ของ​ค่าย​กล​รอบ​ๆ อย่าง​รวดเร็ว​

อีกสักครู่​หนึ่ง​ เขา​ก็​พยักหน้า​อย่าง​พอใจ​ มีคน​คอย​ซ่อมบำรุง​ค่าย​กล​อยู่​ตลอด​ จึงไม่เสียหาย​หรือ​เสื่อมสภาพ​แม้แต่น้อย​

‘การ​ไป​โลก​มังกร​สีรุ้ง​ใน​ครั้งนี้​ใช้เวลานาน​เหลือเกิน​ เจอ​อะไร​มากมาย​ ราวกับ​ไม่ได้​ไป​แค่​สิบ​กว่า​ปี​ แต่​เหมือน​ไป​หลาย​ร้อย​ปี​มากกว่า​…’ เขา​พิจารณา​ห้อง​ข้าม​มิติ​ มีความรู้สึก​คุ้นเคย​แต่​ก็​เหินห่าง​

เปรี้ยง​!

อยู่​ๆ ประตู​ห้อง​ก็​ถูก​ชน​เปิด​ เด็กผู้ชาย​อ่อนแอ​เจ้าของ​ผม​สั้น​สีทอง​เข้ม​คน​หนึ่ง​อุ้ม​อุปกรณ์​พะรุงพะรัง​กล่อง​หนึ่ง​พุ่ง​เข้ามา​ใน​ห้อง​

“ทัวห​ลัน​ เกิดเรื่อง​อีกแล้ว​ รีบ​เอา​วัสดุ​มาให้​ข้า​เร็ว​!” เด็กผู้ชาย​หันกลับ​ไป​ตะโกน​หลัง​พุ่ง​เข้ามา​

“รู้​แล้ว​!”

เสียง​ของ​ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​ดัง​มาจาก​ห้อง​ที่อยู่​ไกลๆ​

ครั้น​ลู่​เซิ่งเห็น​เขา​ ค่อย​นึกออก​ว่า​ตน​อยู่​ที่ไหน​

เขา​อยู่​บน​เรือ​เหาะ​ของ​ตัวเอง​

ชายหนุ่ม​ผู้​นี้​มีชื่อว่า​บัน​ไซ เป็น​ปรมาจารย์​ค่าย​กล​ที่​ลู่​เซิ่งค้นพบ​ความ​อัจฉริยะ​ของ​เขา​และ​ชวน​เป็น​พวก​

อีก​คน​หนึ่ง​ยังมี​ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​เด็กสาว​รับใช้​ที่​เขา​เก็บ​ได้​

เดิมที​บัน​ไซกำลัง​กินข้าว​อยู่​ พลัน​ได้ยิน​เสียง​แจ้งเตือน​เสียด​หู​ดัง​มาจาก​ค่าย​กล​ จึงรีบ​อุ้ม​อุปกรณ์​พุ่ง​เข้ามา​ ช่วงนี้​เขา​เจอ​เรื่อง​แบบนี้​มาหลาย​รอบ​แล้ว​ ทุกๆ​ ครั้ง​เพียง​ซ่อมแซม​ก็​แก้ไขปัญหา​ได้​

ด้วย​ระดับ​ค่าย​กล​ของ​เขา​ แม้ค่าย​กล​ข้าม​โลก​จะซับซ้อน​ แต่​ก็​ใช่ว่า​จะปรับ​ให้​เรียบง่าย​ไม่ได้​

ทว่า​ครั้งนี้​ ตอน​เขา​อุ้ม​กล่อง​อุปกรณ์​พุ่ง​เข้า​ค่าย​กล​มา กลับ​ยืน​งงอยู่กับที่​

ประตู​แห่ง​โลกา​สีแดงเข้ม​เปิด​ออก​ตั้งแต่​ตอน​ไหน​ก็​ไม่ทราบ​ ทั้ง​ยัง​เหลือ​รู​เล็ก​ๆ ขนาด​เท่า​ปลาย​เข็ม​ลอย​อยู่​กลางอากาศ​

บุรุษ​ร่าง​สูงใหญ่​ที่​มีรูปร่าง​ล่ำ​บึก​และ​เครื่อง​หน้า​หล่อเหลา​ยืน​อยู่​ด้านหน้า​รู​ประตู​บาน​เล็ก​

ทั้งสอง​จ้อง​ตา​กัน​ ไม่นาน​บัน​ไซก็​รู้สึกตัว​

“จ๊าก​!” สีหน้า​เขา​แปรเปลี่ยน​ กรีดร้อง​เสียงดัง​

“ท่าน​ๆๆๆ!” กล่อง​อุปกรณ์​ใน​มือ​เขา​หล่น​โครม​ลงพื้น​ ส่วนตัว​เขา​ก็​ร้อง​โวยวาย​อย่าง​สับสน​

ลู่​เซิ่งเข้าใจ​ได้​ว่า​ทำไม​เขา​ถึงโวยวาย​ขนาด​นี้​ อย่างไร​เวลา​ของ​โลก​มังกร​สีรุ้ง​ก็​มีความเร็ว​ที่​หนึ่งต่อหนึ่ง​ร้อยห้าสิบ​

เขา​อยู่​ที่นั่น​เกือบ​ยี่สิบ​กว่า​ปี​ เมื่อ​แปลง​ค่า​ดู​ ที่นี่​ก็​ผ่าน​ไป​สอง​เดือน​กว่า​ๆ แล้ว​

อีก​สักพัก​ เด็กสาว​ผม​ขาว​ที่​อุ้ม​กล่อง​วัสดุ​ขนาด​เท่ากัน​คน​หนึ่ง​ก็​ผลุนผลัน​พุ่ง​เข้ามา​ใน​ห้อง​

“เกิด​อะไร​ขึ้น​!?” ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​เพิ่งจะ​ถาม ก็​เห็น​ลู่​เซิ่งที่​ยืน​อยู่​ใน​ค่าย​กล​

“อ้าว​ นาย​ท่าน​ ยินดีต้อนรับ​กลับ​เจ้าค่ะ​” สีหน้า​นาง​สงบนิ่ง​ลง​อย่าง​รวดเร็ว​ พร้อมกับ​ใช้มือ​อุด​ปาก​บัน​ไซที่​ร้อง​เอะอะ​ไว้​ จากนั้น​ก็​คุกเข่า​ทำความเคารพ​ลู่​เซิ่งอย่าง​นอบน้อม​

“ข้า​ไป​นาน​ขนาด​ไหน​” ลู่​เซิ่งถาม

“หลังจาก​ท่าน​ข้าม​มิติ​เมื่อ​ครั้งก่อน​ ก็​ผ่าน​ไป​สอง​เดือน​กับ​อีก​เจ็ด​วัน​แล้ว​เจ้าค่ะ​” ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​ให้​คำตอบ​ที่​แม่นยำ​อย่าง​รวดเร็ว​

“ไม่เลว​ พวก​เจ้าซ่อม​ค่าย​กล​ไป​ก่อน​ จากนั้น​ไป​รอ​ข้า​ที่​ห้องประชุม​ ข้า​มีเรื่อง​บางอย่าง​จะมอบหมาย​ให้​พวก​เจ้าทำ​” ลู่​เซิ่งว่า​พลาง​พยักหน้า​

“เจ้าค่ะ​!”

ลู่​เซิ่งออกจาก​ห้อง​ค่าย​กล​และ​กลับ​ห้องนอน​ของ​ตัวเอง​

สิ่งที่​เขา​ได้​จาก​การ​ไป​โลก​มังกร​สีรุ้ง​ใน​ครั้งนี้​จะบอ​กว่า​ไม่เยอะ​ไม่ได้​ อย่าง​อื่น​ไม่ต้อง​พูดถึง​ แค่​พลัง​อาวรณ์​จำนวน​มหาศาล​ก็​ทำให้​เขา​พึงพอใจ​กับ​การ​เดินทาง​ครั้งนี้​แล้ว​

พลัง​อาวรณ์​เกือบ​แปดสิบ​กว่า​ล้าน​หน่วย​มาก​พอให้​เขา​เรียนรู้​ขอบเขต​ถัดไป​ได้​อย่าง​แน่นอน​

เมื่อ​มาถึงระดับ​นี้​ เหล่า​ผู้ยิ่งใหญ่​มายา​พิศวง​คือ​บุคคล​ระดับ​ปรมาจารย์​ใน​การ​สร้าง​วิชา​ของ​ตัวเอง​แล้ว​ การฝึกฝน​วรยุทธ์​ตาม​แบบแผน​ไม่มีความคุ้มค่า​อีกต่อไป​

ลู่​เซิ่งเดา​ว่า​ สิ่งที่​ผู้ยิ่งใหญ่​ระดับ​นี้​ฝึกฝน​ น่าจะเป็น​ทิศทาง​ในระดับ​ที่สูง​กว่า​เดิม​ซึ่งแตกต่าง​จาก​วรยุทธ์​ โดย​ใช้ทิศทาง​การฝึกฝน​พัฒนา​ที่​แตกต่าง​กันมาแบ่งระดับ​การฝึกฝน​ของ​ตัวเอง​

เหมือนกับ​วิทยาการ​บน​โลก​ใบ​เดิม​ที่​แบ่ง​ออก​เป็น​ยุค​เครื่องมือ​ ยุค​ไอ​น้ำ​ ยุค​ไฟฟ้า และ​ยุค​ข้อมูล​

ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​มายา​พิศวง​คนเดียว​คือ​ประวัติศาสตร์​วิวัฒนาการ​ของ​สิ่งมีชีวิต​ส่วนหนึ่ง​

ลู่​เซิ่งเก็บ​ของ​ที่​นำมา​ด้วย​ใน​ครั้งนี้​ไว้​ใน​ห้องนอน​ของ​ตัวเอง​ อาวุธ​เทพ​ที่​นำมา​ด้วย​ชำรุด​เสียหาย​ไป​เป็นส่วนใหญ่​หลังจาก​การข้าม​โลก​

แสดงให้เห็น​ว่า​กฎเกณฑ์​ของ​โลก​มาร​สวรรค์​ไม่อาจ​ประคับประคอง​โครงสร้าง​ของ​อาวุธ​เทพ​พวก​นี้​ได้​ พูด​อีก​อย่าง​ก็​คือ​ โครงสร้าง​วัตถุ​ที่​ก่อตัว​บน​โลก​มังกร​สีรุ้ง​ได้​ไม่อาจ​กลาย​เป็นรูปเป็นร่าง​ได้​เมื่อ​อยู่​ใน​โลก​มาร​สวรรค์​

อาวุธ​เทพ​และ​อาวุธ​กึ่ง​เทพ​กอง​ใหญ่​ของ​ลู่​เซิ่งเหลือ​แค่​สามชิ้น​ที่​ยังอยู่​ใน​สภาพ​ดี​ แต่​พลัง​เทพ​บน​อาวุธ​สามชิ้น​นี้​ต่าง​กระจัดกระจาย​ไป​หมด​แล้ว​

โลก​มาร​สวรรค์​ไม่มีพลัง​เทพ​ดำรงอยู่​ ดังนั้น​สิ่งที่เหลืออยู่​จึงเป็น​อุปกรณ์​ธรรมดา​ที่​ค่อนข้าง​คม​กว่า​อาวุธ​ทั่วไป​เท่านั้น​

‘สุดท้าย​ความเจริญรุ่งเรือง​ของ​มังกร​สีรุ้ง​ก็​คงอยู่​หลาย​ปี​ ดี​ที่​ถือว่า​เรา​สะสางผลกรรม​เรียบร้อย​แล้ว​ ลู่​เซิ่งสัมผัส​จิตวิญญาณ​ของ​ตัวเอง​ จิตวิญญาณ​ของ​มังกร​สีรุ้ง​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​ได้​หลอม​รวม​เข้ากับ​จิตวิญญาณ​ของ​ตัวเอง​แล้ว​จริงๆ​’

เพียงแต่​เป็น​เพราะ​พลัง​จิตวิญญาณ​ของ​เขา​ใน​ตอนนี้​แข็งแกร่ง​เกินไป​ พลัง​วิญญาณ​ของ​อีก​ฝ่าย​จึงสัมผัส​ได้​อย่าง​อ่อน​จางยิ่ง​ เหมือน​น้ำ​หยด​หนึ่ง​รวม​เข้ากับ​แม่น้ำ​ใหญ่​

แต่​น้ำ​หยด​นี้​กลับ​มอบ​ความรู้สึก​เหมือน​ตัวเอง​สมบูรณ์​ขึ้น​ให้​กับ​เขา​

ความหนาแน่น​และ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​จิตวิญญาณ​เพิ่มขึ้น​เท่า​หนึ่ง​

คาด​ว่า​หาก​เป็น​แบบนี้​ต่อไป​ ดูดซับ​อีก​สี่ห้า​รอบ​ ก็​จะไป​ถึงขีดจำกัด​ที่​จิตวิญญาณ​รอง​รับได้​ ถึงขั้น​มีโอกาส​ข้าม​สู่ขอบเขต​ต่อไป​ได้​อัตโนมัติ​ อย่างไร​ขอบเขต​ที่สาม​ของ​วัฏจักร​ลวง​ก็​ไม่ยาก​ เพียง​ต้องการ​การสั่งสม​ที่​มาก​พอ​เท่านั้น​

‘จากนั้น​ก็​เป็น​ผลลัพธ์​อย่าง​ที่​สาม…’ ลู่​เซิ่งใช้ความคิด​เล็กน้อย​ เศษเนื้อ​นับไม่ถ้วน​โผล่​ขึ้น​ด้านหลัง​ นี่​เหมือนกับ​เนื้อ​สับ​มากมาย​ที่​ถูก​สับ​จน​เละ​

นี่​เป็น​เนื้อ​ของ​ร่าง​หลัก​ที่​เขา​กระจาย​ไป​ยัง​ห้วง​อเวจี​ ยมโลก​และ​มิติ​อื่น​

เนื้อ​พวก​นี้​กิน​สารอาหาร​มาก​พอ​จาก​ทุก​สถานที่​และ​ได้​กลายเป็น​พลังงาน​สำรอง​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​ของ​เขา​ไป​แล้ว​

มัน​สามารถ​ทำให้​กาย​เนื้อ​ของ​เขา​แข็งแกร่ง​และ​คืนชีพ​ได้ดี​ยิ่งขึ้น​

มาร​สวรรค์​เป็น​ตัวตน​อัน​น่ากลัว​ที่​มีจิตวิญญาณ​แข็งแกร่ง​ถึงขีดสุด​ จึงควบคุม​กาย​เนื้อที่​แข็งแกร่ง​มาก​ๆ ได้​อย่าง​ง่ายดาย​

เพียงแต่​เป็น​เพราะ​เคยชิน​กับ​การข้าม​โลก​และ​การ​จุติ​ กอปร​กับ​เห็น​กาย​เนื้อ​เป็น​อุปกรณ์​ที่​ใช้คืนชีพ​และ​เปลี่ยน​ได้​ทุกเวลา​ มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​ส่วนใหญ่​จึงไม่มีกาย​เนื้อที่​แข็งแกร่ง​เกินไป​

แต่​เที่ยว​นี้​ ลู่​เซิ่งได้​ใช้ประโยชน์​จาก​ความ​พิเศษ​ใน​กาย​เนื้อที่​ตัวเอง​พัฒนา​ออกมา​ กลืน​กิน​สารอาหาร​สำรอง​ไป​เป็น​จำนวนมาก​

เนื้อ​สับ​สีแดงเข้ม​กลายเป็น​จาน​กลม​และ​ลอย​อยู่​ด้าน​หลังเขา​

‘เนื้อ​กอง​นี้​เรียก​ว่า​ฐาน​เลือดเนื้อ​ก็แล้วกัน​ ใช้เป็น​รากฐาน​สำหรับ​เสริม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​แก่​กาย​เนื้อ​ของ​เรา​ต่อจากนี้​’

ฐาน​เลือดเนื้อ​นี้​ดูดซับ​สิ่งมีชีวิต​ที่​เป็น​ปรปักษ์​ทั้งหมด​ใน​ห้วง​อเวจี​และ​ยมโลก​ รวมถึง​สารอาหาร​มากมาย​จาก​มิติ​ต่างๆ​ สุดท้าย​จึงค่อย​รวมตัวกัน​และ​เกิดขึ้น​มา

หาก​เอา​มาปั้น​กาย​เนื้อ​ของ​ลู่​เซิ่ง จะปั้น​ได้​หลาย​สิบ​ครั้ง​อย่าง​ง่ายดาย​ แน่นอน​ว่า​ลู่​เซิ่งย่อม​ไม่เอา​มาสร้าง​กาย​เนื้อ​ง่ายๆ​ แค่นี้​ เขา​ย่อม​ใช้ประโยชน์​มากกว่า​นั้น​

‘จากนั้น​คือ​พลัง​ฝึกปรือ​…’ ลู่​เซิ่งสัมผัส​การเปลี่ยนแปลง​ใน​ร่างกาย​

‘ดี​ป​บลู​’ เขา​นึกในใจ​

ไม่นาน​กรอบ​สีฟ้าก็​เด้ง​ขึ้น​ด้านหน้า​ ลู่​เซิ่งเพ่ง​สายตา​ที่​กรอบ​ใหม่​สุด​อย่าง​รวดเร็ว​

[เคล็ด​พัน​เท​วะ​: ระดับ​ที่​สิบเอ็ด​ (คุณสมบัติพิเศษ​: กาย​อมตะ​พัน​เท​วะ​, ฐาน​เลือดเนื้อ​, หล่อเลี้ยง​สรรพสิ่ง​, ประกาย​วิญญาณ​อุดมสมบูรณ์​, อารยธรรม​ก้าว​กระโดด​]

‘ตอนนี้​เรา​อยู่​ใน​ขอบเขต​ที่สอง​ของ​วัฏจักร​ลวง​ โลก​รูป​จิต​ใน​ร่าง​สนับสนุน​เรา​มากกว่า​ขอบเขต​แรก​ หนำซ้ำ​วิญญาณ​ของ​สามเผ่าพันธุ์​ที่​ใส่เข้าไป​ก่อนหน้านี้​ยัง​มอบ​พลัง​ที่​ใช้ขยาย​โลก​รูป​จิต​ให้​เรา​เป็น​จำนวนมาก​ด้วย​ เทียบ​กับ​ขอบเขต​แรก​แล้ว​ ปราณ​ปฐพี​ที่​เรา​ควบคุม​ได้​เพิ่มขึ้น​กว่า​เดิม​เกือบ​หนึ่ง​เท่าตัว​ การควบคุม​อย่าง​ละเอียด​ต่อ​ปราณ​ปฐพี​ก็​เพิ่มขึ้น​ขั้น​หนึ่ง​เหมือนกัน​ ใน​โลก​รูป​จิต​เอง​ก็​เริ่ม​สร้าง​กลไก​วัฏจักร​แล้ว​…’

ลู่​เซิ่งไม่รู้​ว่า​การเปลี่ยนแปลง​ของ​โลก​รูป​จิต​มีผลดี​อะไร​กับ​ตัวเอง​บ้าง​ แต่ว่า​มัน​ยิ่ง​สมบูรณ์​เท่าไหร่​ จิตใจ​ของ​เขา​ก็​เกิด​ความรู้สึก​อิ่มเอิบ​และ​พึงพอใจ​ที่​ไม่อาจ​อธิบาย​ได้​มาก​เท่านั้น​

ทว่า​พลัง​ของ​ตัวเอง​เพิ่มขึ้น​เท่าไหร่​นั้น​ เขา​ยัง​ไม่ได้​สัมผัส​กับ​ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​เดียวกัน​มาก​นัก​ จึงไม่อาจ​ทราบ​ได้​

ก๊อก​ๆๆ

เสียงเคาะ​ประตู​แผ่วเบา​ดัง​มาจาก​ด้านนอก​อย่าง​ฉับพลัน​

“นาย​ท่าน​ ด้านนอก​มีผู้​บำเพ็ญ​มาสอง​สามคน​เจ้าค่ะ​ บอ​กว่า​ต้องการ​มาเยี่ยม​ท่าน​”

ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​เอ่ย​ขึ้น​ด้านนอก​ประตู​

“ผู้​บำเพ็ญ​หรือ​” ลู่​เซิ่งงุนงง​ ที่นี่​อยู่​ใน​แถบ​อุกกาบาต​แถบ​หนึ่ง​อันเป็น​ชายขอบ​อาณาเขต​ขุม​กำลัง​ของ​สำนัก​นที​คราม​

แถบ​อุกกาบาต​ใช้ซ่อนตัว​ได้​ไม่เลว​มาโดยตลอด​ หนำซ้ำ​ตน​เพิ่งจะ​กลับมา​ ผู้​บำเพ็ญ​พวก​นี้​พบ​เขา​ได้​อย่างไร​

“คน​ของ​สำนัก​นที​คราม​หรือ​” เขา​ส่งเสียง​ถาม

“เจ้าค่ะ​” ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​ตอบ​

“งั้น​ก็​ไป​พบ​ด้วยกัน​เถอะ​” ลู่​เซิ่งครุ่นคิด​ ก่อน​จะเก็บ​ฐาน​เลือดเนื้อ​และ​ลุก​ไป​เปิด​ประตู​

ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​ติดตาม​อยู่​ด้าน​หลังเขา​ ทั้งสอง​มาถึงหน้าต่าง​สังเกตการณ์​ของ​เรือ​เหาะ​อย่าง​รวดเร็ว​ ก่อน​จะเห็น​คน​สวม​ชุด​คลุม​สีขาว​สามคน​ บน​ร่าง​คน​สวม​ชุด​คลุม​สีขาว​ทั้ง​สามคน​มีสัญลักษณ์​สำนัก​นที​คราม​อันเป็น​ใบ​ไตร​บรรณ​[1]ติด​อยู่​

ผู้นำ​เป็น​ผู้​บำเพ็ญ​หญิง​ที่​มีรูปลักษณ์​หมดจด​และ​บุคลิก​อบอุ่น​ ผม​ดำ​ของ​นาง​ระ​อยู่​บน​บ่า​ ปาก​เล็ก​สีแดง​ ดวงตา​แวววาว​ดั่ง​สายน้ำ​ฤดู​สารท​ ทำให้​คน​เกิด​ความรู้สึก​ดี​อย่าง​ไม่รู้ตัว​

……………………………………….

[1] ไตร​บรรณ​ คือ​ หญ้า​แฌมร็อค​ มีลักษณ์​คล้าย​กับ​ใบ​โค​เวอร์​ แต่​มีใบ​แค่​สามใบ​

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท