บทที่ 748 หวนกลับ (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

สวี่เยวี่ยห​ลิง​เป็นหนึ่ง​ใน​ผู้อาวุโส​ถ่ายทอดวิชา​ของ​สำนัก​นที​คราม​ เดิมที​สิ่งที่​นาง​ควร​ทำ​คือ​การ​ถ่ายทอด​วรยุทธ์​อยู่​ใน​สำนัก​ แต่​เที่ยว​นี้​ตรวจสอบ​เจอ​ว่า​ใน​แถบ​อุกกาบาต​กลุ่ม​นี้​มีสุดยอด​ผู้​เข้มแข็ง​เร้น​กาย​อยู่​ ด้วย​สำนัก​สู้กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​มานาน​ ผู้​เข้มแข็ง​จำนวนมาก​จำต้อง​ลง​สู่สมรภูมิ​ ทำให้​ผู้​เข้มแข็ง​ที่​มีความสำคัญ​ที่​ออกมา​ปฏิบัติการ​ได้​ใน​ช่วง​เวลานี้​จึงเหลือ​แค่​นาง​กับ​คน​อีก​สิบ​กว่า​คน​เท่านั้น​

และ​เนื่องจาก​ภาพลักษณ์​ของ​นาง​โดดเด่น​ที่สุด​ ภารกิจ​นี้​จึงตกเป็นของ​นาง​โดยปริยาย​

นาง​กับ​ศิษย์​สอง​คน​ลอย​อยู่​ด้านนอก​แถบ​อุกกาบาต​มาได้​สักพัก​หนึ่ง​แล้ว​

ทว่า​ทั้ง​สามคน​ไม่หงุดหงิด​แม้แต่น้อย​

อย่างไร​ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​ผู้ยิ่งใหญ่​ก็​มีความทะนง​ตน​ของ​ตัวเอง​

ต่อให้​นาง​จะเป็น​ปรมาจารย์​ขอบเขต​ลวงตา​ แต่​เมื่อ​เผชิญหน้า​กับ​ผู้ยิ่งใหญ่​ขอบเขต​มายา​พิศวง​ ก็​ไม่กล้า​รีบร้อน​ ได้​แต่​รอคอย​อย่าง​เงียบๆ​ และ​ว่าง่าย​

ผ่าน​ไป​ราว​ครึ่ง​ชั่วโมง​

ในที่สุด​แสงสีทอง​จุด​หนึ่ง​ก็​ค่อยๆ​ ปรากฏ​ใน​แถบ​อุกกาบาต​ กระแส​อากาศ​สีเหลือง​เข้ม​กลุ่ม​หนึ่ง​พุ่ง​ออกมา​รวมตัว​เป็น​ใบหน้า​ของ​บุรุษ​ที่​เย็นชา​และ​เคร่งขรึม​ด้านหน้า​คน​ทั้ง​สาม

“เหตุใด​สำนัก​นที​คราม​มาหา​ข้า​อย่าง​กะทันหัน​เช่นนี้​ มีอะไร​ก็​รีบ​พูด​มา”

ลู่​เซิ่งกับ​สำนัก​นที​คราม​ไม่ได้​มีความขัดแย้ง​อะไร​กัน​ กลับกัน​เขา​ยัง​กลัว​อยู่​เนืองๆ​ อย่างไร​ครั้งกระโน้น​เขา​ก็ได้​ทำลาย​ดาวเคราะห์​ดวง​หนึ่ง​ของ​อีก​ฝ่าย​ไป​ แถมยัง​ทำให้​คน​จำนวนมาก​ตก​ตาย​ไป​ด้วย​

“ข้าน้อย​สวี่เยวี่ยห​ลิง​ผู้อาวุโส​นที​คราม​ คำนับ​ใต้เท้า​ พวกเรา​มาเพราะ​คำสั่ง​ของ​เจ้าสำนัก​ ขอ​เชิญใต้เท้า​ไป​เป็น​แขก​ที่​สำนัก​” สวี่เยวี่ยห​ลิง​ไม่ได้​พล่าม​วาจา​ไร้สาระ​ว่า​ที่นี่​เป็น​อาณาเขต​ของ​สำนัก​นที​คราม​ หาก​แต่​เชิญไป​เป็น​แขก​โดยตรง​

ลู่​เซิ่งฟังความหมาย​ของ​อีก​ฝ่าย​ออก​เช่นกัน​

ใน​เมื่อ​ตน​เร้น​กาย​อยู่​ใน​อาณาเขต​ของ​อีก​ฝ่าย​ อย่างไร​ก็​ต้อง​ไป​ทักทาย​เจ้าถิ่น​สักหน่อย​ ถึงแม้เขา​จะเป็น​ผู้ยิ่งใหญ่​ขอบเขต​มายา​พิศวง​ แต่​ยัง​ไม่ถึงระดับ​อนธการ​ จึงไม่อาจ​ปะทะ​กับ​สำนัก​นที​คราม​ซึ่งๆ หน้า​ได้​

อย่างไร​เจ้าสำนัก​ของ​สำนัก​นี้​ก็​เป็น​ผู้​เข้มแข็ง​ขอบเขต​มายา​พิศวง​ขั้น​สุดยอด​หรือ​อนธการ​ตัวจริง​เสียง​จริง​ อีก​ทั้ง​ยังมี​รอง​เจ้าสำนัก​อีก​สามคน​ที่​ต่าง​ก็​มีพลัง​อยู่​ใน​ขอบเขต​มายา​พิศวง​เช่นกัน​

นี่​คือ​ขีดจำกัด​พลัง​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​เขต​ดาว​แห่ง​นี้​แล้ว​

“ได้​สิ ข้า​เร้น​กาย​ตรงนี้​มาสักพัก​ ควรจะ​ไป​ทักทาย​เจ้าบ้าน​สักหน่อย​เหมือนกัน​ นำทาง​เถอะ​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​น้อย​ๆ เงาคน​ร่าง​บึกบึน​สูงใหญ่​สาย​หนึ่ง​โผล่​ขึ้น​ใน​ปราณ​ปฐพี​สีเหลือง​เข้ม​ เป็น​ลู่​เซิ่งที่​บิน​ออก​มาจาก​เรือ​เหาะ​นั่นเอง​

มีเงาคน​สาย​หนึ่ง​ติดตาม​อยู่​ด้าน​หลังเขา​ ผม​ขาว​หน้าตา​งดงาม​ บุคลิก​เฉยชา​ เป็น​ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​

ใน​ฐานะ​มนุษย์​โลหิต​เงิน​ที่​มีพิษ​ร้ายแรง​ ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​จึงมีพลัง​ใน​การ​เอาชีวิต​รอด​ค่อนข้าง​ร้ายกาจ​ ต่อให้​จะถูกรีดเลือด​จน​หมด​ นาง​ก็​ไม่มีทาง​ตาย​

บวก​กับ​ครั้งนี้​ไม่ได้​ไป​ต่อย​ตี​ ทุกคน​แสดง​ความสุภาพ​เป็นมิตร​ การพา​หญิง​รับใช้​ไป​ด้วย​ถือว่า​เป็น​การแสดง​ความ​โอ้อวด​อย่างหนึ่ง​

พวก​สวี่เยวี่ยห​ลิง​ไม่กล้า​มอง​มาก​ เพียง​เหลือบมอง​ลู่​เซิ่งอย่าง​รวดเร็ว​เพื่อ​พิจารณา​เท่านั้น​ จากนั้น​ก็​ก้มหัว​ลง​เพื่อ​แสดง​ความเคารพ​

“ใต้เท้า​ได้​โปรด​ติดตาม​ข้าน้อย​มา” สวี่เยวี่ยห​ลิง​สะบัด​แขน​เสื้อ​โยน​จาน​กลม​สีเงิน​ใบ​หนึ่ง​ออกมา​

จาน​กลม​ใบ​นั้น​งอก​หนวด​สีเขียว​จำนวนมาก​ออกมา​กลาง​อวกาศ​อย่าง​รวดเร็ว​ หนวด​เกี่ยว​กระหวัด​กัน​ ไม่นาน​ก็​กลายเป็น​ประตู​ใหญ่​ทรง​รี​บาน​หนึ่ง​

แสงสีเขียว​อ่อน​สว่าง​ขึ้น​ใน​ประตู​อย่าง​ช้าๆ

“ด้านใน​คือ​ประตู​ของ​สำนัก​เรา​ ใต้เท้า​โปรด​เดินทาง​” สวี่​เหยี่ยว​ห​ลิง​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​

ลู่​เซิ่งไม่กลัว​ว่า​จะเป็น​กับดัก​ ใน​ฐานะ​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​ ร่างกาย​ที่​แทบ​เป็น​อมตะ​ไม่จำเป็นต้อง​กลัว​การ​ถูก​รุม​โจมตี​ใดๆ​

เขา​เอื้อมมือ​ไป​จับ​ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​ไว้​แล้ว​ก้าว​เข้า​ประตู​ข้าม​มิติ​

ใน​ประตู​แสงสีเขียว​กะพริบ​ด้วย​ความเร็ว​สูง รอคอย​อยู่​ครู่หนึ่ง​จน​แสงสว่าง​หยุด​ลง​ ด้านหน้า​ ลู่​เซิ่งก็​กระจ่าง​ชัด​โดย​สมบูรณ์​

เขา​ยืน​อยู่​ท่ามกลาง​ศาลา​พลับพลา​ที่​มีลักษณะ​จีน​โบราณ​

เห็น​กระเบื้อง​ดำ​อิฐ​ขาว​ได้​ทั่ว​บริเวณ​ พื้น​ปู​หิน​สีขาว​ก้อน​ใหญ่​ มีลวดลาย​ซับซ้อน​สีขาว​กะพริบ​เหนือศีรษะ​ตลอดเวลา​

แต่ว่า​รอบ​ๆ ไร้​เงาคน​ ไม่ทราบ​ว่า​จงใจจัดการ​พื้นที่​รอบ​ๆ ไป​ก่อน​หรือไม่​

“ยินดีต้อนรับ​สหาย​ร่วม​เส้นทาง​สู่สำนัก​ของ​ข้า​” ในเวลานี้​เอง​ เงากึ่ง​โปร่งแสง​ที่​พร่ามัว​สาย​หนึ่ง​ก็​โผล่​ขึ้น​ด้านหน้า​ลู่​เซิ่ง

“ข้าน้อย​สวี​ฮ่าว​ไป่​ เป็นหนึ่ง​ใน​รอง​เจ้าสำนัก​ของ​สำนัก​นที​คราม​ พอ​ได้ยิน​ว่า​สหาย​ร่วม​เส้นทาง​เร้น​กาย​อยู่​ใน​แถบ​อุกกาบาต​อันเป็น​เขต​ดาว​ของ​สำนัก​ ก็​ส่งคน​มุ่งหน้า​ไป​เชิญสหาย​ร่วม​เส้นทาง​มาพบ​หน้า​กันที่​สำนัก​ด้วย​ความตื่นเต้น​ยินดี​ หาก​เสียมารยาท​ตรง​ที่ใด​ต้อง​ขออภัย​ด้วย​”

เงาเป็น​บุรุษ​วัยกลางคน​ไว้​เครา​ยาว​ที่​ดู​มีอายุ​ราว​สี่สิบ​ห้าสิบ​ปี​ สวมใส่​ชุด​นักพรต​ธรรมดาๆ​

“ข้าน้อย​ลู่​เซิ่ง คำนับ​รอง​เจ้าสำนัก​สวี​ เพียงแต่​ผู้​แซ่ลู่​ไม่เข้าใจ​เล็กน้อย​ แถบ​อุกกาบาต​ที่​ข้าน้อย​เร้น​กาย​อยู่​ ดูเหมือน​จะยัง​ไม่ใช่อาณาเขต​ของ​สำนัก​นที​คราม​กระมัง​” ลู่​เซิ่งประสานมือ​

“สหาย​ร่วม​เส้นทาง​เกรงใจ​แล้ว​ ขอ​เชิญมาคุย​รายละเอียด​ที่​ตำหนัก​ใหญ่​เถอะ​”

ไม่นาน​นัก​ก็​มีหญิงสาว​หน้าตา​งดงาม​มานำทาง​ นาง​พา​ลู่​เซิ่งเดิน​ตัด​ทะลุ​กำแพง​และ​ประตู​ตำหนัก​หลาย​ชั้น​ จน​มาถึงด้านหน้า​ตำหนัก​ระดับ​กลาง​ที่​ไม่ใหญ่​ไม่เล็ก​อย่าง​รวดเร็ว​

ตำหนัก​บูชา​รูปปั้น​เทพเจ้า​เต๋า​ที่​ไม่มีหน้าตา​องค์​หนึ่ง​ มีกระถางธูป​ขนาดใหญ่​วาง​อยู่​ตรงกลาง​ ควัน​ธูป​ลอย​อ้อยอิ่ง​ กลายเป็น​ลวดลาย​บุปผา​ วิหค​ แมลง​ และ​มัจฉากลางอากาศ​ตลอดเวลา​

นักพรต​เครา​ยาว​คน​หนึ่ง​นั่ง​อยู่​บน​เบาะ​กลม​ทางซ้าย​ของ​กระถางธูป​ด้วย​สีหน้า​สงบนิ่ง​ เพียงแต่​เบาะ​กลม​ใบ​นี้​ไม่ใช่เบาะ​กลม​ธรรมดาๆ​ หาก​แต่​เป็น​ใบไม้​ของ​ต้นไม้​สีเขียว​ใบ​หนึ่ง​ที่​งดงาม​ประณีต​และ​งอก​ออกมา​เพียง​ใบ​เดียว​

ต้น​ไม้ต้น​นี้​มีลำต้น​ขนาดใหญ่​เท่า​ข้อมือ​ แต่​ใบไม้​กลับ​ใหญ่​เท่า​อ่างล้างหน้า​ ตอนนี้​นักพรต​นั่ง​อยู่​บน​นั้น​ ทำให้​ลำต้น​โค้ง​งอ​เล็กน้อย​

“สหาย​ร่วม​เส้นทาง​เชิญ”

นักพรต​สวี​ฮ่าว​ไป่​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

ลู่​เซิ่งยิ้ม​รับ​น้อย​ๆ ก่อน​จะสะกิด​เท้า​เหิน​ร่าง​ขึ้น​อย่าง​แผ่วเบา​ แล้ว​นั่งลง​บน​เบาะ​กลม​อย่าง​แม่นยำ​

ทั้งๆ ที่​เขา​ตัว​หนัก​มาก​ แต่กลับ​กด​เบาะ​กลม​นี้​ให้​โค้ง​งอ​เพียง​เล็กน้อย​เท่านั้น​

“ครั้งนี้​ที่​เสียมารยาท​เชิญสหาย​ร่วม​เส้นทาง​มา เพราะ​ตรวจสอบ​ข้อมูล​เกี่ยวกับ​สหาย​ร่วม​เส้นทาง​เจอ​บางส่วน​ หาก​เสียมารยาท​ตรง​ที่ใด​ สหาย​ร่วม​เส้นทาง​ได้โปรด​ให้อภัย​ด้วย​” สวี​ฮ่าว​ไป่​กล่าว​ขออภัย​ล่วงหน้า​

“ไม่เป็นไร​ ถ้าหาก​ข้า​เป็น​ท่าน​ ก็​คง​ทำ​เช่นเดียวกัน​” ลู่​เซิ่งไม่นำพา​แม้แต่น้อย​

“ตามที่​ข้าน้อย​ทราบ​ สหาย​ร่วม​เส้นทาง​น่าจะ​มาจาก​ระบบ​ดาว​ปร​ภพ​กระมัง​ ก่อนหน้านี้​พัก​หนึ่ง​ยัง​สู้กับ​รอง​เจ้าลัทธิ​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​คน​หนึ่ง​ด้วย​ จนกระทั่ง​ถึงวันนี้​ อีก​ฝ่าย​ไม่ทราบ​ไป​อยู่​ไหน​ อาจจะ​ตาย​ไป​แล้ว​ ไม่ทราบ​ว่า​เรื่อง​นี้​จริง​เท็จ​ประการ​ใด​” แม้สวี​ฮ่าว​ไป่​จะใช้ประโยคคำถาม​ แต่​น้ำเสียง​กลับเป็น​ประโยค​ยืนยัน​

“ใน​เมื่อ​สำนัก​ท่าน​ตรวจสอบ​แล้ว​ อย่างนั้น​ข้า​ผู้​แซ่ลู่​ก็​ไม่ขอ​ปิดบัง​ มีเรื่อง​เช่นนี้​จริง​” ลู่​เซิ่งตอบ​อย่าง​ผ่าเผย​

“ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ สหาย​ร่วม​เส้นทาง​ก็​เป็น​ศัตรู​กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ และ​สำนัก​นที​คราม​เอง​ก็​ทำศึก​กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​มาเนิ่นนาน​ พวกเรา​มีผลประโยชน์​และ​เป้าหมาย​เดียวกัน​ ฉะนั้น​แล้ว​มาร่วมมือ​กัน​ ร่วม​รุก​ร่วม​ถอย​เป็น​อย่างไร​”

สวี​ฮ่าว​ไป่​ยิ้ม​ “ข้า​ขอ​เป็นตัวแทน​สำนัก​นที​คราม​ เชิญท่าน​เข้าร่วม​สำนัก​เรา​และ​รับ​ตำแหน่ง​ผู้อาวุโส​นอก​ด้วย​ความจริงใจ​ แม้จะไม่มีอำนาจ​ใด​ แต่​ตำแหน่ง​ก็​เทียบ​เท่ากับ​รอง​เจ้าสำนัก​ อีก​ทั้ง​ทุกปี​ยังมี​ทรัพยากร​ระดับสูง​มอบให้​ด้วย​”

“เข้าร่วม​สำนัก​นที​คราม​หรือ​” ลู่​เซิ่งงุนงง​เล็กน้อย​ เขา​บอกชื่อ​ของ​ตัวเอง​ไป​แล้ว​ ย่อม​ไม่เชื่อ​ว่า​อีก​ฝ่าย​จะตรวจสอบ​ประวัติ​ความเป็นมา​ของ​เขา​ไม่ได้​ ทว่า​ตอนนี้​อีก​ฝ่าย​กลับ​แสร้ง​ทำเป็น​ไม่เห็น​

ด้วย​ความเร็ว​ใน​การพัฒนา​ก้าวหน้า​ของ​เขา​ เขา​อาจจะ​เป็น​ผู้ร้าย​ที่​สังหาร​ราชา​มาร​สวรรค์​จวง​จิ้ว​แห่ง​โลก​สรรพ​วิญญาณ​ ถึงขั้น​อาจ​เป็น​ต้นตอ​ที่​ทำลาย​ดาวเคราะห์​ดวง​หนึ่ง​อย่าง​หอ​ฟ้าเมฆาได้​เลย​ทีเดียว​

แต่​ถึงแม้จะเป็น​เช่นนี้​ อีก​ฝ่าย​ก็​ยัง​เชิญเขา​มาอย่าง​สุภาพ​เป็นมิตร​ ทั้ง​ยัง​มอบ​เงื่อนไข​เชิญเขา​เข้าร่วม​สำนัก​เป็น​ผู้อาวุโส​นอก​ซึ่งมีตำแหน่ง​เทียบ​เท่ากับ​รอง​เจ้าสำนัก​อีกด้วย​

ณ พลัง​ใน​ตอนนี้​ ลู่​เซิ่งไม่เคย​สัมผัส​การเปลี่ยนแปลง​ตำแหน่ง​ที่​กระโดด​พรวดพราด​เช่นนี้​มาก่อน​เลย​

ถ้าเป็น​เมื่อก่อน​ หาก​รู้​ว่า​เขา​เร้น​กาย​อยู่​ใน​แถบ​อุกกาบาต​ เกรง​ว่า​สำนัก​นที​คราม​คง​ไม่พูด​ด้วยดี​ๆ เช่นนี้​ หาก​แต่​จะส่งยอด​ฝีมือ​มาจับตัว​เขา​กลับ​ไป​รับ​โทษหนัก​และ​บีบ​เค้น​ให้​สารภาพ​เพื่อ​ค้นหา​ความลับ​ที่​ทำให้​เขา​แข็งแกร่ง​ขึ้น​ทันที​

“ไฉน​เลย​จะเหมือน​ตอนนี้​

พอ​เห็น​ลู่​เซิ่งลังเล​สงสัย​ สวี​ฮ่าว​ไป่​ก็​เพียง​ยิ้ม​ๆ รอคอย​อย่าง​สงบ​

ความจริง​เจ้าสำนัก​ได้​ออกคำสั่ง​นี้​หลังจาก​ประเมิน​ดู​แล้ว​ แม้ว่า​ลู่​เซิ่งผู้​นี้​จะอยู่​ใน​ระดับ​วัฏจักร​ลวง​เท่านั้น​ แต่​เขา​ก็​เป็น​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​ตัวจริง​เสียง​จริง​ เป็น​สุดยอด​ผู้​เข้มแข็ง​ที่​ยาก​จะประมือ​ได้​ถึงขีดสุด​

ถ้ามาร​สวรรค์​ไป​ไม่ถึงมายา​พิศวง​ยัง​พอ​ว่า​ แต่​เกิด​ถึงมายา​พิศวง​เมื่อไหร่​ ความสามารถ​ใน​การเอาตัวรอด​จะพุ่ง​ทะยาน​จน​เหนือกว่า​ผู้ยิ่งใหญ่​ระดับ​เดียวกัน​ทันที​

หลังจาก​จำลอง​การ​ทดสอบ​อยู่​หลายครั้ง​ ต่อให้​เจ้าสำนัก​ลงมือ​เอง​ ก็​ไม่อาจ​รับประกัน​ว่า​จะจัดการ​ลู่​เซิ่งได้​

สุดท้าย​สำนัก​นที​คราม​ก็​ตัดสินใจ​มอบ​ตำแหน่ง​ที่​ยอดเยี่ยม​อย่าง​ผู้อาวุโส​นอก​ให้​ เพื่อ​ใช้ดึง​สุดยอด​ผู้​เข้มแข็ง​ที่​ต่อกร​ด้วย​ยาก​ผู้​นี้​มาเป็น​พวก​

“นอกจากนี้​ พวกเรา​ยัง​ได้​ตรวจ​พบ​ด้วยว่า​ ครอบครัว​ของ​ท่าน​ประสบอุบัติเหตุ​จน​พลัด​หลง​ไป​ยัง​ต่าง​โลก​ตอนที่​อพยพ​ออกจาก​ดาว​ปร​ภพ​ ด้วยเหตุนี้​ ผู้อาวุโส​และ​ศิษย์​ที่อยู่​ใน​โลก​ต่างๆ​ หลาย​สิบ​ใบ​ของ​สำนัก​นที​คราม​จึงเริ่ม​ช่วย​สืบหา​ข้อมูล​ หาก​มีข่าวคราว​เมื่อใด​ก็​จะส่งมายัง​สำนัก​ทันที​”

สวี​ฮ่าว​ไป่​เอ่ย​ข้อเสนอ​ เพื่อ​ดึง​ตัว​อีกครั้ง​

เหตุผล​นี้​ทำให้​ลู่​เซิ่งหวั่นไหว​เข้า​จริงๆ​ แล้ว​

ต่อให้​พลัง​ของ​เขา​คนเดียว​แข็งแกร่ง​ขนาด​ไหน​ ก็​สู้การ​ตรวจสอบ​ข้อมูล​ของ​ส่วนรวม​ไม่ได้​

“เช่นนั้น​…ถ้าหาก​ข้า​เข้าร่วม​ จะต้อง​ตอบแทน​ด้วย​สิ่งใด​” เขา​ลังเล​เล็กน้อย​ก่อน​จะถามต่อ​

“ท่าน​เพียงแค่​ต้อง​เข้า​ร่วมกับ​พวกเรา​สู้รบ​กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​เท่านั้น​” สวี​ฮ่าว​ไป่​ถอนใจ​ “ขอ​ไม่ปิดบัง​ เนื่องจาก​ท่าน​เป็น​ศัตรู​กับ​ทาง​นั้น​ ข้า​ก็​เลย​พูดความจริง​ได้​ มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ไม่ได้​มีแค่​ระบบ​ดาว​ปร​ภพ​เท่านั้น​ หาก​แต่​เบื้องหลัง​นาง​มีขุม​กำลัง​ยิ่งใหญ่​ซ่อนตัว​อยู่​ ตอนแรก​สำนัก​นที​คราม​ของ​พวกเรา​เป็น​ฝ่าย​ได้เปรียบ​ ทว่า​ด้วย​การ​แทรกแซง​ของ​ขุม​กำลัง​เบื้องหลัง​นาง​ สถานการณ์​ใหญ่​ถึงพลิกผัน​พังทลาย​ดั่ง​หิมะ​ถล่ม​”

“ขุม​กำลัง​เบื้องหลัง​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​หรือ​” ลู่​เซิ่งหรี่ตา​ พลัน​นึก​เชื่อมโยง​กับ​โลก​สรรพ​วิญญาณ​ที่​ จวง​จิ้ว​อยู่​ ตาม​ข้อมูล​ที่​เขา​มีอยู่​ ดูเหมือน​โลก​สรรพ​วิญญาณ​จะลึกลับซับซ้อน​เช่นกัน​ มีความเป็นไปได้​ที่จะ​เกี่ยวพัน​กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​

เขา​ยัง​จำได้​ว่า​จวง​จิ้ว​กับ​คน​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ลงมือ​พร้อมกัน​ตอน​อยู่​ที่​หอ​ฟ้าเมฆา

ถ้าไม่เกี่ยวข้อง​กัน​ เขา​ก็​ไม่เชื่อ​ว่า​สอง​ฝ่าย​จะร่วมมือ​กัน​ได้​อย่าง​รัดกุม​เช่นนั้น​

เขา​ไตร่ตรอง​เล็กน้อย​ ก่อน​จะบอก​ความเป็นไปได้​นี้​กับ​สวี​ฮ่าว​ไป่​

“เป็นไปได้​มาก​ทีเดียว​!” สวี​ฮ่าว​ไป่​พอ​ฟัง สีหน้า​ก็​แปรเปลี่ยน​เล็กน้อย​ “แต่​เรื่อง​นี้​มีความสำคัญ​มากเกินไป​ สหาย​ร่วม​เส้น​ทางได้​โปรด​รอ​ก่อน​ ข้า​จะนำ​ไป​แจ้งเจ้าสำนัก​”

ลู่​เซิ่งพยักหน้า​บ่งบอก​ว่า​เข้าใจ​

ตอนนี้​เขา​ครอง​สถานะ​มากมาย​ จึงไม่สนใจ​หาก​จะมีตำแหน่ง​ผู้อาวุโส​นอก​แห่ง​สำนัก​นที​คราม​เพิ่ม​มาอีก​

คำนวณ​อย่าง​ละเอียด​ เขา​ได้​เข้า​ร่วมกับ​สมาคม​ธวัช​เหล็ก​ ลัทธิ​จันทรา​แดง​ นคร​ตราชั่ง​ รวมถึง​สำนัก​นที​คราม​ใน​ตอนนี้​

‘ทาง​นคร​ตราชั่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​ก็ได้​ ผู้​ที่​ควรค่า​ให้​เชื่อใจ​ที่สุด​คือ​สมาคม​ธวัช​เหล็ก​ จันทรา​แดง​มีก็​เหมือน​ไม่มี ตอนนี้​กลับ​ใช้สำนัก​นที​คราม​หาวัตถุดิบ​สำหรับ​ฝึกฝน​ใน​ภายหลัง​ได้​ หาก​ใช้สมาคม​ธวัช​เหล็ก​เป็น​แกนกลาง​ เมื่อ​มีสำนัก​นที​คราม​คอย​ช่วย​รวบรวม​วัตถุดิบ​และ​ทรัพยากร​ การ​ตามหา​พวก​หนิง​เอ๋อร์​ไป​ด้วย​ และ​การฝึกฝน​เพิ่ม​ระดับ​ไป​ด้วย​ ก็​จะเป็น​ตัวเลือก​ที่​ดี​ที่สุด​’

รอ​อีก​สักพัก​หนึ่ง​ ลู่​เซิ่งที่​ไม่มีธุระ​อัน​ใด​แล้ว​ก็ได้​ตามหา​ตัว​สวี่เยวี่ยห​ลิง​ที่​รอ​เงียบๆ​ อยู่​ด้าน​ข้าง​มาพูดคุย​

หลังจาก​ยืนยัน​เจตนา​เข้าร่วม​สำนัก​นที​คราม​ของ​เขา​ สวี่เยวี่ยห​ลิง​ก็​บอก​เรื่อง​ที่​รู้​จน​หมดสิ้น​

ไม่นาน​นัก​ ลู่​เซิ่งก็​ถามเรื่องราว​ใหญ่​ๆ ที่​เกิดขึ้น​ใน​ช่วงนี้​จน​กระจ่าง​

ที่แท้​หลังจาก​ลู่​เซิ่งสังหาร​รอง​เจ้าลัทธิ​ไป​ สำนัก​นที​คราม​ก็​ได้รับ​ชัยชนะ​อัน​เบ็ดเสร็จ​ใน​การต่อสู้​กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​

ทว่า​ตอนที่​รุกคืบ​ไป​ทีละ​ก้าว​และ​ใกล้​จะทำลาย​ดาว​หลัก​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ได้​ ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​มายา​พิศวง​ที่​ลึกลับ​หลาย​คน​ก็​เข้ามา​แทรกแซง​การ​รบ​ จน​กดดัน​สภาพ​ได้เปรียบ​ของ​สำนัก​นที​คราม​ทุก​ด้าน​

ถ้าไม่ใช่เพราะ​อีก​ฝ่าย​หยุด​เคลื่อนไหว​หลังจาก​กดดัน​สภาวะ​โจมตี​ได้​ เกรง​ว่า​สำนัก​นที​คราม​จะรักษา​อาณาเขต​ที่​ตน​ยึดครอง​ไว้​ไม่ได้​ด้วยซ้ำ​

รอง​เจ้าสำนัก​สามคน​ของ​สำนัก​นที​คราม​ได้รับบาดเจ็บ​สอง​คน​ และ​แม้ตัว​เจ้าสำนัก​จะเฉลียวฉลาด​เจ้าแผนการ​ ทั้ง​ยัง​มีพรสวรรค์​ร้ายกาจ​ แต่​ก็​ยัง​ถูก​ลอบ​โจมตี​จน​ได้รับบาดเจ็บ​หนัก​ใน​ตอนที่​ต่อสู้​อย่าง​สุดกำลัง​ แน่นอน​ว่า​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​อ่อนแอ​กว่า​เขา​ จึงถูก​เขา​ใช้ฝ่ามือ​โจมตี​บาดเจ็บสาหัส​เหมือนกัน​

ดังนั้น​ใน​ตอนนี้​ทั้งสองฝ่าย​จึงพัก​รักษาตัว​อยู่​

ส่วน​ทาง​นคร​ตราชั่ง​แตกต่าง​ไป​จาก​เดิม​โดยสิ้นเชิง​ สงบสุข​อย่างยิ่ง​ นคร​หลัก​ของ​มัน​ร่วมมือ​กับ​จักรวรรดิ​หยก​คู่​ใน​อาณาเขต​นอก​ดาว​ และ​กลายเป็น​หัวสะพาน​ของ​จักรวรรดิ​โดย​สมบูรณ์​

กิจกรรม​การค้า​จำนวนมาก​ขยับขยาย​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ผลิตภัณฑ์​พิเศษ​นับไม่ถ้วน​ของ​จักรวรรดิ​หยก​คู่​เข้ามา​ตีตลาด​ใน​เขต​ดาว​แถบ​นี้​ ว่า​กัน​ว่า​ทาง​นคร​ตราชั่ง​รุ่งเรือง​กว่า​ก่อนหน้า​หลาย​เท่าตัว​

ทาง​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​และ​สำนัก​แปลง​วายุ​เลย​พลอย​ได้​บารมี​ไป​ด้วย​ โดย​ได้รับ​ทรัพยากร​จำนวน​ไม่น้อย​จาก​การ​แลกเปลี่ยน​ทางการค้า​จำนวนมาก​ ทำให้​มีพลัง​เพิ่มขึ้น​ไม่น้อย​

ในทางกลับกัน​ สำนัก​นที​คราม​กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ตาม​การพัฒนา​ระลอก​นี้​ไม่ทัน​เพราะ​สงคราม​

เพื่อ​เร่ง​จบ​สงคราม​ให้​เร็ว​ที่สุด​ เจ้าสำนัก​นที​คราม​ได้​ประกาศ​รับสมัคร​เหล่า​ผู้​เข้มแข็ง​เข้าร่วม​ ขณะเดียวกัน​ก็​เปิดเผย​สันดาน​อัน​เลวร้าย​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ที่​สร้าง​ดาวเคราะห์​เพาะเลี้ยง​ เพื่อ​เรียกร้อง​ให้​ทุกคน​ร่วมแรงร่วมใจ​กัน​ปราบปราม​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท