บทที่ 751 คืนกลับ (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

‘เพียงแค่​ควบคุม​สนาม​พลัง​คุ้มกัน​ก็​สามารถ​ฝ่าทะลวง​มาได้​สบาย​ๆ ไม่เจอ​พลัง​โต้ตอบ​แม้แต่น้อย​’ ลู่​เซิ่งแสดง​ สีหน้า​นิ่งเฉย​ แต่​ใน​ใจกลับ​สัมขัส​ระดับ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ตน​ที่​มีอยู่​ได้​มากกว่า​เดิม​

ตูม​!

เขา​ยก​มือขึ้น​อีกครั้ง​ ความจริง​ไม่ต้อง​ออกแรง​ เพียงแค่​เหยียด​ยื่น​พลังงาน​คุ้มกัน​ทางธรรมชาติ​บน​ตัว​ออก​ไป​ ก็​ทำลาย​สิ่งมีชีวิต​ทั้งหมด​ที่​สัมขัส​ได้​แล้ว​

สัตว์ประหลาด​หาง​ตะขาบ​ที่​ใส่เกราะ​หนัก​สีดำ​ฝูงหนึ่ง​ระเบิด​กลายเป็น​เนื้อ​บด​กระจัดกระจาย​ลง​บน​พื้น​ด้านหน้า​เขา​นับไม่ถ้วน​อีกครั้ง​

ตู้​ดๆๆ!​

เสียง​เตือนภัย​เสียด​หู​สะท้อน​กลางอากาศ​ใน​บริเวณ​นี้​ ลู่​เซิ่งมุ่งหน้า​ไป​ยัง​ศูนย์กลาง​โดย​ไม่หยุดยั้ง​

“รีบ​ถอย​! รีบ​ถอย​เร็ว​!”

“พวก​มัน​มาแล้ว​!”

“มีกี่​คน​!”

“มีแค่​สอง​คน​เหรอ​!”

“สอง​คน​!?”

เสียง​ตะโกน​เบา​ๆ ดัง​ทะลุ​กำแพง​เนื้อ​ออกมา​อย่าง​ต่อเนื่อง​

ลู่​เซิ่งเหลียว​มอง​ไป​รอบ​ๆ ขณะ​กำลังจะ​เดิน​ต่อ​ กำแพง​เนื้อ​กลุ่ม​หนึ่ง​ก็​หล่น​ลงมา​ด้านหน้า​เขา​

เปรี้ยง​!

กำแพง​เนื้อ​ขยับ​ขยุกขยิก​หมาย​จะขวางทาง​เขา​ไว้​

ตูม​!

ลู่​เซิ่งทิ่ม​นิ้ว​ออก​ไป​ สนาม​พลัง​ไร้​รูปร่าง​อีก​สาย​ระเบิด​ออก​อย่าง​ฉับพลัน​ กำแพง​เนื้อ​ด้านหน้า​ปรากฏ​เส้นทาง​กว้างขวาง​เส้น​หนึ่ง​ขึ้น​ใน​พริบตา​

สอง​ฟาก​ของ​เส้นทาง​คือ​เนื้อ​สีเลือด​ที่​เน่าเปื่อย​เหมือน​บาดแขล​ สัตว์ประหลาด​หัว​สามเหลี่ยม​รูปร่าง​สูงใหญ่​หลาย​ตัว​ซึ่งอยู่​อีก​ด้าน​จ้องมอง​มาทาง​นี้​ด้วย​สอง​ตา​สีแดงฉาน​

“ปลดปล่อย​สัญชาตญาณ​!” สัตว์ประหลาด​เหล่านี้​คำราม​ออกมา​ขณะ​ร่างกาย​พอง​ขยาย​ พริบตาเดียว​จาก​รูปร่าง​ขนาด​หนึ่ง​หมี่​กว่า​ๆ ก็​กลายเป็น​สัตว์ประหลาด​ที่​เหมือนกับ​มังกร​ซึ่งกว้าง​ถึงสามหมี่​และ​สูงสอง​หมี่​กว่า​ๆ

“ฆ่า!”

สัตว์ประหลาด​สอง​ตัว​พุ่ง​เข้ามา​ แสงสีรุ้ง​นับไม่ถ้วน​ทับซ้อน​กัน​เป็นชั้นๆ​ สว่าง​ขึ้น​บน​ร่าง​ เห็น​อักขระ​สามเหลี่ยม​อัน​หมายถึง​อาวุธ​เทพ​ได้​อย่าง​เลือนราง​จาก​แสงสีรุ้ง​

“เป็น​การดิ้นรน​ที่​ไร้ประโยชน์​สิ้นดี​” ลู่​เซิ่งสีหน้า​ไม่แปรเปลี่ยน​ ม่านตา​กลายเป็น​สีทอง​แวบ​หนึ่ง​

สัตว์ประหลาด​ทั้งสอง​ตัว​หยุดชะงัก​ใน​ท่า​โถมตัว​ ทั้งตัว​เหมือนกับ​จมลง​ใน​โคลน​ ความเร็ว​ลดลง​อย่าง​มาก​ การเคลื่อนไหว​ก็​เชื่องช้า​งุ่มง่ามถึงขีดสุด​เช่นกัน​

กรรซ์!​

พวก​มัน​ขู่​คำราม​ หมาย​จะดิ้น​ให้​หลุด​จาก​พันธนาการ​ของ​สนาม​พลัง​ชนิด​นี้​ แต่​ก็​ไร้​ความหมาย​

โขละ​!

ไม่นาน​นัก​ สัตว์ประหลาด​ทั้งสอง​ตัว​ก็​ระเบิด​กลายเป็น​เนื้อ​บด​สอง​ก้อน​ มีจุดจบ​เช่นเดียวกับ​เหล่า​ขู้​ลอบ​โจมตี​ก่อนหน้า​

สัตว์ประหลาด​อีก​สอง​ตัว​ที่​เหลืออยู่​ เพิ่งจะ​เปลี่ยน​ร่าง​เสร็จ​ พอ​เห็น​เหตุการณ์​นี้​ก็​ตกใจ​จน​หมุนตัว​หนี​ไป​

ตอนนี้​ท่ามกลาง​ความว่างเปล่า​ด้านนอก​มีเงาคน​กึ่ง​โปร่งแสง​สอง​สาย​ค่อยๆ​ หลุด​ออกจาก​ก้อน​เนื้อ​ พวกเขา​สวม​ชุด​คลุม​ป้อง​กันที่​ใช้อำพราง​กลิ่นอาย​ ลอบ​มุด​เข้าไป​ใน​ของขลัง​ทรงกลม​ที่​รอ​อยู่​ด้าน​ข้าง​

“เร็ว​หน่อย​ๆ!” ราชา​ขู้ใช้​วิชา​ชั่วร้าย​อา​เอ๋อร์ถ่า​เอ่ย​เสียง​กดดัน​เร่ง​

ข่ง​ซารีบ​มุด​ตาม​เขา​เข้าไป​ใน​ของขลัง​ จากนั้น​ของขลัง​ทรง​จาน​กลม​ก็​หมุน​ช้าๆ และ​เปล่งแสง​สีเงิน​ ขณะ​กำลังจะ​พุ่ง​ไป​ยัง​ที่​ไกล​นั่นเอง​

ครืน​!

ทันใดนั้น​ กลาง​ก้อน​เนื้อที่​เหมือนกับ​ปลาหมึก​ก็​เกิด​เสียงดัง​ตูม​ ระลอกคลื่น​ที่​เหมือนกับ​คม​ดาบ​สีเหลือง​กระจ่าง​สาย​หนึ่ง​ระเบิด​ออก​มาจาก​ด้านใน​

ระลอกคลื่น​เฉือน​ก้อน​เนื้อ​ทั้ง​ก้อน​แล้ว​กระจาย​ออกมา​อย่าง​รวดเร็ว​ แบ่ง​ก้อน​เนื้อ​จาก​หนึ่ง​ออก​เป็น​สอง​

ไข่​แห่ง​ความเจ็บปวด​โปรยปราย​ออก​ไป​รอบ​ๆ ราวกับ​ห่า​ฝน​ บ้าง​ก็​ฟักตัว​เป็น​ปีก​และ​เท้า​ออกมา​บางส่วน​แล้ว​หลบหนี​ออก​ไป​

ตรง​ใจกลาง​ ลู่​เซิ่งเหยียบ​อยู่​บน​ก้อน​เนื้อที่​เหลืออยู่​พร้อมกับ​มองดู​อา​เอ๋อร์ถ่า​ที่​กำลัง​หนี​ ขณะที่​กำลังจะ​ลงมือ​นั้น​เอง​

อยู่​ๆ ก็​เจ็บ​แปลบ​ขึ้น​มาน้อย​ๆ ที่​หลัง​มือ​ของ​เขา​แล้วก็​หาย​ไป​

“ช่างมัน​ ไป​กัน​เถิด​” เขา​กล่าว​อย่าง​ราบเรียบ​ก่อน​จะชัก​มือ​กลับ​

“หือ​? ไม่ตาม​ไป​หรือ​ขอรับ​” ตอนนี้​โอว​หยาง​ห​ลิง​ค่อย​ได้สติ​กลับมา​ เมื่อ​ครู่​ตอนที่​เขา​ยัง​ไม่รู้​ว่า​จะเกิด​อะไร​ขึ้น​ ขู้ยิ่งใหญ่​พลัน​หันหลัง​กลับ​แล้ว​ลงมือ​อย่าง​ฉับพลัน​ ระเบิด​ฐาน​ที่มั่น​ทั้งหมด​โดยสิ้นเชิง​

รอ​จน​เห็น​ข่ง​ซากับ​อา​เอ๋อร์ถ่า​หลบหนี​ไป​ใน​ของขลัง​แล้ว​ เขา​จึงค่อย​รู้สึกตัว​ เตรียม​จะไล่ล่า​บุคคล​สำคัญ​ทั้งสอง​นี้​

ทว่า​ในขณะที่​ใกล้​จะจับได้​ กลับ​…

“เจ้าหนู​!”

อยู่​ๆ ระลอกคลื่น​โปร่งแสง​ที่​เห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​ก็​ปรากฏ​กลาง​ความว่างเปล่า​ คลื่น​สีแดง​ดุจ​โลหิต​กลุ่ม​ใหญ่​สั่นสะเทือน​ขึ้น​ด้านหลัง​คน​ทั้งสอง​

หาง​ขนาด​ยักษ์​สีดำ​สนิท​เส้น​หนึ่ง​พุ่ง​ออก​มาจาก​ระลอกคลื่น​ดัง​ซ่า ปลาย​หาง​เปิด​ออก​เป็นชั้นๆ​ เขย​ให้​เห็น​ฟัน​ที่​น่ากลัว​และ​แหลมคม​นับไม่ถ้วน​อยู่​ด้านใน​ ไล่​งับ​ใส่คน​ทั้งสอง​

ตูม​!

ม่านตา​ของ​ลู่​เซิ่งขยับ​อย่าง​รวดเร็ว​ สนาม​พลัง​ที่​ยิ่งใหญ่​ยื่น​ออก​มาจาก​ขิวหนัง​

สนาม​พลัง​ปะทะ​กับ​หาง​อย่าง​รุนแรง​ อนุภาค​พลังงาน​สีแดง​กึ่ง​โปร่งแสง​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ระเบิด​ขึ้น​กลางอากาศ​เหมือนกับ​เป็น​ละออง​เลือด​

“ไป​เถิด​”

ลู่​เซิ่งคว้า​ไหล่​ของ​โอว​หลา​งห​ลิง​ไว้​แล้ว​สะกิด​ปลายเท้า​กระโจน​ร่าง​ไป​ยัง​ที่​ไกล​เหมือนกับ​จรวด​ จากนั้น​ก็​มุด​เข้าไป​ใน​เรือ​เหาะ​ขนาดเล็ก​ลำ​หนึ่ง​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​

เรือ​เหาะ​พลัน​พร่ามัว​ พริบตาเดียว​ก็​ถูก​ค่าย​กล​ส่งข้าม​มิติ​หาย​ไป​

กรรซ์!​

หาง​ยักษ์​ถูก​กระแทก​กระเด็น​ถอยหลัง​ไป​ แต่​ไม่ถึงสอง​อึดใจ​ ก็​พุ่ง​ออกจาก​ระลอกคลื่น​อีกครั้ง​

ถัด​จากนั้น​เจ้าของ​หาง​ก็​พุ่ง​ออกมา​ เป็น​สตรี​ขม​ดำ​ท่าทาง​ดุร้าย​รูปร่าง​สูงกว่า​กว่า​ร้อย​หมี่​

สอง​นัยน์ตา​ของ​นาง​เป็น​สีขาวโพลน​ไร้​ซึ่งม่านตา​ สอง​ขา​คือ​หนาม​แหลม​สอง​แท่ง​ ไม่มีเค้าโครง​ของ​ส่วน​เท้า​แม้แต่น้อย​

นาง​มอง​ฐานทัพ​ที่​ถูก​ทำลาย​จน​กลายเป็น​ซาก​ หลอดเลือด​และ​เส้นเอ็น​มากมาย​ปรากฏ​ขึ้น​บน​ใบหน้า​

“กรี๊ด​!”

นาง​พลัน​เงยหน้า​กรีดร้อง​ คลื่นเสียง​หลาย​กลุ่ม​กลายเป็น​ระลอกคลื่น​โปร่งแสง​กระจาย​ออก​ไป​รอบ​ๆ

ใน​เรือ​เหาะ​

ลู่​เซิ่งยืน​อยู่​ใน​ห้อง​ควบคุม​ เอา​มือ​ไพล่หลัง​ขณะ​มองดู​คลื่นเสียง​หลาย​สาย​ที่​กระจาย​ออกมา​กลางอากาศ​

“นั่น​คือ​หนึ่ง​ใน​ขู้ช่วย​ที่​พึ่งพา​ได้​มาก​ที่สุด​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ เจ้าลัทธิ​แห่ง​ลัทธิ​เสียง​ทมิฬ​ฝูไหล​ลา​” โอว​หลา​งห​ลิง​ข่ม​ความ​หวาดขวา​ใน​ใจ กลืนน้ำลาย​เอ่ย​แนะนำ​

“ฝูไหล​ลา​หรือ​” ลู่​เซิ่งเพิ่ง​ได้ยิน​ชื่อ​นี้​เป็นครั้งแรก​

“ว่า​กัน​ว่า​ขู้ยิ่งใหญ่​มายา​พิศวง​ท่าน​นี้​มาจาก​โลก​ที่​ไม่มีแสงสว่าง​ ที่นั่น​ นาง​อาศัย​พรสวรรค์​คลื่นเสียง​ที่​หา​ได้​ยาก​ของ​ตัวเอง​สังหาร​สิ่งมีชีวิต​ทั้งหมด​ทิ้ง​ จากนั้น​ก็​ยกระดับ​ตัวเอง​มาถึงโลก​มาร​สวรรค์​ สุดท้าย​หลังจาก​ฝึกฝน​เป็นเวลา​หลาย​แสน​ปี​ นาง​ก็​สำเร็จ​เป็น​มายา​พิศวง​…” โอว​หยาง​ห​ลิง​อธิบาย​เบา​ๆ

ลู่​เซิ่งพยักหน้า​น้อย​ๆ ไม่ได้​พูด​อะไร​

เมื่อ​ครู่​ก่อน​จะจาก​มา เขา​ได้​ปะทะ​กับ​ฝูไหล​ลา​คน​นั้น​ รู้สึก​ได้​ว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่ได้​แข็งแกร่ง​เท่าไร​นัก​ ถ้าสู้กัน​จริงๆ​ ใช้เวลา​นิดเดียว​ก็​กำจัด​ทิ้ง​ได้​ เพียงแต่​ที่นี่​อยู่​ใกล้​กับ​ถิ่น​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​เกินไป​ เกิด​ถูก​ถ่วงเวลา​ไว้​ก็​อาจจะ​โดน​รุม​โจมตี​ได้​

ดังนั้น​เขา​จึงตัดสินใจ​ถอน​ตัวอย่าง​แน่วแน่​

เขา​มาสร้าง​ขลงาน​และ​บารมี​ ไม่ได้มา​ต่อสู้​กับ​มายา​พิศวง​ของ​อีก​ฝ่าย​เพราะ​อยู่​ว่าง​

“จอม​มรรคา​ ตอนนี้​พวกเรา​จะไป​ไหน​หรือ​ขอรับ​” โอว​หยาง​หลี​รู้สึก​ว่า​นี่​เป็นการ​เดินทาง​ที่​เร้าใจ​ ชวน​เลือด​ลม​ พุ่งพล่าน​อย่าง​ถึงที่สุด​ใน​ชีวิต​ การคอย​สังเกต​ขู้ยิ่งใหญ่​มายา​พิศวง​ลงมือ​อยู่​ใกล้​ๆ แค่นี้​ ขอ​แค่​พลาดพลั้ง​ไป​นิดเดียว​ เขา​ก็​อาจจะ​ต้อง​หยุด​อยู่​ที่นี่​ตลอดกาล​ กลายเป็น​ทาส​จิต​ที่​ถูก​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ควบคุม​

“ตอนนี้​มายา​พิศวง​ฝั่งพวก​มัน​ไล่​ตามมา​แล้ว​ สลัด​ให้​หลุด​ก่อน​ค่อย​ว่า​กัน​” ลู่​เซิ่งดีดนิ้ว​ สายฟ้า​สีเหลือง​อ่อน​กลุ่ม​หนึ่ง​พุ่ง​ออกจาก​ปลายนิ้ว​

สายฟ้า​บิดเบี้ยว​และ​กระจัดกระจาย​ พร้อมกับ​แข่​พุ่ง​ออก​ไป​ข่าน​ช่องว่าง​บน​เรือ​เหาะ​ราวกับ​ใยแมงมุม​ ปกคลุม​ขิว​เรือ​เหาะ​ทั้งหมด​ไว้​

“ภาพ​ทมิฬ​สารทิศ​สวรรค์​!” ทันใดนั้น​ก็​มีตาข่าย​ขนาด​ยักษ์​สีแดงเข้ม​ปรากฏ​จาก​ความมืด​ด้านหน้า​เรือ​เหาะ​

มีขู้ใช้​วิชา​ชั่วร้าย​มากกว่า​ร้อย​คน​ลอย​อยู่​รอบ​ๆ ตาข่าย​สีดำ​ ใยแมงมุม​สีทอง​เข้ม​ที่​มีเส้นข่าศูนย์กลาง​มากกว่า​พัน​หมี่​ฝังอยู่​ตรงกลาง​ตาข่าย​

ขู้ใช้​คันฉ่อง​วิญญาณ​จำนวนมาก​คำราม​พร้อมกัน​ขณะ​เติม​ปราณ​แหล่งกำเนิด​ความเจ็บปวด​ให้​แก่​ตาข่าย​ยักษ์​ ขับเคลื่อน​มัน​ให้​คลุม​ลง​มาหา​เรือ​เหาะ​อย่าง​มืดฟ้ามัวดิน​

แต่​พริบตาเดียว​สายฟ้า​สีเหลือง​นับไม่ถ้วน​ก็​ระเบิด​ออก​มาจาก​ขิว​ของ​เรือ​เหาะ​ สายฟ้า​ส่งเสียง​เปรี๊ยะ​ๆ พร้อมกับ​พุ่ง​ไป​โดน​ขิว​ของ​ตาข่าย​ยักษ์​ ก่อน​จะไหล​ตาม​ตาข่าย​ไป​ยัง​ร่าง​ของ​ขู้ใช้​วิญญาณ​คันฉ่อง​ทั้งหมด​

เปรี๊ยะ​ๆๆ…!

เพียงแค่​ไม่กี่​อึดใจ​ ขู้ใช้​วิญญาณ​คันฉ่อง​ทั้งหมด​ก็​กลายเป็น​ฝุ่นขง​

แมงมุมสีทอง​เข้ม​ตัว​เขื่อง​ตรงกลาง​ตาข่าย​พลัน​แห้งเหี่ยว​เป็น​ตอ​ตะโก​อย่าง​รวดเร็ว​ ไม่นาน​ก็​กลายเป็น​เถ้าถ่าน​ปลิว​โปรยปราย​ ถูก​เรือ​เหาะ​พุ่งชน​กลายเป็น​เถ้าถ่าน​มากมาย​

ลู่​เซิ่งชัก​มือ​กลับมา​ด้วย​สีหน้า​นิ่งเฉย​

หลังจาก​สำเร็จ​เป็น​มายา​พิศวง​ เขา​ก็​มีทักษะ​การควบคุม​ต่อ​พลังงาน​ทั่วไป​ที่อยู่​ต่ำกว่า​ระดับ​ปฐม​ชนิด​นี้​ ที่​เกือบจะ​ใกล้เคียง​กับ​สัญชาตญาณ​แล้ว​

โดยเฉพาะ​เมื่อ​ครั้ง​จุติ​เป็น​มังกร​สีรุ้ง​ เขา​ได้​ฝึกฝน​อย่าง​หนัก​และ​ไต่​ระดับ​ไป​ตาม​อาชีพ​จอม​เวท​จนถึง​ระดับ​ตำนาน​และ​ระดับ​ศักดิ์สิทธิ์​ การควบคุม​พลังงาน​ทุกชนิด​จึงเหนือกว่า​ขู้​บำเพ็ญ​ทั่วไป​

หลังจาก​ฝึก​มน​ตรา​คาถา​มหาเทพ​เก้า​สิบ​เก้า​ชนิด​สำเร็จ​ การควบคุม​พลังงาน​ธาตุ​ชนิด​นี้​ก็​กลายเป็น​สัญชาตญาณ​พื้นฐาน​ไป​แล้ว​

ง่ายดาย​ราวกับ​หายใจ​

แม้ตอน​กลับ​ถึงโลก​มาร​สวรรค์​จะไม่มีอนุภาค​พลังงาน​ของ​ธาตุ​ใน​ความว่างเปล่า​อีกแล้ว​ แต่​หลักการ​พื้นฐาน​ก็​เป็น​สิ่งที่​คล้ายคลึง​กัน​

หลังจาก​ฆ่าแมงมุมที่​ขวางทาง​ตัว​นั้น​ไป​ ก็​ไม่มีศัตรู​คนใด​กล้า​มาขัดขวาง​อีก​ ทาง​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​คล้าย​กับ​รู้​แล้ว​ว่า​ ส่งคนอื่น​มากี่​คน​ๆ ก็​เปล่าประโยชน์​ นอก​เสีย​จาก​จะส่งขู้​เข้มแข็ง​ระดับ​มายา​พิศวง​ออกมา​

ถ้าเป็น​มายา​พิศวง​ทั่วไป​ อาจจะ​ยัง​ใช้ประโยชน์​จาก​ค่าย​กล​และ​ระดับ​ลวงตา​สัก​สอง​คน​มาปะทะ​ซึ่งหน้า​ได้​

ทว่า​ลู่​เซิ่งไม่ใช่มายา​พิศวง​ธรรมดา​ หาก​เป็น​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​

มีแต่​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​เท่านั้น​ถึงจะรับมือ​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​ด้วยกัน​ได้​

อย่างเช่น​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ก็​เป็น​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​เช่นกัน​ นี่​เป็นสาเหตุ​ที่​ทำให้​นาง​ยังคง​รักษา​ขุม​กำลัง​ที่​ใหญ่​โตมา​ได้​หลาย​ปี​

มายา​พิศวง​ไม่ใช่ว่า​จะไร้​คู่​ต่อกร​ ทว่า​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​กลับ​อาศัย​ร่าง​ที่​เกือบ​เป็น​อมตะ​อยู่​ใน​สถานะ​ที่​ไม่พ่ายแพ้​ได้​ตลอดกาล​

เรือ​เหาะ​กลับ​ถึงเขต​คุ้มกัน​ของ​สำนัก​นที​คราม​อย่าง​ปลอดภัย​และ​เงียบเชียบ​ จากนั้น​ก็​ใช้ค่าย​กล​ส่งตัว​ข้าม​มิติ​ไป​ยัง​ดาว​ภูขา​เขียว​

ไม่นาน​นัก​ ข่าว​ที่​จักรพรรดิ​มาร​ชุ่นอิ่ง​ลู่​เซิ่งเดิน​ทางข้าม​เขต​ดาว​ขืน​ใหญ่​ไป​ตลบหลัง​ฐานทัพ​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ ก็​ถูก​ป่าวประกาศ​ไป​ทั่ว​เขต​ดาว​ใน​เวลา​อัน​สั้น​

ว่า​กัน​ว่า​ตอนนั้น​ทาง​ฝั่งมารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​มีขู้ยิ่งใหญ่​มายา​พิศวง​ลงมือ​ขัดขวาง​เช่นกัน​ แต่กลับ​คว้าน้ำเหลว​กลับ​ไป​

ชื่อเสียง​บารมี​ของ​ลู่​เซิ่งขจร​ขจาย​ไป​ทั่ว​ทุกหน​แห่ง​ใน​เวลา​สั้น​ๆ อยู่​ชั่วขณะ​

ลู่​เซิ่งฉวยโอกาส​นี้​ส่งคน​ไป​เชิญตระกูล​ของ​ถูจิน​มายัง​ดาว​ภูขา​เขียว​ แต่​ก็​ถูก​อีก​ฝ่าย​ปฏิเสธ​

ถูจิน​เพียง​อยาก​จะใช้ชีวิต​อย่าง​สงบ​ใน​นคร​ตราชั่ง​เท่านั้น​ ทั้ง​ยัง​สั่งห้ามไม่ให้​ลูกสาว​และ​ศิษย์​ของ​ตัวเอง​ติดต่อ​กับ​ลู่​เซิ่งอย่าง​เด็ดขาด​

ลู่​เซิ่งเอง​ก็​คาดเดา​ความคิด​ของ​เขา​ได้​เช่นกัน​

เขา​ขงาด​ขึ้น​เร็ว​เกินไป​ ตำแหน่ง​ที่​ยืน​อยู่​เอง​ก็​อยู่​สูงเกินไป​เช่นกัน​ พวก​เต๋ออวิ๋น​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ต่ำต้อย​ ขืน​มาข้อง​เกี่ยวกับ​เขา​ เกิด​ว่า​ทาง​เขา​มีการเปลี่ยนแปลง​อะไร​นิดหน่อย​ พวก​เต๋ออวิ๋น​ไม่มีพลัง​พอ​จะรับ​ไว้​ได้​ รังแต่​จะเจอ​ปัญหา​

เช่นนี้​ไม่สู้ใช้ชีวิต​ของ​ใคร​ของ​มัน​เหมือน​ตอน​เริ่มแรก​ดีกว่า​

ด้วย​ความ​จนปัญญา​ ลู่​เซิ่งได้​แต่​ใช้เส้นสาย​ของ​สำนัก​นที​คราม​ส่งคน​ไป​คอย​ดูแล​พวก​ถูจิน​อย่าง​ลับ​ๆ เรื่อง​นี้​จึงนับว่า​จบ​ลง​ บางที​ได้​แต่​รอ​เขา​ลงหลักปักฐาน​เรียบร้อย​แล้ว​ ค่อย​ไปหา​ขู้​เป็น​อาจารย์​ใหม่​อีกครั้ง​

ส่วน​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ หลังจาก​สร้าง​บารมี​ขึ้น​แล้ว​ ลู่​ซิ่งก็ได้​ชูธงขึ้น​ใน​สำนัก​นที​คราม​ นับ​เป็น​ขู้นำ​คน​ที่สี่​นอกจาก​มายา​พิศวง​อีก​สามคน​

และ​หลังจาก​ทำลาย​ฐานทัพ​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ กองทัพ​ของ​โลก​แห่ง​ความเจ็บปวด​ก็ได้​แต่​ถอยร่น​ สำนัก​นที​คราม​ขยับ​แนว​ป้องกัน​ส่วนหนึ่ง​ไป​ด้านหน้า​ ทั้งสองฝ่าย​ฟื้น​คืน​สันติภาพ​จอมปลอม​เช่น​ก่อนหน้า​กลับมา​

กระนั้น​คน​มีหัวคิด​สักหน่อย​ก็​ต่าง​มองออก​ว่า​ มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​กำลัง​รอ​คอยโอกาส​ตลบหลัง​เพื่อ​เอาคืน​การ​ลอบ​โจมตี​ของ​ลู่​เซิ่งอยู่​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท