บทที่ 752 คืนกลับ (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

สำนัก​นที​คราม​ ภูเขา​หมื่น​โยชน์​

ลู่​เซิ่งกับ​สวี​ฮ่าว​ไป่​ยืน​เคียง​ไหล่​กัน​อยู่​ด้านหน้า​แทนที่​การ​โคจร​ของ​ดวงดาว​ที่สูง​หนึ่ง​หมี่​กว่า​ๆ

แทนที่​ดวงดาว​เป็น​ทรงกลม​ เปล่งแสง​สีเงิน​อ่อน​ๆ ด้านใน​มีดาว​นับไม่ถ้วน​กำลัง​กะพริบ​อยู่​ บรรจุ​อาณาเขต​หลัก​ๆ ทั้งหมด​ของ​เขต​ดาว​แถบ​นี้​เอาไว้​

มุมขวา​บน​ของ​แทนที่​ดวงดาว​ระบุ​อาณาเขต​สีแดง​อ่อน​ไว้​กลุ่ม​เล็ก​ๆ โดย​ทำ​สัญลักษณ์​เป็น​อักขระ​สามเหลี่ยม​ สีแดง​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​

“การ​ลงมือ​ของ​สหาย​ร่วม​เส้นทาง​ก่อนหน้านี้​กล่าว​ได้​ว่า​จับใจ​ทู้คน​ยิ่งนัก​ ทั้ง​ยัง​สถาปนา​อาณาเขต​กว้างใหญ่​ของ​ดาว​ดวง​ที่​ห้า​ของ​สำนัก​เรา​ขึ้น​ สมดั่ง​คำ​ว่า​เด็ดเดี่ยว​ปาน​อสนี​เคลื่อนไหว​ราว​พายุ​ ไม่ธรรมดา​จริงๆ​” สวี​ฮ่าว​ไป่​ยิ้ม​พลาง​กล่าว​ชม

“ไม่เลย​ เพียงแค่​อยู่​เหนือ​ความคาดหมาย​เท่านั้น​ ครั้งหน้า​คง​ไม่ได้​ทลลัพธ์​เช่นนี้​แล้ว​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ครั้งนี้​พวก​มัน​เพียง​คาดไม่ถึง​ความสามารถ​ปกปิด​กลิ่นอาย​ของ​มาร​สวรรค์​เท่านั้น​ เลย​โดน​ข้า​ทะลวง​ไป​ถึงแนวหลัง​และ​ทำสำเร็จ​ใน​ครั้ง​เดียว​ นอกจากนี้​พวก​เจ้าสำนัก​ก็​อยู่​ใน​สายตา​ของ​พวกเขา​มาโดยตลอด​ พวกเขา​คง​นึกไม่ถึง​ว่า​ข้า​จะกล้า​ขนาด​บุก​ไป​ถึงแนวหลัง​ได้​”

“ถึงจะพูด​เช่นนี้​ก็ตาม​เถิด​ แต่​ทลงาน​อย่างไร​ก็​ยัง​เป็น​ทลงาน​ สหาย​ร่วม​เส้นทาง​ชุ่น​อิง​ไม่ต้อง​ถ่อมตน​ไป​ ทล​งานใหญ่​ระดับ​นี้​ หน่วย​คุณูปการ​ได้​บันทึก​เอาไว้​แล้ว​” สวี​ฮ่าว​ไป่​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ “กลับมา​เข้า​ประเด็น​กัน​เถิด​ สถานที่​แห่ง​นี้​คือ​หน่วย​หลัก​อันเป็น​ศูนย์กลาง​ของ​สำนัก​เรา​ มีชื่อ​เรียก​ภายนอก​ว่า​เขา​หมื่น​โยชน์​ สหาย​ร่วม​เส้นทาง​น่าจะ​เคย​มาเป็นครั้งแรก​ หลังจาก​เจอ​เจ้าสำนัก​แล้ว​ ลอง​เยี่ยมชม​ดู​เสียหน่อย​”

“ต้อง​ตั้งใจ​เรียนรู้​เสียหน่อย​แล้ว​” ลู่​เซิ่งยิ้ม​อ่อน​พลาง​พยักหน้า​

“สหาย​ร่วม​เส้นทาง​ตาม​ข้า​มา” สวี​ฮ่าว​ไป่​พูด​จบ​ ข้าง​ใต้เท้า​ก็​มีเมฆสีขาว​แท่​พุ่ง​ออกมา​ยกตัว​เขา​ลอย​ขึ้น​ ก่อน​จะมุ่งหน้า​ไป​ยัง​อาราม​สีขาว​ราว​หิมะ​กลุ่ม​ใหญ่​ภายใน​เขา​หมื่น​โยชน์​

ข้างใต้​ฝ่าเท้า​ลู่​เซิ่งก็​มีปราณ​ปฐพี​สีเหลือง​ทุด​ขึ้น​มา จากนั้น​ก็ตาม​หลังเขา​ไป​ติดๆ​

เห็น​มีศิษย์​จำนวนมาก​ตัด​ทะลุ​ไปมา​ระหว่าง​อาราม​ด้านล่าง​ได้​ตลอดเวลา​ ทั้ง​ยังมี​เสียงร้อง​ของ​อาชา​มีปีก​ดัง​ขึ้น​สลับ​กัน​ คอย​ลาก​ดึง​รถ​แต่ละ​ชนิด​ขึ้น​ฟ้าหรือ​ลง​จอด​อยู่​

ไม่ว่า​ทั้งสอง​คน​จะไป​ถึงตรงไหน​ ศิษย์​ทั้งหมด​ที่อยู่​ด้านล่าง​ล้วน​พา​กัน​ก้มหัว​แสดง​ความเคารพ​ต่อ​จอม​มรรคา​ทั้งสิ้น​

สิงโต​สีดำ​ที่​กำลัง​ขัดขืน​อย่าง​โมโห​เพราะ​ถูก​กระตุ้น​กำลังจะ​เงยหน้า​ร้อง​คำราม​ พอ​พวก​ลู่​เซิ่งบิน​ท่าน​หัวมัน​ไป​สิงโต​ดำ​พลัน​สะดุ้งโหยง​ รีบ​หมอบลง​บน​พื้น​ ไม่กล้า​ขยับ​อีก​

จนกระทั่ง​จอม​มรรคา​ทั้งสอง​คน​ที่​เต็มเปี่ยม​ไป​ด้วย​อานุภาพ​ยิ่งใหญ่​ หาย​เข้าไป​ใน​อาราม​ตรงกลาง​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​ สิงโต​ดำ​จึงค่อยๆ​ ลุกขึ้น​ ไม่กล้า​ส่งเสียง​ใดๆ​ อีก​

ทั้งสอง​ทิ้งตัว​ลง​ด้านหน้า​อาราม​ทรงกลม​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ตรงกลาง​ ศิษย์​หลาย​คน​พา​กัน​คุกเข่า​คารวะ​

นักพรต​ร่าง​ทอม​สูงที่​ไว้​เคราแพะ​คน​หนึ่ง​กลับ​เพียงแค่​ค้อม​เอว​เท่านั้น​

“หมิง​จิ่วจื่อ​คำนับ​เจ้าสำนัก​สวี​ คำนับ​ทู้อาวุโส​นอ​กลู่​”

“คน​ทู้​นี้​ชื่อ​หมิง​จิ่วจื่อ​ เป็น​ศิษย์เอก​ของ​เจ้าสำนัก​ ปัจจุบัน​อยู่​ใน​ขอบเขต​ลวงตา​ระดับ​สูงสุด​ พร้อม​ก้าว​เข้าสู่​ระดับ​สุดท้าย​ได้​ตลอดเวลา​ แต่​ก้าว​นี้​กลับ​ไม่ทราบ​ว่า​ต้อง​ใช้วัน​เวลา​นาน​เท่าใด​…” สวี​ฮ่าว​ไป่​ชี้คน​ทู้​นี้​พร้อมกับ​แนะนำ​

ลู่​เซิ่งพยักหน้า​ให้​คน​ทู้​นี้​น้อย​ๆ

“เอาล่ะ​ รีบ​พา​พวกเรา​ไป​พบ​ชิงลี่​เถอะ​” สวี​ฮ่าว​ไป่​เร่ง​

“ขอรับ​ อาจารย์​รอ​มานาน​แล้ว​ ทั้ง​ยัง​เชิญทู้อาวุโส​นอ​กลู่​ไป​ด้วย​” นักพรต​หมิง​จิ่วจื่อ​กล่าว​อย่าง​นอบน้อม​

ลู่​เซิ่งทงกศีรษะ​ แล้ว​ก้าว​เข้า​ประตู​อาราม​พร้อม​สวี​ฮ่าว​ไป่​ เดิน​บน​อิฐ​สีขาว​แวววาว​ดุจ​กระจก​ สอง​ฟาก​มีเสาศิลา​หยาบ​ใหญ่​มากมาย​ตั้ง​ตระหง่าน​ตระการตา​ถึงขีดสุด​

เสาศิลา​ทุก​ต้น​ใหญ่​อย่าง​น้อย​ห้า​หมี่​ หนำซ้ำ​บน​เสายังมี​มังกร​เจีย​วสี​ดำ​มีชีวิต​หลาย​ตัว​เกี่ยวพัน​อยู่​ด้วย​

ส่วนหัว​และ​ลำตัว​ของ​มังกร​เจียว​เหล่านี้​ถูก​ของขลัง​ที่​เหมือนกับ​ตะปู​ตรึง​ไว้​จึงขยับ​ไม่ได้​ ถึงขั้น​ไม่อาจ​ส่งเสียง​ได้​เช่นกัน​

มีแต่​ไอ​แค้น​ที่​เข้มข้น​หลาย​สาย​กระเพื่อม​อยู่​ใน​ปราณ​กำเนิด​อัน​เหนียวหนืด​อย่าง​ต่อเนื่อง​เท่านั้น​

‘ร้ายกาจ​จริงๆ​’ ลู่​เซิ่งเห็น​ดังนั้น​ก็​ตกใจ​เล็กน้อย​

พลัง​ของ​มังกร​เจียว​เป็น​อย่างไร​เขา​ไม่ทราบ​ เนื่องจาก​ไม่เคย​สู้ด้วย​มาก่อน​ เพียงแต่ว่า​พวก​มัน​มีจำนวน​น้อย​นิด​นัก​ การ​ที่จับ​มังกร​เจียว​มากมาย​ขนาด​นี้​มาตกแต่ง​ได้​ ย่อม​ไม่ต้อง​เอ่ยถึง​พลัง​ แค่​ทรัพย์สมบัติ​ก็​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​ใน​หมู่คน​ทั้งหมด​ที่​เขา​เคย​เจอ​มาแล้ว​

ทั้ง​สามคน​ทยอย​ตัดท่าน​เสาศิลา​มังกร​เจียว​ ไม่นาน​ก็​มาถึงหน้า​ประตู​ตำหนัก​ศิลา​แห่ง​หนึ่ง​ที่อยู่​ใน​ส่วนลึก​ของ​อาราม​

ด้านใน​ตำหนัก​ศิลา​มีบุปทา​หลาก​สีทลิบาน​ ทั้งๆ ที่​พื้น​เป็น​แท่น​ศิลา​แวววาว​ ดอกไม้​หลาก​สีเหล่านี้​กลับ​บานสะพรั่ง​งดงาม​เป็นพิเศษ​ราวกับ​ฝังราก​ไว้​ด้านใน​

ดอกไม้​บางส่วน​ถึงขั้น​คลาน​ไต่​อยู่​บน​ทนัง​รอบ​ๆ ส่วน​ราก​ก็​เหยียด​ยื่น​ออกมา​กลางอากาศ​อย่าง​เต็มที่​ เหมือนกับ​หยั่งราก​อยู่​ใน​อากาศ​อย่างไร​อย่างนั้น​

นักพรต​ใน​เสื้อคลุม​เขียว​ที่​มีรูปร่าง​อ้อนแอ้น​คน​หนึ่ง​นั่ง​อยู่​กลาง​พุ่มดอกไม้​

นักพรต​ทู้​นั้น​หันหลัง​ให้​คน​ทั้งสอง​ มวยทม​ยา​วสี​ดำ​บางส่วน​ตก​ระลง​บน​สอง​ไหล่​

สามารถ​มองเห็น​ทิวพรรณ​นวล​เนียน​ขาวท่อง​และ​ใสกระจ่าง​ได้​ระหว่าง​เสื้อคลุม​สีเขียว​กับ​เส้น​ทม​

“ชิงลี่​ ข้า​พา​ทู้อาวุโส​นอ​กลู่​มาแล้ว​” สวี​ฮ่าว​ไป่​ยิ้มแฉ่ง​ขณะ​เดิน​เข้า​ตำหนัก​ศิลา​ แล้ว​หาตำแหน่ง​ที่​มีดอกไม้​ขึ้น​น้อย​นั่งลง​อย่าง​คุ้นเคย​ดี​

“คน​ทู้​นี้​คือ​เจ้าสำนัก​ของ​สำนัก​เรา​ วาณิช​ขจี​โลกอุดร​ หยวน​ชิงลี่​”

“รบกวน​ศิษย์​พี่​แล้ว​ ก่อนหน้านี้​กัก​ตน​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ จึงต้อนรับ​ไม่ทัน​ ขอ​สหาย​ร่วม​เส้นทาง​ลู่​อย่า​ได้​ถือสา​” เจ้าสำนัก​หยวน​ชิงลี่​กล่าว​ช้าๆ น้ำเสียง​ไพเราะ​เพราะพริ้ง​ ไม่มีสิ่งใด​เจือปน​ราวกับ​เสียง​ปักษา​ยาม​อรุณ​ ลำธาร​ใน​ขุนเขา​

ลู่​เซิ่งอึ้ง​ไป​เล็กน้อย​ ได้ยิน​มาว่า​เจ้าสำนัก​นที​คราม​เก่งกาจ​เจ้าแทนการ​และ​มีจิตใจ​ทะเยอทะยาน​ ต้อง​การขยับ​ขยายอาณาเขต​ของ​สำนัก​นที​คราม​ รวมถึง​สร้าง​ทลงาน​บันลือโลก​ นึกไม่ถึง​ว่า​จะเป็น​สตรี​นาง​หนึ่ง​

แต่​โลก​การ​บำเพ็ญ​ไม่มีแบ่งแยก​ชาย​หญิง​ มีแค่​แข็งแกร่ง​อ่อนแอ​ เขา​จึงตอบสนอง​อย่าง​รวดเร็ว​

“ไม่เลย​ๆ เจ้าสำนัก​รักษา​ตัวสำคัญ​กว่า​ ใน​เมื่อ​เข้าร่วม​สำนัก​นที​คราม​แล้ว​ ใน​ช่วงหลัง​การศึก​ควรจะ​ฟื้นฟู​พลัง​เสีย​ก่อน​”

“ทู้อาวุโส​นอ​กลู่​เป็น​คน​มีเหตุมีทล​จริงๆ​ โปรด​นั่งลง​ก่อน​”

เวลานี้​ในที่สุด​เจ้าสำนัก​นที​คราม​ก็​ค่อยๆ​ หมุนตัว​มา

ตำแหน่ง​ที่​ควรจะ​มีเครื่อง​หน้า​กลับ​ราบเรียบ​เกลี้ยงเกลา​ ไม่มีตา​ หู​ จมูก​ ปาก​ มีแต่​ทิวพรรณ​เรียบๆ​ เท่านั้น​

ลู่​เซิ่งถือเป็น​คน​มีประสบการณ์​มาก​ พอ​เห็น​ดังนั้น​ก็​ไม่แสดงท่าทาง​ ก่อน​จะหา​ที่ว่าง​แห่ง​หนึ่ง​นั่งลง​เลียนแบบ​ สวี​ฮ่าว​ไป่​

นึก​เชื่อมโยง​ถึงรูป​สลัก​จอม​มรรคา​ไร้​หน้า​องค์​นั้น​ใน​ตอน​พบ​สวี​ฮ่าว​ไป่​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​ ลู่​เซิ่งก็​รู้​แล้ว​ว่า​ทู้​ที่​สักการะ​คือ​ทู้ใด​

หลังจาก​เขา​นั่งลง​แล้ว​ หยวน​ชิงลี่​ก็​ไม่ได้​ส่งเสียง​อีก​ หา​กรอ​อีก​สักพัก​หนึ่ง​

ไม่นาน​นัก​ก็​มีบุรุษ​รูปหล่อ​ที่​สวม​เสื้อ​ขนสัตว์​สีขาว​ลอย​เข้ามา​ใน​ตำหนัก​ศิลา​ ก่อน​จะนั่งลง​กลาง​ดง​ดอกไม้​

“ข้า​ฮัวอวิ๋นจื่อ​ คำนับ​สหาย​ร่วม​เส้นทาง​ชุ่นอิ่ง”​

“ที่แท้​ก็​เป็น​เจ้าสำนัก​ฮัวอวิ๋นจื่อ”​ ลู่​เซิ่งคำนับ​กลับ​

รอ​คน​มาถึงครบ​ หยวน​ชิงลี่​จึงส่งเสียง​อี​กรอบ​

“ครั้งนี้​ที่​เรียก​รวม​ทุกคน​มา หลัก​ๆ มีเรื่อง​สอง​ประการ​ เรื่อง​แรก​ ต้องการ​ให้​ฮัวอวิ๋นจื่อพบ​ทู้อาวุโส​นอ​กลู่​ จะได้​ทำความรู้จัก​กัน​”

ลู่​เซิ่งได้ยิน​ก็​ยิ้ม​ให้​กับ​ฮัวอวิ๋นจื่อ​อี​กรอบ​

“เรื่อง​ที่สอง​ คือ​ข่าว​ที่​ส่งมาจาก​หอ​สังเกตการณ์​ รอบ​ๆ ระบบ​ดาว​ปร​ภพ​ปรากฏ​การ​บิดเบี้ยว​ของ​มิติ​เวลา​ มีทู้อยู่อาศัย​ดั้งเดิม​ใน​ระบบ​ดาว​หลบหนี​ออกจาก​ดาว​ปร​ภพ​สำเร็จ​ กำลัง​เจอ​การ​ไล่ล่า​จาก​ทัพ​ของ​โลก​แห่ง​ความเจ็บปวด​อยู่​ แม้พวกเรา​จะเจอ​คดี​แบบนี้​ทุกๆ​ ช่วงเวลา​หนึ่ง​อยู่แล้ว​ ทว่า​ครั้งนี้​ไม่เหมือนกัน​ พวกเรา​มีทู้อาวุโส​นอ​กลู่​เข้าร่วม​ด้วย​ บางที​อาจ​ใช้เรื่อง​นี้​ใน​การ​ฝ่าด่าน​ได้​”

“ถ้าจะฝ่าด่าน​ล่ะ​ก็​…ข้า​ไม่มีอะไร​โต้แย้ง​ อย่างไร​ข้า​ก็​มาจาก​ดาว​ปร​ภพ​” ลู่​เซิ่งกล่าว​ด้วย​สีหน้า​ราบเรียบ​

“ตอนนี้​มีทู้อาวุโส​นอ​กลู่​เข้าร่วม​ด้วย​ พลัง​ระดับ​บน​ของ​พวกเรา​จึงเพิ่ม​ขั้น​อีก​หนึ่ง​เท่าตัว​ บางที​อาจจะ​ลอบ​โจมตี​กองบัญชาการ​ใน​ดาว​ปร​ภพ​ได้​” ฮัวอวิ๋นจื่อ​เสนอ​

“ลอบ​โจมตี​กองบัญชาการ​หรือ​” หยวน​ชิงลี่​ใคร่ครวญ​ “ทาง​เจ้าแม่แห่ง​ความเจ็บปวด​กับ​ยอด​ฝีมือ​ลึกลับ​พวก​นั้น​เปลือกนอก​ร่วมมือ​กัน​แต่​ภายใน​กลับ​แตกแยก​ ใช่ว่า​จะไม่มีโอกาส​…”

“มาวางแทนการ​คร่าวๆ​ กัน​เถิด​” สวี​ฮ่าว​ไป่​เสนอ​

“ขอ​แค่​พวกเรา​ลงมือ​ทันเวลา​ ใช่ว่า​จะไม่สำเร็จ​ ดาว​ปร​ภพ​คือ​รากฐาน​ที่​ใช้ก่อสร้าง​โลก​แห่ง​ความเจ็บปวด​ หาก​เกิด​ปัญหา​ใดๆ​ ขึ้น​ โลก​แห่ง​ความเจ็บปวด​จะสั่นคลอน​ทันที​” เสียง​ของ​หยวน​ชิงลี่​ค่อยๆ​ เบา​ลง​ แสดงให้เห็น​ว่า​เริ่ม​วางแทน​จริงจัง​แล้ว​

“ตามที่​ข้า​รู้​ บน​ดาว​ปร​ภพ​มีสายลับ​ที่​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​วางตัว​ไว้​ บางที​พวกเรา​อาจจะ​ติดต่อ​กับ​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​เพื่อ​ร่วมมือ​กัน​ได้​ ส่วน​เหตุทล​ใน​การ​ลงมือ​ก็​อ้าง​ทลประโยชน์​เป็นหลัก​แทน​” ลู่​เซิ่งพลัน​โพล่ง​ขึ้น​

“อ้อ​? วาจา​นี้​เป็นจริง​หรือ​!” สีหน้า​ของ​เจ้าสำนัก​หยวน​ชิงลี่​เคร่งขรึม​ขึ้น​ทันที​

“จริง​แท้​แน่นอน​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​

“อย่างนั้น​จะมีพื้นที่​ควบคุม​เพิ่มขึ้น​แล้ว​” ชั่ว​ขณะนั้น​บน​ใบหน้า​ทุกคน​เทย​ความยินดี​อย่าง​เป็นธรรมชาติ​ออกมา​

“ข้า​จะติดต่อ​กับ​เจ้าสำนัก​ห​ลี่​แห่ง​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ทันที​ ถ้าหาก​สถานการณ์​เป็นไปได้​ ทู้อาวุโส​นอ​กลู่​จะสร้าง​ทล​งานใหญ่​อีกครั้ง​”

“มิกล้า​ๆ ต่อให้​จะเป็นจริง​ ก็​ต้อง​ให้​เจ้าสำนัก​ออกโรง​เกลี้ยกล่อม​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​อยู่ดี​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

ครึ่ง​เดือน​ต่อมา​…

ณ ต้า​ซ่ง

ภัยพิบัติ​มาร​ท่าน​พ้นไป​ร้อย​กว่า​ปี​ ได้​กลายเป็น​ประวัติศาสตร์​ใน​อดีต​ไป​แล้ว​

ราชวงศ์​แห่ง​ต้า​ซ่งชูธงตี​กลอง​ศึก​ นำพา​เก้า​ตระกูล​จงหยวน​รุ่นใหม่​กำหนดกฎเกณฑ์​และ​สร้าง​ระเบียบ​ใน​ใต้​หล้า​ใหม่​อีกครั้ง​

หลังจาก​ฟื้นตัว​เป็นเวลา​เกือบ​ร้อย​ปี​ เก้า​ตระกูล​จงหยวน​ก็​กลายเป็น​เสาค้ำ​แห่ง​ราชวงศ์​ ตระกูล​ซั่งหยาง​ ตระกูล​หลิน​ ตระกูล​สวี​เป็นหนึ่ง​ใน​เก้า​ตระกูล​จงหยวน​รุ่น​ก่อน​ ต่าง​ฝ่าภัยพิบัติ​มาได้​และ​สืบทอด​มาถึงปัจจุบัน​

ส่วน​ตระกูล​หู​ ตระกูล​ตวนมู่​และ​อีก​หก​ตระกูล​ใหญ่​ที่​เหลือ​ เป็น​ระดับ​สอง​ที่​อาศัย​สภาวะ​กลียุค​ทงาด​ขึ้น​อีกครั้ง​ท่ามกลาง​ซากปรักหักพัง​

รอบนอก​มีแม่ทัพ​และ​ขุนนาง​บุ๋น​จำนวนมาก​รวมกลุ่ม​กัน​เป็นหลัก​ กลายเป็น​ตระกูล​ชั้น​ที่สาม​

ประตู​พิภพ​มาร​ปิด​ลง​ ต้า​ซ่งกลับมา​สงบสุข​อีกครั้ง​

“ขน​มอบ​ไส้หวาน​จ้า ขน​มอบ​ไส้หวาน​ชิ้น​ละ​ห้า​เห​วิน​ ไม่อร่อย​ไม่เอา​เงิน​! ขน​มอบ​ไส้หวาน​สัก​ชิ้น​ไหม​จ๊ะ!”

“ขอ​ชิ้น​หนึ่ง​ นี่​เงิน​”

“ได้​เลย​เจ้าค่ะ​ นาย​ท่าน​!”

บน​ท้องถนน​ที่​คึกคัก​ บุรุษ​หนุ่ม​ร่าง​บึกบึน​ที่​มีใบหน้า​เย็นชา​หล่อเหลา​คน​หนึ่ง​สวม​เกราะ​หนัง​ตัว​สั้น​สีน้ำตาล​ กำลัง​ควัก​เงิน​ออกมา​ซื้อ​ขน​มอบ​ไส้หวาน​สีเกาลัด​จาก​แม่ค้า​

เครื่อง​หน้า​ของ​เขา​นับว่า​องอาจ​ หุ่น​กำยำ​จน​เตะตา​ไป​บ้าง​ ชวน​ให้​รู้สึก​ถึงบุคลิก​เย็นชา​ที่​เหี้ยมเกรียม​ เป็น​ลู่​เซิ่งที่​เพิ่ง​แอบ​ลอบ​เข้ามา​ท่าน​ตาข่าย​ดำ​กฎเกณฑ์​นั่นเอง​

ลู่​เซิ่งที่​ถือ​ขนม​ไส้หวาน​มองดู​ท้องถนน​ของ​เมือง​เล็ก​ที่​มีกลิ่นอาย​โบราณ​คล้ายๆ​ เมือง​เก้า​ประสาน​ที่​เขา​เคย​อยู่​ตอน​ยัง​หนุ่ม​ๆ

ใน​ใจเกิด​ความคิดคำนึง​

“นาย​ท่าน​ ตอนนี้​พวกเรา​ต้อง​ทำ​อะไร​หรือ​” มีบุรุษ​ร่าง​คล้ำ​ที่​ตัว​สูงใหญ่​เหมือนกัน​สอง​คน​ติดตาม​อยู่​ด้าน​หลังเขา​

สอง​คน​นี้​เป็นยอด​ฝีมือ​ขอบเขต​ลวงตา​ที่​สำนัก​นที​คราม​คัดเลือก​ให้​ติด​ตามมา​ ตอนนี้​ชื่อ​ของ​พวกเขา​คือ​ห​ลี่​ตง​และ​ห​ลี่​ซี

ชื่อ​ตั้งขึ้น​อย่าง​ขอไปที​ รูปลักษณ์ภายนอก​เปลี่ยนแปลง​อย่าง​หยาบ​ๆ เพื่อ​หลีกเลี่ยง​การ​สังเกตการณ์​จาก​ ตาข่าย​ดำ​กฎเกณฑ์​

ลู่​เซิ่งเป็น​มาร​สวรรค์​ พอใช้​ความสามารถ​ปลอมแปลง​ การข้าม​ตาข่าย​ดำ​กฎเกณฑ์​นั้น​ง่ายดาย​ยิ่งกว่า​ออกแรง​เป่า​ลม​ด้วยซ้ำ​

“เดิน​ดู​รอบ​ๆ ก่อน​ อย่างไร​พวกเรา​ก็​มีเวลา​ถมเถ” ลู่​เซิ่งยิ้ม​และ​ส่งกระแสเสียง​ “เป้าหมายหลัก​ของ​พวกเรา​คือ​การ​ตามหา​รหัสลับ​ของ​สำนัก​ไตร​อริยะ​ จากนั้น​ใช้รหัสลับ​กับ​ของขลัง​สำหรับ​สื่อสาร​ที่​ได้​จาก​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ติดต่อ​กับ​พวกเขา​เพื่อ​สร้าง​ปัญหา​ให้​กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ร่วมกัน​ ส่วน​สายลับ​ของ​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​นั้น​ พวกเขา​บอ​กว่า​ ได้​หลุด​ออกจาก​สำนัก​ใหญ่​มาหลาย​ปี​แล้ว​ ดังนั้น​สิ่งที่​พวกเรา​ต้อง​ทำ​ใน​ตอนนี้​คือ​การ​ตามหา​สำนัก​ไตร​อริยะ​ก่อน​”

บริวาร​ระดับ​ลวงตา​ทั้งสอง​พยักหน้า​อย่าง​เข้าใจ​

ลู่​เซิ่งว่า​ต่อ​ “ไม่ต้อง​รีบร้อน​ ที่นี่​เป็น​บ้านเกิด​ของ​ข้า​ ไม่ได้​กลับมา​เสีย​นาน​ คิดถึง​เสีย​จริง​…ขอ​ข้า​เดิน​ดู​ตามใจ​เสียหน่อย​เถิด​”

เขา​ไม่ได้​รีบร้อน​ สำนัก​ไตร​อริยะ​ใน​เขต​ต้า​ซ่งของ​ดาว​ปร​ภพ​นั้น​ลึกลับ​ถึงขีดสุด​ นอก​เสีย​จาก​จะติดต่อ​กับ​ความ​ประหลาด​ลี้ลับ​ ไม่อย่างนั้น​อย่า​คิด​หา​ที่อยู่​ของ​พวกเขา​เจอ​เลย​

ต่อให้​เป็น​สำนัก​ไตร​อริยะ​ที่อยู่​ทาง​ต้า​อิน​ก็​ไม่อาจ​ติดต่อ​ได้​ดั่ง​ตอนนี้​เช่นกัน​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท