บทที่ 753 เมล็ดพันธุ์ (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ลู่​เซิ่งเดิน​อาด​ๆ ขึ้น​โรงน้ำชา​แห่ง​หนึ่ง​โดยที่​มือหนึ่ง​ถือ​ขน​มอบ​ไส้หวาน​ มือหนึ่ง​เช็ด​กับ​เสื้อ​

ชั้นหนึ่ง​ของ​โรงน้ำชา​มีเฒ่าเครา​ขาว​คน​หนึ่ง​เล่านิทาน​อยู่​ กำลัง​เล่าเรื่อง​ปีศาจ​น้ำเต้า​ช่วย​ตัว​นิ่ม​

“เรื่องไร้สาระ​อะไร​กัน​นี่​!” ลู่​เซิ่งฟังไป​สักพัก​ก็​รู้สึก​ผิดปกติ​เล็กน้อย​

เขา​ส่ายหน้า​ด้วย​ความ​จนปัญญา​พร้อมกับ​พา​บริวาร​ทั้งสอง​คน​ขึ้นไป​ชั้นสอง​ แล้​วหา​ที่นั่ง​ติด​หน้าต่าง​ตาม​ความเคยชิน​

“ยก​ชาลิ้น​นกกระจอก​มาสอง​กา​” ลู่​เซิ่งมอง​ฉาก​กัน​ลม​ที่ตั้ง​ไว้​บน​ผนัง​ที่อยู่​ไม่ไกล​ออก​ไป​ บน​นั้น​เขียน​ราคา​ชาหลายชนิด​เอาไว้​ มีพวก​ขนมขบเคี้ยว​อยู่​ด้วย​

“ขอรับ​นาย​ท่าน​” เสี่ยว​เอ้อร์​ยิ้ม​แล้ว​ลง​ไป​ยก​ชาที่​ชั้นล่าง​

ลู่​เซิ่งอาศัย​จังหวะ​นี้​พิจารณา​ลูกค้า​ใน​โรงน้ำชา​

“หาก​ถามว่า​หา​ข่าว​ที่ใด​ฉับไว​สุด​ ที่​ต้า​ซ่งจะต้อง​เป็น​โรงน้ำชา​และ​เหลา​สุรา​” เขา​ยิ้ม​พลาง​ส่งกระแสเสียง​บอก​คน​ทั้งสอง​

“อย่างไร​พวกเรา​ทั้งสอง​คน​ก็​ไม่คุ้น​นัก​ ทั้งหมด​แล้วแต่​นาย​ท่าน​จะสั่งการ​” ห​ลี่​ตง​ประสานมือ​กล่าว​อย่าง​นอบน้อม​

ห​ลี่​ซีที่อยู่​ด้าน​ข้าง​รีบ​พยักหน้า​

“ความจริง​พวก​ท่าน​ทั้งสอง​คน​เป็น​บรรพชน​จาก​ตระกูล​ของ​ตัวเอง​ ครั้งนี้​ตาม​ข้า​มาทำ​ภารกิจ​ เพราะ​พิจารณา​ว่า​พวก​ท่าน​ทั้งสอง​คน​ออก​ปฏิบัติการ​ด้านนอก​มานาน​ มีประสบการณ์​เต็มเปี่ยม​ ดังนั้น​ ตั้งแต่นี้ไป​ หลัง​ออกจาก​โรงน้ำชา​แห่ง​นี้​แล้ว​ พวกเรา​จะแยกย้าย​กัน​ตรวจสอบ​ที่อยู่​ของ​สำนัก​ไตร​อริยะ​อย่าง​ละเอียด​” ลู่​เซิ่งอธิบาย​

ห​ลี่​ตง​กับ​ห​ลี่​ซีสบตา​กัน​ ต่าง​ก็​พอใจ​ไม่น้อย​ แม้จอม​มรรคา​ผู้​นี้​จะมีพลัง​เหนือกว่า​พวกเขา​ แต่​อย่างไร​พวกเขา​ก็​มีอายุ​มากกว่า​อีก​ฝ่าย​ ทำให้​อยู่​ด้วยกัน​แล้ว​รู้สึก​อึดอัด​อยู่​บ้าง​

เหมือน​ตอนที่​เดินเล่น​บน​ท้องถนน​โดย​ไม่มีสาเหตุ​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​ ชาย​ชรา​เช่น​พวกเขา​รู้สึก​เสียเวลา​

ลู่​เซิ่งมอง​ความ​อึดอัด​ของ​ทั้งคู่​ออก​ เลย​ถือโอกาส​เปิดอก​พูด​

“เช่นนี้​ก็ดี​เหมือนกัน​ แล้วแต่​จอม​มรรคา​จะสั่งการ​” ห​ลี่​ซีกล่าว​อย่าง​จริงจัง​

เวลานี้​น้ำชา​ถูก​ยก​มาแล้ว​ ลู่​เซิ่งยื่นมือ​ไป​หยิบ​น้ำชา​มากา​หนึ่ง​ แล้ว​เท​ลง​ใน​จอก​อย่าง​แผ่วเบา​

น้ำชา​สีเขียว​อ่อน​ค่อยๆ​ ไหล​ลง​ไป​ใน​จอก​ตาม​แรงโน้มถ่วง​ จากนั้น​ก็​หมุน​ตามเข็มนาฬิกา​

ลู่​เซิ่งเอา​นิ้วชี้​แตะ​น้ำชา​แล้ว​ดีด​เบา​ๆ

น้ำชา​หยด​หนึ่ง​พุ่ง​ออกมา​ แล้ว​แบ่ง​เป็น​สอง​หยด​กลางอากาศ​โดยอัตโนมัติ​ ก่อน​จะตก​ใส่หลัง​มือ​ของ​ห​ลี่​ตง​และ​ ห​ลี่​ซีอย่าง​แม่นยำ​ กลายเป็น​ตราประทับ​ลวดลาย​หยด​น้ำตา​สีเขียว​สอง​สาย​

“ถ้าเจอ​ปัญหา​ที่​ยาก​จะจัดการ​ ให้​กระจาย​ตราประทับ​นี้​ออกมา​ด้วย​พลัง​ยุทธ์​ ข้า​จะสัมผัส​ได้​เอง​” ลู่​เซิ่งกล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

“ขอบพระคุณ​จอม​มรรคา​!” ทั้งสอง​ยินดี​ ทราบ​ว่า​นี่​เป็น​วัตถุ​คุ้ม​ครองชีวิต​ที่​จอม​มรรคา​มอบให้​ พลัน​อารมณ์​ดีขึ้น​มาก​

อย่างไร​ที่นี่​ก็​เป็น​ด้านใน​ฐานทัพ​ใหญ่​ที่​ศัตรู​คอย​ควบคุม​ หาก​ความ​แตก​ก็​อันตราย​ถึงแก่ชีวิต​ได้​

“เอาล่ะ​ พวก​ท่าน​ไป​ได้​แล้ว​” ลู่​เซิ่งโบกมือ​

ทั้งสอง​พยักหน้า​ ก่อน​จะลุกขึ้น​ประสานมือ​ให้​เขา​ แล้ว​เดิน​ตึก​ๆลง​ไป​ชั้นล่าง​

เหลือ​เพียง​ลู่​เซิ่งนั่ง​กิน​นั่ง​ดื่ม​อยู่​บน​ที่นั่ง​ตามลำพัง​

เขา​ดื่ม​น้ำชา​ธรรมดา​ราวกับ​ดื่ม​สุรา​เลิศ​รส​

ลูกค้า​หลาย​โต๊ะ​ที่อยู่​ใกล้​ๆ เห็น​ดังนั้น​ก็​รู้สึก​ค่อนข้าง​น่าสนใจ​

“พี่ใหญ่​ท่าน​นี้​ดื่ม​เก่ง​จริงๆ​!” คุณชาย​วัยหนุ่ม​ที่อยู่​บน​โต๊ะ​ด้าน​ข้า​งอด​สัพยอก​ไม่ได้​

ลู่​เซิ่งไม่ได้​ตอบ​ หาก​แต่​ชูจอก​ไป​ทาง​อีก​ฝ่าย​ ก่อน​จะดื่ม​ต่อ​

คุณชาย​วัยหนุ่ม​คน​นั้น​ยก​จอก​กรอก​น้ำชา​เข้า​ปาก​เหมือน​ดื่ม​สุรา​เลียนแบบ​ลู่​เซิ่ง พลัน​รู้สึก​สะใจ

รอ​จน​เขา​ดื่ม​น้ำชา​ใน​จอก​จน​หมด​ ตอนที่​เขา​มอง​ลูกค้า​โต๊ะ​นั้น​อี​กรอบ​ กลับ​เห็น​แค่​เหรียญ​หลาย​พวง​วาง​อยู่​บน​โต๊ะ​ตัว​นั้น​

“น่าสนุก​จริงๆ​!” เขา​หัวเราะ​ฮ่าๆ ไม่เอาเรื่อง​นี้​มาใส่ใจอีก​ หลังจาก​นั่ง​อีก​สักพัก​ก็​ลุกขึ้น​กลับบ้าน​

วัน​ต่อมา​ คุณชาย​วัยหนุ่ม​อยู่​ว่าง​จน​เบื่อหน่าย​ จึงมาฆ่าเวลา​ที่​โรงน้ำชา​อี​กรอบ​ พอดี​กับ​ที่​เถ้าแก่​ของ​โรงน้ำชา​เอา​ส้มสีม่วง​เจ็ด​ใบ​ที่​ตัวเอง​ปลูก​มาให้​ผู้คน​ลอง​ชิมดู​ด้วย​

คุณชาย​วัยหนุ่ม​เพิ่งจะ​นั่งลง​ ก็​เห็น​ชายฉกรรจ์​คน​เมื่อวาน​อยู่​บน​ชั้นสอง​เช่นกัน​ อีก​ฝ่าย​กำลัง​ตั้งใจฟัง​เถ้าแก่​บรรยาย​ถึงส้มสีม่วง​เจ็ด​ใบ​ใน​มือ​อยู่​

หลังจาก​ชื่นชม​ผลไม้​ประหลาด​สักพัก​ คุณชาย​วัยหนุ่ม​ก็​เริ่ม​จิบ​น้ำชา​อย่าง​หงอยเหงา​

เป็น​เช่นนี้​สิบ​กว่า​วัน​ เขา​เห็น​ชายฉกรรจ์​คน​นั้น​อยู่​ที่​โต๊ะ​ตัว​เดิม​ สั่งน้ำชา​กา​เท่าเดิม​ และ​ดื่ม​อย่าง​หิว​กระหาย​เหมือนเดิม​

เขา​มาที่​โรงน้ำชา​นี้​หลาย​ปี​แล้ว​ นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เห็น​ชายฉกรรจ์​ที่​ประหลาด​ขนาด​นี้​

แม้เขา​จะดื่ม​น้ำชา​พลาง​เหม่อลอย​ อย่างไร​ก็​จะเปลี่ยน​ใบชา​ชนิด​ใหม่​ตลอด​ และ​จะพูดคุย​เรื่อง​ประหลาด​น่าสนใจ​ใน​ช่วง​เวลานี้​กับ​สหาย​ที่​คุ้นเคย​ แต่​คน​ผู้​นี้​กลับ​นั่ง​นิ่ง​อยู่กับที่​

คุณชาย​วัยหนุ่ม​เกิด​ความสงสัย​ จึงสั่งน้ำชา​กา​หนึ่ง​แล้ว​เข้าไป​เลียบ​ๆ เคียง​ๆ

ลู่​เซิ่งเอง​ก็​เบื่อ​ๆ เช่นกัน​ มองออก​ว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่ได้​มีเจตนา​พิเศษ​ เลย​ถือโอกาส​สนทนา​ด้วย​

การ​สนทนา​นี้​กลับ​นึกไม่ถึง​ว่า​จะค่อนข้าง​เข้ากันได้ดี​ทีเดียว​

คุณชาย​วัยหนุ่ม​แซ่เฝิง นาม​จงเจิ้ง สอบ​ได้​ตำแหน่ง​ซิ่ว​ไฉ แต่​ต่อมา​ไม่อยาก​สอบ​ขุนนาง​ วัน​ๆ อยู่​แต่​บ้าน​ว่าง​ๆ ชอบ​เรื่องลึกลับ​พิสดาร​ใน​ท้องถิ่น​เป็นพิเศษ​

นอกจากนี้​แล้ว​ เขา​ก็​ไม่ทำ​อะไร​เป็นชิ้นเป็นอัน​

ลู่​เซิ่งคิด​จะสืบ​หาเรื่อง​เกี่ยวกับ​ความ​ประหลาด​ลี้ลับ​พอดี​ พอ​ทั้งสอง​เริ่ม​คุย​กัน​ ก็​รู้สึก​ถูกคอ​กับ​อีก​ฝ่าย​

เฝิงจงเจิ้งไม่รู้​จะเล่าเรื่อง​ให้​ใคร​ฟัง จึงคันคะเยอ​ใน​ใจยาก​ทนทาน​มานาน​แล้ว​ ครั้งนี้​เจอ​คน​คอเดียวกัน​ พลัน​ดี​อก​ ดีใจ​ ทั้งสอง​คุย​กัน​ได้​ตั้งแต่​ตอนเช้า​ถึงตอน​โรงน้ำชา​ปิด​ตอนกลางคืน​

เมื่อ​มีข้อมูล​จาก​เฝิงจงเจิ้ง กอปร​กับ​เขา​เป็น​คนใน​ท้องที่​ มีเส้นสาย​และ​ช่องทาง​บางส่วน​ ลู่​เซิ่งจึงรวบรวม​ข่าว​ได้​เร็ว​ขึ้น​มาก​

ความจริง​ถ้าไม่ใช่เพราะ​ไม่อยาก​แหวก​หญ้า​ให้​งูตื่น​ เขา​คงจะ​ใช้วิชา​จิต​โน้ม​นำ​หา​ข้อมูล​ที่​ต้องการ​มาโดยตรง​แล้ว​

ทว่า​อย่างไร​ตอนนี้​ก็​ไม่รีบ​ ไม่เพียงแต่​สำนัก​ไตร​อริยะ​ยัง​ไม่หายสาบสูญ​ไป​ ความจริง​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ที่อยู่​โลก​ด้านนอก​อีก​แห่ง​กับ​สำนัก​นที​คราม​ก็​กำลัง​เตรียม​ทำศึก​ใหญ่​อยู่​เช่นกัน​

แผนการ​เดิม​ของ​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ก็​คือ​ รอ​สำนัก​นที​คราม​กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​บาดเจ็บ​ทั้งคู่​ แล้ว​ค่อย​เผยโฉม​เพื่อ​เก็บงาน​

ไหน​เลย​จะคาด​ว่า​พลัง​ของ​สอง​ฝ่าย​จะขยายตัว​ขึ้น​มากกว่า​เดิม​ พลัง​ระดับ​สูงสุด​แข็งแกร่ง​กว่า​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ไม่น้อย​ โดย​เฉพาะทาง​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ที่อยู่​ๆ ก็​มีมายา​พิศวง​ลึกลับ​กลุ่ม​หนึ่ง​โผล่​มาจาก​ด้านหลัง​

ครั้น​มาตรฐาน​พลัง​เสีย​สมดุล​ สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​เลย​ได้​แต่​ร่วมมือ​กับ​สำนัก​นที​คราม​เพื่อ​ทำลาย​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ด้วย​ด้วย​ความ​จนปัญญา​

ดังนั้น​ลู่​เซิ่งจึงไม่เพียง​มาตรวจสอบ​สถานการณ์​และ​ร่วมมือ​กับ​สำนัก​ไตร​อริยะ​เท่านั้น​ ความจริง​ยัง​ต้อง​รอ​ทาง​สำนัก​นที​คราม​กับ​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​เตรียมตัว​ด้วย​

ถ้าไม่จำเป็นต้อง​ใช้พลัง​ ก็​อย่า​ใช้จะดีกว่า​ ลู่​เซิ่งเหมือน​ลืมเลือน​ความสามารถ​ของ​ตัวเอง​ไป​ คุย​สัพเพเหระ​กับ​ เฝิงจงเจิ้งอย่าง​เบิกบานใจ​ราวกับ​คนธรรมดา​จริงๆ​

“จะว่า​ไป​ทาง​อำเภอ​เก้า​น้ำพุ​ที่อยู่​ทางตะวันตก​เกิดเรื่อง​ประหลาด​ขึ้น​” บ่าย​วันหนึ่ง​ หลังจาก​เฝิงจงเจิ้งกลับบ้าน​แล้ว​ ก็​มายัง​โรงน้ำชา​อี​กรอบ​ ก่อน​จะเล่าเรื่อง​ประหลาด​ที่​ได้ยิน​จาก​ญาติ​ทันที​

“เรื่อง​ประหลาด​อัน​ใด​ หรือ​จะเป็น​จิ้งจอก​ถวาย​สมบัติ​ หรือไม่​ก็​แมว​ลาย​ช่วย​เจ้าของ​” ช่วงนี้​ลู่​เซิ่งฟังเรื่องราว​มากมาย​ จึงคุ้ย​กับ​รูปแบบ​ของ​เฝิงจงเจิ้งดี​

“เรื่อง​เหล่านั้น​ไม่นับ​สิ!” เฝิงจงเจิ้งโบกมือ​ “สหาย​ลู่​รู้จัก​สวน​บุปผา​หมอก​หรือไม่​”

“สวน​บุปผา​หมอก​หรือ​” ลู่​เซิ่งนึกดู​ เรื่องราว​ที่​เขา​ได้ยิน​ใน​เวลา​หลาย​วัน​มานี้​มีไม่น้อย​เช่นกัน​ แต่​เพิ่งจะ​เคย​ได้ยิน​ชื่อ​ลักษณะ​นี้​เป็นครั้งแรก​

เรื่อง​ที่​เฝิงจงเจิ้งเล่า​ก่อนหน้านี้​ล้วน​เป็น​เรื่องราว​ประเภท​เทพนิยาย​แบบ​ดั้งเดิม​ แต่​ดูเหมือน​ครั้งนี้​จะต่าง​ออก​ไป​

“ถูกต้อง​ ว่า​กัน​ว่า​มีคน​ไป​เจอ​เรื่อง​ประหลาด​เรื่อง​หนึ่ง​เข้า​ใน​อำเภอ​เก้า​น้ำพุ​ที่อยู่​ใกล้​ๆ” เฝิงจงเจิ้งดื่ม​น้ำชา​แก้​คอแห้ง​

“ว่า​กัน​ว่า​ถ้าหาก​ออก​ไป​ใน​วันที่​มีเมฆหมอก​ตอนกลางคืน​ จะมีโอกาส​ได้​เจอ​สวน​บุปผา​หมอก​ ถ้าหาก​ได้​เข้าไป​ใน​สวน​บุปผา​หมอก​นี้​ ก็​จะออกมา​ไม่ได้​อีก​”

“ถ้าออกมา​ไม่ได้​ แล้ว​ข่าวลือ​นี้​กระจาย​ออกมา​ได้​อย่างไร​” ลู่​เซิ่งย้อนถาม​

“ได้ยิน​มาว่า​มีคน​ไม่ได้​เข้าไป​ หาก​หลบ​ไป​ก่อน​ จากนั้น​ก็​มีคน​ได้ยิน​คน​ที่จะ​เข้าไป​ใน​สวน​บุปผา​พูด​เอง​ เพียงแต่​ดูเหมือน​สวน​บุปผา​หมอก​จะมีแต่​คน​ที่​มีความ​พิเศษ​ระดับ​หนึ่ง​เท่านั้น​ถึงจะมองเห็น​ได้​ คนอื่นๆ​ ต่อให้​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ คน​ผู้​นั้น​ก็​อย่า​คิด​ว่า​จะมองเห็น​” เฝิงจงเจิ้งรีบ​ตอบ​

“หือ​” ลู่​เซิ่งเกิด​การ​คาดเดา​ใน​ใจ

“สหาย​เฝิง ถ้าหาก​สนใจ​มาก​จริงๆ​ ไม่ลอง​ไป​ตรวจสอบ​ดู​เอง​เล่า​” เขา​พลัน​โพล่ง​ขึ้น​

เฝิงจงเจิ้งกำลัง​บอกเล่า​ข่าวลือ​และ​การ​คาดเดา​ของ​คนอื่น​ที่อยู่​รอบ​ๆ อย่าง​ออกรส​ พอ​ได้ยิน​คำพูด​นี้​ก็​ผุด​สีหน้า​อึ้ง​งัน​

เขา​ชอบ​เรื่องลึกลับ​ที่​ประหลาด​พิสดาร​เช่นนี้​ แต่​ไม่ได้​หมายความว่า​เขา​อยาก​จะสัมผัส​ด้วยตัวเอง​จริงๆ​ เสียหน่อย​

“หรือว่า​สหาย​เฝิงจะฟังแต่​ข่าวลือ​จาก​คนอื่น​ชั่วชีวิต​ ข่าวลือ​ว่า​อย่างนั้น​ข่าวลือ​ว่า​อย่างนี้​ คนอื่น​บอ​กว่า​ สหาย​ข้า​บอ​กว่า​ พี่น้อง​ข้า​บอ​กว่า​ ยังมี​ญาติห่างๆ​ เพื่อน​นักเรียน​ของ​ญาติ​ สหาย​ของ​สหาย​ของ​น้องสาว​…มีแต่​เรื่อง​อะไร​ก็​ไม่รู้​ จะจริง​หรือ​ปลอม​ผู้ใด​ตัดสิน​ได้​เล่า​” ลู่​เซิ่งส่ายหน้า​พลาง​กล่าว​

เฝิงจงเจิ้งตกใจ​เล็กน้อย​ เหมือนกับ​อีก​ฝ่าย​พูด​แทงใจดำ​

เขา​สงสัย​ใคร่รู้​ใน​โลก​ลึกลับ​ที่​ไม่รู้จัก​ใบ​นั้น​มาก​ ทั้ง​ยัง​ชอบ​เรื่องเล่า​ข่าวลือ​ทุก​ประเภท​ แต่กลับ​ไม่อาจ​แยกแยะ​ว่า​จริง​หรือ​ปลอม​ คำพูด​ของ​ลู่​เซิ่งใน​ตอนนี้​เหมือนกับ​สายฟ้า​ที่​ผ่า​ทะลุ​ความ​จนปัญญา​และ​ความกังวล​ซึ่งเขา​จงใจอำพราง​ไว้​มาโดยตลอด​

“แต่​…แต่​ข้า​เป็น​เพียง​บัณฑิต​ที่​ไม่มีเรี่ยวแรง​ฆ่าไก่​ด้วยซ้ำ​…” ผ่าน​ไป​พักใหญ่​ เขา​ก็​ค่อยๆ​ ถอนใจ​ก่อน​จะก้มหน้า​ลง​

“บัณฑิต​แล้ว​อย่างไร​ หรือว่า​เป็น​บัณฑิต​แล้ว​จะทำการ​ใหญ่​ไม่ได้​ สร้าง​กิจการ​ไม่ได้​” ลู่​เซิ่งโต้แย้ง​

“ขอ​ไม่ปิดบัง​ ข้า​เอง​ก็​เป็น​บัณฑิต​ที่​ไม่มีเรี่ยวแรง​ฆ่าไก่​เช่นกัน​ แต่​คนเรา​สักวัน​ก็​ต้อง​ตาย​ แทนที่จะ​มานั่ง​เสียใจ​ใน​ภายหลัง​ มิสู้ทำ​เรื่อง​ที่​ตัวเอง​คิด​ทำ​เสีย​ตอนนี้​ดีกว่า​ สหาย​เฝิงคง​ไม่อยาก​จะใช้เวลา​อย่าง​เปล่าประโยชน์​ไป​ตลอดชีวิต​หรอก​กระมัง​ ตระกูล​ท่าน​ทำการค้า​ ท่าน​ไม่ต้อง​ลำบาก​หา​เสื้อผ้า​ อาหาร​ ที่อยู่​ ทั้ง​ยังมี​พี่​มีน้อง​ ไม่ต้อง​กลัว​ว่า​จะไม่มีใคร​ดูแล​บิดา​มารดา​ ไม่ต้อง​ห่วงหน้าพะวงหลัง​ ยังมี​อะไร​ให้​ต้อง​ลังเล​อีก​” ลู่​เซิ่งว่า​พลาง​ส่ายหน้า​

กล่าว​ตามตรง​ เฝิงจงเจิ้งผู้​นี้​เป็น​ลูกหลาน​เสเพล​ที่​ยัง​นับว่า​ทำ​ตัวดี​

เพียงแต่ว่า​ลูกหลาน​เสเพล​คนอื่น​ชอบ​สุรา​และ​กา​เม หาก​เขา​กลับ​ชอบ​ฟังเรื่อง​ประหลาด​และ​ชอบ​ดื่ม​ชา

ใน​เมือง​เล็ก​ๆ เมือง​นี้​มีคน​ประเภท​เขา​อยู่​ไม่น้อย​ เรื่องราว​ประหลาด​พิสดาร​มากมาย​ได้​กระตุ้น​ให้​คน​มากมาย​บังเกิด​ความ​ใคร่รู้​จน​อยาก​สืบสาว​ความจริง​

ส่วน​จอม​ยุทธ์​และ​ผู้​บำเพ็ญ​จำนวนมาก​ก็​คอย​กำจัด​สิ่งชั่วร้าย​ด้วย​ความกล้าหาญ​ยุติธรรม​ อุปสรรค​มากมาย​กลายเป็น​โครงเรื่อง​หลากหลาย​ จากนั้น​เรื่องราว​การผจญภัย​ที่​เป็นที่นิยม​จึงมีการ​เล่า​ต่อ​ๆ กัน​ไป​

เมื่อ​สอง​สิ่งมารวมกัน​ จึงกลาย​เป็นเรื่อง​ประหลาด​ใน​ตอนนี้​

“คำพูด​ของ​สหาย​ลู่​ค่อนข้าง​มีเหตุผล​” เฝิงจงเจิ้งยังคง​ลังเล​

“พวกเรา​พี่น้อง​เหมือน​จอก​แหน​ลอย​มาเจอกัน​ ข้า​ไม่ขาดเงิน​ จะเอาเปรียบ​ท่าน​ไป​ทำไม​เล่า​” ลู่​เซิ่งหยิบ​ทองคำ​แท่ง​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ใน​อก​เสื้อ​ แล้ว​โบก​ไป​โบก​มา เฝิงจงเจิ้งเห็น​ดังนั้น​ก็​ตาค้าง​

เขา​กิน​ดื่ม​เที่ยวเล่น​ได้​อย่าง​น้อย​ครึ่ง​ปี​ด้วย​ทองคำ​แท่ง​นี้​

“ความหมาย​ของ​สหาย​ลู่​คือ​…?” เขา​ยังคง​รักษา​สติ​ไว้​ได้​ หาก​ไม่รู้​แผนการ​ของ​ลู่​เซิ่ง เขา​ไม่มีทาง​ตกปากรับคำ​เด็ดขาด​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท