บทที่ 763 สถานะล้ำเลิศ (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

“นาย​ท่าน​ ติดตั้ง​ผลึก​พลังงาน​แล้ว​เจ้าค่ะ​” ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​เดิน​เข้ามา​เตือน​เสียง​นอบน้อม​

ลู่​เซิ่งได้สติ​กลับมา​ ใน​ค่าย​กล​มีแสงสีแดง​จำนวนมาก​รวมตัวกัน​แล้ว​

‘ระดับ​พลังงาน​ของ​โลก​ที่​เรา​จะจุติ​สูงขึ้น​เรื่อยๆ​ แล้ว​ ทำให้​ผลึก​พลังงาน​สีดำ​เริ่ม​จะไม่พอใช้​ จำเป็นต้อง​เปลี่ยน​ก้อน​พลังงาน​ที่​มีระดับสูง​กว่า​เดิม​และ​แข็งแกร่ง​กว่า​เดิม​…แต่​ก้อน​พลังงาน​ที่​ดี​ที่สุด​ที่​หา​ซื้อ​ได้​ใน​ตลาด​คือ​ผลึก​ดำ​…รอบ​นี้​ถ้ากลับมา​ค่อย​ไปดู​ที่​สำนัก​นที​คราม​ว่า​จะหา​ทรัพยากร​พลังงาน​ะระดับสูง​ได้​หรือไม่​…’

ความคิด​หนึ่ง​แวบ​ขึ้น​ใน​ใจของ​ลู่​เซิ่ง จากนั้น​เขา​ก็​สะกิด​ปลายเท้า​กับ​อากาศ​ ทะยาน​ไป​อยู่​กลาง​ค่าย​กล​อย่าง​แผ่วเบา​

แสงสีแดง​จำนวนมาก​รวมตัวกัน​ด้วย​ความเร็ว​สูง ก่อนที่​ร่อง​แยก​สีเทา​สาย​หนึ่ง​จะเปิด​ออก​เหนือศีรษะ​ของ​ลู่​เซิ่งดัง​แก​ร๊ก​

ลู่​เซิ่งไม่ได้​รีบร้อน​เข้าไป​ หาก​แต่​งอ​นิ้ว​ดีด​จุด​แสงสีเหลือง​อ่อน​สอง​กลุ่ม​ออกมา​

จุด​แสงหาย​เข้าไป​ใน​หน้าผาก​ของ​บัน​ไซกับ​ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​ดุจ​สายฟ้า​ฟาด​

“ตั้งใจ​ฝึกฝน​ให้​ดี​ ข้า​มอบ​วรยุทธ์​ที่​ข้า​สร้าง​ขึ้น​ มอบให้​กับ​พวก​เจ้าสอง​คน​โดยเฉพาะ​ รอ​ข้า​กลับมา​แล้​วจะ​ตรวจสอบ​พลัง​ฝึกปรือ​ ห้าม​เกียจคร้าน​เล่า​!” หลัง​กำชับ​เป็น​ครั้งสุดท้าย​ ลู่​เซิ่งก็​กระโดด​ขึ้น​อย่าง​แผ่วเบา​ ร่าง​กลายเป็น​แสงสีเหลือง​สาย​หนึ่ง​มุด​หาย​เข้าไป​ใน​ร่อง​แยก​ทันที​

ค่าย​กล​โคลงเคลง​อย่าง​รุนแรง​ จากนั้น​ก็​สั่นสะเทือน​ที​หนึ่ง​ ผลึก​ดำ​ระเบิด​เป็นผง​ดัง​กร๊อบ​

“แย่​แล้ว​!” บัน​ไซตกใจ​สะดุ้งโหยง​ “รีบ​เติม​ผลึก​พลังงาน​เร็ว​ ไม่อย่างนั้น​หาก​ค่าย​กล​พังทลาย​ นาย​ท่าน​อาจจะ​หลง​ทางใน​กระแส​วังวน​มิติ​เวลา​ก็ได้​!”

เขา​พุ่ง​ไป​ถึงช่อง​ลับ​บน​กำแพง​ แล้ว​รีบ​อุ้ม​ผลึก​สีดำ​ด้านใน​ออกมา​

ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​ตกใจ​เช่นกัน​ รีบ​เข้าไป​ช่วยเหลือ​ ทั้งสอง​รีบ​เสียบ​ผลึก​ชิ้น​ใหม่​เข้าไป​ใน​ช่อง​เสียบ​ค่าย​กล​บน​พื้น​ด้วยมือ​ไม้ที่​ปั่นป่วน​ พอ​เห็น​ร่อง​แยก​สีเทา​ที่​โคลงเคลง​กลับมา​เสถียร​เหมือนเดิม​ จึงค่อย​ระบาย​ลมหายใจ​อย่าง​แรง​

“ดูเหมือน​ผลึก​สีดำ​จะตอบ​สนองความต้องการ​ไม่ไหว​แล้ว​…” บัน​ไซถอนใจ​

“รอ​นาย​ท่าน​กลับมา​ค่อย​ว่า​กัน​ ช่วงนี้​พวกเรา​ได้​แต่​ฝึกฝน​ไป​ก่อน​ หวัง​ว่า​ต่อจากนี้​ผลึก​สีดำ​พวก​นี้​จะประคับประคอง​ไหว​” ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​นิ่ง​ไป​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะกล่าว​

“ล​มสาร​ท​พัด​หวิ้ว​ อากาศ​เย็น​ขึ้น​อีกแล้ว​…”

ด้านใน​เรือน​โบราณ​แห่ง​หนึ่ง​ หญิง​รับใช้​หลาย​คน​โบก​พัด​ไป​ทาง​คน​ผู้​หนึ่ง​ที่นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ตรงกลาง​อย่าง​ระมัดระวัง​

คน​ผู้​นี้​อ้วน​ฉุสุดขีด​ สูงสอง​หมี่​กว่า​ๆ กว้าง​หนึ่ง​หมี่​กว่า​ๆ ยาม​นั่ง​บน​เก้าอี้​เหมือนกับ​ภูเขา​เนื้อ​ลูก​ย่อมๆ​

“มา ช่วย​พลิกตัว​ข้า​ที​” คน​ร่าง​อ้วน​ยกมือ​อวบ​ขึ้น​หลังจาก​สั่ง เพื่อให้​หญิง​รับใช้​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​จับตัว​ไว้​

“คุณชาย​ระวัง​ด้วย​เจ้าค่ะ​” หญิง​รับใช้​สี่คน​ร่วมมือ​ออกแรง​ ส่งเสียงร้อง​พร้อมกัน​ จึงค่อย​พลิกตัว​คน​ร่าง​อ้วน​ได้​

“เฮ้อ​…” คน​ร่าง​อ้วน​ถอนใจ​อี​กรอบ​ “พวก​เจ้าว่า​ บิดา​ข้า​เป็น​ถึงประมุข​แท่นบูชา​ใหญ่​แห่ง​แท่น​น้ำค้าง​คราม​และ​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​โลก​ใต้ดิน​ใน​สามมณฑล​ มารดา​ข้า​คือ​ผู้​งดงาม​แห่ง​ยุค​ สิบ​ปีก่อน​ว่า​กัน​ว่า​มีคน​ตาม​เกี้ยว​นาง​มากมาย​ราวกับ​ปลา​หลีฮื้อ​ข้าม​ทะเลสาบ​ ข้า​ที่​พวกเขา​ให้กำเนิด​มาเหตุใด​จึงเติบใหญ่​มามีสารรูป​เช่นนี้​”

หญิง​รับใช้​คนอื่นๆ​ ก้มหน้า​ไม่กล้า​ส่งเสียง​ เพียงแต่​ใช้ผ้าเช็ดหน้า​เช็ด​เหงื่อ​บน​ตัว​ไม่หยุด​

พวก​นาง​ได้ยิน​มาว่า​ ก่อนหน้านี้​มีหญิง​รับใช้​คน​หนึ่ง​ตอบรับ​คุณชาย​ร่าง​อ้วน​ผู้​นี้​ สุดท้าย​ทำให้​คน​คน​นี้​ไม่พอใจ​ ผล​คือ​…ไม่มีใคร​พบเห็น​นาง​อีก​

“เฮ้อ​…ไม่รู้​ว่า​ตอนนี้​มารดา​ข้า​ไป​อยู่​ไห​น.​..” คน​ร่าง​อ้วน​ชิน​กับ​ความ​เงียบ​ของ​หญิง​รับ​ใช้แล้ว​ ดวงตา​เล็ก​สอง​ข้าง​มอง​ท้องฟ้า​ไกลๆ​ พร้อมกับ​ตก​อยู่​ใน​อารมณ์​โศกเศร้า​จน​ถอนตัว​ไม่ขึ้น​

“ถ้าข้า​ผอม​ได้​อีกหน่อย​คง​ดี​…ตอนนั้น​ต้อง​ฝึกฝน​วรยุทธ์​ได้​แน่​ วันหน้า​จะได้​ช่วย​ท่าน​พ่อ​ตามหา​ท่าน​แม่…” คน​ร่าง​อ้วน​บีบ​ใบหน้า​อวบ​ รู้สึก​โศกเศร้า​กว่า​เดิม​

เขา​กลับ​ไม่สังเกตเห็น​เลย​ว่า​มีร่อง​แยก​เล็ก​ๆ สาย​หนึ่ง​เปิด​ออก​กลางอากาศ​ด้านหลัง​ตนเอง​ แสงสีเหลือง​กลุ่ม​หนึ่ง​เดี๋ยว​ปรากฏ​เดี๋ยว​สูญหาย​ ก่อน​จะมุด​เข้าไป​ใน​ท้ายทอย​ของ​เขา​ หาย​ไป​ใน​พริบตา​

หลังจาก​แสงสีเหลือง​หาย​ไป​ ร่อง​แยก​เล็ก​ๆ ก็​จางหาย​ตาม​ไป​ด้วย​ เหมือน​ไม่เคย​ปรากฏ​มาก่อน​

“เอาล่ะ​ พวก​เจ้าออก​ไป​เถอะ​ ข้า​อยาก​จะพักผ่อน​สักหน่อย​” คน​ร่าง​อ้วน​กล่าว​พลาง​โบกมือ​

“เจ้าค่ะ​”

หญิง​รับใช้​ทั้ง​สี่คน​คุกเข่า​คารวะ​ แล้ว​รีบ​เดิน​เรียงแถว​ออกจาก​ลาน​เรือน​ไป​อย่าง​เป็นระเบียบ​ ทิ้ง​คน​ร่าง​อ้วน​ที่นอน​หลับตา​เหมือนกับ​กำลัง​ทำสมาธิ​อยู่​กลาง​ตัว​ลาน​เพียง​คนเดียว​

แต่​ไม่มีผู้ใด​ทราบ​ว่า​ ส่วนลึก​ใน​วิญญาณ​ของ​คน​ร่าง​อ้วน​มีประกาย​วิญญาณ​สีเหลือง​ที่​ล้ำลึก​กลุ่ม​หนึ่ง​ กำลัง​หลอม​รวม​กับ​วิญญาณ​ของ​คน​ร่าง​อ้วน​ด้วย​ความเร็ว​สูง

ไม่ใช่กัด​กิน​ และ​ไม่มีปฏิกิริยา​ต่อต้าน​ใดๆ​ วิญญาณ​สอง​กลุ่ม​หลอม​รวม​เป็นหนึ่งเดียว​เหมือนกับ​น้ำ​ผสม​กับ​นม​

ไม่นาน​นัก​ คน​ร่าง​อ้วน​ก็​ค่อยๆ​ ลืมตา​ขึ้น​ ดวงตา​สาด​ประกาย​สีเหลือง​แวบ​หนึ่ง​

‘ผัง​ซือเฉิง​หรือ​ บุตร​คนเดียว​ของ​ประมุข​แท่นบูชา​ใหญ่​แห่ง​แท่น​น้ำค้าง​คราม​ บิดา​มีตำแหน่ง​โดดเด่น​ มารดา​หายสาบสูญ​ ไม่ทราบ​ไป​อยู่​ไหน​ โลก​ใบ​นี้​…โลก​ใบ​นี้​มัน​ยังไง​กัน​แน่​!’

ลู่​เซิ่งเพิ่งจะ​หลอม​รวม​เข้ากับ​ความทรงจำ​ของ​ผัง​ซือเฉิง​ก็​หนักใจ​ทันที​

ไม่พูด​ถึงว่า​โลก​นี้​กว้างใหญ่​ไพศาล​ ใน​อาณาเขต​ที่​เขา​อยู่​ไม่มีแนวคิด​เรื่อง​ประเทศ​ ผู้ปกครอง​แบ่ง​เป็น​ขุม​กำลัง​ของ​สำนัก​และ​ค่าย​พรรค​ขนาด​ต่างๆ​

และ​ผู้ปกครอง​ของ​เขต​ที่​เขา​อาศัย​อยู่​คือ​แท่น​น้ำค้าง​คราม​ที่​มีพลัง​แข็งแกร่ง​ ประมุข​แท่นบูชา​แห่ง​แท่น​น้ำค้าง​คราม​ผัง​หยวน​จวิน​ เป็น​บิดา​ของ​ร่างกาย​ร่าง​นี้​

ดังนั้น​ชาติ​นี้​เขา​จึงเป็น​ลูก​คนใหญ่คนโต​อย่าง​แท้จริง​ รวมความ​เป็น​ลูกหลาน​รุ่น​สอง​เอาไว้​ใน​คน​คนเดียว​

สิ่งที่​ทำให้​ลู่​เซิ่งปวดหัว​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​ ระบบ​พลัง​ยุทธ์​ของ​โลก​นี้​หยาบกระด้าง​ถึงขีดสุด​ สิ่งที่​ทุกคน​ฝึกฝน​คือ​วรยุทธ์​เสริม​พละกำลัง​

จอม​ยุทธ์​ใน​ช่วง​ขอบเขต​ต่างๆ​ ล้วนแล้วแต่​ใช้คำ​ว่า​น้ำหนัก​และ​แรง​มากะเกณฑ์​

ใน​การฝึกฝน​มรรคา​ยุทธ์​ จอม​ยุทธ์​อย่าง​เป็นทางการ​จะแบ่ง​ออก​เป็น​ระดับ​ต่างๆ​ ระดับ​ที่ต่ำ​ที่สุด​คือ​จอม​พลัง​ มีพลัง​เท่า​กระทิง​ตัว​หนึ่ง​

จากนั้น​จึงเป็น​จอม​ยุทธ์​ ผู้​มีพลัง​เท่า​กระทิง​สิบ​ตัว​ ถัดมา​เป็น​มหา​จอม​ยุทธ์​ ยอด​วรยุทธ์​ ราชา​วรยุทธ์​ เจ้าวรยุทธ์​ รวมถึง​จักรพรรดิ​วรยุทธ์​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​

ขอบเขต​ถูก​แบ่ง​อย่าง​หยาบ​ๆ ทุกคน​ต่าง​ก็​ฝึกฝน​พลัง​ของ​เลือด​ลม​ และ​พลัง​ของ​เลือด​ลม​ของ​ที่นี่​ก็​ถูก​ฝึก​ถึงขั้น​อลังการ​

“เฮ้อ​…” ลู่​เซิ่งเคย​อ่าน​นิยาย​ออนไลน์​สมัย​ยังอยู่​บน​โลก​เดิม​มาไม่น้อย​ ตอนนี้​นึก​ทบทวน​ดู​ พลัน​รู้สึก​ใกล้ชิด​สนิทสนม​ นี่​มัน​เป็นการ​แบ่ง​ขอบเขต​ใน​นิยาย​พวก​นั้น​ไม่ใช่หรือ​

ตอนแรก​เขา​นึก​ว่า​เป็น​แค่​สิ่งที่​คนอื่นๆ​ แต่ง​ขึ้น​เอง​ ตอนนี้​ดูเหมือน​จะมีโลก​แบบนี้​อยู่​จริงๆ​

เขา​เคลื่อนย้าย​ตำแหน่ง​อย่าง​อุ้ยอ้าย​เพื่อให้​ตัวเอง​นอน​สบาย​ขึ้น​อีก​นิด​

‘ขอ​ดู​หน่อย​ซิว่า​ผลกรรม​ความปรารถนา​ของ​ผัง​ซือเฉิง​ผู้​นี้​คือ​อะไร​’

ลู่​เซิ่งดำ​ดิ่ง​จิตวิญญาณ​ไป​ถึงส่วนลึก​ของ​จิตใจ​ ครั้งนี้​เป็น​โลก​ที่​มีความเร็ว​ของ​เวลา​เป็นหนึ่ง​ต่อ​สิบ​ จะเห็น​ได้​ว่า​ระดับ​พลัง​ของ​โลก​ใบ​นี้​เป็น​ระดับ​พลัง​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ท่ามกลาง​โลก​ทุก​ใบ​ที่​เขา​เคย​จุติ​

‘นอกจาก​โลก​ตี้​วา​แล้ว​ เกรง​ว่า​โลก​ใบ​นี้​จะเป็น​พื้นที่​ที่​ใกล้เคียง​กับ​โลก​มาร​สวรรค์​อย่าง​แท้จริง​…’ ลู่​เซิ่งตั้งสมาธิ​อ่าน​ผลกรรม​ของ​ผัง​ซือเฉิง​

ผลกรรม​เรียบง่าย​ยิ่ง​ มีแค่​ข้อ​เดียว​

ตามหา​มารดา​ให้​เจอ​เพื่อ​ที่​ครอบครัว​จะได้​อยู่​กัน​พร้อมหน้า​

ผัง​ซือเฉิง​ที่​เป็น​แหล่ง​รวมความ​เป็น​ลูกหลาน​รุ่น​ที่สอง​มีทุกอย่าง​ทั้ง​เสื้อผ้า​อาหาร​ ความหรูหรา​ฟุ่มเฟือย​ ต่อให้​อยาก​จะฝึก​มรรคา​ยุทธ์​ ก็​มีท่าน​พ่อ​คอย​ชี้แนะ​

ดังนั้น​สิ่งที่​เขา​อยาก​ทำ​เพียง​หนึ่งเดียว​คือ​การ​ตามหา​มารดา​กลับมา​ เพื่อ​ที่​ครอบครัว​สามคน​จะได้​ใช้ชีวิต​อย่าง​มีความสุข​ด้วยกัน​

สิ่งที่​ทำให้​คน​ประหลาดใจ​ก็​คือ​ บิดา​ของ​ร่าง​ร่าง​นี้​เป็น​จอม​อหังการ​ที่​ปกครอง​สามมณฑล​ ปัจจุบัน​ตระเวน​ลงมือ​ไป​ทั่ว​เพื่อ​ยึดครอง​ใต้​หล้า​ หมาย​จะควบ​รวม​ยุทธ​จักร​เป็นหนึ่ง​

ยุทธ​จักร​ที่ว่า​ก็​คือ​พื้นที่​อัน​อุดมสมบูรณ์​โดย​ทาง​ตะวันออก​ยาว​ไป​จรด​ด่าน​ถังเห​มินก​วน​ ทางตะวันตก​ยาว​ไป​จรด​เทือกเขา​เก้า​ประสาน​

พื้นที่​แห่ง​นี้​มีขุม​กำลัง​ขนาด​ต่างๆ​ ตั้งอยู่​ ขุม​กำลัง​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​นี้​มีสามพรรค​สิบ​หก​สำนัก​

ส่วน​แท่น​น้ำค้าง​คราม​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​กลางๆ​ ของ​สิบ​หก​สำนัก​

ผัง​หยวน​จวิน​ผู้​เป็น​บิดา​คือ​ผู้​โดดเด่น​ท่ามกลาง​ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​เจ้าวรยุทธ์​ กระบวนท่า​สิบ​ทัพ​สังหาร​ร้ายกาจ​สุด​เปรียบ​ปราน​ ลงมือ​เมื่อไหร่​ต้อง​เห็น​เลือด​เมื่อนั้น​

‘น่าเสียดาย​ เป็น​เพราะ​ผิง​ซือเฉิง​กลัว​เจ็บ​ จึงไม่เลือก​ฝึกฝน​สิบ​ทัพ​สังหาร​ที่​โหดเหี้ยม​อำมหิต​ หาก​แต่​ฝึกฝน​วิชา​คางคก​ดารา​เคลื่อน​แทน​ แม้จะเป็น​มรรคา​ยุทธ์​ระดับ​เจ้าวรยุทธ์​เหมือนกัน​ แต่​วิชา​นี้​ด้อย​กว่า​สิบ​ทัพ​สังหาร​ไม่น้อย​…’

ลู่​เซิ่งเสียดาย​อยู่​บ้าง​ หลัง​สัมผัส​เล็กน้อย​ เขา​ก็​รู้สึก​ได้​ถึงพลัง​ที่​เหมือนกับ​เส้นด้าย​หลาย​สาย​ซึ่งไหลเวียน​อยู่​ใน​ร่างกาย​ พลัง​นี้​จับต้อง​ไม่ได้​ ไม่เหมือนกับ​พลังงาน​บริสุทธิ์​อย่าง​พลัง​วิญญาณ​ที่​มองเห็น​สภาพ​ได้​

มัน​เป็น​เพียง​พลัง​ไร้​รูปร่าง​ที่​หมุนเวียน​และ​สั่นสะเทือน​อย่าง​ต่อเนื่อง​ขณะ​เกาะ​ติดกับ​กล้ามเนื้อ​เท่านั้น​

“คุณชาย​” อยู่​ๆ ก็​มีบุรุษ​สวม​ชุด​ทะมัดทะแมง​สีเขียว​โผล่​ขึ้น​ตรง​ปาก​ประตู​ของ​เรือน​ เขา​คุกเข่า​ข้าง​หนึ่ง​และ​กล่าว​ด้วย​เสียง​เคารพ​

“มีอะไร​หรือ​” ลู่​เซิ่งใช้น้ำเสียง​ของ​ผัง​ซือเฉิง​เอ่ย​อย่าง​เกียจคร้าน​

“เจ้าเมือง​น้อย​แห่ง​เมือง​เจ็ด​ยอด​ได้​มาถึงแล้ว​ขอรับ​”

“เจ้าเมือง​น้อย​เมือง​เจ็ด​ยอด​หรือ​” ลู่​เซิ่งนึก​ทบทวน​ ก่อน​จะเรียก​ความทรงจำ​ของ​ผัง​ซือเฉิง​ออกมา​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​

เจ้าเมือง​น้อย​เจ็ด​ยอด​จงซิ่ว​ เป็น​ศิษย์​ที่​ผัง​หยวน​จวิน​ผู้​เป็น​บิดา​ถ่ายทอดวิชา​ให้​ด้วยตัวเอง​ ปกติ​แล้ว​เป็น​พี่ใหญ่​ที่​คอย​ดูแล​ร่างกาย​นี้​อย่าง​ใส่ใจที่สุด​ แต่​สถานะ​เร้นลับ​อยู่​บ้าง​ ไม่มีผู้ใด​ล่วงรู้​

“เชิญพี่ใหญ่​จงเข้ามา​เถอะ​” ลู่​เซิ่งพยายาม​จะลุกขึ้น​ แต่​เพราะ​ตัว​หนัก​เกินไป​ ต่อให้​เป็น​เขา​ก็​ยัง​ค่อนข้าง​กินแรง​อยู่ดี​

แม้จะฝึกฝน​จน​มีพลัง​ยุทธ์​ทาง​มรรคา​ยุทธ์​นิดหน่อย​ แต่​ผัง​ซือเฉิง​ก็​ขี้เกียจ​เกินไป​จริงๆ​ ทำให้​พลัง​ยุทธ์​น้อย​นิด​นั้น​รับ​น้ำหนัก​ไม่อยู่​

บุรุษ​สวม​ชุด​ทะมัดทะแมง​ขานรับ​ ก่อน​จะหาย​ไป​ใน​พริบตา​

ไม่นาน​บุรุษ​ร่าง​ผอม​สูงก็​เดิน​เข้ามา​ใน​ตัว​ลาน​ขณะ​ไพล่​มือขวา​ไว้​ด้านหลัง​

เขา​มีใบหน้า​หล่อเหลา​เย็นชา​ บน​ตัว​มีความเรียบ​เฉย​และ​เย็น​ยะ​เยียบ​ตาม​ธรรมชาติ​ มือขวา​ของ​เขา​เคย​ได้รับบาดเจ็บ​ ดังนั้น​จึงชอบ​ไพล่​ไว้​ด้านหลัง​ตัว​

ลู่​เซิ่งเงยหน้า​มอง​คน​ผู้​นี้​

“ท่าน​พ่อ​ไม่ยอม​กลับบ้าน​อีกแล้ว​หรือ​” ลู่​เซิ่งสรุป​ความทรงจำ​เสร็จ​แล้ว​ พลัน​นึกถึง​ความเคยชิน​เมื่อ​ก่อนหน้า​

“ประมุข​แท่นบูชา​กำลัง​รุม​โจมตี​คฤหาสน์​ตระกูล​เฟิงอยู่​ ราชา​ดาบ​อุดร​ดื้อรั้น​ไม่ยอมแพ้​ เลย​ยัง​กลับมา​ไม่ได้​ ท่าน​ผู้เฒ่า​ฝาก​คำพูด​มาให้​เจ้าผ่าน​ข้า​ว่า​ อีก​สักพัก​ให้​เจ้าไป​คฤหาสน์​ตระกูล​เฟิง ทาง​นั้น​มีของ​บางอย่าง​จะให้​เจ้า”

“ไม่ไป​” ลู่​เซิ่งกล่าว​อย่าง​แน่วแน่​

ผัง​ซือเฉิง​กับ​ผัง​หยวน​จวิน​ไม่ได้​มีความสัมพันธ์​ที่​ดี​ต่อกัน​นัก​ ผัง​หยวน​จวิน​ชอบ​บีบบังคับ​ ต่อให้​อยู่​ต่อหน้า​บุตร​คนเดียว​ของ​ตัวเอง​ ก็​ยังคง​ทำ​ทุกอย่าง​ตามใจ​ ไม่สนใจ​ความรู้สึก​ของ​บุตรชาย​แม้แต่น้อย​

ที่​ผัง​ซือเฉิง​ปฏิเสธ​การ​ฝึก​วรยุทธ์​ ส่วนหนึ่ง​เป็น​เพราะ​อยาก​จะต่อต้าน​ เนื่องจาก​ผัง​หยวน​จวิน​ใน​ตอนนั้น​บีบบังคับ​เขา​เกินไป​

“เจ้านี่​นะ​” จงซิ่ว​แสดง​ความ​จนปัญญา​ก่อน​จะส่ายหน้า​ “นอกจาก​เรื่อง​นี้​แล้ว​ ยังมี​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​ต้อง​สั่งเจ้า ช่วงนี้​ถ้าหาก​เจอ​คน​ที่​มีชื่อว่า​จวง​เซี่ย​เชิงใกล้​ๆ เมือง​น้ำค้าง​คราม​ ให้​พยายาม​หลีกเลี่ยง​เขา​ไว้​”

“หือ​?” ลู่​เซิ่งงุนงง​ เท่าที่​จำความได้​ เขา​เพิ่งจะ​ได้ยิน​คำพูด​เช่นนี้​ครั้งแรก​

ถ้าเป็น​เมื่อก่อน​ หากว่า​ไป​ไหน​ คนอื่น​ย่อม​ต้อง​หลบเลี่ยง​เขา​ ครั้งนี้​เขา​ต้อง​เป็น​ฝ่าย​หลบ​คนอื่น​เสีย​เอง​

“ทำไม​กัน​เล่า​” พอ​ลู่​เซิ่งนึกได้​ก็​ถามตามตรง​ผัง​ซือเฉิง​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​ก็​มีนิสัย​แบบนี้​เช่นกัน​ ดังนั้น​เขา​จึงไม่กริ่งเกรง​

จงซิ่ว​นิ่ง​ไป​เล็กน้อย​แล้ว​เอ่ย​ช้าๆ

“อาจารย์​ย่อม​มีเหตุผล​ เจ้าจำไว้​ก็​พอ​ นี่​ไม่มีผลเสีย​ต่อตัว​เจ้า”

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท