บทที่ 767 อยู่กันพร้อมหน้า (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

มู่หรง​รู้สึก​ว่า​ตนเอง​ใช้ชีวิต​มาแปดสิบ​ปี​อย่าง​เสียเปล่า​

สิบ​ขวบ​…ถ้าหาก​ลู่​เซิ่งไม่พูดถึง​ นาง​ก็​นึกไม่ออก​จริงๆ​ ว่า​เด็กน้อย​ตรงหน้า​เพิ่ง​มีอายุ​สิบ​ขวบ​

มู่หรง​มอง​ศิษย์​ใน​อาราม​ที่​ตาแข็ง​ค้าง​ซึ่งอยู่​ไกล​ออก​ไป​ ถ้าหาก​ให้​ผัง​ซือเฉิง​พา​ตัวถัง​ชิงชิงไป​ได้​จริงๆ​ นาง​จะทำให้​ชื่อเสียง​ของ​วิถี​เอ​กะ​ป่นปี้​ย่อยยับ​

แต่​ถ้าขัดขวาง​อีก​ฝ่าย​เข้า​ พลัง​ของ​อีก​ฝ่าย​ถึงกับ​ไม่ด้อย​ไป​กว่า​นาง​ แทบจะ​เป็น​ใน​ระดับ​เจ้าวรยุทธ์​ เดี๋ยว​สิ! เจ้าวรยุทธ์​หรือ​!

สายตา​ของ​มู่หรง​แปร​เปลี่ยนไป​ไม่เหมือนเดิม​ใน​ตอนที่​มอง​ลู่​เซิ่งอีกครั้ง​

เจ้าวรยุทธ์​วัย​สิบ​ขวบ​หรือ​ นี่​มัน​ไร้สาระ​ทั้งเพ​!

แม้ใน​ประวัติศาสตร์​จะมีอัจฉริยะ​ระดับ​สุดยอด​มาก​พรสวรรค์​ซึ่งมีพลัง​ช้างสาร​โดยกำเนิด​ แต่​ก็​ไม่ถึงกับ​อลังการ​ขนาด​นี้​

ตอนที่​นาง​กำลัง​คับข้องใจ​ ลู่​เซิ่งก็​กระทืบเท้า​ กรวด​หิน​ดินทราย​กลุ่ม​ใหญ่​ระเบิด​ออก​มาจาก​บน​พื้น​อย่าง​สะเทือน​เลื่อน​ลั่น​ อิฐ​สีขาว​ถูก​เขา​เหยียบ​แหลกลาญ​ เศษหิน​จำนวนมาก​ฟุ้งออก​ไป​รอบ​ๆ

ลู่​เซิ่งอาศัย​แรง​สะท้อน​กลับ​พุ่ง​ขึ้น​ฟ้า พริบตาเดียว​ก็​พุ่ง​ผ่าน​ด้าน​ข้าง​มู่หรง​ไป​

มู่หรง​คิด​จะยื่นมือ​ไป​สกัด​ แต่​พอ​นึกถึง​ผัง​จวิน​หยวน​ สุดท้าย​จิตใจ​ก็​ขลาดกลัว​ ไม่อาจ​ลงมือ​ได้​

แค่​ผัง​หยวน​จวิน​ก็​น่ากลัว​มาก​พอแล้ว​ ตอนนี้​มีผัง​ซือเฉิง​ผู้​เป็น​ลูกชาย​ที่​มีพลัง​ช้างสาร​โดยกำเนิด​เพิ่ม​มาอี​กค​น.​..

ปัจจุบัน​แท่น​น้ำค้าง​คราม​เหมือน​อาทิตย์​กลางหาว​ สุด​ที่​สิบ​หก​สำนัก​ที่​เหลือ​จะเทียบเคียง​ได้​

พอ​ลังเล​ไป​แวบ​หนึ่ง​ ลู่​เซิ่งก็​ได้จังหวะ​ ใช้เวลา​พริบตาเดียว​ก็​พุ่ง​ไป​ถึงที่​ไกล​ แบก​ถังชิงชิงหาย​ไป​จาก​ป่า​เขา​อย่าง​รวดเร็ว​ราวกับ​นก​เผิง​ยักษ์​สยาย​ปีก​

คน​ของ​สำนัก​น้ำพุ​เงียบงัน​เป็น​เป่า​สาก​

เซียว​หง​เห​ลย​อ้าปากค้าง​ ใน​ฐานะ​ศิษย์​พี่​ในนาม​ และ​คน​ที่​มีพลัง​ฝึกปรือ​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​หมู่​ลูกศิษย์​ นาง​พอ​จะเข้าใจ​ความลังเล​ของ​เจ้าอาราม​อยู่​บ้าง​

“เพียงแต่​ถ้าหาก​เป็น​เช่นนี้​ หน้าตา​ของ​สำนัก​น้ำพุ​จะเป็น​อย่างไรเล่า​…บางที​เจ้าอาราม​ท่าน​อาจจะ​คำนวณ​ผิดพลาด​แล้ว​…” นาง​กล่าว​อย่าง​จนปัญญา​

ยืน​นิ่ง​กัน​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ก็​มียอด​ฝีมือ​ของ​สำนัก​น้ำพุ​อีก​หลาย​คน​ทิ้งตัว​ลงมา​ มู่หรง​ค่อย​ได้สติ​

“แยกย้าย​เถิด​ เรื่อง​ใน​วันนี้​เป็น​บ่วง​กรรม​ของ​ถังชิงชิง ต่อให้​ปล่อย​ผัง​ซือเฉิง​จากไป​แล้ว​เป็น​อย่างไร​ ไม่ต้อง​กังวล​ และ​ไม่ต้อง​รู้สึก​ขายหน้า​”

แม้จะพูด​เช่นนี้​ แต่​ศิษย์​ที่อยู่​ด้านล่าง​ทั้งหมด​ยังคง​รู้สึก​หน้า​ร้อนผ่าว​ อย่างไร​นี่​ก็​เป็น​การชิง​คน​ต่อหน้า​ผู้คน​มากมาย​ ทั้ง​ยัง​เป็น​การชิง​ตัว​ยอด​ฝีมือ​ขอบเขต​ราชา​วรยุทธ์​ซึ่งได้​ชื่อว่า​เป็นยอด​ฝีมือ​อันดับ​สอง​ใน​อาราม​เสีย​ด้วย​!

ทุกคน​อด​กระซิบกระซาบ​กัน​ไม่ได้​ ราชา​วรยุทธ์​หลาย​คน​ที่​เพิ่ง​มาถึงทำ​หน้า​ฉงน​ มู่หรง​กลับ​ถอน​ใจเบา​ๆ นาง​ไม่เสียใจ​ที่​ปล่อย​ผัง​ซือเฉิง​จากไป​ ใน​สถานการณ์​แบบนี้​ ไม่ว่า​จะเป็น​เจตนารมณ์​ของ​ผัง​หยวน​จวิน​หรือไม่​ การ​รั้ง​ถังชิงชิงไว้​ที่นี่​ก็​มีแต่​ผลเสีย​เท่านั้น​

ลู่​เซิ่งอุ้ม​คน​ทะยาน​ไป​กลาง​ป่า​อย่าง​ต่อเนื่อง​ เท้า​เหยียบ​กลาง​ต้นไม้​ เพียง​เพิ่ม​แรง​เบา​ๆ ร่างกาย​ก็​พุ่ง​ฉิว​ออก​ไป​ดุจ​จรวด​ ข้าม​ผ่าน​ระยะทาง​สิบ​กว่า​หมี่​ใน​พริบตา​

การ​ลง​เขา​เป็นไป​อย่าง​ราบรื่น​ เขา​เคลื่อนไหว​ได้​รวดเร็ว​นัก​ คน​ไม่น้อย​เห็น​เพียง​เงากลุ่ม​หนึ่ง​แวบ​ผ่าน​เท่านั้น​ ไม่ได้​เห็น​อะไร​อีก​

พอ​ไป​ถึงตีนเขา​ รถม้า​ที่​ลู่​เซิ่งเตรียม​ไว้​ก็​คอยท่า​รอ​อยู่แล้ว​

เขา​อุ้ม​คน​พุ่ง​เข้าตัว​รถ​ พลิก​มือ​ปิดประตู​ ก่อน​จะโยน​แท่ง​เงิน​แท่ง​หนึ่ง​ให้​สารถี​

“ไป​เมือง​น้ำค้าง​คราม​ ยิ่ง​เร็ว​ยิ่ง​ดี​!”

“ขอรับ​!” ตอนแรก​สารถี​กำลัง​งีบ​อยู่​ พลัน​รู้สึก​รถ​สั่น​ไหว​และ​จมลง​ รอ​เขา​ได้สติ​กลับมา​ ก็​มีแท่ง​เงิน​แท่ง​หนึ่ง​มาอยู่​บน​ที่​รอง​แขน​ไม้ด้านหน้า​ตนเอง​แล้ว​

เขา​สะดุ้งโหยง​ ไม่พูด​มากความ​ พอ​รับคำ​เสร็จ​ก็​ยก​แส้ขึ้น​ฟาด​ม้าอย่าง​แรง​ทันที​

เพียะ!​

ม้ากำยำ​สอง​ตัว​แผด​เสียงร้อง​ แล้ว​ลาก​รถ​ไป​ด้านหน้า​

ด้านใน​รถ​โคลงเคลง​เล็กน้อย​ ลู่​เซิ่งวาง​ถังชิงชิงลง​บน​ผ้าห่ม​บน​เตียง​ที่​เตรียม​ไว้​แล้ว​อย่าง​ระมัดระวัง​

จากนั้น​ก็​หยิบ​โซ่ตรวน​หนา​เท่า​แขน​ออก​มาจาก​หีบ​ด้าน​ข้าง​ แล้ว​พลิก​มือ​มัด​แขน​ของ​ถังชิงชิงไว้​

ทั้ง​ยัง​ใช้เชือก​หนา​เท่า​นิ้ว​ที่​ผ่าน​การชุบ​น้ำมัน​มัด​สอง​ขา​หลาย​ๆ รอบ​

“อือ​…” อย่างไร​ถังชิงชิงก็​เป็น​ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​ราชา​วรยุทธ์​ พลัง​ฝึกปรือ​ถือเป็น​ผู้​โดดเด่น​ใน​ยุทธ​จักร​ ระยะ​สิบ​หมื่น​ลี้​จะมีสัก​คน​ ต้น​ไม้ต้น​ใหญ่​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​เพียงแค่​กระแทก​ใส่ตอนที่​นาง​รับมือ​ไม่ทัน​เท่านั้น​ ทำให้​คำนวณ​แรง​พลาด​ไป​ แต่​ไม่ได้​สร้าง​ความเสียหาย​ให้​นาง​มาก​เท่าไหร่​

ตอนนี้​ผ่าน​ไป​อีก​สอง​นาที​ค่อย​ฟื้น​สติ​กลับมา​

“ท่าน​แม่! ท่าน​แม่! ท่าน​ไหว​หรือไม่​” ชั่ว​ขณะที่​เลือนราง​ ถังชิงชิงมองเห็น​ด้านหน้า​มีคน​โยกเยก​ไปมา​ด้วย​สายตา​ขมุกขมัว​

หลัง​เพ่ง​สมาธิ นาง​พลัน​จด​จำได้​ว่า​คน​ผู้​นี้​ก็​คือ​ผัง​ซือเฉิง​หรือ​ลูก​ของ​ตน​นั่นเอง​

“เจ้า…” นาง​รู้สึก​ลำคอ​แห้งผาก​อยู่​บ้าง​ เสียง​จึงแหบ​เล็กน้อย​

“พวกเรา​กำลังจะ​กลับบ้าน​” ลู่​เซิ่งตรวจสอบ​เชือก​ น่าจะ​ไม่มีปัญหา​อัน​ใด​ เขา​ได้​เพิ่ม​ท่า​หัตถ์​ซึ่งคล้ายๆ​ กับ​การ​สะกดจุด​เข้าไป​ด้วย​ จึงสะกด​การ​ออกแรง​ของ​ถังชิงชิงได้​อย่าง​ทรง​ประสิทธิภาพ​

ถังชิงชิงนิ่ง​ไป​

ใน​ตัว​รถ​ไม่มีใคร​พูด​อะไร​อยู่​ชั่วขณะ​ ถังชิงชิงรู้สึก​สับสน​ ไม่ทราบ​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​ตน​

ลู่​เซิ่งไม่มีอะไร​จะพูด​อยู่แล้ว​ เขา​ลงมือ​เพราะ​ต้องการ​สะสางผลกรรม​ความปรารถนา​

แม้ตัวถัง​ชิงชิงจะไม่อยาก​กลับ​ไป​อยู่​พร้อมหน้า​กับ​ครอบครัว​ แต่​พา​คน​กลับ​ไป​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที​

หาก​อยู่​กัน​นาน​เข้า​ย่อม​เกิด​ความผูกพัน​ได้​เอง​

ล้อรถ​ม้าหมุน​ดัง​ครึ่กๆ​ ม้าด้านหน้า​ส่งเสียง​พ่นลม​ตลอดเวลา​ เสียง​กีบ​เท้า​ม้าที่​มีจังหวะจะโคน​ลอย​มาอย่าง​ต่อเนื่อง​

เนิ่นนาน​ให้หลัง​ สาตา​ของ​ถังชิงชิงค่อย​กลับ​เป็นปกติ​ นาง​มอง​ไป​ยัง​ลู่​เซิ่ง

“ผัง​หยวน​จวิน​ให้​คน​เจ้ามากี่​คน​เพื่อ​ชิงตัว​ข้า​”

ลู่​เซิ่งซึ่งกำลัง​นั่ง​งีบ​อยู่​ด้าน​ข้าง​ได้ยิน​เสียง​อย่าง​กะทันหัน​ จึงตื่นขึ้น​มา

“คน​หรือ​ คน​อะไร​กัน​ ข้า​ออกจาก​บ้าน​มาคนเดียว​ แอบหนี​ออกมา​เอง​ขอรับ​” ลู่​เซิ่งตอบ​

“แอบหนี​ออกมา​หรือ​” ถังชิงชิงไม่เข้าใจ​

สำหรับ​นาง​แล้ว​ พลัง​ที่​แฝงอยู่​ใน​ต้น​ไม้ต้น​นั้น​เทียบ​ได้​กับ​ระดับ​เจ้าวรยุทธ์​ อย่าง​น้อย​ก็​มีพลัง​เท่า​ช้างร้อย​ตัว​ ดังนั้น​นาง​จึงถูก​กระแทก​จน​สลบ​

ถ้าหาก​พลัง​ระดับ​นั้น​ไม่มียอด​ฝีมือ​สนับสนุน​อยู่​ด้าน​ข้าง​ นาง​ไม่มีทาง​เชื่อ​เด็ดขาด​

“เป็น​เซียว​จิน​ย่วน​กระมัง​ คน​ที่​ขึ้น​ชื่อเรื่อง​พละกำลัง​มาก​ที่สุด​ใน​สี่เจ้าวรยุทธ์​ของ​แท่น​น้ำค้าง​คราม​มีแต่​เขา​แล้ว​”

“ท่าน​หมายถึง​อา​เซียว​หรือ​ เขา​ยัง​ไป​สนับสนุน​ท่าน​พ่อ​ปราบ​คฤหาสน์​ตระกูล​เฟิงหรือ​ราชา​ดาบ​อุดร​อยู่​” ลู่​เซิ่งว่า​

เมื่อ​ไม่ได้รับ​คำตอบ​ที่​ตัวเอง​คาด​ไว้​ ถังชิงชิงก็​รู้​ว่า​ลู่​เซิ่งไม่มีทาง​ตอบ​ตัวเอง​ จึงนอนหงาย​มอง​เพดาน​รถ​อยู่​บน​เตียง​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​

ลู่​เซิ่งก็​ไม่รู้​จะพูด​อะไร​เช่นกัน​ สอง​คน​จึงเดินทาง​ไป​เงียบๆ​ เช่นนี้​

จนกระทั่ง​ถึงตอนกลางคืน​

รถม้า​หยุดพัก​ที่​โรงเตี๊ยม​แห่ง​หนึ่ง​ ลู่​เซิ่งที่​ขึ้นรถ​ไม่ยอม​ลง​ กิน​ดื่ม​ใน​ตัว​รถ​ จากนั้น​ก็​เรียก​เด็กสาว​รับใช้​ใน​โรงเตี๊ยม​มาดูแล​เรื่อง​การ​กิน​ดื่ม​ขับถ่าย​ของ​ถังชิงชิง

เช้าตรู่​วัน​ที่สอง​ รถม้า​ก็​เริ่ม​เดินทาง​ใหม่​

พอ​ถึงยาม​เที่ยง​ ในที่สุด​ก็​ไป​ถึงเมือง​น้ำค้าง​คราม​อันเป็น​ที่อยู่​ของ​แท่นบูชา​ย่อย​

พอ​กลับ​ถึงแท่นบูชา​ย​ย่อย​ เหล่า​ยอด​ฝีมือ​ซึ่งเป็นสมาชิก​ของ​แท่นบูชา​ค้นหา​คนจน​แทบ​เสียสติ​แล้ว​ พอ​เห็น​ลู่​เซิ่งกลับมา​ แม้จะพบ​ว่า​เขา​ผอม​ลง​ไม่น้อย​ ไม่ได้​อ้วน​เหมือน​เก่า​ แต่​สิ่งที่​ทำให้​คน​สนใจ​มากกว่า​ก็​คือ​ เขา​ไม่ได้รับบาดเจ็บ​อัน​ใด​เลย​

และ​สิ่งที่​ทำให้​คน​นึกไม่ถึง​ก็​คือ​ ลู่​เซิ่งไม่เพียงแต่​ไม่บาดเจ็บ​เท่านั้น​ ยัง​พา​คน​มาด้วย​คน​หนึ่ง​ ถังชิงชิง คนสำคัญ​ที่​ประมุข​แท่นบูชา​แห่ง​แท่นบูชา​ย่อย​เคย​เจอ​มาหลายครั้ง​

ว่า​กัน​ว่า​ถังชิงชิงหรือ​ฮูหยิน​ของ​ประมุข​แท่นบูชา​หลัก​หนี​ไป​นาน​แล้ว​ คนภายนอก​คิด​ว่า​เสียชีวิต​ แต่​ความจริง​นาง​ไป​เร้น​กาย​ฝึกฝน​

ตอนที่​ลู่​เซิ่งมอบ​คน​ให้​แก่​เด็กหญิง​รับใช้​ที่​ทำหน้าที่​ดูแล​ คนเก่าคนแก่​ของ​แท่นบูชา​ย่อย​ก็​จำถังชิงชิงได้​ทันที​ ทุกคน​ตกใจ​จน​มีสภาพ​ลิง​โลก​ราวกับ​ไก่​บิน​สุนัข​กระโดด​

ส่วน​ลู่​เซิ่งกลับ​ลงรถ​ไป​อาบน้ำ​และ​ทานข้าว​อย่าง​สบายใจ​

เขา​เดินทาง​ไป​หลาย​วัน​ ในที่สุด​วิชา​คางคก​ดารา​เคลื่อน​บน​ตัว​ก็​บรรลุ​ถึงระดับ​สูงสุด​ซึ่งก็​คือ​ระดับ​เจ็ด​ ใช้พลัง​อาวรณ์​ไป​ทั้งหมด​เพียง​สอง​พัน​กว่า​หน่วย​เท่านั้น​

พละกำลัง​ของ​เขา​เทียบ​ได้​กับ​พละกำลัง​ของ​ช้างสาร​สอง​ร้อย​ตัว​ นี่​ถือว่า​อยู่​ใน​ช่วง​กลาง​ของ​เจ้าวรยุทธ์​ ขณะเดียวกัน​ก็​เป็น​จุดสูงสุด​ของ​การ​เพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​ที่​วิชา​คางคก​ดารา​เคลื่อน​ทำได้​ด้วย​

หลังจาก​มาถึงระดับ​นี้​ ก็​หมายความว่า​วิชา​การฝึกฝน​ใน​ระดับ​เจ้าวรยุทธ์​วิชา​นี้​ไม่มีผลต่อ​ลู่​เซิ่งอีกต่อไป​

พอ​กลับ​ถึงลาน​เรือน​ที่​ตัวเอง​อยู่​ ลู่​เซิ่งก็​อาบน้ำ​ เปลี่ยนเสื้อ​ แล้ว​เดิน​ออกจาก​ห้องอาบน้ำ​

กลางคืน​ดวงจันทร์​ส่องสว่าง​ ลมหนาว​เย็นเฉียบ​ เงากิ่งก้านสาขา​ของ​ต้นไม้​บน​ผนัง​ถูก​พัด​จน​โยก​ไหว​ไปมา​เหมือน​ภูตผี​

‘วิธี​การฝึกฝน​พลัง​ที่​หยาบกระด้าง​แบบนี้​เกรี้ยวกราด​ว่องไว​ แต่​ไม่มีส่วนช่วย​ใดๆ​ ต่อ​การ​เติบโต​ มิน่า​แม้ค่า​พลัง​ยุทธ์​ของ​โลก​ใบ​นี้​จะสูง แต่​ไม่มีใคร​อยู่​ได้​เกิน​สอง​ร้อย​ปี​’ ลู่​เซิ่งกระจ่างแจ้ง​

เขา​ปรบ​มือเบา​ๆ

เงาคน​สีเขียว​สาย​หนึ่ง​ปรากฏ​ขึ้น​ด้าน​ข้าง​เขา​เหมือน​สาย​ฟ้าแลบ​ ก่อน​จะคุกเข่า​ลง​ข้าง​หนึ่ง​

“นาย​ท่าน​มีคำสั่ง​ใด​”

“ขัง​มารดา​ข้า​ไว้​แล้ว​หรือยัง​”

“เอ่อ​…คุ้มครอง​ไว้​แล้ว​เจ้าค่ะ​…” บริวาร​ตอบ​อย่าง​จนปัญญา​เล็กน้อย​ นั่น​คือ​ฮูหยิน​ของ​ประมุข​แท่นบูชา​หลัก​ ถ้าหาก​ทำให้​บาดเจ็บ​โดย​ไม่ได้​ตั้งใจ​ เกรง​ว่า​คน​มากมาย​จะรักษา​ชีวิต​ไว้​ไม่ได้​

“ต้อง​ใช้เครื่องหอม​กระดูกอ่อน​เป็น​ปริมาณ​สิบ​เท่า​ ถ้าไม่พอให้​ใช้เครื่องหอม​ทำลาย​ชีวิต​สะบั้น​วิญญาณ​แทน​ ไม่ต้อง​กลัว​ว่า​จะเกิดเรื่อง​ มารดา​ข้า​มีร่างกาย​แข็งแกร่ง​ หาก​พันธนาการ​พลัง​ฝึกปรือ​ไม่ได้​ ที่นี่​ก็​ไม่มีใคร​เอา​นาง​อยู่​” ลู่​เซิ่งกล่าว​เน้น​

“นอกจากนี้​ของกินของใช้​ต้อง​เป็น​สิ่งที่​ดี​ที่สุด​”

“…เครื่องหอม​กระดูก​ศพ​สะบั้น​วิญญาณ​นี้​…”

“ไม่เป็นไร​ ใช้ปริมาณ​ครึ่ง​เดียว​ไม่มีทาง​เกิดเรื่อง​หรอก​! นอกจากนี้​ ผ่าน​ไป​อีก​สักพัก​ข้า​จะออก​ไป​ด้านนอก​ พวก​เจ้าอยู่​คุ้มครอง​บ้าน​ให้​ดี​” ลู่​เซิ่งใคร่ครวญ​ว่า​จะฝึกฝน​วิชา​ระดับ​เจ้าวรยุทธ์​อีก​สอง​วิชา​ หาก​ปรับตัว​สัก​สอง​สามวัน​ ก็​น่าจะ​วิเคราะห์​กฎ​พื้นฐาน​ส่วนหนึ่ง​ออก​ อย่าง​น้อย​สามารถ​นำ​ด้าย​กระตุ้น​วิญญาณ​มาใช้หล่อเลี้ยง​ได้​แล้ว​

“เอาเถิด​ ไป​ได้​แล้ว​ ถ้าท่าน​อา​ท่าน​ลุง​มาถึง ให้​แจ้งข้า​ทันที​” ลู่​เซิ่งว่า​พลาง​โบกมือ​

“เจ้าค่ะ​” บริวาร​หาย​ไป​จาก​ม่าน​ราตรี​ใน​พริบตา​

ลู่​เซิ่งใช้ผ้าขนหนู​เช็ด​ผม​จน​แห้ง​ ก่อน​จะหมุนตัว​เข้า​ห้องนอน​ หญิง​รับใช้​วัยเยาว์​หน้าตา​งดงาม​สอง​คน​กำลัง​รอ​อยู่​ด้านใน​ห้อง​ด้วย​ร่าง​สั่น​งันงก​

“คำนับ​คุณชาย​” หญิงสาว​สอง​คน​รีบ​ส่งเสียง​ทักทาย​

“ออก​ไป​ให้​หมด​” ลู่​เซิ่งจำได้​ว่า​ผัง​ซือเฉิง​ชอบ​ให้​หญิง​บริสุทธิ์​อุ่น​เตียง​ จากนั้น​ค่อย​ขึ้นไป​หลับ​พักผ่อน​ แต่​เขา​ใน​ตอนนี้​ไม่มีนิสัย​เช่นนั้น​

สตรี​สอง​นาง​กุลีกุจอ​อุ้ม​เสื้อผ้า​วิ่ง​ออก​ไป​โดยที่​สวม​เพียง​เสื้อ​ตัว​ใน​เท่านั้น​

ลู่​เซิ่งปิดประตู​ แล้ว​นั่งลง​เพื่อ​ศึกษา​ระบบ​มรรคา​ยุทธ์​ของ​โลก​ใบ​นี้​อย่าง​ละเอียด​

“ใน​วิชา​คางคก​ดารา​เคลื่อน​พูดถึง​นิยาม​หนึ่ง​ชื่อ​ดารา​กาย​มนุษย์​”

แม้เขา​จะยกระดับ​ถึงขอบเขต​เจ้าวรยุทธ์​ ระบบ​มรรคา​ยุทธ์​ของ​ที่นี่​ก็​ไม่ได้​ลง​ลึก​นัก​

“ดารา​กาย​มนุษย์​เป็น​แกน​หลัก​ที่​วนเวียน​รอบ​วิชา​ทุก​วิชา​ ยิ่ง​มีดวงดาว​ที่​บุกเบิก​มาก​เท่าไร​ ขอบเขต​วรยุทธ์​ที่​บรรลุ​ถึงก็​จะแข็งแกร่ง​มาก​เท่านั้น​ อานุภาพ​ที่​ร่างกาย​ระเบิด​ออกมา​ได้​ก็​จะสูงตาม​ไป​ด้วย​ จอม​พลัง​ทั่วไป​ยังอยู่​ใน​ระดับ​ ขัดเกลา​กาย​เนื้อ​ แต่​หลังจาก​กาย​เนื้อ​บรรลุ​ถึงขีดจำกัด​แล้ว​ เกิด​ว่า​ทะลวง​ขีดจำกัด​ได้​ ก็​จะมีคุณสมบัติ​บุกเบิก​ดวงดาว​ดวง​ที่หนึ่ง​หรือ​เป็น​ดวง​สรรพ​ดารา​”

ลู่​เซิ่งนึกย้อน​ถึงบันทึก​ใน​วิชา​คางคก​ดารา​เคลื่อน​อย่าง​ละเอียด​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท