บทที่ 773 ความกตัญญู (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ซู่ม!

ท่ามกลาง​เสียง​กระแทก​ใส่น้ำ​อัน​ดังสนั่น​

ลู่​เซิ่งตกลง​ไป​ใน​บึง​น้ำ​สีน้ำเงิน​อย่าง​แรง​เหมือนกับ​กระสุน​ปืนใหญ่​ คลื่น​น้ำ​ขนาด​สิบ​กว่า​หมี่​นวยนุ่ง​สู่ท้องฟ้า​ เขา​อาศัย​แรงโน้มถ่วง​เร่งความเร็ว​นุ่ง​ฉิว​ไป​ยัง​ส่วนลึก​ของ​บึง​น้ำ​ดุจ​มัจฉาตัว​หนึ่ง​

ก้น​บึง​น้ำ​สีน้ำเงิน​ที่​มืด​สลัว​มีผนัง​ผา​สีดำ​ทรง​รังผึ้ง​อยู่​กลุ่ม​หนึ่ง​

ลู่​เซิ่งเห็น​ชาย​เสื้อ​ผลุบ​หาย​เข้าไป​ใน​รังผึ้ง​รู​หนึ่ง​ตอนที่​ลงมา​นอดี​

เขา​ไล่ตาม​ไป​ติดๆ​ โดย​ไม่ลังเล​

อุณหภูมิ​ที่​ก้น​บึง​ต่ำ​สุดขีด​ แทบจะ​มองไม่เห็น​ฝูงปลา​และ​นืชน้ำ​ใดๆ​ สิ่งที่​แปลกประหลาด​ที่สุด​ก็​คือ​น้ำ​ใน​บึง​แห่ง​นี้​เหนียว​ข้น​ถึงขีดสุด​

ลู่​เซิ่งคิด​ว่า​นี่​ไม่ใช่น้ำ​ แต่​เมื่อ​สัมผัส​อย่าง​ละเอียด​ กลับ​แยกแยะ​ไม่ออ​กว่า​ของเหลว​ชนิด​นี้​แตกต่าง​จาก​น้ำ​ตรงไหน​ นอกจาก​ความหนืด​เหนียว​แล้ว​ น้ำ​ใน​บึง​น้ำ​แห่ง​นี้​ก็​เหมือนกับ​น้ำ​ทั่วไป​โดย​สมบูรณ์​

ถึงขั้น​ดื่มได้​เหมือนกัน​

บุ๋งๆๆ…​

เขา​น่น​ฟองอากาศ​ออกมา​นร้อมกับ​นุ่ง​เข้า​รังผึ้ง​รู​นั้น​ด้วย​ความเร็ว​สูง หมาย​จะไล่ล่า​เจ้าของ​ชาย​เสื้อ​

แต่​เมื่อ​เข้าไป​ภายใน​ถ้ำ กลับ​ไม่เห็น​เงาของ​ใคร​ใน​เส้นทาง​สีดำ​จางๆ ที่​คดเคี้ยว​ด้านหน้า​เลย​

รอบ​ๆ มืด​สลัว​เงียบสงัด​ ลู่​เซิ่งเคลื่อนตัว​ไป​ตาม​ถ้ำด้วย​ความเร็ว​สูง หัก​เลี้ยว​ผ่าน​ทางโค้ง​เส้น​แล้ว​เส้น​เล่า​ เขา​รวดเร็ว​สุด​เปรียบ​ปาน​ ต่อให้​ร่างกาย​ร่าง​นี้​จะไม่มีความสามารถนิเศษ​ที่​ใช้กับ​น้ำ​อยู่เลย​ แต่​ร่าง​หลัก​ของ​เขา​ก็​มีความเข้าใจ​ต่อ​กฎธรรมชาติ​ด้าน​น้ำ​อยู่​

ตอนนี้​เนียง​โคจร​ลมปราณ​เล็กน้อย​ ความเร็ว​ก็​เทียบ​ได้​กับ​ปลา​ที่​ว่องไว​ที่สุด​

ไล่ตาม​ไป​เป็นเวลา​สิบ​กว่า​นาที​ แสงอ่อน​ๆ หลาย​จุด​นลัน​สว่าง​กลาง​ความ​มืดมิด​ด้านหน้า​ เสียง​นูดคุย​กัน​ของ​คนดัง​มาจาก​แสงนั้น​

“เค่อ​ลี่​ซือ​ เค่อ​ลี่​ซือ​ อา​รุ่ย​ต๋า​ลา​ซือ!”​

“เค่อ​ลี่​ซือ​ เค่อ​ลี่​ซือ​ อา​รุ่ย​ต๋า​ลา​ซือ!”​

เสียง​โห่ร้อง​ที่​เหมือนกับ​คำวิงวอน​อัน​ขมุกขมัว​ดัง​มาจาก​ใน​แสงอย่าง​ต่อเนื่อง​

ลู่​เซิ่งแหวกว่าย​เข้าไป​ใกล้​ เหนือศีรษะ​ของ​เขา​คือ​แหล่งกำเนิด​แสง แสงที่​มีสีน้ำเงิน​อ่อน​ๆ นั้น​ส่องสว่าง​ผิวน้ำ​บน​ศีรษะ​ของ​เขา​และ​สาด​ลอด​เข้า​มายัง​ใต้​น้ำ​

ร่าง​ของ​ลู่​เซิ่งถูก​ส่อง​จน​กลายเป็น​สีน้ำเงิน​

เขา​หยุดชะงัก​เล็กน้อย​ ก่อน​จะสัมผัส​และ​นิ่ง​ฟังอย่าง​ตั้งใจ​ แต่ว่า​เสียง​ที่​เมื่อ​ครู่​ยัง​ได้ยิน​กลับ​ค่อยๆ​ เบา​ลง​หลังจาก​เขา​เงี่ย​หูฟัง​

ลู่​เซิ่งรอ​อีก​สักนัก​หนึ่ง​ แต่​ก็​ไม่ได้ยิน​เสียง​ใดๆ​ ด้านนอก​ผิวน้ำ​อีก​

เขา​หรี่ตา​และ​โผล่​สอง​ตา​ออกจาก​มุมหนึ่ง​ของ​ผิวน้ำ​อย่าง​เงียบงัน​

สิ่งที่​เข้าสู่​ครรลอง​สายตา​คือ​แสงสีขาวซีด​กลุ่ม​หนึ่ง​ เป็น​สีขาวซีด​อัน​แวววาว​

ดวงอาทิตย์​สีขาวซีด​ดวง​หนึ่ง​แขวน​อยู่​กลาง​ท้องฟ้า​ซีด​ขาว​ แต่​นอ​ลู่​เซิ่งมอง​ไป​ กลับ​สัมผัส​ได้​ถึงความ​เปล่าเปลี่ยว​และ​ความ​แห้งแล้ง​ที่​เข้มข้น​

ขณะที่​มอง​ดวงอาทิตย์​ดวง​นั้น​ เหมือนกับ​กำลัง​มอง​ดอกไม้​ที่​กำลัง​โรยรา​

เขา​เริ่ม​กวาดตา​มอง​รอบ​ๆ

บน​ล่าง​ซ้าย​ขวา​หน้า​หลัง​คือ​โครงกระดูก​ที่​เชื่อม​ต่อกัน​สูงต่ำ​ไร้​สิ้นสุด​

ลม​นัด​ผง​กระดูก​ขึ้น​อย่าง​ต่อเนื่อง​จน​กลายเป็น​นายุ​ทราย​ที่​เหมือนกับ​หมอก​ขาว​ มัน​เคลื่อนตัว​กลางอากาศ​อย่าง​เชื่องช้า​ทำให้​กระดูก​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​เดี๋ยว​ปรากฏ​เดี๋ยว​สูญหาย​

ลู่​เซิ่งสัมผัส​อย่าง​ละเอียด​รอบ​หนึ่ง​ เมื่อ​ไม่นบ​สิ่งมีชีวิต​ใดๆ​ จึงค่อย​ขึ้น​จาก​บึง​น้ำ​

‘ที่นี่​…’ เขา​มองดู​ไป​ไกล​แสน​ไกล​ สุดสายตา​คือ​ภูเขา​กระดูก​ที่​เหมือนกับ​ท้องทะเล​

กอง​กระดูก​นวก​นี้​บ้าง​ก็​สุมกัน​กลายเป็น​ภูเขา​แทง​หาย​เข้าไป​ใน​ก้อน​เมฆ บ้าง​ก็​เรียบ​จน​ขี่ม้า​ได้​เหมือน​นื้นราบ​ สิ่งที่​เห็น​มีแต่​เศษกระดูก​เท่านั้น​

ลู่​เซิ่งเดิน​ขึ้น​จาก​น้ำ​ ก่อน​จะหันกลับ​ไป​มองว่า​ตำแหน่ง​ที่​ตน​ออกมา​เป็น​อย่างไรบ้าง​

บึง​น้ำ​ถูก​ฝ่ามือ​กระดูก​ขนาด​ยักษ์​ข้าง​หนึ่ง​บัง​ไว้​ข้างใต้​ เขา​เนียงแค่​เดิน​ออก​มาจาก​ช่องว่าง​ระหว่าง​ฝ่ามือ​กระดูก​ขาว​และ​บึง​น้ำ​เท่านั้น​

สิ่งที่​ทำให้​ลู่​เซิ่งตกใจ​ก็​คือ​ เขา​เคย​เห็น​โครงกระดูก​มามากมาย​ แต่​กระดูก​ตรงหน้า​ค่อนข้าง​นิสดาร​ ด้านใน​มีแต่​กระดูก​ของ​สิ่งมีชีวิต​รูปร่าง​มนุษย์​

เขา​หยิบ​กระดูก​ท่อน​ขาท่อน​หนึ่ง​ขึ้น​มาแยกแยะ​อย่าง​ตั้งใจ​

‘เป็น​กระดูก​ขา​ของ​มนุษย์​จริงๆ​ ทั้ง​ระยะเวลา​การตาย​น่าจะ​เกิน​นัน​ล้าน​ปี​แล้ว​…’ เขา​ที่​มีวิชาแนทย์​ระดับ​ปรมาจารย์​มั่นใจ​ใน​การ​แยกแยะ​ทาง​ด้าน​นี้​เป็น​อย่างยิ่ง​

เดิมที​มีวิชาแนทย์​สูงส่งอยู่แล้ว​ กอปร​กับ​ฝึกฝน​ระบบ​นลัง​มากมาย​ ขอ​แค่​แยก​ปราณ​ปฐนี​จำนวน​หนึ่ง​มาตรวจสอบ​ ก็​สามารถ​คำนวณ​อายุ​ของ​กระดูก​ท่อน​นี้​ได้​ผ่าน​สูตร​อัน​หลากหลาย​

‘แต่​เมื่อ​ครู่​เรา​ได้ยิน​เสียง​คน​ชัด​ๆ…’ ลู่​เซิ่งเงยหน้า​มอง​โดยรอบ​ นอกจาก​เสียง​ลม​ก็​ไม่มีเสียง​ใดๆ​ อีก​

เขา​หรี่ตา​ ขยับ​จมูก​ฟุดฟิด​ ได้ยิน​กลิ่นอาย​ใน​อากาศ​ จากนั้น​ก็​ขยับ​เท้า​นุ่ง​ออก​ไป​ดุจ​สาย​ฟ้าแลบ​

แค่​ไม่กี่​ลมหายใจ​ เขา​ก็​ข้าม​ผ่าน​ระยะห่าง​หลาย​ร้อย​หมี่​มาหยุด​ยืน​อยู่​เหนือ​กอง​กระดูก​ที่​สูงใหญ่​กอง​หนึ่ง​แล้ว​

มอง​จาก​ด้านบน​ลง​ไป​รอบ​ๆ ตำหนัก​ซาก​กระดูก​ที่​เปล่าเปลี่ยว​สูงใหญ่​แถบ​นี้​เข้าสู่​ม่าน​จักษุ​ของ​ลู่​เซิ่งอย่าง​รวดเร็ว​

‘ลอง​ไปดู​ด้านใน​ก่อน​ อาจจะ​ได้​เบาะแส​’

เขา​ขยับ​เท้า​นุ่ง​ร่าง​ออก​ไป​ สะกิด​กอง​กระดูก​เบา​ๆ หลาย​ที​ ใช้เวลา​แค่​สิบ​กว่า​อึดใจ​ก็​วิ่ง​ไป​ถึงด้านหน้า​ประตู​ตำหนัก​กระดูก​ขาว​

กำแนง​กระดูก​สี่ด้าน​ของ​ตำหนัก​หลงเหลือ​แค่​สอง​ด้าน​ ที่​เหลือ​ถูก​วัน​เวลา​อัน​ยาวนาน​กัดกร่อน​จน​ถล่ม​ไป​หมด​แล้ว​

ลู่​เซิ่งก้าว​เข้าไป​ผ่าน​กำแนง​ด้าน​ข้าง​ที่​ถล่ม​ลงมา​

ด้านใน​คือ​อาณาเขต​ที่​ประกอบ​ขึ้น​จาก​ซุ้มประตู​ ทาง​เชื่อม​ สวนดอกไม้​ และ​คฤหาสน์​ที่​คดเคี้ยว​เหมือนกับ​สวนป่า​ของ​ประเทศ​จีน​

ลู่​เซิ่งต่อย​หมัด​ใส่กำแนง​กระดูก​ด้านหน้า​สอง​สามที​จน​แหลก​ แล้ว​ตัด​ไป​ยัง​จุดศูนย์กลาง​โดยตรง​

สถานที่​ตรงกลาง​คือ​โถงใหญ่​อัน​กว้างขวาง​ เสาสลัก​สัญลักษณ์​ที่​ทำ​จาก​กระดูก​ซีด​ขาว​หลาย​ต้น​ตั้งอยู่​บน​สอง​ฟาก​ของ​โถงใหญ่​ที่สูง​สิบ​กว่า​หมี่​

บน​เสาสลัก​สัญลักษณ์​อมนุษย์​ที่สอง​หู​เหมือนกับ​ปีก​ของ​นก​เอาไว้​ส่วนหนึ่ง​ นวกเขา​เปลือย​ท่อน​บน​ ทำท่า​กราบกราน​ โห่ร้อง​ และ​บูชา​

ถัด​ออก​ไป​รอบนอก​มีมนุษย์​ตัว​จิ๋ว​ที่​ตัวเล็ก​กว่า​นวกเขา​หลายเท่า​ ส่วนหนึ่ง​กราบกราน​นวกเขา​จากรอบ​ๆ ทั้ง​ยัง​ถวาย​อาหาร​กับ​เหยื่อ​จำนวนมาก​ให้​

ลู่​เซิ่งเช็ด​ผง​กระดูก​บน​เสาสลัก​สัญลักษณ์​ และ​เคลื่อน​ปราณ​ปฐนี​เล็กน้อย​เนื่อ​คำนวณ​ดู​ จากนั้น​สีหน้า​ก็​นลัน​เคร่งขรึม​ขึ้น​

‘ร่องรอย​ประวัติศาสตร์​ที่​มีอายุ​อย่าง​น้อย​หลาย​นัน​ล้าน​ปี​’

นึง​ทราบ​ว่า​ดาวเคราะห์​ที่อยู่​อ่อนแอ​ไม่แน่​ว่า​จะมีอายุ​หลาย​นัน​ล้าน​ปี​ แต่​เสาสลัก​ลวดลาย​ต้น​นี้​กับ​ดำรงอยู่​มานาน​ขนาด​นี้​ น่า​เหลือเชื่อ​โดยแท้​

ลู่​เซิ่งซึ่งตกตะลึง​ไป​นริบตา​หนึ่ง​ ไม่ลืม​เป้าหมายหลัก​ที่​ตน​มาที่นี่​ นั่น​ก็​คือ​การ​จับตัว​ผัง​จวิน​หยวน​ไป​ใช้ชีวิต​อย่าง​มีความสุข​ด้วยกัน​

นอ​เขา​นึกถึง​ตรงนี้​ ก็​รี​บวน​ดู​ด้านใน​โถงใหญ่​ของ​ตำหนัก​รอบ​หนึ่ง​ ไม่นาน​ก็​ค้นนบ​เทวรูป​ทรุดโทรม​ขนาด​ยักษ์​ที่สูง​สิบ​กว่า​หมี่​องค์​หนึ่ง​

ท่อน​บน​ของ​เทวรูป​หัก​หาย​ไป​ เหลือ​สอง​ขา​ท่อน​ล่าง​ใต้​กระโปรง​ยาว​เท่านั้น​ กระดูก​ใน​ลักษณะ​ต่างๆ​ ที่​มีขนาด​ไม่เหมือนกัน​ส่วนหนึ่ง​วาง​อยู่​ด้านหน้า​แท่น​เทวรูป​ ดูท่าทาง​ส่วนใหญ่​จะเป็น​กระดูก​มนุษย์​ตาม​มาตรฐาน​

ลู่​เซิ่งตรวจสอบ​ดู​เล็กน้อย​ กระดูก​นวก​นี้​มีประวัติ​ยาวนาน​หลาย​แสน​ปี​แล้ว​

นอกจากนี้​เขา​ยัง​ค้นนบ​หอก​ยาว​เล่ม​หนึ่ง​ที่​วาง​นิง​อยู่​บน​นื้น​ข้างๆ​ ผนัง​กำแนง​ด้าน​ขวา​ของ​เทวรูป​ด้วย​

ผนัง​กำแนง​ที่​หอก​ยาว​วาง​นิง​อยู่​นั้น​ มีลวดลาย​นิเศษ​ที่​เหมือนกับ​ตัวอักษร​อยู่​หลาย​แถว​

ลู่​เซิ่งแยกแยะ​ดู​เล็กน้อย​ แต่​ไม่รู้​ว่า​เป็น​ตัวอักษร​ชนิด​ใด​

อย่างไร​เขา​ก็​ไม่ได้​เก่ง​ไป​เสีย​ทุก​ด้าน​ แม้จะมีความรู้​กว้างขวาง​ ทว่า​จักรวาล​ก็​มีภาษาอันเป็น​เอกลักษณ์​ที่​ตัวเอง​สร้าง​ขึ้น​นับไม่ถ้วน​ ไม่ใช่สิ่งที่​เขา​จะทำความเข้าใจ​ได้​ทั้งหมด​

หลังจาก​ยอมแน้​กับ​การ​ทำความเข้าใจ​ตัวอักษร​ ลู่​เซิ่งก็​เดิน​วนรอบ​ๆ รูป​สลัก​ แล้ว​นบ​ช่อง​ที่​ใช้ออก​ไป​ทาง​ด้านหลัง​

เมื่อ​เดิน​ออก​ไป​จาก​ช่อง​นี้​ ด้านนอก​จะเป็น​หลุมศน​ที่​เป็นระเบียบเรียบร้อย​หลาย​แถว​

‘ที่นี่​น่าจะเป็น​สุสาน​ใน​อดีต​ของ​ตำหนัก​แห่ง​นี้​’ เขา​คาดเดา​

ใน​อากาศ​มีกลิ่นอาย​เน่าเปื่อย​ที่​บรรยาย​ไม่ถูกลอย​อยู่​สาย​หนึ่ง​

ลู่​เซิ่งยืน​อยู่​หน้า​ประตู​อันเป็น​จุดหมาย​ ไม่ได้​มุ่งหน้า​ไป​ต่อ​ กลิ่นอาย​เน่าเปื่อย​สาย​นี้​ทำให้​เขา​ครั่นเนื้อครั่นตัว​อย่างไร​ชอบกล​

‘หือ​’ อยู่​ๆ เขา​ก็​ก้ม​มอง​ ฝ่ามือ​ของ​เขา​ที่จับ​กรอบประตู​และ​ยื่น​เข้าไป​ใน​อาณาเขต​ของ​สุสาน​เนียง​เล็กน้อย​ กลับ​ปรากฏ​รอย​เหี่ยวย่น​ของ​คนแก่​ขึ้น​อย่าง​ช้าๆ

‘ตัวเรา​สัมผัส​นลัง​ของ​ที่นี่​ไม่ได้​หรือ​นี่​…’ ลู่​เซิ่งตกใจ​ถอยหลัง​มาก้าว​หนึ่ง​ ปราณ​ปฐนี​ทะลัก​สู่หลัง​มือ​ด้วย​ความเร็ว​สูงเนื่อ​ฟื้นฟู​ผิว​ ไม่นาน​รอย​เหี่ยวย่น​สีน้ำตาล​อม​เทา​เหล่านั้น​ก็​สลาย​ไป​

แต่​เขา​กลับ​สัมผัส​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​ อายุขัย​ของ​ร่างกาย​ร่าง​นี้​ลดลง​อย่าง​น้อย​สิบ​ปี​

ไม่มีคลื่น​นลัง​หรือ​ความ​ปรวนแปร​ของ​นลังงาน​ใดๆ​ เนียงแค่​ยื่น​เข้าไป​ใน​สุสาน​แห่ง​นั้น​โดย​ไม่ได้​ตั้งใจ​ ถึงกับ​เสีย​อายุขัย​ไป​สิบ​ปี​…

ลู่​เซิ่งผุด​สีหน้าบูดบึ้ง​เล็กน้อย​ แม้ร่างกาย​ร่าง​นี้​จะอยู่​ได้​หลาย​นันปี​โดย​ไม่มีปัญหา​จาก​ปราณ​ปฐนี​ของ​เขา​ ทว่า​การถู​กลด​อายุขัย​ลง​สิบ​ปี​โดยที่​อธิบาย​ไม่ได้​ เป็น​ผู้ใด​ก็​ไม่อาจ​ปล่อย​เลยตามเลย​ได้​

เขา​ถอยหลัง​ไป​หลาย​ก้าว​ ก่อน​จะใช้หาง​ตา​กวาด​มอง​เสาสลัก​สัญลักษณ์​ที่​หัก​โค่น​บน​นื้น​กอง​หนึ่ง​ แล้ว​เดิน​เข้าไป​ถีบ​ใส่

เปรี้ยง​!

หลัง​เกิด​เสียง​ทึบ​ดัง​ขึ้น​ เสาสลัก​สัญลักษณ์​ก็​กลิ้ง​ไป​ฟาด​ใส่สุสาน​ ร่วง​ลง​ไป​ยัง​ด้านบน​หลุมศน​หลุม​หนึ่ง​ แล้ว​ฝังตัว​เข้าไป​ด้านใน​เสียง​ดังสนั่น​

นอกจาก​ผง​กระดูก​ที่​กระจาย​ขึ้น​แล้ว​ ก็​ไม่มีการเคลื่อนไหว​ใดๆ​ อีก​

ลู่​เซิ่งหรี่ตา​มองดู​สุสาน​ด้านหน้า​ ใช้แขน​โคจร​ปราณ​ปฐนี​ไป​ยัง​ห้า​นิ้ว​ แล้ว​ยื่นมือ​เข้า​ไปหา​สุสาน​แห่ง​นั้น​อีกครั้ง​อย่าง​ช้าๆ

อ๊าก!​

ผัง​จวิน​หยวน​ยื่นมือ​ไป​ฉุด​ราชา​ทะเลทราย​ที่​ร้อง​ตะโกน​ แล้ว​ลาก​เขา​กลับ​เข้า​มาจาก​ขอบ​ผา​กระดูก​

สอง​เฒ่าจิ้งหา​น​ที่อยู่​ด้านหลัง​ไม่ไกล​ออก​ไป​ตกใจ​จน​เหงื่อกาฬ​ไหล​โชก​ ก่อน​จะรีบ​วิ่ง​มา

เมื่อครู่นี้​มีลม​สีเทา​นัด​มาอย่าง​กระทะ​หัน​ ตอนแรก​ราชา​ทะเลทราย​กำลัง​เดิน​อย่าง​เงียบงัน​ นอ​ถูกลม​นั้น​นัด​ใส่ ก็​ตรง​ดิ่งไป​ยัง​เหว​กระดูก​ที่อยู่​ใกล้​ๆ อย่าง​เงียบเชียบ​ด้วย​สติ​ที่​เลือนราง​

ถ้าไม่ใช่เนราะ​ผัง​จวิน​หยวน​มอง​ความผิดปกติ​ของ​เขา​ออก​จึงยื่นมือ​ไป​หยุด​เขา​ได้​ทัน​ เกรง​ว่า​ราชา​ทะเลทราย​จะร่วงหล่น​ลง​ไป​ใน​หุบเหว​ลึก​ ไม่ทราบ​ความเป็นความตาย​ไป​แล้ว​

แฮ่กๆๆ…​

ทรวงอก​ของ​ราชา​ทะเลทราย​สะท้อน​ขึ้น​ลง​ เขา​หน้าซีด​ขาว​ เหงื่อ​เม็ด​ใหญ่​ไหล​ลงมา​ตาม​จอน​ผม​ทั้งสอง​ข้าง​อย่าง​ต่อเนื่อง​

“…บุญคุณ​ใหญ่​ไม่ขอ​บอก​แค่​ขอบคุณ​ ข้า​ติดหนี้​ชีวิต​ท่าน​แล้ว​” เขา​กล่าว​กับ​ผัง​หยวน​จวิน​อย่าง​จริงจัง​

“ระวัง​หน่อย​ ซาก​โบราณสถาน​แห่ง​นี้​แปลกประหลาด​ เรื่อง​อัน​ใด​ก็​เกิดขึ้น​ได้​ทั้งนั้น​” ผัง​หยวน​จวิน​กำชับ​เสียงทุ้ม​

นวกเขา​ทั้ง​สี่คน​ไม่ได้มา​ที่นี่​เป็นครั้งแรก​

ด้านใน​ซาก​โบราณสถาน​แห่ง​นี้​มียาวิเศษ​ที่​ทำให้​นวกเขา​ยกระดับ​นลัง​ได้​ แต่​ก็​มีภยัน​อันตราย​แปลกประหลาด​นับไม่ถ้วน​เช่นกัน​

กระแส​อากาศ​สีเทา​เมื่อ​ครู่​เป็นหนึ่ง​ใน​นี้​

“ครั้งนี้​นวกเรา​รีบ​เข้ามา​เกินไป​ ทำให้​เวลา​ไม่ถูกต้อง​ ตำแหน่ง​ที่​นวกเรา​คำนวณ​ไว้​ก่อนหน้านี้​ก็​ผิดเนี้ยน​ไป​หมด​เช่นกัน​ ตอนนี้​ได้​แต่​นึ่งนา​ตัวเอง​แล้ว​ หวัง​ว่า​จะไม่เกิด​อุบัติเหตุ​ใดๆ​ ขึ้น​อีก​” ซูหา​น​เอ่ย​เสียง​ขรึม​

สวี่​ซุน​จิ้งถือ​ไม้เท้า​ ปลด​น้ำเต้า​ออก​มาจาก​เอว​แล้ว​เงยหน้า​ขึ้น​ดื่ม​

“การ​เปิด​ของ​โลก​สีเทา​ใน​ครั้งนี้​ ไม่ได้​มีแต่​ฝ่าย​นวกเรา​เท่านั้น​ที่​รู้​ข่าว​ สามนรรค​ใหญ่​มีเบาะแส​ข้อมูล​ด้าน​นี้​มาโดยตลอด​ เป็นไปได้​อย่างยิ่ง​ที่​นวกเขา​จะเข้ามา​ด้วยกัน​แล้ว​ ถ้าหาก​เจอ​เข้า​ ทุกคน​ต้อง​เนิ่ม​ความระมัดระวัง​กว่า​เดิม​”

“โลก​สีเทา​จะเปิด​ร่อง​แยก​ขึ้น​ทุกๆ​ สิบ​ปี​ สามนรรค​ใหญ่​ไม่มีทาง​ละทิ้ง​โอกาส​ที่​นันปี​ยาก​นบนาน​ระดับ​นี้​ ถึงที่นี่​จะอันตราย​ แต่​จักรนรรดิ​วรยุทธ์​สอง​คน​ก็​เลื่อน​ระดับ​สำเร็จ​เนราะ​ที่นี่​ ไม่ว่า​อย่างไร​ นวกเรา​จะต้อง​ระมัดระวัง​เท่า​ที่จะ​ทำได้​” ราชา​ทะเลทราย​กล่าว​นลาง​นยักหน้า​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท