บทที่ 778 เบาะแส (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ทุกอย่าง​ถูก​จัดการ​อย่าง​มีลำดับ​ขั้นตอน​ ลู่​เซิ่งไม่มีห่วง​อะไร​อีกแล้ว​

เขา​มองดู​โลก​สีเทา​รอบข้าง​เป็น​ครั้งสุดท้าย​ ขณะ​กำลังจะ​นั่งลง​บน​ค่าย​กล​เพื่อ​จากไป​ ก็​พลัน​สัมผัส​อะไร​บางอย่าง​ได้​ จึงชะงัก​เล็กน้อย​

‘อย่างไร​ก็​ใกล้​จะจากไป​แล้ว​ เกรง​ว่า​ต่อจากนี้​จะไม่มีโอกาส​มาที่นี่​อี​ก.​..ถ้าอย่างนั้น​…’ เขา​ใคร่ครวญ​พร้อมกับ​ค่อยๆ​ หันไป​มอง​ส่วนลึก​ของ​โลก​สีเทา​

‘ลองดู​ก็แล้วกัน​…’

ลู่​เซิ่งนิ่ง​ไป​สักพัก​ ก่อน​จะเก็บ​ค่าย​กล​และ​เอื้อมมือ​ออกมา​อย่าง​ฉับพลัน​

ตึก​ ตึก​

เสียง​หัว​ใจเต้น​ทุ้ม​หนัก​พลัน​ดัง​ออก​มาจาก​ตัว​เขา​

เสียง​หัว​ใจเต้น​นี้​สั่นสะเทือน​ให้​อากาศ​รอบตัว​เขา​กระเพื่อม​เป็น​ลูกคลื่น​เล็กน้อย​ คลื่นเสียง​แผ่ว​ต่ำ​แผ่ขยาย​ไป​ยัง​พื้น​กระดูก​โดยรอบ​ด้วย​ความเร็ว​สูง

เพียงแค่​ชั่ว​ขณะนั้น​ กระดูก​ทั้งหมด​ที่อยู่​ใน​รัศมี​หลาย​หมื่น​ลี้​ก็​สั่นสะเทือน​

ตึก​ ตึก​

มีเสียง​หัว​ใจเต้น​ดัง​มาเป็น​รอบ​ที่สอง​

ร่างกาย​ของ​ลู่​เซิ่งใน​ตอนนี้​เริ่ม​พอง​ขยาย​และ​เปลี่ยน​รูปร่าง​แล้ว​

กาย​เนื้อที่​ไป​ถึงระดับ​จักรพรรดิ​วรยุทธ์​แล้ว​ของ​เขา​กำลัง​ถูก​ปราณ​ปฐพี​จำนวนมาก​หลั่งไหล​เข้าไป​ พลัง​อัน​น่า​ สะพรึง​มหาศาล​เสีย​จน​เกิน​จินตนาการ​สาย​นั้น​ไหล​ทะลัก​เข้าไป​ใน​ร่างกาย​ของ​เขา​ด้วย​ความเร็ว​ราวกับ​น้ำทะเล​สาด​ซัด​

“ด้วย​นาม​ของ​ข้า​ หมื่น​ปราณ​จงสยบ​” มือ​ลู่​เซิ่งเอื้อม​ออก​ไป​พลัน​ระเบิด​กลายเป็น​เศษเลือดเนื้อ​ดัง​โผละ​ ปราณ​ปฐพี​ที่​น่ากลัว​เหลือประมาณ​ทำให้​กาย​เนื้อ​ของ​เขา​ระเบิด​ด้วย​ไม่อาจ​ยัน​รับ​ไหว​

ต่อ​จาก​แขน​ก็​คือ​สอง​ขา​ จากนั้น​ก็​เป็น​ลำคอ​และ​ท้ายทอย​

สุดท้าย​ค่อย​เป็น​กะโหลก​

เปรี้ยง​!

ไม่เกิน​สิบ​กว่า​อึดใจ​ ร่างกาย​ที่​เดิม​มีชื่อว่า​ผัง​ซือเฉิง​ก็​แหลก​สลาย​โดย​สมบูรณ์​ กลายเป็น​ก้อน​เนื้อ​ขนาด​ยักษ์​สีแดงเข้ม​ที่​ขยับ​ข​ยุ​ก​ขยิบ​ก้อน​หนึ่ง​

ก้อน​เนื้อ​เต้น​ช้าๆ เหมือนกับ​หัว​ใจเต้น​

เงาสีดำ​ผืน​ใหญ่​ราวกับ​น้ำหมึก​เริ่ม​แผ่ขยาย​ออก​ไป​ โดย​มีก้อน​เนื้อ​เป็น​ศูนย์กลาง​ เงามืด​ดุจ​น้ำหมึก​พวก​นี้​ราวกับ​จะกลืน​กิน​ทุกสิ่ง​ ปกคลุม​ทุกอย่าง​ ไม่ว่า​จะเป็น​กระดูก​หรือ​ศพ​แมลงวัน​ ทุกสิ่งทุกอย่าง​ถูก​ย้อม​เป็น​สีดำ​จน​หมด​

‘ขอ​ดู​หน่อย​เถอะ​ว่า​ความจริง​แท้​ของ​โลก​ใบ​นี้​คือ​อะไร​กัน​แน่​…’ ก้อน​เนื้อที่​เปลี่ยน​มาจาก​ลู่​เซิ่งแยก​ออก​อย่าง​ฉับพลัน​

ด้านใน​มีสัตว์ประหลาด​สามหน้า​มีหางยาว​ขนาด​ยักษ์​ขดตัว​อยู่​

เนื้อ​เชื่อม​ติดกัน​ดัง​แหมะ​ๆ เลือดเนื้อ​จำนวนมาก​ปรากฏ​ขึ้น​กลางอากาศ​ ผสม​กับ​เลือดเนื้อ​ที่คงอยู่​ของ​ก้อน​เนื้อ​ ก่อน​จะกลายเป็น​จาน​เลือดเนื้อ​หมุน​วน​อย่าง​ช้าๆ ด้าน​หลังเขา​

“อ๊าก!”​

ลู่​เซิ่งเงยหน้า​กรีดร้อง​

คลื่นเสียง​ที่​น่ากลัว​กลายเป็น​คลื่น​สั่นสะเทือน​กึ่ง​โปร่งแสง​ที่​จับต้อง​ได้​ แล้ว​ระเบิด​ไป​ทั่ว​อย่าง​บ้าคลั่ง​โดย​มีเขา​เป็น​ศูนย์กลาง​

คลื่น​เหมือนกับ​คลื่น​น้ำ​กลุ่ม​ใหญ่​บดขยี้​กระดูก​ทั้งหมด​บน​พื้น​โดยรอบ​จน​แหลกลาญ​ จากนั้น​ก็​แผ่ขยาย​ไป​ยัง​ที่​ไกล​แสน​ไกล​ด้วย​ความเร็ว​สูง

เลือดเนื้อ​จำนวนมาก​รวมตัว​ด้านหลัง​ลู่​เซิ่ง ปีก​เนื้อ​ขนาด​ยักษ์​คู่​หนึ่ง​งอก​ออกมา​อย่าง​รวดเร็ว​ เขา​กระพือปีก​เบา​ๆ และ​พุ่ง​ขึ้น​ฟ้า ก่อน​จะโถมตัว​เข้าไป​ยัง​ส่วนลึก​ของ​โลก​สีเทา​

เขา​รวดเร็ว​เป็นอย่างมาก​ แม้จะไม่เร็ว​เท่า​แสง แต่​ก็​เร็ว​ถึงวินาที​ละ​หลาย​สิบ​กง​ห​ลี่​

ความเร็ว​นี้​มาก​พอที่จะ​สลัด​หลุด​จาก​แรงโน้มถ่วง​ของ​ดาวเคราะห์​ส่วนใหญ่​ได้​แล้ว​

นี่​เป็นหนึ่ง​ใน​ความสามารถ​เหาะ​เหิน​ขั้นพื้นฐาน​ของ​ผู้ยิ่งใหญ่​มายา​พิศวง​

คน​ที่​อ่อนแอ​ที่สุด​ใน​หมู่​ผู้ยิ่งใหญ่​มายา​พิศวง​ระดับ​ที่​ถูก​เรียก​ว่า​ผู้ทำลาย​ดวงดาว​ได้​ ล้วน​ระเบิด​ความเร็ว​ที่​น่ากลัว​ระดับ​นี้​ออกมา​ได้​ทั้งสิ้น​

ยิ่ง​อย่า​ว่าแต่​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​อย่าง​ลู่​เซิ่ง ความเร็ว​นี้​ถึงขึ้น​เหนือกว่า​ขีดจำกัด​ของ​ตัว​เขา​ไป​แล้ว​

แค่​กระพือปีก​ครั้ง​เดียว​ ทิวทัศน์​ด้านหน้า​เขา​ก็​เปลี่ยนแปลง​ ก้าว​ข้าม​ระยะห่าง​หลาย​หมื่น​หมี่​ใน​ชั่ว​อึดใจ​

ทว่า​โลก​สีเทา​ใน​อีก​หลาย​หมื่น​หมี่​ยังคง​เป็น​กระดูก​ที่​ไร้​สิ้นสุด​อยู่ดี​

‘โลก​เริ่ม​กีดกัน​แล้ว​…’ ลู่​เซิ่งขมวดคิ้ว​ฉับ​ สัมผัส​ได้​แล้ว​ว่า​โลก​ใบ​นี้​เริ่ม​ปฏิเสธ​ตัวตน​ที่​น่ากลัว​ซึ่งไม่ได้​เป็น​ของ​ที่นี่​แล้ว​

‘นี่​คือ​ปัญหา​ใน​การ​ใช้พลัง​ที่​ไม่ใช่ของ​ที่นี่​…แต่​การ​ใช้เวลา​ที่​เหลืออยู่​น้อย​นิด​มาค้น​ที่นี่​ก็​อาจ​ทำให้​ได้รับ​เบาะแส​ส่วนหนึ่ง​เหมือนกัน​’

ลางสังหรณ์​บอก​เขา​ว่า​ เป็นไปได้​อย่างยิ่ง​ที่​โลก​สีเทา​ใบ​นี้​จะไม่ธรรมดา​สามัญ

ใน​เมื่อ​ยืนยัน​เป้าหมาย​ได้​แล้ว​ ลู่​เซิ่งก็​กระพือปีก​เคลื่อนไหว​เร็ว​ดั่ง​สาย​ฟ้าแลบ​

เขา​บิน​ไป​ยัง​ส่วนลึก​อย่าง​บ้าคลั่ง​โดย​ไม่หยุดยั้ง​ แต่​นอกจาก​กระดูก​แล้ว​ ด้านหน้า​ก็​มีแต่​กระดูก​ ท้องทะเล​กระดูก​สีขาว​อม​เทา​ไม่มีขอบเขต​ราวกับ​ไร้​ที่​สิ้นสุด​

ความแตกต่าง​เพียง​หนึ่งเดียว​ก็​คือ​ ลึก​ลง​ไป​ระหว่าง​กระดูก​ จะเจอ​สัตว์ประหลาด​ที่​มีพลัง​แข็งแกร่ง​กว่า​เดิม​ได้​ส่วนหนึ่ง​

แต่​สำหรับ​ลู่​เซิ่งร่าง​หลัก​แล้ว​ สัตว์ประหลาด​พวก​นี้​เป็น​เพียง​หนอน​แมลง​ไร้ค่า​ ยัง​ไม่ทัน​เข้าใกล้​สนาม​พลัง​คุ้มกัน​ของ​เขา​ พวก​มัน​ก็​ถูก​บดขยี้​เป็น​ชิ้นๆ​ แล้ว​

บิน​อยู่​เกือบ​ครึ่ง​ชั่วโมง​กว่า​ๆ การ​สะกด​และ​การกีดกัน​ของ​โลก​เริ่ม​รุนแรง​ขึ้น​เรื่อยๆ​

ความเร็ว​ของ​ลู่​เซิ่งได้รับ​ผลกระทบ​อย่าง​หนักหน่วง​ มิติ​รอบตัว​ปรากฏ​การ​บิดเบี้ยว​อย่าง​ฉับพลัน​ตลอดเวลา​

‘น่าเสียดาย​…ได้เวลา​แล้ว​…’ ลู่​เซิ่งมอง​ทะเล​กระดูก​ไร้​ขอบเขต​อย่าง​ค่อนข้าง​เสียดาย​ โลก​ใบ​นี้​ไม่ธรรมดา​เหมือน​ที่​คิด​ไว้​จริงๆ​ เมื่อ​ครู่​เขา​บินวน​โดยรอบ​ ซึ่งหาก​เป็น​โลก​ใบ​อื่น​คงจะ​บิน​ครบรอบ​ไป​แล้ว​ แต่​ที่นี่​กลับ​ไม่เปลี่ยนแปลง​แม้แต่น้อย​

‘ต้อง​กลับ​แล้ว​’ ลู่​เซิ่งมอง​ร่อง​แยกสี​ดำ​ที่​ค่อยๆ​ เปิด​ออก​ด้านหน้า​ตน​ เขา​กาง​ค่าย​กล​อี​กรอบ​ และ​ตั้ง​พิกัด​กลับ​ไป​

ไม่นาน​ค่าย​กล​หวนกลับ​ก็​เสร็จ​สมบูรณ์​

ลู่​เซิ่งที่นั่ง​ใน​ค่าย​กล​เริ่ม​การข้าม​มิติ​โดย​ใช้ร่าง​หลัก​เป็น​แกนกลาง​ครั้งแรก​

แสงสีแดง​ที่​เหมือนกับ​เลือด​จำนวนมาก​กระจาย​ออกมา​ตาม​ลวดลาย​ค่าย​กล​ พวก​มัน​สาด​แสงขึ้น​ตาม​ลวดลาย​หลาย​สาย​แล้ว​รวมตัวกัน​ด้านหน้า​ลู่​เซิ่ง

ซู่!

แสงสีแดง​พุ่ง​ขึ้น​ด้านบน​ แล้ว​กวาด​ช่อง​ช่อง​หนึ่ง​กลางอากาศ​เหมือนกับ​หอก​ยาว​ กลายเป็น​ร่อง​แยก​สีเทา​เส้น​หนึ่ง​

ลู่​เซิ่งกลายร่าง​เป็น​แสงสีเทา​กลุ่ม​หนึ่ง​พุ่ง​หาย​เข้าไป​ใน​ร่อง​แยก​อย่าง​ฉับพลัน​โดย​ไม่ลังเล​

ณ โลก​มาร​สวรรค์​ ดาว​เงาพริบตา​

ด้านใน​ถ้ำใต้ดิน​ขนาด​มหึมา​

ใจกลาง​ค่าย​กล​ที่​หนาแน่น​และ​ซับซ้อน​ผืน​หนึ่ง​ ลำแสง​สีแดง​ไหลเวียน​ดุจ​สายฟ้า​ฟาด​ ตามมา​ด้วย​เสียง​อัสนี​บาต​และ​เสียง​ระเบิด​ดัง​เปรี๊ยะ​ๆ ร่อง​แยก​สีเทา​เหนือ​ค่าย​กล​ขยายตัว​ออก​โดยพลัน​

แสงสีเหลือง​สาย​หนึ่ง​พุ่ง​ออก​มาจาก​ด้านใน​ดุจ​สาย​ฟ้าแลบ​ แล้ว​ทิ้งตัว​ลง​บน​พื้น​ กลายเป็น​สิ่งมีชีวิต​ประหลาด​ที่​มีหางยาว​สามหน้า​

สัตว์ประหลาด​ตัว​นี้​หลอมละลาย​ร่าง​อย่าง​รวดเร็ว​ ไม่นาน​ก็​กลับ​กลายเป็น​รูปลักษณ์​ปกติ​ของ​ลู่​เซิ่ง

‘อืม​…ความรู้สึก​นี้​…อึดอัด​มาก.​..รู้สึก​ไม่สบาย​ตัว​สุด​ๆ ถูก​บังคับ​ดีด​ออกมา​ ร่างกาย​ติดขัด​ชอบกล​’ ลู่​เซิ่งขมวดคิ้ว​ขณะ​สัมผัส​กับ​ความรู้สึก​ที่​ถูก​บังคับ​ให้​ออกมา​

ไม่นาน​บัน​ไซ่กับ​ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​ที่​ได้ยิน​เสียง​ก็​วิ่ง​มาจาก​ด้านใน​ตำหนัก​ใต้ดิน​ พวกเขา​ผลัก​ประตู​เปิด​ พอ​บัน​ไซเห็น​ลู่​เซิ่งกลับมา​อย่าง​ปลอดภัย​ ใบ​หน้าที่​เคร่งเครียด​ก็​ระบาย​ลมหายใจ​อย่าง​โล่งอก​

“อันตราย​จริง​เชียว​!” เขา​พูด​เสียงดัง​อย่าง​ดีใจ​

ลู่​เซิ่งงงงวย​ มองตาม​สายตา​ของ​บัน​ไซ่ พลัน​พบ​ว่า​ศิลา​แหล่งพลังงาน​ที่​เป็น​ผลึก​สีดำ​เหลือ​เพียง​ขนาด​เท่า​กำปั้น​เท่านั้น​

ผลึก​สีดำ​หลาย​แท่ง​ที่สูง​ครึ่ง​กว่า​หมี่​ ถึงกับ​ถูก​ผลาญ​พลังงาน​จน​เหลือ​แค่นี้​ เห็นได้ชัด​ว่า​ค่าย​กล​จุติ​ครั้งนี้​สิ้นเปลือง​แหล่งพลังงาน​ขนาด​ไหน​

พอ​เห็นภาพ​นี้​ ลู่​เซิ่งก็​หวาดเสียว​ขึ้น​มาบ้าง​แล้ว​

อันตราย​จริงๆ​ ถ้าหาก​ผลึก​หมด​พลัง​ เขา​จะต้อง​ค้นหา​อยู่​ใน​กระแส​วังวน​มิติ​เวลา​นาน​เท่าไร​ไม่ทราบ​กว่า​จะกลับ​มายัง​โลก​มาร​สวรรค์​ได้​

หลังจาก​สูญเสีย​พิกัด​ ต่อให้​เป็น​เขา​ ก็ได้​แต่​สุ่มเดา​ใน​กระแส​วังวน​มิติ​เวลา​เช่นกัน​

“ข้า​ไป​กี่​วัน​” พอ​ลู่​เซิ่งเห็น​บัน​ไซกับ​ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​มาก็​รีบ​ถาม

“ยัง​ไม่ถึงสามวัน​เลย​ขอรับ​ใต้เท้า​” บัน​ไซรีบ​ตอบ​ สำหรับ​ลู่​เซิ่งคือ​ไปมา​นาน​ แต่​สำหรับ​พวกเขา​เพิ่ง​ได้​เจอ​นาย​ท่าน​มาเมื่อ​ไม่กี่​วันก่อน​ ย่อม​ไม่ได้​รำพึงรำพัน​อะไร​

“แต่ว่า​กัน​ตามจริง​ พวกเรา​ต้องการ​ผลึก​พลังงาน​ที่​ดีกว่า​เดิม​แล้ว​” เขา​ชี้ผลึก​ดำ​ที่​หลง​เหลืออยู่​ไม่มาก​ แล้ว​บอกเป็นนัย​ๆ

“ผลึก​พลัง​งาน.​..” ลู่​เซิ่งวางแผน​ว่า​จะหา​ซื้อ​จาก​สำนัก​นที​คราม​ก่อน​ อาจจะ​หา​ผลึก​จำนวนมาก​พอ​จาก​พวกเขา​ได้​

“นี่​เป็น​ผลึก​คุณภาพดี​ที่สุด​ที่​พวกเรา​หา​ซื้อ​ได้​จาก​ใน​ตลาด​แล้ว​ ต่อจากนี้​เรา​จะยื่น​เรื่อง​กับ​สำนัก​นที​คราม​ จะว่า​ไป​ข้า​ยัง​ไม่ได้​ไป​เอา​เงินเดือน​ผู้อาวุโส​นอก​เลย​ เปลี่ยน​เนื้อหา​ที่จะ​ยื่น​เรื่อง​ได้​พอดี​”

ลู่​เซิ่งเอ่ย​เสียงต่ำ​

จากนั้น​เขา​ก็​เดินลง​จาก​ค่าย​กล​ ผลึก​ดำ​ด้านหลัง​พลัน​ส่งเสียง​โผละ​ระเบิด​แหลกลาญ​จน​หมด​

ลู่​เซิ่งพา​ทั้งสอง​คน​มานั่ง​ใน​โถงพักผ่อน​

“สอง​สามวัน​มานี้​มีระดับสูง​ของ​สำนัก​นที​คราม​มาหา​ข้า​ไหม​”

“ไม่มีเจ้าค่ะ​ แต่ว่า​กัน​ว่า​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​กับ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ทำสงคราม​กัน​ย่อมๆ​ ต่าง​บาดเจ็บ​ล้มตาย​กัน​ทั้งสองฝ่าย​เจ้าค่ะ​”

ทัวห​ลัน​ปา​เฮ่อ​ตอบ​ “นอกจากนี้​ ไม่ทราบ​ว่า​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ไปหา​ทัพ​สนับสนุน​มากมาย​มาจาก​ไหน​ ศพ​จาก​ทัพ​สนับสนุน​พวก​นั้น​ถูก​ส่งมาที่นี่​ส่วนหนึ่ง​เพื่อให้​ท่าน​ตรวจสอบ​ด้วย​เจ้าค่ะ​”

บัน​ไซอด​สอด​ปาก​ขึ้น​ไม่ได้​ “ไม่มีคำ​อนุญาต​จาก​ใต้เท้า​ท่าน​ ข้า​ก็​ไม่กล้า​ชันสูตรศพ​เหล่านั้น​ ได้​แต่​ดู​เปลือกนอก​ ตาม​รูปลักษณ์ภายนอก​และ​ประเภท​พลังงาน​ที่​กะพริบ​แล้ว​ ใต้เท้า​ ข้า​ว่า​ศพ​พวก​นั้น​เหมือนกับ​ผลิตผล​ระหว่าง​วิญญาณ​ร้าย​และ​เลือดเนื้อ​มาก​เลย​”

“วิญญาณ​ร้าย​หรือ​” ลู่​เซิ่งขมวดคิ้ว​

จักรวาล​วิญญาณ​ร้าย​คือ​มิติ​เวลา​ที่อยู่​ใกล้ชิด​กับ​โลก​มาร​สวรรค์​ จึงมัก​มีวิญญาณ​ร้าย​บุกรุก​มาจาก​ทาง​ด้าน​นั้น​ หมาย​จะกิน​ชีวิต​จำนวนมาก​ของ​ที่นี่​อยู่​เสมอ​

แม้เขา​จะไม่ได้​ต่อสู้​กับ​จักรพรรดิ​รัตติกาล​ตรงๆ​ แต่​ก็​ทราบ​ว่า​การดำรงอยู่​พวก​นี้​ไม่ได้​อ่อนแอ​

ต่อให้​ตอนนี้​เขา​จะสำเร็จ​เป็น​มาร​สวรรค์​ และ​ยืน​อยู่​ใน​ระดับชั้น​สูงสุด​ของ​เขต​ดาว​นี้​แล้ว​ก็ตาม​ แต่​เมื่อ​เผชิญหน้า​กับ​วิญญาณ​ร้าย​ ก็​ยังคง​ไม่แน่ใจ​ว่า​จะเอาอยู่​

“อย่า​เพิ่ง​ไป​สนใจ​เรื่อง​พวก​นี้​ เจ้าศึกษา​สัมผัส​ตราประทับ​มิติ​เวลา​ต่อ​ครอบครัว​ข้า​เป็น​อย่างไรบ้าง​แล้ว​ นอกจากนี้​ข้า​ยัง​ได้​บอก​ก่อน​ไป​ว่า​จะตรวจสอบ​พลัง​ฝึกปรือ​ของ​พวก​เจ้า สอง​เรื่อง​นี้​จัดการ​แล้ว​ใช่หรือไม่​” ลู่​เซิ่งถาม

แม้เป้าหมาย​ของ​เขา​จะเป็นการ​กำจัด​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ แต่​การ​ตามหา​ครอบครัว​ ตามหา​ลู่​หนิง​ ก็​เป็น​อีก​หนึ่ง​ใน​เป้าหมาย​ใหญ่​ของ​เขา​เช่นกัน​

“จริง​สิ จะว่า​ไป​ ตราประทับ​ครอบครัว​ของ​ท่าน​พอ​จะมีเบาะแส​ด้าน​ทิศทาง​มิติ​เวลา​คร่าวๆ​ แล้ว​ขอรับ​” พอ​บัน​ไซพูดถึง​เรื่อง​นี้​ก็​ตบ​ศีรษะ​ ใน​ฐานะ​นักวิจัย​ เขา​ยึดติด​ถึงขั้น​เกือบ​ลุ่มหลง​ใน​ระบบ​พลังงาน​ของ​ค่าย​กล​และ​ลวดลาย​อักขระ​

และ​ภารกิจ​ที่​ลู่​เซิ่งมอบให้​กับ​เขา​ ก็​คือ​การ​ตามหา​ครอบครัว​ที่​พลัด​หลง​หายสาบสูญ​ไป​ใน​กระแส​วังวน​มิติ​เวลา​อัน​กว้างใหญ่​ไพศาล​

เรื่อง​นี้​กระตุ้น​ความสนใจ​ใน​การวิจัย​ของ​เขา​อย่าง​ใหญ่หลวง​ ใน​ฐานะ​สุดยอด​อัจฉริยะ​ที่​แม้แต่​ดี​ป​บลู​ก็​ไม่อาจ​สร้าง​พรสวรรค์​ซ้ำได้​ บัน​ไซมีความสามารถ​ที่​น่ากลัว​ใน​ด้าน​นี้​

“มีเบาะแส​แล้ว​หรือ​!?” เดิมที​ลู่​เซิ่งเพียง​ถามไป​อย่างนั้น​ ไม่ได้​คาดหวัง​ใดๆ​ ทั้งสิ้น​ ตอนนี้​กลับ​ได้ยิน​บัน​ไซตอบ​ว่า​ มีเบาะแส​แล้ว​

ร่าง​ของ​เขา​สั่น​ไหว​ สอง​ตา​สาด​แสงสีทอง​เล็ก​ๆ ขึ้น​อย่าง​ฉับพลัน​พร้อมกับ​เพ่งมอง​บัน​ไซ พลัง​สยบ​ที่​ยิ่งใหญ่​ไพศาล​สาย​หนึ่ง​กระจาย​ไป​โดยรอบ​ทันที​ พริบตาเดียว​ก็​แผ่ขยาย​ไป​เป็น​รัศมี​หลาย​หมื่น​ลี้​

พลัง​สยบ​อัน​น่ากลัว​ทำให้​สิ่งมีชีวิต​บน​ดาวเคราะห์​ใน​รัศมี​หลาย​หมื่น​ลี้​พา​กัน​เป็น​อัมพาต​

เสือดาว​สีทอง​ที่​กำลัง​ล่า​เหยื่อ​โซเซ จาก​วิ่ง​สุด​ฝีเท้า​ด้วย​ความเร็ว​สูงพลัน​กลายเป็น​กลิ้ง​หลาย​สิบ​ตลบ​

ละมั่ง​ที่​กำลัง​หนี​อยู่​ด้านหน้า​ควรจะ​ฉวยโอกาส​หนี​ไป​ แต่​ตอนนี้​กลับเป็น​อัมพาต​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​ ส่งเสียง​ครวญคราง​โหยหวน​ ขยับเขยื้อน​ไม่ได้​

ห่าน​ตัว​ใหญ่​จำนวนมาก​ที่​กำลัง​บิน​อยู่​กลาง​ท้องฟ้า​กำลัง​เรียงแถว​เป็น​สัญลักษณ์​หัวลูกศร​พร้อม​บิน​ไป​ยัง​ที่​ไกล​ จู่ๆ ก็​มีคลื่น​พลัง​สยบ​กึ่ง​โปร่งแสง​พุ่ง​ผ่าน​

ปีก​ของ​ห่าน​หลาย​สิบ​ตัว​หยุดนิ่ง​ พวก​มัน​ร่วง​จาก​ท้องฟ้า​ ตกลง​ไป​ใน​ทะเลสาบ​ด้านล่าง​อย่าง​เหม่อลอย​

ตัว​นิ่ม​ที่​กำลัง​ขุด​ถ้ำอยู่​ใต้ดิน​เพียง​พริบตา​ถูก​คลื่น​สยบ​กวาด​ผ่าน​ก็​พลัน​ขด​ตัวอย่าง​รวดเร็ว​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท