บทที่ 788 ขีดจำกัด (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ลู่​เซิ่งแค่​เพิ่งจะ​เข้ามา​ใกล้​ คน​กลุ่ม​นี้​ก็​เกิด​ความ​พลุ่งพล่าน​ใจแล้ว​ ชายฉกรรจ์​ที่​เป็น​ผู้นำ​กำ​ลูกตุ้มเหล็ก​แน่น​ สอง​นัยน์ตา​ตา​แดงก่ำ​ คล้าย​กับ​พร้อม​จะเข้ามา​ฟาด​ลูกตุ้ม​ใส่ทุกเวลา​

“เงียบ​ซะ!” อาจารย์​อา​หวัง​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​แค่น​เสียง​ ศิษย์​ที่อยู่​รอบข้าง​ก้าว​ขึ้นหน้า​ก้าว​หนึ่ง​จัด​เป็น​ค่าย​กล​กระบี่​ขนาดเล็ก​ สภาวะ​คุกคาม​

แม้คน​จาก​ลัทธิ​อสรพิษ​ดำ​จะมีจำนวน​เยอะ​กว่า​ ตอนนี้​กลับ​ถูก​คุกคาม​จน​หายใจ​ติดขัด​เล็กน้อย​ เสียง​จึงค่อย​เบา​ลง​

ลู่​เซิ่งจึงค่อย​มีช่องว่าง​ถาม

“พวก​เจ้ามาทำ​อะไร​ ข้า​รู้จัก​พวก​เจ้าหรือ​” เขา​แสดง​สีหน้า​งุนงง​สับสน​

“ยัง​เสแสร้ง​อีก​!” ชายฉกรรจ์​ที่​เป็น​ผู้นำ​หัวเราะ​เย็นชา​ “ตอนที่​ลอบทำร้าย​ศิษย์​พี่​ภูษาแดง​ทำไม​ถึงไม่เสแสร้ง​เล่า​ ตอนนี้​พอ​เห็น​พวกเรา​มาหา​ถึงที่​กลับ​เสแสร้ง​ น่า​ทุเรศ​จริงๆ​!”

สีหน้า​ของ​ลู่​เซิ่งเย็นชา​ เขา​กวาดตา​มอง​ชายฉกรรจ์​ผู้​นี้​ “ภูษาแดง​ พระ​อาจารย์​ภูษาแดง​หรือ​ ข้า​เนี่ย​นะ​ลอบทำร้าย​เขา​”

“ยัง​เสแสร้ง​อยู่​อีก​!? ศิษย์​พี่​โดน​เจ้าลอบทำร้าย​ระหว่างทาง​ ยัง​ดี​พวกเรา​เจอ​อักษร​เลือด​ที่​ศิษย์​พี่​ทิ้ง​ไว้​ได้​กลางทาง​! ไม่อย่างนั้น​หาก​ผ่าน​ไป​นาน​กว่า​นี้​คงจะ​ตรวจสอบ​ไม่เจอ​ว่า​เป็น​ฝีมือ​ของ​เจ้า เฉินจื่อลัว!?”​

“เช่นนั้น​เจ้าบอก​ข้า​มาสิว่า​ทำไม​ข้า​ต้อง​ลอบทำร้าย​เขา​ด้วย​” แม้จะไม่ทราบ​ว่า​ตัวอักษร​เลือด​มาจาก​ไหน​ แต่​ลู่​เซิ่งไม่มีเวลาว่าง​มาเล่น​เป็น​นักสืบ​กับ​คน​จาก​ลัทธิ​อสรพิษ​ดำ​

“หา​…!” ชายฉกรรจ์​คน​นั้น​พลัน​นิ่งอึ้ง​

“แล้ว​เจ้าเห็นชัด​ไหม​ว่า​อักษร​เลือด​เขียน​ไว้​ว่า​อะไร​” ลู่​เซิ่งถามอีก​

“…เป็น​คำ​ว่า​เฉิน!”​ คน​จาก​ลัทธิ​อสรพิษ​ดำ​พวก​นี้​ต่าง​รู้จัก​ดี​

“คำ​ว่า​เฉิน​คำ​เดียว​ก็​คือ​ข้า​หรือ​ หรือ​จะไม่มีคนอื่น​อีก​” ลู่​เซิ่งถามอย่าง​ไม่ยี่หระ​

“คน​ที่​มีความแค้น​กับ​ศิษย์​พี่​ใน​ช่วง​เวลานี้​มีแต่​เจ้าที่​แซ่เฉิน​ ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้​วจะ​เป็น​ผู้ใด​!?” ชายฉกรรจ์​คน​นั้น​เตรียม​จะอาละวาด​อีกครั้ง​

“ศิษย์​พี่​ภูษาแดง​ของ​เจ้าเป็น​คน​จาก​ลัทธิ​นอกรีต​ เขา​สังหาร​คน​ฆ่าล้าง​ตระกูล​ ข้า​สังหาร​เขา​ถือ​เป็นผล​งานใหญ่​ของ​พรรค​ ทำไม​ข้า​จะไม่ยอมรับ​ผลงาน​ดี​เช่นนี้​เล่า​ พวก​เจ้าบ้า​หรือเปล่า​” ลู่​เซิ่งกล่าว​อีก​

“…”

คน​พวก​นี้​พลัน​สงบ​ลง​เล็กน้อย​ พอ​ลอง​คิดดู​ก็​รู้สึก​ว่า​ถูกต้อง​จริง​

จาก​มุมมอง​ของ​เฉินจื่อลัว​ ถ้าเขา​ฆ่าคน​จริงๆ​ ย่อม​ไม่มีทาง​ไม่ยอมรับ​แน่​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​ผลงาน​ที่​ใช้เพิ่ม​บารมี​ได้​

“กลับ​ไป​คิด​ให้​ดี​เถอะ​” ลู่​เซิ่งทิ้ง​ประโยค​หนึ่ง​ไว้​ ก่อน​จะกลับ​ไป​อย่าง​เกียจคร้าน​

เขา​มองออก​ว่า​คน​พวก​นี้​มาลอง​ข่มขู่​เขา​เท่านั้น​

อาจารย์​อา​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​กำลังจะ​เรียกตัว​ลู่​เซิ่งไว้​เพื่อ​ถามคำถาม​ แต่​พอ​เห็น​เขา​ใช้วาจา​ไม่กี่​คำ​สะกด​คน​จาก​สำนัก​นอกรีต​พวก​นี้​ไว้​ได้​ ก็​พยักหน้า​อย่าง​ชื่นชม​

แม้ธรรมะ​อธรรม​จะไม่อยู่​ฝั่งเดียวกัน​ แต่​ไม่มีใคร​อยู่​เฉย​ๆ แล้ว​คิด​เสี่ยงชีวิต​ ขอ​แค่​ไม่ได้​ขัดแย้ง​กัน​ทาง​ผลประโยชน์​ ปกติ​แล้ว​ทุกคน​จะคุย​แต่​โดยดี​มากกว่า​

หลังจาก​จัดการ​เรื่อง​นี้​จบ​ ลู่​เซิ่งก็​กลับ​ไป​อ่าน​ตำรา​ฝึก​กระบี่​ต่อ​

เอี๊ยด​อ๊าด​ เอี๊ยด​อ๊าด​

คลื่น​ทะเลสาบ​แวววาว​ แสงจันทร์​แบ่งแยก​ผิวน้ำ​ออก​เป็น​ส่วน​ๆ มากมาย​

ใน​หอ​สีดำ​บน​เรือ​ บัณฑิต​วัยกลางคน​สวม​ชุด​สีดำ​สนิท​ ถือ​พัด​ขนนก​ และ​สวม​กวน​สีดำ​สนิท​คน​หนึ่ง​ยืน​มอง​ไฟตะเกียง​เป็น​กลุ่ม​ๆ ใน​ตัวเมือง​ที่อยู่​บน​ชายฝั่ง​

บางครั้ง​ ตัว​เรือส่ง​เสียงดัง​เอี๊ยด​อ๊าด​เป็น​บางครั้ง​ตาม​แรง​กระเพื่อม​ของ​ทะเลสาบ​

“คน​บางคน​ เรื่อง​บาง​เรื่อง​ ไม่มีทาง​สมดั่ง​ใจหวัง​…ความลำบาก​ของ​ชีวิต​ไม่มีใด​เกิน​กว่า​นี้​…” บัณฑิต​ถอน​ใจเบา​ๆ พลาง​โบก​พัด​ขนนก​ใน​มือ​ กลับ​รู้สึก​ว่า​ลม​เย็น​ไป​บ้าง​ จึงหยุด​การเคลื่อนไหว​

“เหอะ​ จะคิด​มากมาย​ไป​ทำไม​กัน​” บน​กราบ​เรือ​อีก​ด้าน​ บุรุษ​ร่าง​กำยำ​สวม​เกราะ​สีดำ​และ​มัด​ผม​หาง​ม้าคน​หนึ่ง​นั่ง​ถือ​จอก​สุรา​พิง​บน​รั้ว​ไม้ ก่อน​จะเงยหน้า​กรอก​สุรา​เข้า​ปาก​

“หาก​เรื่อง​ใด​สมบูรณ์แบบ​เกินไป​ เช่นนั้น​ก็​ไม่มีความหมาย​จริงๆ​ แล้ว​”

บัณฑิต​หัวเราะ​

“เจ้าลัทธิ​กลับ​มีความคิด​ปลอดโปร่ง​นัก​”

“ไม่ใช่มีความคิด​ปลอดโปร่ง​ แต่​พวกเรา​จุติ​ลง​มายัง​โลก​ใบ​นี้​ได้​สามสิบ​กว่า​ปี​แล้ว​ แต่​นั่น​แล้ว​จะอย่างไร​ เสาะหา​มาหลาย​ปี​แล้ว​ยัง​ไร้​ผลลัพธ์​ แทนที่จะ​ใช้เวลา​อย่าง​เสียเปล่า​ มิสู้มาใช้ชีวิต​ให้​มีความสุข​ดีกว่า​” บุรุษ​เอ่ย​อย่าง​ผ่าเผย​

“…ยาก​นัก​…” บัณฑิต​ถอนใจ​อย่าง​ใจเย็น​ ฝึกฝน​วิชา​จันทร์​คราม​มาสามสิบ​ปี​ เผชิญ​ความลำบาก​ยากเข็ญ​มาสารพัด​ สุดท้าย​ก็​ฝึก​สำเร็จ​แล้ว​

แต่​ต่อให้​จะกลายเป็น​เจ้าสำนัก​วิญญาณ​ร้าย​อันเป็น​สำนัก​อธรรม​อันดับ​หนึ่ง​ใน​ใต้​หล้า​แล้ว​อย่างไร​

โลก​ใบ​นี้​มีขีดจำกัด​แข็งแกร่ง​เกินไป​จน​ใช้ความสามารถ​เหิน​ฟ้าดำดิน​ไม่ได้​ เมื่อ​ฝึกฝน​ถึงขั้น​นี้​ก็​ถือว่า​เป็น​ขีดจำกัด​แล้ว​

เจ้าลัทธิ​จาก​ลัทธิ​โลหิต​สังหาร​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ก็​เหมือนกับ​เขา​ เป็น​มาร​สวรรค์​ที่​จุติ​จิตวิญญาณ​มายัง​ดินแดน​แห่ง​นี้​เช่นเดียวกัน​ หลัง​ฝึกฝน​วิชา​มาเป็นเวลา​สามสิบ​กว่า​ปี​ ก็​ฝึกฝน​วิชา​ของ​โลก​ใบ​นี้​ถึงจุดสูงสุด​สำเร็จ​อย่าง​ยากลำบาก​

ใน​ตอนที่​ทั้งสอง​นัดหมาย​จุติ​มาพร้อมกัน​ กลับ​นึกไม่ถึง​ว่า​อยู่​มาสามสิบ​ปี​แล้วก็​ยัง​หา​เป้าหมาย​ไม่เจอ​

“หา​อีก​สิบ​ปี​ ถ้ายัง​ไม่เจอ​ พวกเรา​ก็​กลับกัน​เถอะ​” บัณฑิต​กล่าว​อย่าง​ราบเรียบ​

“ตามใจ​” เจ้าสำนัก​โลหิต​สังหาร​เอ่ย​อย่าง​เกียจคร้าน​

แม้ว่า​ทั้งสอง​เกือบจะ​ไร้​คู่​ต่อกร​ใน​ใต้​หล้า​แล้ว​ แต่​หาก​ยัง​หา​เป้าหมาย​ไม่เจอ​ ทุกอย่าง​ก็​ไร้​ความหมาย​

“คำนวณ​เวลา​ดู​ ท่าน​ผู้​นั้น​น่าจะ​เริ่ม​แล้ว​” บัณฑิต​วัยกลางคน​พึมพำ​เบา​ๆ “ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ พวกเรา​ถือโอกาส​เริ่ม​ก่อนเวลา​นิดหน่อย​เป็น​อย่างไร​”

“ขอ​แค่​เขา​เห็นด้วย​ก็​พอ​” เจ้าสำนัก​โลหิต​สังการ​ยังคง​แสดงท่าที​ไม่ยี่หระ​

อย่างไร​ท่าน​ผู้​นั้น​ก็​เป็น​ตัวตน​ที่​ใกล้เคียง​กับ​คำ​ว่า​ไร้​คู่​ต่อกร​ใน​ใต้​หล้า​อย่าง​แท้จริง​ แม้พวกเขา​สอง​คน​จะแข็งแกร่ง​ แต่​ก็​ยัง​ด้อย​กว่า​ขั้น​หนึ่ง​

แก๊ง​…แก๊ง​…

เสียง​ระฆัง​ทุ้ม​หนัก​ดัง​ขึ้น​อย่าง​ช้าๆ

ใต้​ตีนเขา​บูรพา​ เจ้าสำนัก​และ​ประมุข​พรรค​จาก​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ชูธงใหญ่​ของ​ตัวเอง​ พา​กัน​ขึ้น​รถม้า​ที่​เตรียม​ไว้​แล้ว​

ประมุข​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ห​ลี่​อวี้ห​ลัน​ประสานมือ​ให้​กับ​ประมุข​เขา​บูรพา​อี้​ชวน​

“ประมุข​อี้​ พรรค​บรรณ​ภูผา​ของ​ข้า​ขอตัว​ก่อน​”

อี้​ชวน​ยิ้มแฉ่ง​ ครั้งนี้​ที่​เขา​ชิงตำแหน่ง​หัวหน้า​พันธมิตร​สำเร็จ​ ย่อม​เป็น​เพราะ​การ​สนับสนุน​ส่วนหนึ่ง​จาก​ พรรค​บรรณ​ภูผา​

“เดินทาง​ระมัดระวัง​ หลัง​จากไป​ถึงแล้ว​ขอให้​ส่งนก​พิราบ​ส่งข่าว​มาแจ้งด้วย​”

“แน่นอน​!”

ห​ลี่​อี้​ห​ลัน​พยักหน้า​

คน​ของ​พรรค​บรรณ​ภูผา​พา​กัน​ขึ้นรถ​คัน​ใหญ่​สี่คัน​ จากนั้น​ขบวนรถ​ก็​เคลื่อนตัว​ไป​ยัง​ที่​ไกล​อย่าง​เชื่องช้า​ภายใต้​เสียง​ฟาด​แส้ของ​สารถี​

อี้​ชวนมอง​ขบวนรถ​ออกห่าง​ไป​ บริวาร​คน​หนึ่ง​ที่อยู่​ด้านหลัง​เข้ามา​รายงาน​เขา​ด้วย​เสียง​แผ่วเบา​

“ท่าน​ประมุข​ สำนัก​หอก​โลหิต​จะไป​แล้ว​ขอรับ​”

“อื้อ​ ข้า​จะไป​ทันที​” อี้​ชวน​พยักหน้า​ มองดู​ขบวนรถ​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​อีกครั้ง​ ก่อน​จะหันหลัง​เดิน​ไป​ยัง​เส้น​ทางขึ้น​เขา​บูรพา​ทาง​ด้านหลัง​

เมื่อวาน​เขา​ส่งพรรค​หวน​บูรพา​กับ​สำนัก​กระถาง​สามขา​ไป​แล้ว​ วันนี้​เป็น​ครา​ขอ​งาพรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​และ​สำนัก​หอก​โลหิต​ เมื่อ​บวก​กับ​พรรค​กระบี่​สุขสงบ​กับ​สำนัก​ดาบ​ชำระ​อาภรณ์​ที่​กลับ​ไป​ก่อน​ตั้งแต่แรก​ พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ก็​แยกย้าย​กัน​ไป​เกือบ​หมด​แล้ว​

“เพียงแต่​…มีข่าวลือ​ข่าว​หนึ่ง​ ข้าน้อย​ไม่ทราบ​ว่า​ควร​บอก​หรือไม่​” อยู่​ๆ บริวาร​ก็​ทำท่า​อ้ำอึ้ง​

“ข่าวลือ​อะไร​ เจ้าเล่า​มา” อี้​ชวน​ชะงัก​ฝีเท้า​พร้อมกับ​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ เขา​ทราบ​ว่า​คนสนิท​คน​นี้​ของ​ตน​เป็น​คน​เยือกเย็น​มาตั้ง​แต่ไหนแต่ไร​ แต่​ดู​จาก​ท่า​ทางใน​วันนี้​ เกรง​ว่า​จะมีเรื่องใหญ่​เกิดขึ้น​

บุรุษ​ที่​เป็น​คนสนิท​เว้น​ช่วง​เล็กน้อย​ ก่อน​จะเอ่ย​เสียง​เบา​

“ช่วงนี้​ใน​ยุทธ​จักร​มีข่าวลือ​ว่า​ มีคน​เห็น​ราชา​ดาบ​วิหค​ปีศาจ​จ้าว​อู๋​จี๋ที่​หายสาบสูญ​ไป​นาน​ใน​ป่า​อีกา​มรณะ​…”

“ราชา​ดาบ​วิหค​ปีศาจ​จ้าว​อู๋​จี๋หรือ​?!” ม่านตา​ของ​อี้​ชวน​หดตัว​

สิบ​กว่า​ปี​มานี้​ สี่สำนัก​ใหญ่​ฝ่าย​ธรรมะ​ฉวยโอกาส​สะกด​ฝ่าย​อธรรม​ที่​ขุม​กำลัง​อ่อนแอ​อย่าง​เต็มที่​ โดย​กดดัน​ให้​พื้นที่​ใน​การดำรงอยู่​ของ​อีก​ฝ่าย​เหลือ​น้อย​ถึงขีดสุด​

สำนัก​อธรรม​ได้​แต่​พัฒนา​ที่​ชายแดน​หรือ​ต่าง​แคว้น​เท่านั้น​ ใน​ยุทธ​จักร​ ณ เวลานี้​พวกเขา​เหมือนกับ​มุสิก​ใน​ความมืด​

ราชา​ดาบ​วิหค​ปีศาจ​จ้าว​อู๋​จี๋ผู้​นี้​เป็นยอด​ฝีมือ​ระดับ​เจ้าสำนัก​คน​หนึ่ง​จาก​สำนัก​อธรรม​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ เขา​หายสาบสูญ​ไป​หลาย​ปี​ ตอนนี้​อยู่​ๆ ก็​ปรากฏตัว​ขึ้น​ เกรง​ว่า​จะเกิด​ความวุ่นวาย​อีกครั้ง​

ไม่ใช่อี้​ชวน​เป็น​กระต่ายตื่นตูม​ หาก​แต่​สำนัก​วิหค​ปีศาจ​ของ​ราชา​ดาบ​วิหค​ปีศาจ​ใน​ฝั่งอธรรม​ถูก​ง้อไบ๊​ร่วมมือ​กับ​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ทำลาย​ไป​ตั้งแต่​ห้า​ปีก่อน​แล้ว​

ตอนนั้น​จ้าว​อู๋​จี๋ยัง​ไม่ปรากฏตัว​ ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น​แล้ว​ไม่มีทาง​ที่​ง้อไบ๊​กับ​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​จะปราบ​สำนัก​วิหค​ปีศาจ​ได้​ง่ายดาย​ขนาด​นั้น​

“ไม่ว่า​จะจริง​หรือ​ปลอม​ ให้​แจ้งเตือน​อีก​หก​ขุนเขา​ทันที​” อี้​ชวน​กำชับ​

“ขอรับ​!”

เฟี้ยว​!

ประกาย​สีเงิน​สาย​หนึ่ง​วาววับ​ขึ้น​ แล้ว​เต้นระบำ​รอบตัว​ลู่​เซิ่งราวกับ​อสรพิษ​สายฟ้า​

กระบี่​ยาว​ใน​มือ​ของ​เขา​ยังคง​ร่ายรำ​อย่าง​ต่อเนื่อง​ราวกับ​มีชีวิต​ ใบไม้​ร่วง​ปลิว​ตก​ แต่​ใบไม้​ทั้งหมด​ไม่อาจ​เข้ามา​ใกล้​เขา​ใน​รัศมี​สามฉื่อ​ได้​

ใบไม้​จำนวนมาก​ถูก​กระแส​อากาศ​ไร้​รูปร่าง​พัด​ไป​ตก​รอบตัว​เขา​กลายเป็น​วงกลม​วง​หนึ่ง​

“กระจาบ​เมฆาทะลวง​วิญญาณ​!”

ลู่​เซิ่งแทง​กระบี่​ออก​ไป​ด้านหน้า​อย่าง​ฉับพลัน​ พร้อมกับ​สะบัด​ข้อมือ​ กล้ามเนื้อ​ทั่ว​ตัว​รวม​พละกำลัง​มหาศาล​ไว้​ที่​ด้าม​กระบี่​ใน​มือ​

ซ่า!

ประกาย​กระบี่​แยก​เงา เหมือน​กลายเป็น​นกกระจาบ​เมฆาสีเงิน​สิบ​กว่า​ตัว​ แทง​ใส่จุด​หนึ่ง​ด้านหน้า​จาก​สิบ​กว่า​ทิศทาง​

ฉึก​!

เงาของ​คม​กระบี่​รวมตัวกัน​เป็น​จุด​เดียว​แล้ว​ปัก​ใส่ลำต้น​ของ​ต้น​ไหว​อย่าง​แม่นยำ​

ทุกอย่าง​เปลี่ยน​จาก​โกลาหล​เป็น​สงบนิ่ง​

ลู่​เซิ่งขมวดคิ้ว​

‘นี่​คือ​ขีดจำกัด​แล้ว​หรือ​’ ใช้เวลา​เกือบ​สอง​เดือน​กว่า​ถึงจะฝึกฝน​ถึงขีดจำกัด​ ช้าไป​หน่อย​…

โลก​นี้​มีขีดจำกัด​แข็งแกร่ง​เกินไป​ อาศัย​เพียง​กาย​เนื้อ​กับ​ทักษะ​อย่าง​เดียว​ ความจริง​ความสามารถ​ที่​ร่างกาย​มนุษย์​แสดง​ออกมา​ได้​นั้น​เป็น​สิ่งที่​มีขีดจำกัด​

ขีดจำกัด​นี้​คงอยู่​ใน​โลก​หลาย​ใบ​ บางที​มัน​อาจจะ​ได้รับ​ผลกระทบ​ทาง​ปัจจัย​ก่อน​กำเนิด​ของ​คน​แต่ละคน​ ทำให้​มีความสูงต่ำ​ไม่เท่ากัน​ แต่​ไม่ได้​แตก​ต่างกัน​เกินไป​นัก​

เพราะ​นี่​เป็น​ขีดจำกัด​ของ​เลือดเนื้อ​และ​ยีน​

‘ขีดจำกัด​ก็​คือ​ขีดจำกัด​ อย่างไร​เรา​ก็​มีพลัง​อาวรณ์​เยอะ​ พื้นฐาน​มั่นคง​แล้ว​ อีก​ทั้ง​ร่างกาย​เอง​ก็​จดจำ​ขอบเขต​วิชา​กระบี่​เรียบร้อย​แล้ว​เหมือนกัน​ น่าจะ​เริ่ม​เรียนรู้​ได้​สักที​’

เขา​ชัก​กระบี่​ออกมา​

ถึงจะไม่มีกำลังภายใน​ แต่​กระบี่​นกกระจาบ​เมฆาหางนกยูง​ระดับ​สิบ​สามก็​ทำให้​เขา​ควบคุม​ทักษะ​ทุก​ทักษะ​ใน​วิชา​กระบี่​นี้​ได้​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​

ร่าง​นี้​ถูก​เสริม​ความ​แข็งแกร่ง​ถึงขีดจำกัด​หนึ่ง​อย่าง​เฉพาะเจาะจง​ เพื่อ​จะได้​แสดง​อานุภาพ​ของ​วิชา​กระบี่​ระดับ​สิบ​สามที่​สมบูรณ์​ออกมา​ได้​

โดยเฉพาะ​แขน​และ​ข้อมือ​ รวมถึง​สอง​ขา​และ​บั้นเอว​ พลัง​ระเบิด​ใน​พริบตา​กับ​ระดับ​ความแม่นยำ​น่ากลัว​อย่าง​แท้จริง​

ฉึก​!

ลู่​เซิ่งวาด​กระบี่​แผ่วเบา​ขณะ​คม​กระบี่​สั่น​ไหว​ ราวกับ​รอบ​ๆ คม​กระบี่​มีนกกระจาบ​เมฆาตัวเล็ก​ตัว​น้อย​บิน​โฉบ​เฉี่ยว​ไปมา​

‘ต่อให้​ไม่มีกำลังภายใน​ แต่​ก็​ยังมี​เลือด​ลม​ ถือโอกาส​เรียนรู้​ไป​ยัง​ทิศทาง​ของ​เลือด​ลม​ก็แล้วกัน​’ หลังจาก​วิเคราะห์​กฎเกณฑ์​ใน​ช่วง​เวลานี้​ ปราณ​ปฐพี​ของ​เขา​ก็​มีความสามารถ​หล่อเลี้ยง​เพิ่มขึ้น​เล็กน้อย​แล้ว​ แต่​เป็น​เพราะ​ขีดจำกัด​รุนแรง​เกินไป​ เลย​ยัง​ใช้ไม่ได้​

‘ดี​ป​บลู​’

กรอบ​สีฟ้าปรากฏ​ออกมา​

ลู่​เซิ่งตั้งสมาธิ​อ่าน​ดู​

[กระบี่​นกกระจาบ​เมฆาหางนกยูง​: ระดับ​ที่​สิบ​สาม (คุณสมบัติพิเศษ​: เพิ่ม​พละกำลัง​ระดับ​สิบ​สาม, เพิ่ม​ความเร็ว​ระดับ​สิบ​สาม, เพิ่ม​พลัง​ระเบิด​ระดับ​สิบ​สาม ความสามารถ​เพิ่มเติม​: วิชา​ตัวเบา​, ร่าง​เงาแยก​)]

ลู่​เซิ่งกดบน​ปุ่ม​ปรับเปลี่ยน​อย่าง​คุ้นเคย​ จากนั้น​ก็​เจอ​ปุ่ม​เรียนรู้​ด้านหลัง​กรอบ​ของ​วิชา​กระบี่​นกกระจาบ​เมฆาหางนกยูง​

‘เรียนรู้​กระบี่​นกกระจาบ​เมฆาหางนกยูง​หนึ่ง​ระดับ​’

เขา​กดปุ่ม​เรียนรู้​

ฟิ้ว​

กรอบ​พลัน​พร่ามัว​ เหมือนกับ​มีตัวอักษร​นับไม่ถ้วน​แวบ​ขึ้น​มาบน​กรอบ​อย่าง​รวดเร็ว​

ลู่​เซิ่งสัมผัส​ได้​ว่า​มีพลัง​อาวรณ์​หน่วย​หนึ่ง​กระจาย​ออก​มาจาก​ทรวงอก​ของ​ตัวเอง​ แล้ว​แยกกัน​ซึมซับ​เข้า​ทั่ว​ทั้ง​ร่างกาย​และ​อวัยวะภายใน​

ไม่นาน​นัก​ กรอบ​ก็​พลัน​ชัดเจน​ขึ้น​ เขา​เพ่ง​สมาธิอ่าน​ดู​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท