บทที่ 789 อุบัติการณ์ (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

[กระบี่​นกกระจาบ​เมฆาหางนกยูง​: ระดับ​ที่​สิบ​สี่ (คุณสมบัติพิเศษ​: เพิ่ม​พละกำลัง​ระดับ​สิบ​สี่, เพิ่ม​ความเร็ว​ระดับ​สิบ​สี่, เพิ่ม​พลัง​ระเบิด​ระดับ​สิบ​สี่ ความสามารถ​เพิ่มเติม​: วิชา​ตัวเบา​, ร่าง​เงาแยก​, เพิ่ม​ความเร็ว​)]

‘ดูเหมือน​จะก้าว​ข้าม​ขีดจำกัด​แล้ว​ แต่​เป็น​เพราะ​วิชา​กระบี่​ไม่ได้​มีอานุภาพ​แข็งแกร่ง​ ต่อให้​ฝึก​ถึงขั้น​นี้​ ก็​มีพลัง​ทำลายล้าง​ระดับ​ประมุข​พรรค​เท่านั้น​ ร่างกาย​เอง​ก็​หล่อเลี้ยง​มาก​พอแล้ว​เหมือนกัน​ รับภาระ​ไม่หนัก​มาก​ สามารถ​ยกระดับ​ได้​หลาย​ระดับ​” ลู่​เซิ่งสงบ​จิตใจ​ ใช้โอกาส​ยกระดับ​ขีดจำกัด​ที่​ร่างกาย​รับได้​ใน​ตอนที่​มีพลัง​อาวรณ์​มาก​พอ​ก่อน​ค่อย​ว่า​กัน​ดีกว่า​

‘มาเลย​ เรียนรู้​กระบี่​นกกระจาบ​เมฆาหางนกยูง​ระดับ​ต่อไป​!’

ลู่​เซิ่งนึกในใจ​ กดปุ่ม​เรียนรู้​อีกครั้ง​

กรอบ​พร่ามัว​และ​ชัดเจน​ ชัดเจน​และ​พร่ามัว​ ติดต่อกัน​สิบ​กว่า​ครั้ง​

ในที่สุด​ปุ่ม​เรียนรู้​ก็​หาย​ไป​ นี่​หมายความว่า​ได้​ไป​ถึงขีดจำกัด​การเรียนรู้​ของ​วิชา​กระบี่​วิชา​นี้​แล้ว​ ภาพรวม​ของ​วิชา​กระบี่​ไม่สามารถ​เรียนรู้​ได้​อีกต่อไป​ใน​ทางทฤษฎี​

ลู่​เซิ่งพ่น​ลมหายใจ​ สัมผัส​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​กล้ามเนื้อ​ทั้งหมด​เหมือนกับ​กำลัง​แช่อยู่​ใน​น้ำ​เดือด​ ทั่ว​ร่าง​แสบร้อน​ พลัง​อาวรณ์​หลาย​สิบ​หน่วย​หล่อเลี้ยง​เลือดเนื้อ​และ​กระดูก​ของ​ลู่​เซิ่งอย่าง​บ้าคลั่ง​ ปราณ​ปฐพี​ฉวยโอกาส​ประสาน​ด้วย​ ลด​ภาระ​จาก​การ​เพิ่ม​คุณสมบัติ​ร่างกาย​ไป​อย่าง​ใหญ่หลวง​

ฉ่าๆ…

เสียง​เลือดเนื้อ​เกิด​การ​เสียดสี​ดัง​มาจาก​ร่าง​ลู่​เซิ่งอย่าง​ต่อเนื่อง​

สอง​แขน​ของ​เขา​เริ่ม​ยาว​และ​หนา​ขึ้น​ กล้ามเนื้อ​สะบัก​หลัง​บึกบึน​กว่า​เดิม​ ขนาด​กั้น​ไว้​ด้วย​เสื้อผ้า​ ก็​ยัง​เห็น​เค้าโครง​กล้ามเนื้อ​ที่งอก​ขึ้น​เหมือน​ปีก​ได้​

สอง​แขน​กับ​ส่วน​เอว​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​ราวกับ​เลือด​สูบฉีด​

‘ไม่เลว​…’ ลู่​เซิ่งสัมผัส​สภาพ​ของ​ตัวเอง​ใน​ตอนนี้​อย่าง​ตั้งใจ​ เลือด​ลม​แข็งแกร่ง​ขึ้น​อย่าง​น้อย​สิบ​กว่า​เท่า​ แม้แต่​ร่างกาย​ที่​ได้รับ​การ​หล่อเลี้ยง​จาก​ปราณ​ปฐพี​มานาน​ก็​มาถึงขีดจำกัด​แล้ว​เช่นกัน​ เป็นที่​ทราบ​ได้​ว่า​การเรียนรู้​ใน​ครั้งนี้​เพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​มาก​ขนาด​ไหน​

เขา​หวน​นึกถึง​กระบี่​นกกระจาบ​เมฆาหางนกยูง​รูปแบบ​ใหม่​ที่​เพิ่ง​เรียนรู้​เสร็จ​อย่าง​ละเอียด​ สีหน้า​พลัน​แปลกใจ​ขึ้น​เล็กน้อย​

‘นี่​มัน​…เป็น​เส้นทาง​เรียนรู้​ที่​นึกไม่ถึง​จริงๆ​…’ เขา​นึกไม่ถึง​เหมือนกับ​ว่า​ดี​ป​บลู​จะเพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​แก่​ วิชา​กระบี่​ที่​แผ่ว​พลิ้ว​วิชา​นี้​ใน​ลักษณะ​นี้​

‘แต่​ก็​ไม่เป็นไร​ อานุภาพ​แข็งแกร่ง​ขึ้น​เป็นอัน​ใช้ได้​’

“เฉินจื่อลัว!​ อยู่​หรือไม่​” ด้านนอก​เรือน​มีเสียง​ตะโกน​ของ​เห​อชู่ห​ร่วน​ดัง​มา

ลู่​เซิ่งได้สติ​กลับมา​ก่อน​จะมอง​ประตู​เรือน​

“เข้ามา​เถอะ​”

ไม่นาน​นัก​ เห​อชู่ห​ร่วน​ที่​สวม​ชุด​ขี่ม้า​สีแดง​ตัด​ดำ​ก็​ถือ​แส้ม้าสาวเท้า​เข้ามา​

ชุด​ขี่ม้า​แนบเนื้อ​ขับ​เน้น​รูปร่าง​ส่วนโค้ง​ส่วน​เว้า​ของ​นาง​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​ หน้าอก​หน้า​ใจที่​อวบ​อิ่ม​ สอง​ขา​ที่​เรียว​ยาว​กลมกลึง​ สะโพก​เล็ก​งามงอน​ รวมถึง​ผม​ยาว​พลิ้ว​ไสว​กับ​ปาก​เล็ก​สีแดงเข้ม​ ทุก​ส่วน​ของ​ร่างกาย​ทำให้​เพศตรงข้าม​ไม่อาจ​ละสายตา​ได้​

“ไป​ขี่ม้า​หรือไม่​” เห​อชู่ห​ร่วน​สะบัด​แส้ใน​มือ​ไป​ทาง​ลู่​เซิ่ง

“ไม่ว่าง​”

“อย่า​ทำตัว​แบบนี้​จะได้​ไหม​ เอาแต่​ฝึก​กระบี่​ทั้งวัน​ ท่าน​ไม่รู้สึก​ว่า​ชีวิต​แบบนี้​จืดชืด​ไร้รสชาติ​หรือ​”

“ข้า​ชอบ​จะตาย​ เจ้าไม่ต้อง​ห่วง​หรอก​” ลู่​เซิ่งเสียบ​กระบี่​กลับ​เข้าฝัก​

ครั้งนี้​เห​อชู่ห​ร่วน​เห็น​เค้าโครง​กล้าม​เนื้อที่​กำยำ​ขึ้น​อย่าง​เห็นได้ชัด​ของ​ลู่​เซิ่งแล้ว​

“เจ้าฝึก​มาไม่กี่​วัน​ดูเหมือน​จะบึกบึน​ขึ้น​นะ​”

“อย่างนั้น​หรือ​”

“ใช่สิ ล่ำสัน​ขึ้น​ ให้​ความรู้สึก​ปลอดภัย​กว่า​เดิม​แล้ว​” เห​อชู่ห​ร่วน​หัวเราะ​ “ฟังนะ​ ข้า​หา​หญิง​งามมาหลาย​คน​ทีเดียว​ ถ้าท่าน​ไป​ด้วย​ ไม่แน่​อาจจะ​เกี้ยว​ได้​สัก​สอง​สามคน​”

ลู่​เซิ่งรู้​มานาน​แล้ว​ว่า​นาง​เป็น​พวก​ชอบ​สอง​เพศ​ มักมาก​ใน​กาม​ ได้​ทั้ง​ชาย​หญิง​

“ไม่สนใจ​ หนำซ้ำ​ถ้าข้า​จะหา​ ก็​ต้อง​ทิ้ง​ใกล้​ไปหา​ไกล​หรอก​” ลู่​เซิ่งเดิน​ไป​ดื่ม​น้ำเกลือ​ที่​วาง​อยู่​บน​โต๊ะ​ไม้ใต้​ร่มไม้​

“ท่าน​หมายถึง​ข้า​หรือ​” เห​อชู่ห​ร่วน​พลัน​สนใจ​ “ไม่กลัว​บิดา​ข้า​หรือ​อย่างไร​”

“เจ้าว่า​ข้า​จะกลัว​หรือไม่​เล่า​” ลู่​เซิ่งหัวเราะ​

“ท่าน​นี่​ใจกล้า​จริงๆ​” เห​อชู่ห​ร่วน​เลิกคิ้ว​

“จะว่า​ไป​ ท่าน​พ่อ​ของ​ข้า​อยาก​จะพบ​ท่าน​นะ​” นาง​โพล่ง​ขึ้น​

“หา​” ลู่​เซิ่งงุนงง​ เขา​คิด​เล็กน้อย​ สุดท้าย​ก็​ส่ายหน้า​ “พ่อเจ้า​ออก​ไป​ด้านนอก​นี่​ รอ​ท่าน​ผู้เฒ่า​กลับบ้าน​ค่อย​ว่า​กัน​เถิด​”

“แล้วแต่​ท่าน​”

กลาง​ป่า​รก​ทึบ​แห่ง​หนึ่ง​

ตูม​!

ศิษย์​พรรค​หวน​บูรพา​หลาย​คน​ถูก​โจมตี​กระจัดกระจาย​ใน​ครั้ง​เดียว​ พา​กัน​ล้ม​ลง​บน​พื้น​เหมือนกับ​มนุษย์​กระดาษ​ ลุก​ไม่ขึ้นอยู่​ชั่วขณะ​

“เจ้า…เจ้า!?”

บุรุษ​ร่าง​สูงใหญ่​ที่​เลือดอาบ​ใบหน้า​คน​หนึ่ง​ชี้ไป​ที่​คน​สอง​คน​ แต่​พูด​อะไร​ไม่ออก​เพราะ​ความหวาดกลัว​

ชาย​ชรา​ผู้​มีผม​สั้น​สีขาว​และ​มีรูปร่าง​ไม่สูงไม่เตี้ย​คน​หนึ่ง​เก็บ​ดาบ​ใน​มือ​

“ชุมนุม​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ อย่างไร​ก็​ต่าง​ออกมา​แล้ว​ พวก​เจ้าก็​อย่า​คิด​กลับ​ไป​อีก​เลย​ อยู่​ที่นี่​ตลอดไป​ดี​จะตาย​ไม่ใช่หรือ​” เขา​ก้ม​มอง​ศิษย์​พรรค​หวน​บูรพา​บน​พื้น​

“เจ้าคน​สามหาว​!” ทันใดนั้น​ไกล​ออก​ไป​ก็​มีเงาร่าง​สาย​หนึ่ง​พุ่ง​มาดุจ​ลูกศร​ แล้ว​ฟัน​กระบี่​ใส่ชาย​ชรา​ผู้​นั้น​ทันที​

ความเร็ว​ของ​ประกาย​กระบี่​ และ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​พละกำลัง​นี้​ เขา​คือ​ผู้นำ​ของ​พรรค​หวน​บูรพา​

ประมุข​พรรค​หวน​บูรพา​ สวี​ฟาน​

“ได้ยิน​มาว่า​ฝ่ามือ​ถมทะเล​คลื่น​พิโรธ​ของ​พรรค​หวน​บูรพา​เป็น​สุดยอด​วิชา​แห่ง​โลก​หล้า​ แต่​เจ้าพาน​ใช้กระบี่​ คิด​ดูถูก​ข้า​หรือ​” ชาย​ชรา​ผุด​สีหน้า​สงบนิ่ง​ ดาบ​ตรง​ใน​มือ​กลายเป็น​เส้น​สีดำ​เข้า​ปะทะ​

เค​ร้ง!​

ยาม​อาทิตย์​อัสดง​

ขบวนรถ​ของ​พรรค​กระบี่​สงบสุข​เคลื่อน​เลียบ​แม่น้ำ​ไป​อย่าง​ช้าๆ

ทันใดนั้น​บน​พื้น​โคลน​ก็​มีตาข่าย​ยักษ์​ยกขึ้น​ ลอย​ไป​คลุม​หน้า​ขบวน​ม้าไว้​พอดี​

ฮี้!

ม้าพลัน​ตกใจ​ ขบวนรถ​พลัน​ล้มระเนระนาด​ ยอด​ฝีมือ​ของ​พรรค​กระบี่​ที่อยู่​บน​รถ​พา​กัน​กระโดด​ออกมา​

“ผู้ใด​กัน​!?”

“ตาย​เสียเถอะ​ ฮ่าๆๆๆ!” เงาคน​สีเทา​สาย​หนึ่ง​พุ่ง​เข้าไป​ใน​กลุ่มคน​ดุจ​กระสุน​ปืนใหญ่​ ก่อน​จะวาด​ดาบ​คู่​ ใน​มือ​ออกมา​กลายเป็น​ร่องรอย​เลือด​หลาย​สาย​ราวกับ​ผีเสื้อ​

ในเวลาเดียวกัน​ พรรค​ทั้งหมด​ใน​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​เช่น​สำนัก​หอก​โลหิต​และ​สำนัก​ดาบ​ชำระ​อาภรณ์​ ต่าง​ก็​ถูก​ซุ่มโจมตี​ระหว่างทาง​ทั้งสิ้น​

เป็น​เพราะ​ความแตกต่าง​ทาง​ด้าน​เวลา​ กว่า​พรรค​เขา​บูรพา​ที่​เป็น​หัวหน้า​พันธมิตร​จะได้รับ​ข่าว​ ทุกอย่าง​ก็​จบสิ้น​ไป​แล้ว​

พรรค​เขา​บูรพา​กำลังจะ​ลงมือ​ช่วยเหลือ​ แต่ว่า​หลังจาก​ชาย​ชรา​ถือ​กระบี่​ซึ่งมีผมหงอก​ขาว​คน​หนึ่ง​บุก​ขึ้น​เขา​ อี้​ชวน​ผู้​เป็น​ประมุข​พรรค​เขา​บูรพา​ก็​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ ผู้อาวุโส​หลาย​คนใน​พรรค​บ้าง​ก็​บาดเจ็บ​บ้าง​ก็​ล้มตาย​ ขุม​กำลัง​ของ​พรรค​เสียหาย​อย่าง​รุนแรง​

ว่า​กัน​ว่า​ถ้าไม่ใช่ต้วน​อิน​ซือไท่​แห่ง​พรรค​ง้อไบ๊​มาถึงทันเวลา​ เกรง​ว่า​พรรค​เขา​บูรพา​จะถูก​ทำลาย​ไป​แล้ว​

พอ​ข่าว​กระจาย​ออกมา​ ยุทธ​จักร​ก็​ปั่นป่วน​ทันที​

มีคน​รู้เรื่อง​ออกมา​พิสูจน์​ เจ้าสำนัก​และ​ประมุข​พรรค​ทั้ง​หก​คน​รวมถึง​กลุ่ม​ยอด​ฝีมือ​ของ​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ที่​ออกเดินทาง​ไป​ด้านนอก​กลับ​ถูก​ดัก​ฆ่าระหว่างทาง​ ตอนนี้​ไม่ทราบ​ไป​อยู่​ที่ใด​ เกรง​ว่า​จะโดน​จับตัว​ไป​แล้ว​

ยัง​ไม่รอ​ให้​พรรค​ต่างๆ​ สยบ​ข่าว​ร้ายแรง​นี้​ ข่าว​ที่สอง​ก็​กระจาย​ออกมา​ทันที​

สำนัก​หอก​โลหิต​ใน​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ถูก​ฆ่าล้างบาง​สำนัก​ ทั้ง​สามสิบ​เจ็ด​คน​ของ​สำนัก​ล้วน​ตาย​สิ้น​ไม่เหลือ​แม้แต่​ไก่​สุนัข​

ยุทธ​จักร​อลหม่าน​ สำนัก​หอก​โลหิต​เป็น​สำนัก​ใหญ่​อันดับ​สามใน​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ ถึงกับ​ถูก​ล้างบาง​สำนัก​! นี่​เป็นข่าว​สะเทือน​ฟ้าดิน​ที่​ครึกโครม​ที่สุด​ใน​หลาย​สิบ​ปี​มานี้​อย่าง​แท้จริง​

ทว่า​ต่อมา​ สำนัก​กระถาง​สามขา​ใน​เขต​ตง​โจว​ก็​ถูก​ล้างบาง​เช่นกัน​ เหลือ​แต่​ยอด​ฝีมือ​ไม่กี่​คน​เท่านั้น​ที่​รอดชีวิต​มาได้​เพราะ​ไม่อยู่​ใน​สำนัก​ ออก​ไป​ด้านนอก​พอดี​

หลาย​วัน​ถัดมา​ก็​เป็น​คราว​ของ​สำนัก​ดาบ​ชำระ​อาภรณ์​ ถูก​ฆ่าเหี้ยน​ชนิด​ไม่เหลือ​ไก่​ไม่เหลือ​สุนัข​เช่นกัน​

ทว่า​ครั้งนี้​ เนื่องจาก​สำนัก​ดาบ​ชำระ​อาภรณ์​ตั้งอยู่​ใน​ย่าน​พลุกพล่าน​คึกคัก​ จึงมีคน​เห็น​ว่า​ผู้ร้าย​เป็น​ใคร​

หลังจาก​ภาพเหมือน​ถูก​ส่งออก​ไป​ ในที่สุด​ก็​มีคน​จดจำ​สถานะ​ของ​ผู้​มาได้​ คน​ที่​ลงมือ​ล้าง​สำนัก​ก็​คือ​ราชา​ดาบ​อสูร​เงาชาด​ มหา​ปรมาจารย์​แห่ง​ฝ่าย​อธรรม​ที่​หายตัว​ไป​หลาย​ปี​ หวัง​โหว​จง

หลัง​ข่าว​แพร่สะพัด​ คน​ทุก​ค่าย​พรรค​สำนัก​ใน​ยุทธ​จักร​ต่าง​ก็​เกรง​ว่า​ตน​จะมีภัย​

มีข่าวลือ​ว่า​ ดาบ​อสูร​เงาชาด​ลงมือ​สะกด​ฝ่าย​ธรรมะ​อย่าง​เหี้ยมหาญ​ เพราะ​ทน​ไม่ได้ที่​เห็น​คน​ของ​ฝ่าย​อธรรม​ ถูก​กดดัน​จน​ไม่อาจ​หาย​ใจหาย​คอ​

เส้าหลิน​ บู๊​ตึ้ง​ และ​ง้อไบ๊​ร่วมมือ​กับ​ทางการ​ กระจาย​ใบประกาศ​จับ​ ทว่า​ต่อมา​กลับ​กลุ่ม​ไล่ล่า​ขนาดเล็ก​ที่​ทำหน้าที่​ส่งใบประกาศ​จับ​ก็​ถูก​สังหาร​กลางทาง​ ไม่มีใคร​รอดชีวิต​แม้แต่​คนเดียว​

ชั่ว​ขณะนั้น​ มหา​ปรมาจารย์​แห่ง​ฝ่าย​อธรรม​สยบ​ใต้​หล้า​ คน​ฝ่าย​ธรรมะ​ต่าง​ก็​กลัวเกรง​

ในเวลานี้​เอง​ มหา​ปรมาจารย์​ดาบ​อสูร​เงาชาด​กลับ​มาถึงใต้​ตีนเขา​บรรณ​ร​ภูผา​อย่าง​องอาจ​ผ่าเผย​

เขา​ใน​ตอนนี้​ทำลาย​พรรค​ใหญ่​มาห้า​พรรค​ ความ​แข็งแกร่ง​ไม่มีผู้ใด​ต่อกร​ได้​

ยาม​ยืน​อยู่​ใต้​ตีนเขา​ หวัง​โหว​จงมองดู​ทางขึ้น​เขา​ที่​มีการเฝ้า​ระวัง​อย่าง​เข้มงวด​ขึ้น​หลาย​เท่าตัว​ด้วย​สีหน้า​สงบนิ่ง​

ประมุข​พรรค​ เจ้าสำนัก​ และ​วีรชน​ส่วนใหญ่​ของ​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ถูก​ขัดขวาง​ระหว่างทาง​ ขอ​แค่​ทำลาย​อีก​แค่​สอง​สามพรรค​ พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ก็​จะล่มสลาย​ไป​เอง​โดย​ไม่ต้อง​เข้า​โจมตี​

“เป็น​พรรค​ที่หก​” เขา​คือ​ชาย​ชรา​คร่ำครึ​ผมหงอก​ขาว​ท่าทาง​จริงจัง​ “อีกไม่นาน​ หลัง​จัดการ​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ ก็​เป็น​คราว​ของ​ง้อไบ๊​กับ​บู๊​ตึ้ง​แล้ว​…ใต้​หล้า​นี้​ พันธมิตร​อธรรม​ของ​เรา​ควร​ครอง​ความ​เป็นใหญ่​แต่​เพียงผู้เดียว​”

เขา​เดิน​เข้าไป​ใน​ซุ้มทางเข้า​อย่าง​เชื่องช้า​ ฝีก้าว​ราบเรียบ​ธรรมดา​ แต่​ทุก​ก้าว​ชวน​ให้​คน​รู้สึก​ถึงความ​หนักอึ้ง​และ​การ​สั่นสะเทือน​

ศิษย์​ที่​เฝ้าซุ้มทางเข้า​หลาย​คน​พิจารณา​ดู​ รู้สึก​เวียน​ศีรษะ​ตาลาย​ ต่าง​ก้มหน้า​ไม่กล้า​มอง​อีก​

“ผู้ใด​!?” ศิษย์​เฝ้ายาม​มองออก​ว่า​ผู้​มาไม่มีเจตนา​ดี​ ดู​จาก​การ​ปรากฏตัว​ เป็นไปได้​ถึงขีดสุด​ว่า​จะเป็นยอด​ฝีมือ​ฝ่าย​อธรรม​

ศิษย์​เฝ้ายาม​ที่​เป็น​ผู้นำ​ได้​ส่งศิษย์​ขึ้น​เขา​ไป​แจ้งข่าว​ พลาง​จับ​ด้าม​กระบี่​เกร็ง​ร่าง​พร้อมกับ​ร้อง​ตะโกน​ถาม

หวัง​โหว​จงมองดู​หุ่น​ผอมบาง​ของ​ศิษย์​เฝ้ายาม​เหล่านี้​พลาง​ส่ายหน้า​เล็กน้อย​

“ข้า​หวัง​โหว​จง ตั้ง​ใจมาเยี่ยม​เขา​ประลอง​กระบี่​ รบกวน​ช่วย​แจ้งข่าว​ที​” เขา​แสดงท่าที​ค่อนข้าง​เกรงใจ​ แตกต่าง​โดยสิ้นเชิง​กับ​ตอน​ไป​เยือน​พรรค​อื่น​ใน​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​

“เยี่ยม​เขา​ประลอง​กระบี่​ หวัง​โหว​จงหรือ​” พอ​อีก​ฝ่าย​พูด​คำพูด​นี้​ออกมา​ ศิษย์​บรรณ​ภูผา​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่อยู่​ใต้​ป้าย​คุ้มครอง​ต่าง​ก็​ตัวสั่น​เหมือน​เจ้าเข้า​

หวูด​!

ทันใดนั้น​มีศิษย์​คน​หนึ่ง​ออกแรง​เป่า​เสียง​แตร​เตือนภัย​สุด​แรง​ดัง​เสียด​หู​

เขา​บรรณ​ภูผา​ทั้ง​เขา​เคลื่อนไหว​ทันที​ เหมือนกับ​สัตว์ป่า​ที่​กำลัง​หลับ​ลึก​ตัว​หนึ่ง​ถูก​เสียง​ผิวปาก​เสียด​หู​ปลุก​ให้​ตื่น​ พองขน​ทั่ว​ร่าง​ เลือด​ลม​ไหลเวียน​ด้วย​ความเร็ว​สูง

หวัง​โหว​จงมอง​เหตุการณ์​นี้​เงียบงัน​ ใน​ฐานะ​มหา​ปรมาจารย์​ฝ่าย​อธรรม​ เขา​ย่อม​มีความมั่นใจ​ของ​ตัวเอง​อยู่แล้ว​

ตอน​ปรมาจารย์​หลาย​คน​ของ​เส้าหลิน​กับ​บู๊​ตึ้ง​ร่วมมือ​กัน​กลุ้มรุม​เขา​ เขา​ทะลวง​ออกมา​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​ แค่​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ที่​เป็น​เพียงแค่​สมาชิก​ของ​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​ ชาย​ชรา​ย่อม​ไม่เกรงกลัว​

เขา​ยืน​เอา​มือ​ไพล่หลัง​ รอ​ให้​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​จัดเตรียม​ทุกสิ่ง​ให้​แล้วเสร็จ​

ไม่นาน​นัก​ก็​มีผู้อาวุโส​หลาย​คน​ลอยตัว​มาถึงใต้​ป้าย​ตรง​ซุ้มทางเข้า​ สะพาย​กระบี่​ไว้​บน​หลัง​ สีหน้า​เคร่งขรึม​จริงจัง​

คน​ที่​เป็น​ผู้นำ​คือ​ผู้อาวุโส​เหยียน​ชิ่น​หรง​กับ​หวัง​เย​วี่ย​ ผู้อาวุโส​ที่อยู่​คุ้มครอง​ซุ้มทางเข้า​

ใน​ฐานะ​ยอด​ฝีมือ​ผู้อาวุโส​ที่​เป็นรอง​เพียง​ประมุข​พรรค​ ทั้งสอง​คน​มีชื่อเสียง​น่า​ครั่นคร้าม​ใน​ยุทธ​จักร​เช่นกัน​

แต่​เมื่อ​เผชิญ​กับ​ยอด​ฝีมือ​บร​ร​ลือ​โลก​ที่​ได้​ชื่อว่า​ฆ่าล้างบาง​พรรค​ใหญ่​ใน​พันธมิตร​เจ็ด​ขุนเขา​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​คน​รวมถึง​ศิษย์​ที่อยู่​ด้านหลัง​ต่าง​อกสั่นขวัญแขวน​ขึ้น​มา

คน​ที่​ขี้ขลาด​หน่อย​พลัน​ไร้​เรี่ยวแรง​ มือ​ที่จับ​ด้าม​กระบี่​เปียกชุ่ม​เหงื่อ​ไป​หมด​

“เยี่ยม​เขา​ ประลอง​กระบี่​ เริ่ม​ได้​แล้ว​กระมัง​” หวัง​โหว​จงหงุดหงิด​เล็กน้อย​

แม้เขา​จะอดกลั้น​ยอม​ให้เกียรติ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​มากมาย​ขนาด​นี้​เพราะ​หน้าตา​ของ​คน​คน​หนึ่ง​ แต่​นี่​เป็น​ขีดจำกัด​ที่​เขา​ให้ได้​แล้ว​ เวลา​ของ​เขา​มีค่า​มาก​ ไม่อาจ​มายืน​เสียเวลา​อยู่​ที่นี่​เฉย​ๆ ได้​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท