บทที่ 791 ถอนตัว (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ฟึ่บ!​

ฟึ่บ!​

ลูกตุ้ม​สำริด​หนักอึ้ง​สอง​อัน​หมุน​ควง​เป็นเงา​สีเทา​อม​ดำ​วง​หนึ่ง​เหนือศีรษะ​ลูก​เซิ่ง ส่งเสียงดัง​ขวับ​ๆ น่ากลัว​

“!?” หวัง​โหว​จงสีหน้า​เปลี่ยนแปลง​ครั้ง​ใหญ่​ แม้เขา​จะแข็งแกร่ง​ แต่​ไม่ได้​หมายความว่า​เขา​จะรับ​ลูกตุ้ม​หนัก​มากกว่า​ร้อยชั่ง​ที่​ฟาด​มาด้วย​ความเร็ว​สูงเช่นนี้​ได้​

“รับ​กระบวนท่า​ข้า​ดู​ กระจาบ​เมฆาทะลวง​วิญญาณ​!”

เสียง​ลู่​เซิ่งยัง​ไม่ทัน​ขาดคำ​ เงาลูกตุ้ม​สีดำ​ก็​ฟาด​ใส่หวัง​โหว​จงอย่าง​สะเทือน​เลื่อน​ลั่น​

ตูม​!

กำแพง​หิน​แนว​หนึ่ง​ระเบิด​ถล่ม​ลง​

หวัง​โหว​จงหลบ​พ้น​อย่าง​เส้นยาแดงผ่าแปด​ แขน​ด้านนอก​ถูก​เสียดสี​จน​แสบร้อน​

เหงื่อ​ซึมออกจาก​หน้าผาก​ ขณะ​ต้อง​เลือก​หน้าตา​ของ​มหา​ปรมาจารย์​กับ​ความปลอดภัย​ของ​ตัวเอง​ เขา​ได้​เลือก​ความปลอดภัย​เป็น​ครั้งสุดท้าย​

พอ​หันไป​มองดู​ ม่านตา​เขา​ก็​หดตัว​เล็กน้อย​

ลูกตุ้ม​ดำ​ที่​เมื่อ​ครู่​เพิ่ง​ฟาด​ใส่กำแพง​หาย​ไป​แล้ว​

‘แย่​แล้ว​!’ เขา​รีบ​หัน​กลับมา​ แต่​ก็​ไม่ทัน​กาล​แล้ว​ เสียง​แหว​กลม​เสียด​หู​พุ่ง​มาด้านหน้า​

เขา​รีบ​ยก​สอง​แขน​ขึ้น​ป้องกัน​ พร้อมกับ​หดหัว​งอ​ตัว​

ตูม​!

พละกำลัง​ที่​ยาก​จินตนา​การปะทะ​ใส่สอง​แขน​ของ​เขา​อย่าง​หนักหน่วง​ หวัง​โหว​จงใช้ร่าง​ทอง​อัฎฐ​ลักษณ์​สุดกำลัง​ถึงสามารถ​ป้องกัน​หนาม​แห​ลมบน​ผิว​ลูกตุ้ม​สำริด​ไว้​ได้​ แต่​พลัง​กระแทก​อัน​มหาศาล​ยังคง​ทำให้​เขา​ถอยหลัง​ไป​สิบ​กว่า​ก้าว​จน​ชน​เข้ากับ​เสาศิลา​ต้น​หนึ่ง​

แก​ร๊ก​

ผิว​ของ​เสาศิลา​ปรากฏ​รอยร้าว​ แสดงให้เห็น​ว่า​เกือบ​ถูก​กระแทก​หัก​ ส่วน​ลูกตุ้ม​สำริด​ไป​ฝังตัว​อยู่​ด้านใน​กำแพง​รอบนอก​ ก่อน​จะถูกลู่​เซิ่งดึง​ออกมา​และ​เหวี่ยง​กวาด​ใส่หวัง​โหว​จงอีกครั้ง​

“ผนึก​ร่าง​!” หวัง​โหว​จงส่งเสียง​ตวาด​ ก่อน​จะกาง​สอง​แขน​รับ​ลูกตุ้ม​ที่​ลอย​มา

เปรี้ยง​!

สอง​ฝ่ามือ​ของ​เขา​รับ​ลูกตุ้ม​ยักษ์​ตรงหน้า​ไว้​อย่าง​มั่นคง​

“โง่เง่า!” ลู่​เซิ่งควง​ลูกตุ้ม​ดำ​อีก​อัน​ ลูกตุ้ม​ดำ​ที่​เต็มไปด้วย​หนาม​แหลม​ส่งเสียง​ขวับ​ดังลั่น​กลางอากาศ​

ตูม​!

ลูกตุ้ม​ดำ​ฟาด​ใส่ผิว​ลูกตุ้ม​สำริด​ พลัง​กระแทก​อัน​ยิ่งใหญ่​ทำให้​หวัง​โหว​จงที่​พอ​จะต้านทาน​ไหว​ก็​ไม่อาจ​ยืนหยัด​ได้​อีกต่อไป​ กระอัก​เลือด​และ​กระเด็น​ออก​ไป​ทันที​

แต่​การ​กระเด็น​ของ​เขา​นี้​ไม่ใช่แค่​โซเซถอยหลัง​ หาก​แต่​สะกิด​ปลายเท้า​กลางทาง​และ​ควบคุม​แรง​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ก่อน​จะยก​มือขวา​ขึ้น​

ประกาย​สีเงิน​สามสาย​พลัน​พุ่ง​ใส่ใบหน้า​ลู่​เซิ่งดัง​ขวับ​ๆ

“ตาย​เสียเถิด​!” ตอนนี้​เขา​ไม่คิด​จะสยบ​ลู่​เซิ่งอีกต่อไป​แล้ว​ อีก​ฝ่าย​คือ​ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​ปรมาจารย์​เหมือนกับ​เขา​ ซึ่งฝึกฝน​กาย​เนื้อ​ พละกำลัง​ รวมถึง​ทักษะ​จนถึง​จุดสูงสุด​ สมบูรณ์แบบ​ไร้​รอย​ตำหนิ​และ​ไร้​ช่องโหว่​

เขา​คิด​จะเข้าใกล้​หลายครั้ง​แต่​ก็​ไม่อาจ​ทำได้​

การ​ควง​ลูกตุ้ม​คู่​ของ​อีก​ฝ่าย​ไม่มีช่องว่าง​แม้แต่​นิดเดียว​

ลู่​เซิ่งไม่เกรงกลัว​ ยก​โซ่ใน​มือขึ้น​ เกิด​เสียง​ติ๊ง​ ติ๊ง​ ติ๊ง​ ดัง​สามครั้ง​ ใช้โซ่รับ​มีด​บิน​ไว้​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​

หวัง​โหว​จงหลบหลีก​ลูกตุ้ม​คู่​ จากนั้น​ก็​หยิบ​มีด​บิน​ออก​มาจาก​อก​เสื้อ​และ​สะบัด​ใส่ลู่​เซิ่งอย่าง​ต่อเนื่อง​

ลู่​เซิ่งถูก​มีด​บิน​กดดัน​ให้​ถอย​ใน​ทุกครั้งที่​พุ่ง​เข้าไป​ ทั้งสอง​คน​สู้กัน​อย่าง​ดุเดือด​ ยาก​ตัดสิน​ผลลัพธ์​

เวลานี้​กำแพง​และ​ซุ้มประตู​ด้านหน้า​ตำหนัก​ใหญ่​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ถูก​ลูกตุ้ม​คู่​หนัก​หลาย​พัน​ชั่งฟาด​เป็น​รู​เต็มไปหมด​ สภาพ​เละเทะ​ดูไม่ได้​

ศิษย์​ ผู้อาวุโส​ที่​เดิมที​นอน​อยู่​บน​ลาน​ฝึก​ ฉวยโอกาส​เคลื่อน​ร่าง​ไป​อยู่​ใน​ตำหนัก​ใหญ่​ที่​ค่อนข้าง​ปลอดภัย​กว่า​

ขณะ​ฟังเสียง​หวีดหวิว​เสียด​หู​ที่​ดัง​มาจาก​ด้านนอก​ไม่หยุด​ ผู้อาวุโส​หวัง​เยวี่ย​และ​เหยียน​ชิ่น​หรง​มองหน้า​กัน​ ไม่ทราบ​ควร​พูด​อะไร​ดี​

ใน​ตำหนัก​ใหญ่​ไม่มีคนตาย​ หวัง​โหว​จงมีความปรานี​ตั้งแต่แรก​

จนกระทั่ง​ภายหลัง​ผู้อาวุโส​สูงสุด​ซ่งซิ่งหรู​ปรากฏตัว​ เขา​จึงพลุ่งพล่าน​ขึ้น​มา ลงมือ​ไม่แบ่งแยก​หนัก​เบา​อีก​ ทว่า​เขา​ก็​ยัง​อดกลั้น​ไม่ฆ่าคน​

ซ่งซิ่น​หรู​พิง​ประตู​ตำหนัก​ใหญ่​ คอย​มองดู​หวัง​โหว​จงกับ​ลู่​เซิ่งที่​ยิ่ง​สู้ยิ่ง​ออกห่าง​ไป​เรื่อยๆ​

“คน​ผู้​นั้น​…เป็น​ใคร​กัน​” นาง​ผุด​สีหน้า​ตกตะลึง​ขณะ​มอง​ลู่​เซิ่งที่​สู้กับ​หวัง​โหว​จงโดย​ไม่ตก​เป็นรอง​

ใน​ตำหนัก​ใหญ่​เงียบงัน​

ผ่าน​ไป​สักพัก​ หวัง​เยวี่ย​ค่อย​ยิ้ม​อย่าง​หนักใจ​

“เขา​คือ​เฉินจื่อลัว​ เป็น​ศิษย์​คน​ที่สาม​ใน​สาย​ตู้​เฟิงจื่อ…​เพียงแต่​ก่อนหน้านี้​เขา​เก็บเนื้อเก็บตัว​ ไม่แก่งแย่ง​อะไร​ นึกไม่ถึง​ว่า​…”

ใน​ฐานะ​ผู้อาวุโส​ การ​ที่​พวกเขา​ไม่รู้​เลย​ว่า​มีตัว​ประหลาด​พละกำลัง​น่ากลัว​ขนาด​นี้​โผล่​มาท่ามกลาง​ ลูกศิษย์​ ถึงขั้น​ยัง​ได้รับ​ความช่วยเหลือ​จาก​ศิษย์​เช่นนี้​ตอน​เผชิญ​กับ​สถานการณ์​เลวร้าย​

นี่​เป็นเรื่อง​ขายหน้า​ถึงขีดสุด​

ซ่งซิ่น​หรู​ไอ​หลาย​คำ​

“เด็ก​คน​นี้​…จะต้อง​สั่งสอน​อย่าง​ระมัดระวัง​ ไม่อย่างนั้น​หาก​เดิน​เข้าสู่​เส้นทาง​อธรรม​ เกรง​ว่ายาก​นึกถึง​ผลลัพธ์​ที่จะ​ตามมา​…”

“ท่าน​ไม่ต้อง​ห่วง​ พวกเรา​ย่อม​ไม่ทำให้​ผิดหวัง​อย่าง​แน่นอน​!” เหยียน​ชิ่น​หรง​เอ่ย​เสียงทุ้ม​อย่าง​แน่วแน่​

ซ่งซิ่น​หรู​ถอนใจ​เล็กน้อย​ เพียงแต่​พอ​นึกถึง​สายตา​ตอนที่​ลู่​เซิ่งปรากฏตัว​ สายตา​ที่​ทั้ง​ประหลาด​และ​อันตราย​นั้น​ นาง​ก็​เกิด​ลางสังหรณ์​ไม่ดี​อยู่​บ้าง​

“ยังมี​ประมุข​พรรค​…พวก​ประมุข​พรรค​ยัง​ไม่ได้​ส่งข่าว​มาจนถึง​ตอนนี้​” หวัง​เยวี่ย​เอ่ย​เสียง​เบา​

“หรือว่า​…” มีคน​คิด​ไป​ใน​ทาง​ที่​ไม่ดีแล้ว​

ตูม​!

เกิด​เสียงดัง​กึกก้อง​ จากนั้น​ก็​ไม่มีเสียง​ใด​อีก​

ทุกคน​อดใจ​ไม่ได้​ พวก​ที่​ขยับ​ได้​พา​กัน​ลุก​มาถึงประตู​ตำหนัก​ใหญ่​แล้ว​มอง​ไป​ด้านนอก​

เห็น​เงาคน​สูงใหญ่​สาย​หนึ่ง​ลาก​ลูกตุ้ม​หนัก​สอง​อัน​เดิน​เข้า​ซุ้มประตู​มาด้วย​ร่าง​อาบ​เลือด​

“ชนะ​แล้ว​!” หวัง​เยวี่ย​ตื่นเต้น​ รีบ​ลุก​เดิน​ออกจาก​ตำหนัก​ใหญ่​

คน​ที่​เหลือ​ตาม​ออก​ไป​ติดๆ​ ทุกคน​ยืน​อยู่​บน​ลาน​ฝึก​มอง​ลู่​เซิ่งเดิน​เข้ามา​ใกล้​ทีละ​ก้าว​

“จื่อลัว…”​ หวัง​เยวี่ย​มอง​ลู่​เซิ่งด้วย​จิตใจ​ซับซ้อน​ “ครั้งนี้​โชคดี​ที่​มีเจ้า ไม่อย่างนั้น​รากฐาน​นับ​พันปี​ของ​ พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​อาจ​พินาศ​ไป​แล้ว​”

ลู่​เซิ่งกวาดตา​มอง​คน​รอบ​ๆ แม้บน​ร่าง​ของ​เขา​จะมีเลือด​เปรอะเปื้อน​มากมาย​ แต่​ล้วน​ไม่ใช่ของ​เขา​ ชายหนุ่ม​กระแอม​ไอ​สอง​สามครั้ง​และ​กำลังจะ​เอ่ยปาก​

“ใน​เมื่อ​เจ้าร้ายกาจ​ถึงเพียงนี้​ ทำไม​ถึงไม่ลงมือ​เสีย​ตั้งแต่​เนิ่นๆ​!?” จู่ๆ ก็​มีเสียง​หนึ่ง​ดัง​มาจาก​ใน​กลุ่ม​ศิษย์​อย่าง​โกรธแค้น​

“ต้อง​รอ​พวกเรา​บาดเจ็บ​ล้มตาย​สาหัส​ เจ้าค่อย​ยอม​เปิดเผย​พลัง​ของ​ตัวเอง​อย่างนั้น​หรือ​?!” เสียง​นั้น​ว่า​ต่อ​

“ใคร​! ไสหัว​ออกมา​!?” ซ่งซิ่น​หรู​ส่งเสียง​ตวาด​และ​สะบัด​แขน​เสื้อ​

ชายหนุ่ม​หน้าซีด​คน​หนึ่ง​พลัน​กลิ้ง​ออกมา​จาก​ใน​กลุ่ม​ศิษย์​ ด้วย​เพราะ​ถูก​อาวุธ​ลับ​ชนิด​เข็ม​ที่​ซ่งซิ่น​หรู​ใช้แขน​เสื้อ​สะบัด​ไล่​ออกมา​

“ผู้อาวุโส​สูงสุด​ ข้า​ไม่ผิด​นะ​! ถ้าเขา​ลงมือ​เร็ว​กว่า​นี้​ พวกเรา​คง​ไม่บาดเจ็บ​หนัก​หลาย​คน​เช่นนี้​! น้องชาย​ข้า​…น้องชาย​ข้า​เขา​…เดิมที​ควร​มีอนาคต​สดใส​!” ชายหนุ่ม​คน​นี้​พูด​ไป​พูด​มาก็​ร้องไห้​โฮ

ซ่งซิ่น​หรู​ เหียน​ชิ่น​หรง​และ​หวัง​เยี่ยน​กำลังจะ​ดุด่า​ แต่กลับ​มีเสียง​หอบ​หายใจ​ปั่นป่วน​ดัง​มาจาก​ใน​หมู่​ลูกศิษย์​อย่าง​ต่อเนื่อง​

คน​ทั้ง​สามมองดู​อย่าง​ละเอียด​ พบ​ว่า​ศิษย์​ส่วนใหญ่​ขอบตา​แดงก่ำ​มอง​ลู่​เซิ่งด้วย​อารมณ์​พลุ่งพล่าน​อย่าง​มีเจตนาร้าย​

“พวก​เจ้ารู้​หรือไม่​ว่า​กำลัง​ทำ​สิ่งใด​อยู่​?!” หวัง​เยวี่ย​กระอัก​ไอ​หลาย​คำ​ ก่อน​จะตะโกน​ขึ้น​

ทุกคน​เงียบ​ลง​ ไม่มีใคร​ตอบ​

ก่อนหน้านี้​ไม่มีใคร​พูดถึง​ แต่​ตอนนี้​พอ​มีคน​เปิด​ประเด็น​ ทุกคน​ก็​นึก​ขึ้น​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​ว่า​ เหตุใด​ลู่​เซิ่งจึงรอ​จนถึง​ตอน​สุดท้าย​ค่อย​ลงมือ​ ไม่ได้​ปรากฏตัว​ขัดขวาง​หวัง​โหว​จงตั้งแต่แรก​

แม้จะดูเหมือนว่า​เขา​จะมาถึงเป็น​คน​สุดท้าย​ แต่​ก่อนหน้านี้​ลู่​เซิ่งอยู่​ใน​พรรค​มาโดยตลอด​ จู่ๆ วันนี้​ดัน​ลง​เขา​ นี่​ออกจะ​บังเอิญ​เกินไป​แล้ว​

ไหนจะ​พลัง​ของ​เขา​ที่​น่าสงสัย​ยิ่งนัก​อีก​ เป็น​แค่​ศิษย์​ธรรมดา​ เหตุใด​อยู่​ๆ ถึงมีพลัง​ที่​น่ากลัว​เช่นนี้​ได้​ นี่​ไม่สมเหตุสมผล​โดยสิ้นเชิง​

ชั่ว​ขณะนั้น​ทุกคน​เริ่ม​รู้สึก​ปั่นป่วน​ขึ้น​มา ครั้งนี้​หวัง​โหว​จงทำร้าย​คน​ไม่น้อย​ แม้เขา​จะไม่ได้​ลงมือ​ฆ่า แต่​อาการ​บาดเจ็บ​ของ​ศิษย์​หลาย​คน​ก็​ส่งผลกระทบ​ต่อ​ระดับ​การฝึกฝน​วรยุทธ์​ในอนาคต​

ลู่​เซิ่งมอง​เหล่า​คนหนุ่ม​ที่​กำลัง​อารมณ์​ปั่นป่วน​ตรงหน้า​โดย​ไม่รู้สึก​อะไร​

พวกเขา​ทาย​ไม่ผิด​ เขา​ไม่คิด​จะสนใจ​เรื่อง​เช่นนี้​จริงๆ​ ถ้าไม่ใช่เพราะ​ภายหลัง​หวัง​โหว​จงทำ​เกินเลย​ เขา​ก็​ไม่คิด​จะสนใจ​

ต่อให้​จะได้ยิน​เสียง​เตือนภัย​บน​เขา​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​ เขา​ก็​จงใจไม่มาในทันที​ เดิมที​นึก​ว่า​พวก​ผู้อาวุโส​รับมือ​ได้​ กลับ​นึกไม่ถึง​ว่า​จะอเนจอนาถ​ถึงขั้น​นี้​

นิ่ง​ไป​สักพัก​ ลู่​เซิ่งก็​หา​บุรุษ​ที่​เป็น​คน​ปลุกปั่น​ผู้คน​ตั้งแต่แรก​จน​เจอ​

คน​คน​นั้น​คือ​กวน​ซิ่ว​เหนียน​ เป็น​ทั้ง​ศิษย์​รัก​ของ​ประมุข​พรรค​และ​เป็น​ว่าที่​ประมุข​พรรค​คน​ต่อไป​ เป็น​วีรบุรุษ​ที่​ได้​ชื่อว่า​มีพลัง​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ โดดเด่น​ที่สุด​ท่ามกลาง​ศิษย์​รุ่น​ปัจจุบัน​

ขณะ​เห็น​นัยน์ตา​ปรากฏ​เส้นเลือด​หลาย​สาย​ของ​กวน​ซิ่ว​เหนียน​ ลู่​เซิ่งก็​เริ่ม​เข้าใจ​ขึ้น​มาบ้าง​แล้ว​

คง​เพราะ​เห็น​ตน​แสดง​ผลงาน​เกินหน้าเกินตา​ จึงกลัว​ว่า​จะแย่ง​ยศฐา​และ​คุณสมบัติ​ประมุข​พรรค​ไป​

ความจริง​ หาก​ดู​จาก​ท่าที​ของ​พวก​ซ่งซิ่น​หรู​กับ​หวัง​เย​วี่ย​ ถ้าไม่มีอะไร​เหนือ​ความคาดหมาย​ ลู่​เซิ่งอาจจะ​ส่งผลกระทบ​ต่อ​ตำแหน่ง​และ​คุณสมบัติ​ของ​กวน​ซิ่ว​เหนียน​เพราะ​เรื่อง​ใน​วันนี้​จริงๆ​

“พูด​มาสิ! ทำไม​เจ้าไม่ลงมือ​เสียแต่​เนิ่นๆ​ เอาแต่​หลบ​อยู่​ด้าน​ข้าง​ มองดู​พวกเรา​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​อย่าง​เลือดเย็น​ สุดท้าย​ค่อย​โผล่​มาพลิก​สถานการณ์​ คิด​ทำตัว​เป็น​ดาว​ช่วยชีวิต​[1]หรือ​!?” กวน​ซิ่ว​เหนียน​ไม่ได้​ส่งเสียง​เอง​ หาก​แต่​บอก​ให้​คนสนิท​ของ​ตน​ที่อยู่​ห่าง​ไป​ไม่ไกล​ตะโกน​เสียงดัง​

“หรือว่า​เจ้ายัง​คิด​ว่า​พวกเรา​จะซาบซึ้ง​ใน​บุญคุณ​ของ​เจ้าจริงๆ​ กระมัง​ ถุย​!” ชายหนุ่ม​คน​นั้น​ถุยน้ำลาย​ใส่ลู่​เซิ่ง

ลู่​เซิ่งหรี่ตา​จ้อง​พวก​หวัง​เยวี่ย​กับ​เหยียน​ชิ่น​หรง​

ซ่งซิ่น​หรู​เป็น​ผู้อาวุโส​สูงสุด​ที่​เร้น​กาย​มานาน​ ตอนนี้​มอง​ไป​ยัง​ผู้อาวุโส​ใหญ่​สอง​คน​ที่​มีอำนาจ​ เวลานี้​ประมุข​พรรค​ไม่อยู่​ พวกเขา​จึงต้อง​เป็น​คน​ตัดสินใจ​ ท่าที​ของ​พวกเขา​จะตัดสิน​ท่าที​ที่​พรรค​กระบี่​มีต่อ​ลู่​เซิ่ง

หวัง​เยวี่ย​อ้า​ปาก​ คิด​จะพูด​อะไร​สัก​อย่าง​ แต่​พอ​นึกถึง​คำพูด​ของ​กวน​ซิ่ว​เหนียน​เมื่อ​ครู่​ เขา​ก็​มองดู​เหยียน​ชิ่น​หรง​ที่​เงียบขรึม​อยู่​ด้าน​ข้าง​ จากนั้น​ก็​มอง​ลู่​เซิ่งอีกครั้ง​

“จื่อลัว​ เจ้า…ก่อนหน้านี้​ไม่ได้​…จงใจลงมือ​ช้าใช่หรือไม่​ บอก​ความจริง​มาเถิด​…”

ความจริง​เขา​ก็​สงสัย​พลัง​ลู่​เซิ่งที่​ระเบิด​ออกมา​อย่าง​อธิบาย​ไม่ได้​เช่นเดียวกัน​

ศิษย์​ที่​เดิมที​ฝีมือ​ธรรมดา​กลับ​ระเบิด​พลัง​ที่​ทำให้​คน​ตกตะลึง​ได้​อย่าง​ฉับพลัน​ หนำซ้ำ​ยัง​เป็น​พลัง​ที่​เหนือกว่า​ตน​อีก​ต่างหาก​

ไม่ว่า​จะอยู่​ใน​พรรค​ใด​ ย่อม​ต้องสงสัย​ทันที​ว่า​เขา​มีเรื่อง​ไม่ชอบมาพากล​เกิดขึ้น​

แม้ว่า​ลู่​เซิ่งจะเพิ่ง​ลงมือ​ช่วยเหลือ​พวกเขา​ก็ตาม​

ใน​เมื่อ​เขา​มีพลัง​แบบนี้​ เหตุใด​จึงยินยอม​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​เช่นนี้​

หรือว่า​หวัง​โหว​จงจะเป็น​คน​ที่​เขา​ชัก​นำมา​ ไม่อย่างนั้น​มหา​ปรมาจารย์​พรรค​อธรรม​จะลงมือ​อย่าง​ปรานี​ตั้งแต่แรก​ทำไม​

ต่อให้​จะมีความ​หลังกับ​ผู้อาวุโส​สูงสุด​ซ่งซิ่น​หรู​ ก็​ไม่จำเป็นต้อง​อดทน​ถึงขั้น​นี้​ ความเป็นไปได้​มาก​ที่สุด​ เกรง​ว่า​จะไม่ใช่อดกลั้น​ แต่​เพราะว่า​กริ่งเกรง​มากกว่า​กระมัง​

ลู่​เซิ่งส่ายหน้า​อย่าง​ผิดหวัง​ เพราะ​เห็น​ว่าไม่ได้​มีเพียงแค่​หวัง​เยวี่ย​เท่านั้น​ แม้แต่​ซ่งซิ่น​หรู​กับ​เหยียน​ชิ่น​หรง​ก็​ใช้สายตา​เคลือบแคลง​มอง​ตัวเอง​เช่นกัน​

วสัยทัศย์​คับแคบ​เช่น​มุสิก​นัก​[2]

ตอนนี้​ความคิด​ที่​เขา​คิด​จะเพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​แก่​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​จางหาย​ไป​มาก​โข​

อย่างไร​ผลกรรม​ของ​เฉินจื่อลัว​ก็​เป็น​แค่​การ​ใช้ชีวิต​ให้​พิเศษ​กว่า​เดิม​เท่านั้น​ ไม่ได้​มีความรู้สึก​เป็นอัน​หนึ่ง​อัน​เดียว​กับ​พรรค​กระบี่​อยู่แล้ว​

เพียงแค่​มีความรู้สึก​ใกล้ชิด​กับ​ตู้​เฟิงจื่อ​ผู้​เป็น​อาจารย์​กับ​ศิษย์​พี่​หนิง​เหมย​เล็กน้อย​เท่านั้น​ ส่วน​คนอื่นๆ​ เป็น​แค่​คนรู้จัก​เท่านั้น​

อย่างไร​เขา​ก็​เป็น​ลูกกำพร้า​ ครั้งกระโน้น​ถูก​ตู้​เฟิงจื่อ​เก็บ​มาเลี้ยง​ตอน​อยู่​กลาง​กระแส​คลื่น​ แล้ว​ค่อย​เริ่ม​เรียน​กระบี่​ ส่วน​คน​ที่​คอย​ชี้แนะ​เขา​ใน​เวลา​ส่วนใหญ่​คือ​ศิษย์​พี่​ใน​สาย​เดียวกัน​อย่าง​หนิง​เหมย​

……………………………………….

[1] ดาว​ช่วยชีวิต​ เป็นการ​เปรียบเปรย​ถึงผู้​ที่​ช่วยเหลือ​ผู้อื่น​ให้​พ้นทุกข์​

[2] วิสัยทัศน์​คับแคบ​เช่น​มุสิก​ เป็น​สำนวน​จีน​ ด้วย​สายตา​ของ​หนู​สามารถ​มองเห็น​ระยะ​เพียง​ 1 นิ้ว​เท่านั้น​ จึงเป็นการ​เปรียบเปรย​ถึงวิสัยทัศน์​ที่​คับแคบ​ ไม่อาจ​มองการณ์ไกล​

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท