ตอนที่ 2918 ตระกูลเผิงที่สั่นคลอน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

หลินสวินมองชายหนุ่มที่ร่ำไห้ชวนสังเวชหาใดเปรียบ คิ้วค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน

“พี่เผิง นี่เจ้าไปเจอเรื่องยุ่งยากอะไรมาหรือ”

เขานั่งยองๆ พลางถามเสียงเบา

ชายผู้นี้ก็คือเผิงเทียนเสียง!

คุณชายสูงศักดิ์ของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเผิง เป็นผู้ที่ลุ่มหลงรักใคร่ตู๋กูโยวหรันไม่เปลี่ยนใจ

เผิงเทียนเสียงในปีนั้นจิตใจกว้างขวาง สง่างามมีมาด มีตระกูลเผิงหนุนหลัง เดินไปไหนล้วนได้รับการดูแลและเคารพจากผู้คน

ทว่าเขาในตอนนี้กลับซูบผอม ผมเผ้ายุ่งเหยิง ต่างกันราวกับเป็นคนละคน ทำเอาก่อนหน้านี้แม้แต่หลินสวินยังจำไม่ได้สักนิด

จะต้องพบเจอเรื่องร้ายแรงอย่างไร ถึงทำให้ระดับมกุฎจักรพรรดิคนหนึ่งกลายสภาพเป็นเช่นนี้ได้

เนิ่นนานกว่าเผิงเทียนเสียงจะหยุดร้องไห้ สองมือจับสาบเสื้อหลินสวินแน่น กล่าวอย่างรีบร้อน “พี่หลิน ช่วยตระกูลเผิงของข้าด้วย ช่วยตระกูลเผิงของข้าด้วย!”

สองมือของเขาออกแรงหนักหน่วง ราวกับคว้าความหวังหนึ่งเดียวเอาไว้ คล้ายกลัวว่าถ้าปล่อยมือก็จะหลุดหายไป

“เจ้าใจเย็นลงก่อน ค่อยๆ พูด”

หลินสวินตบไหล่เขาเบาๆ เสียงคล้ายมีพลังพุ่งตรงเข้าใจคน กวาดเอาความรู้สึกร้อนรน ตื่นกลัว กังวล ตื่นเต้นในใจเผิงเทียนเสียงหายไป

อีกฝ่ายถึงค่อยๆ สงบลง

“พี่หลิน ทำให้เจ้าเห็นขันแล้ว” เสียงของเผิงเทียนเสียงขมขื่น

หลินสวินกล่าว “มีอะไรน่าขันกัน เล่ามาก่อนเถอะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

เผิงเทียนเสียงสูดหายใจลึกสองสามครั้ง พยายามทำให้ตัวเองสงบลง ถึงค่อยเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา

สิบแปดปีก่อนพันธมิตรสงครามสิบตระกูลประกาศออกไป สั่งขุมอำนาจทั่วหล้าจับกุมคนที่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน เรื่องนี้เคยสั่นคลอนไปทั้งโลกยอดนิรันดร์

น่านฟ้าที่หกในตอนนั้นก็ฮือฮากับเรื่องนี้ไม่หยุดเช่นกันดฮณ๊ฯดฯฌซ,

แต่เผิงเทียนเสียงกลับคิดไม่ถึงจริงๆ ก็ไม่รู้ใครปล่อยข่าวที่เขากับหลินสวินเป็นสหายกันมานาน ทำให้ตระกูลเผิงของพวกเขาถูกเพ่งเล็ง

ปีนั้นเผ่าจักรพรรดิอมตะหลายตระกูลในน่านฟ้าที่หกต่างทราบข่าวและปรี่เข้ามาราวฉลามได้กลิ่นเลือด อาศัยเรื่องนี้สร้างคลื่นลม

บ้างอยากกลืนกินพื้นที่และอิทธิพลที่ตระกูลเผิงครอบครอง

บ้างโลภในสมบัติและทรัพยากรฝึกปราณที่ตระกูลสะสมมาหลายปี

บ้างก็ยิ่งกว่านั้น จับจ้องพลังระเบียบของตระกูลเผิง

เรียกได้ว่าตระกูลเผิงในปีนั้นก็เหมือนแพะอ้วนตัวหนึ่ง ถูกหมาป่าหิวโหยนับไม่ถ้วนจับจ้อง อยู่ในสถานการณ์อันตรายสุดขีด

เผิงจั้นผู้นำตระกูลเผิงและเป็นบิดาของเผิงเทียนเสียงขับไล่เผิงเทียนเสียงออกไปทันที ไม่ให้เขากลับมาอีก

และในวันนั้นเผิงจั้นก็ประกาศต่อโลกภายนอกว่าตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเผิงเทียนเสียงแล้ว หลังจากนี้เผิงเทียนเสียงและตระกูลเผิงไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีก

การทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องตระกูลเผิงทั้งหมดไว้

ทว่าเรื่องนี้กลับไม่อาจทำลายความตั้งใจของพวกเผ่าจักรพรรดิอมตะที่จับจ้องพวกเขาได้ กลับเป็นยิ่งข่มขู่คุกคาม ประกาศว่าจะจับทุกคนในตระกูลเผิงของพวกเขาส่งให้พันธมิตรสงครามสิบตระกูลจัดการ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลเผิงจึงต้องกล้ำกลืนถอยให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ค่อยๆ มอบอำนาจอิทธิพล เขตพื้นที่ ทรัพยากรฝึกปราณที่ครอบครองทั้งหมดออกไป พยายามใช้เงินกำจัดภัย

เพียงแต่นี่ก็เป็นแค่การดื่มพิษดับกระหายเท่านั้น ย่อมไม่อาจเติมเต็มกระเพาะของเผ่าจักรพรรดิอมตะพวกนั้นได้

ด้วยเหตุนี้ในเวลาต่อมา เผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านี้จึงใช้สารพัดวิธีกลั่นแกล้งตระกูลเผิง ใช้อุบายทุกอย่างไปฮุบสมบัติที่เหลืออยู่ของตระกูลเผิง

เห็นอยู่ว่าทุกอย่างที่ตระกูลเผิงเคยครอบครองกำลังจะถูกเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้นชิงไป ข่าวหนึ่งก็กระจายออกมา ลัทธิแรกกำเนิดประกาศต่อโลกภายนอก ว่าขอเพียงเป็นศัตรูกับหลินสวิน ก็เท่ากับเป็นศัตรูของลัทธิแรกกำเนิดด้วย

ทันทีที่ข่าวกระจายออกไป ใต้หล้าล้วนตกตะลึง

เผ่าจักรพรรดิอมตะที่มองตระกูลเผิงเป็นอาหารบนจานหวาดวั่นในใจเช่นกัน จึงไม่กล้าเหิมเกริมเหมือนแต่ก่อนอีก

เดิมทีตระกูลเผิงคิดว่าภัยครั้งนี้จะสิ้นสุดแล้ว

แต่ใครจะคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป เผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นไม่สำรวม ดูภายนอกไม่มาวุ่นวายกับตระกูลเผิงอีก แต่ในที่มืดกลับลงมืออย่างต่อเนื่อง ในหลายปีนั้นคนตระกูลเผิงที่กระจายอยู่ในน่านฟ้าที่หกแทบจะถูกจับไปอย่างไร้สุ่มเสียงทั้งหมด!

ถึงขั้นว่าคนตระกูลเผิงตอนนี้ไม่กล้าออกจากบ้านแม้แต่ครึ่งก้าว ตื่นตระหนกหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าการฆ่าล้างตระกูลอย่างแท้จริงจะมาเยือนเมื่อไร

เมื่อเข้าใจเรื่องนี้แล้ว ในอกหลินสวินก็มีความเย็นชาเพิ่มขึ้นมา ดวงตาเปลี่ยนเป็นน่ากลัว

เรื่องนี้ว่ากันถึงที่สุดแล้วก็เกิดขึ้นเพราะเขา!

แต่เผิงเทียนเสียงกับตระกูลเผิงเบื้องหลังเขากลับถูกพัวพันไปด้วยที่ที่บริสุทธิ์ ต้องพบเจอหายนะที่ไม่คาดคิด!

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนตระกูลเผิงที่ถูกจับไปเหล่านั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” หลินสวินถาม

เผิงเทียนเสียงส่ายหน้า “หลายปีนี้ข้าซ่อนตัวอยู่ใกล้เขาเทพหลังมังกรมาตลอด ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาสักนิด ข่าวทั้งหมดที่สืบได้จึงมีจำกัด”

หลินสวินมองใบหน้าชวนสังเวชยิ่งของเขาแล้วรู้สึกขมขื่นขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้ มีหรือจะไม่รู้ว่าเผิงเทียนเสียงคนนี้เป็นห่วงความปลอดภัยของตระกูลเผิง ถึงได้เปลี่ยนเป็นตกต่ำถึงเพียงนี้

“เจ้า… รอข้าอยู่ที่นี่มาตลอดหรือ” หลินสวินถาม

เผิงเทียนเสียนพยักหน้า เอ่ยเสียงแหบแห้ง “เขาเทพหลังมังกรเป็นที่ตั้งของตระกูลลั่ว แต่กลับถูกตระกูลเหยายึดครอง ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่าถ้าเจ้ากลับย่อมต้องช่วยตระกูลลั่วชิงเขาเทพหลังมังกรกลับมาเป็นแน่ ดังนั้นหลายปีนี้จึงอยู่รอเจ้าที่นี่มาโดยตลอด”

พูดถึงตอนท้ายใบหน้าของเขาก็เผยสีหน้าละอาย “เดิมทีนี่เป็นความแค้นของตระกูลเผิงของข้า แต่ลำพังข้า… ลำพังกำลังของข้าคนเดียวไม่มีทางแก้ไขเรื่องทั้งหมดนี้ได้สักนิด และในหมู่คนที่จะสามารถช่วยเหลือตระกูลเผิงของข้า เท่าที่ข้านึกออกก็มีเพียงพี่หลินเท่านั้นที่สามารถทำได้ ฉะนั้น…”

ไม่รอพูดจบหลินสวินก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว艾琳小說

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ระหว่างที่ยืนขึ้นก็พยุงเผิงเทียนเสียงขึ้นจากพื้นด้วย กล่าวสีหน้าจริงจัง “เรื่องนี้เกิดเพราะข้า ข้าต้องชดใช้ให้ตระกูลเผิงของพวกเจ้าแน่นอน!”

น้ำเสียงเด็ดขาด เจือกลิ่นอายสังหารอันเย็นเยียบ

ถ้าไม่ใช่ว่าเขาตัดสินใจกลับมาน่านฟ้าที่หก เขาก็ไม่กล้าคิดเลยว่าหลังจากนี้ตระกูลเผิงจะยังคงอยู่บนโลกนี้ได้หรือไม่

“พี่หลิน ขอบคุณยิ่งนัก!”

เผิงเทียนเสียงซาบซึ้งจนเสียงสะอึกสะอื้นไปหมด

ในหลายปีนี้ภายใต้ความจนหนทาง สิ้นหวังหวาดกลัว กายใจอ่อนล้า ทำให้ทั้งร่างเขาเผยลักษณะบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้ในที่สุดความหวังที่เขาเฝ้าปรารถนาก็มาถึงแล้ว!

หลินสวินตบไหล่เขาเบาๆ “พี่เผิง เจ้ามานำทาง พวกเราไปตระกูลเผิงเดี๋ยวนี้!”

เผิงเทียนเสียงพยักหน้าแรงๆ

วันนั้นหลินสวินก็พาเผิงเทียนเสียงออกจากแคว้นเทพวารีนภา

แต่ก่อนจากไป หลินสวินให้กายมรรควารีดำมุ่งหน้าไปเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหลิงที่อยู่ในแคว้นเทพวารีนภาเช่นกัน

ด้วยพลังของกายมรรควารีดำ การทำลายตระกูลหลิงไม่ได้เปลืองแรงด้วยซ้ำ

แคว้นเทพนภาคราม

สมัยก่อนตระกูลเผิงเป็นนายเหนือหัวหนึ่งเดียวในแคว้นเทพนภาคราม อิทธิพลกระจายไปทั่ว มีขุมอำนาจเล็กๆ นับไม่ถ้วนอยู่ใต้อาณัติ

ในน่านฟ้าที่หก ตระกูลเผิงเป็นเผ่าจักรพรรดิอมตะชั้นยอดอับดับต้นๆ เทียบได้กับเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหวิน เหิง เฮ่อ จู้

ทว่าตั้งแต่สิบแปดปีก่อน อิทธิพลของตระกูลเผิงก็เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงอำนาจและเขตพื้นที่ในครอบครองถูกศัตรูกัดกิน แม้แต่ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายปีก็จวนจะถูกยึดไปหมด

ไม่ว่าใครต่างรู้ดีว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วตระกูลเผิงต้องย่อยยับดับสลายราวเมฆควันแน่

เขาเทพชะตาสวรรค์

ที่ตั้งของตระกูลเผิง

ในโถงใหญ่ตระกูลเผิงวันนี้

เผิงจั้นสีหน้าอึมครึมไม่น่าดู โกรธจนผมเคราชี้ตั้ง

เหล่าคนใหญ่คนโตในตระกูลเผิงที่นั่งอยู่สีหน้าคล้ำเขียวยิ่งเช่นกัน

“พวกเจ้าตระกูลเผิงใคร่ครวญให้ดีๆ เป็นของนอกกายพวกนั้นหรือชีวิตของคนในตระกูลของพวกเจ้าที่สำคัญกว่ากันแน่”

ร่างสามสายยืนอยู่กลางโถงใหญ่ ผู้นำคือเฒ่าชราชุดเขียวนำโดยเฒ่าชราชุดเขียว แววตาเย่อหยิ่ง มุมปากยกยิ้มเย็นเยียบบางๆ

พวกเขามาจากตระกูลเหวิน เฒ่าชราชุดเขียวที่เป็นผู้นำนามเหวินยงกุย มาครั้งนี้เพื่อเจรจา ‘ค้าขาย’ กับตระกูลเผิง

บุคคลสำคัญคนหนึ่งในตระกูลเผิงกล่าวอย่างเดือดดาล “ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลร้อยล้านก้อน แลกได้เพียงระดับจักรพรรดิสิบเก้าคน พวกเจ้าคนตระกูลเหวินช่างเหี้ยมนัก!”

พูดจบในใจคนใหญ่คนโตที่นั่งเหล่านี้ต่างทุกข์ระทม

ถ้าเป็นเมื่อก่อน สำหรับพวกเขาตระกูลเผิง ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลร้อยล้านก้อนไม่นับเป็นอะไร หยิบใช้ได้ตามสะดวก

แต่ไม่กี่มานี้ตระกูลเผิงของพวกเขาถูกเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้นสูบทรัพย์สมบัติไปไม่หยุด ถึงขั้นเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการทำลายตระกูล จึงต้องจ่ายค่าตอบแทนหนักหน่วงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต้องใช้ทรัพย์กำจัดภัยไปไม่น้อย

ถึงตอนนี้ทรัพย์สินในตระกูลของพวกเขาถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว สำหรับพวกเขาผลึกต้นกำเนิดจักรวาลร้อยล้านก้อนจึงเรียกได้ว่ามูลค่าสูงยิ่ง!

กลับเห็นเฒ่าชราชุดเขียวเหวินยงกุยยิ้มกล่าวว่า “ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลไม่พอ ก็เอาสมบัติมาแลกได้ ถ้าสมบัติไม่พอ ก็สละเขาเทพชะตาสวรรค์ สรุปแล้วมีวิธีแก้ปัญหาได้มากมาย”

“อยากให้พวกเราสละเขาเทพชะตาสวรรค์หรือ อย่าหวัง!”

ดวงตาเผิงจั้นแดงก่ำ กล่าวอย่างฉุนเฉียว “รู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าตระกูลเหวินเป็นหมาป่าโลภมาก แต่นึกไม่ถึงว่าจะถึงขั้นหมายตารากฐานตระกูลเผิงของข้า ช่างละเมอเพ้อพกจริงๆ!!”

เหวินยงกุยกล่าวเรียบๆ “เผิงจั้น โทสะแก้ปัญหาไม่ได้ เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุดว่าตระกูลเผิงเข้าตาจนแล้ว หมดทางเยียวยา น่านฟ้าที่หกในตอนนี้ไม่ใช่แค่พวกข้าตระกูลเหวินที่จับจ้องเขาเทพชะตาสวรรค์ของพวกเจ้า เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลอื่นๆ มีใครไม่อยากยึดครองที่นี่บ้าง”

เขาเว้นช่วงไปแล้วกล่าวต่อ “แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ไม่สู้มอบให้พวกเราตระกูลเหวิน ไม่แน่ว่าพวกเราตระกูลเหวินจะนึกถึงไมตรีในอดีต มอบทางรอดสักสายให้พวกเจ้าตระกูลเผิง”

บรรยากาศในโถงใหญ่กดดันขึ้นเรื่อยๆ

เผิงจั้นสูดหายใจลึกกล่าวว่า “ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์[1] ตระกูลเผิงข้ายอมสิ้นทั้งตระกูลก็ไม่ยอมมอบเขาเทพชะตาสวรรค์ให้เด็ดขาด!”

เหวินยงกุยหัวเราะหยัน “ไม่รู้จักดีชั่ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราก็มาคอยดูกัน”

กล่าวพลางเขาก็จะพาอีกสองคนหันหลังจากไป

คนใหญ่คนโตตระกูลเผิงคนหนึ่งอดเอ่ยไม่ได้ “ช้าก่อน ต้องทำอย่างไรพวกเจ้าตระกูลเหวินจึงจะส่งตัวคนในตระกูลเผิงสิบเก้าคนนั้นกลับมา”

เหวินยงกุยสีหน้าเฮยเมย “เรื่องนี้ไม่ต้องคุยกันแล้ว อย่าว่าแต่ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลร้อยล้านก้อน ต่อให้เป็นผลึกต้นกำเนิดจักรวาลพันล้านหมื่นล้านก้อนก็ไม่อาจพูดคุย”

กล่าวพลางเขาก็ก้าวออกจากโถงใหญ่

หน้าอกพวกเผิงจั้นกระเพื่อมขึ้นลง โกรธจนแทบระเบิด แค้นที่ไม่อาจพุ่งไปรั้งตัวพวกเหวินยงกุยโดยไม่ต้องสนอะไรทั้งสิ้น

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังบังคับตัวเองไม่ให้กระทำเช่นนี้ออกไป

เพราะอำนาจเทียบอีกฝ่ายไม่ได้!

ทั้งยังเป็นไปได้ยิ่งว่าจะชักนำภัยร้ายแรงมาสู่ตระกูลเผิงที่อยู่ในสภาพสั่นคลอนนี้!

พวกเผิงจั้นไม่สงสัยสีกนิด ว่าหากจับตัวพวกเหวินยงกุยไว้ ในเวลาไม่กี่วันกำลังพลของตระกูลเหวินก็จะโจมตีเข้ามา ถึงตอนนั้นเผ่าจักรพรรดิคนอื่นๆ จะไม่ฉวยโอกาสลงมือได้อย่างไร

ถ้าสถานการณ์พัฒนาไปถึงจุดนั้น ตระกูลเผิงก็คงจบสิ้นจริงๆ แล้ว!

ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้ชัดยิ่งกว่า ว่าหากสถานการ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไป ตระกูลเผิงก็จะยิ่งลำบากขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ก็จะยิ่งอันตรายขึ้นเช่นกัน…

แต่พวกเขาไม่อาจสนใจอย่างอื่น ทำได้แค่ยื้อต่อไป ยื้อเวลาออกไปได้เท่าไหนก็เท่านั้น

นี่น่าสลดยิ่งนัก

และพาให้คนสิ้นหวังมากเช่นกัน

ทว่าตระกูลเผิงในตอนนี้ มาถึงจุดสิ้นสุดแล้วจริงๆ ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว

ปึง! ปึง! ปึง!

ทันใดนั้นร่างสามสายก็กระเด็นเข้ามาจากนอกโถงใหญ่เหมือนว่าวที่สายป่านขาด กลิ้งหลุนๆ กับพื้นอย่างแรง

เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกเผิงจั้นต่างอึ้งไปทันที เมื่อมองไป คนที่กลิ้งเข้ามานั่นคือพวกเหวินยงกุยสามคนที่เพิ่งจากไป!

“นี่…”

พวกเผิงจั้นหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน มือไม้ทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง

ก็เป็นตอนนี้เองที่ร่างสองสายเดินเข้ามาจากนอกโถงใหญ่

หนึ่งในนั้นยังไม่ทันเดินเข้าโถงใหญ่ก็ร้องเรียกอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อ! ลูกกลับมาแล้ว!”

——

[1] ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ เดิมใช้ในความหมายว่า ยอมตายไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี ภายหลังมักใช้หมายถึงการยึดมั่นในหลักความเชื่อ-อุดมการณ์ของตนอย่างแน่วแน่ แม้จนตัวตายก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน