ในน่านฟ้าที่หกมีแคว้นเทพสามสิบหกแห่ง มีเผ่าจักรพรรดิอมตะใหญ่น้อยยึดครองอยู่มากกว่าร้อยตระกูล
นอกจากเผ่าจักรพรรดิอมตะ ยังมีขุมอำนาจอย่างสำนักศึกษาต่างๆ มากมาย
และในสามวันนี้
เผ่าจักรพรรดิอมตะ ขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในน่านฟ้าที่หกแทบทั้งหมดล้วนสะท้านใจไม่ว่างเว้น ตกตะลึงกับข่าวที่กระจายมาแทบทุกช่วงเวลา
ยามพวกเขารวบรวมข่าวได้มากมายยิ่งขึ้น
ทั้งใต้หล้าต่างก็ตื่นตะลึงแล้ว
ทำลายเผ่าจักรพรรดิอมตะใหญ่เก้าตระกูลรวดเดียว
มิหนำซ้ำสถานการณ์ที่ตระกูลใหญ่ต่างๆ พังพินาศก็แทบจะเหมือนกันหมด คนเบื้องบนถูกสังหาร ระดับจักรพรรดิถูกทำลายปราณ พลังระเบียบถูกเก็บไป ที่ตั้งถูกเหยียบย่ำ!
วิธีการเหล่านี้ล้วนกำลังบอกว่าเป็นสิ่งที่คนผู้เดียวทำ
“เป็นใครกันแน่ ถึงกับแข็งกร้าวน่าหวาดหวั่นเช่นนี้”
ผู้คนนับไม่ถ้วนใจสั่นสะท้าน ร้องลั่นเอ็ดอึง คนที่ทำเรื่องนี้ลงมืออย่างเด็ดขาด สังหารอย่างโหดเหี้ยม น่าประหวั่นพรั่นพรึงนัก
คำตอบนั้นล่วงรู้ได้ง่ายนัก เพราะแม้ว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งเก้านี้จะถูกทำลาย แต่คนในตระกูลของพวกเขาไม่ได้ถูกสังหารราบคาบ เมื่อข่าวกระจายออกไปมากเข้า ชื่อหนึ่งก็เริ่มปรากฏขึ้นไม่หยุด
หลินสวิน!
บุคคลเย้ยฟ้าที่ถูกพันธมิตรสงครามสิบตระกูลมองเป็นศัตรูตัวฉกาจอันดับหนึ่งผู้นั้น ปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หก!
ยามนี้ต่อให้เป็นคนที่โง่เขลากว่านี้ก็รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
เรื่องใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
“หลินสวิน รองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิด ผู้สืบทอดคีรีดวงกมล เคยบุกตะลุยจากแดนใหญ่พันศึกมาถึงน่านฟ้าที่หก ทั้งยังเข้าลัทธิแรกกำเนิดในฐานะอันดับหนึ่ง เคยทำลายสี่ตระกูลตงหวงขุมอำนาจชั้นยอดของน่านฟ้าที่เจ็ด ทั้งยังเข่นฆ่าจนผู้แข็งแกร่งสิบยักษ์ใหญ่อมตะหัวหลุดกลิ้งในศึกมรรคอมตะ…”
“ก็มีแต่พวกน่ากลัวไม่มีใครเกินเช่นนี้ถึงทำลายเผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งเก้า เคลื่อนกวาดไร้อุปสรรคได้อย่างต่อเนื่องในเวลาเพียงสามวัน!”ไอรีนโนเวล
“สวรรค์ เกรงว่าน่านฟ้าที่หกนี้คงปั่นป่วนแล้ว!”
“ดูเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ถูกทำลายเหล่านั้นสิ มีตระกูลไหนไม่เคยลงมือกับอาณาเขตและอำนาจของตระกูลเผิงบ้าง ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเขาอ้างว่ารับใช้พันธมิตรสงครามสิบตระกูลไปโจมตีตระกูลเผิงที่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน จะประสบกับหายนะขั้นนี้ได้อย่างไร”
“ตอนนั้นลัทธิแรกกำเนิดเคยป่าวประกาศไว้ว่าใครก็ตามที่เป็นศัตรูของหลินสวิน ล้วนเป็นศัตรูของลัทธิแรกกำเนิดทั้งสิ้น แต่เกรงว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งเก้านั่นจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้สักนิดกระมัง”
…เสียงถกและฮือฮานับไม่ถ้วนดังขึ้นในขุมอำนาจาผงๆ ของน่านฟ้าที่หก ไม่ว่าพลังปราณจะสูงหรือต่ำก็สั่นสะท้านไม่ว่างเว้นเพราะเรื่องนี้
กระทั่งผู้คนค่อยๆ สงบใจจากความตื่นตระหนก ขุมอำนาจใหญ่จำนวนหนึ่งล้วนตระหนักได้ ว่าการปรากฏตัวของหลินสวินคราวนี้จะชักนำเคราะห์สังหารคับฟ้ามา!
“ถ้าหลินสวินหดหัวอยู่ในลัทธิแรกกำเนิดมาตลอด พันธมิตรสงครามสิบตระกูลก็คงทำอะไรเขาไม่ได้ในเวลาอันสั้น แต่เขากลับออกจากลัทธิแรกกำเนิดมาปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หกนี้ นี่เป็นการพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา!”
“รอดูเถอะ ถ้าพันธมิตรสงครามสิบตระกูลรู้ข่าว จะต้องส่งกำลังพลออกมาโจมตีหลินสวินถึงตายทันที!”
“หลินสวินมีฐานะเป็นรองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิด ย่อมไม่มีทางเป็นคนโง่เขลามุทะลุ คราวนี้เขาปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หกอย่างโดดเด่นเช่นนี้ จะมีแผนอะไรหรือไม่”
ก็ในระหว่างที่คลื่นลมใหญ่โตซัดขึ้นในน่านฟ้าที่หก
คนทั้งตระกูลเผิงถูกจัดวางให้อยู่ในสมบัติชิ้นหนึ่ง มีกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินพาออกจากเขาเทพชะตาสวรรค์ไปแล้ว
ส่วนร่างต้นหลินสวินยังอยู่ต่อ
เขารออยู่
ศัตรูในน่านฟ้าที่หกเหล่านั้นถูกเขาทวงแค้นอย่างเบ็ดเสร็จทั้งหมด หลังจากข่าวกระจายออกไป พันธมิตรสงครามสิบตระกูลจะต้องส่งคนมาแน่!
และเขาเทพชะตาสวรรค์ที่ตระกูลเผิงอยู่จะเป็นที่ที่เหมาะกับการต่อสู้เป็นอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย
สองวันต่อมา
กายมรรคไม้เขียวกลับมา ทั้งยังทำให้หลินสวินรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้งตระกูลเผิงถูกส่งไปอยู่ใน ‘โลกแสงเหนือ’ ที่อยู่ในส่วนลึกของถ้ำเทพแสงเหนือ หนึ่งในสามเขตผนึกของทะเลประหัตมารอย่างราบรื่นแล้ว
กายมรรคไม้เขียวได้พบกับลู่ป๋อหยาและคู่สามีภรรยาลั่วชิงสวินด้วย ทั้งยังมอบธุระเรื่องการจัดแจงทั้งตระกูลเผิงให้ลั่วเซียว ผู้นำตระกูลลั่วเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง
การสะสางเรื่องนี้ทำให้หลินสวินผ่อนคลายเป็นปลิดทิ้ง
กลางดึก
จันทราแจ่มแจ้งดาราบางตา สายลมราตรีพัดผะแผ่ว
ยอดเขาสูงเด่นแห่งหนึ่งในเขาเทพชะตาสวรรค์ หลินสวินถือน้ำเต้าสุรานั่งสบายใจอยู่ริมผา เสื้อผ้าโบกปลิวตามลม คล้ายเซียนจุติลงมา
‘อีกยี่สิบกว่าปีหัวหน้าหอโหยวเป่ยไห่ก็จะแจ้งมรรคนิรันดร์ ต้องมีเคราะห์ใหญ่ที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์มาเยือนแน่…’
หลินสวินดื่มสุราพลางครุ่นคิด ‘เคราะห์ใหญ่คราวนี้อาจจะเกิดขึ้นในลัทธิแรกกำเนิด และเป็นไปได้ว่าอาจเกิดขึ้นในลัทธิวิญญาณหรือแดนยอดจักรวาล แต่ไม่ว่าอย่างไรเป้าหมายของพวกเขาล้วนเป็นเพื่อสังหารข้า’
หลินสวินรู้ว่ามรรคายอดอมตะของตนกับพลังระเบียบระดับเทพที่ครอบครอง ทำให้น่านฟ้าที่เก้ากับเผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้นนั่งไม่ติดแล้ว
เผ่าเทพนิรันดร์เหล่านี้อาจจะไม่ปรากฏตัว แต่พวกเขากลับสั่งให้กำลังพลของสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ลัทธิฌาน และลัทธิพ่อมดมาจัดการตนได้!
หลินสวินไม่ได้หวาดกลัวเรื่องพวกนี้
แต่เขากลับไม่อาจทนให้เคราะห์เช่นนี้ดึงเอาคนอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป เช่นคนร่วมสำนักลัทธิแรกกำเนิดเหล่านั้น หรือศิษย์พี่คีรีดวงกมลเหล่านั้น
พูดได้ว่าเขายอมแบกรับทุกอย่างนี้เอง ก็ไม่อยากให้คนเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมาน่านฟ้าที่หก
เขาอยากสู้กับศัตรูด้วยพลังของตัวเองเพียงผู้เดียว!
และความจริงสิทธิ์ในการตัดสินใจก็ย้ายมาอยู่ในมือเขาตั้งแต่วันที่เขาปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หกแห่งนี้แล้ว
ศัตรูไม่มีทางคิดว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขายังกล้าปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หกเพียงลำพัง และขอเพียงศัตรูส่งกำลังพลออกมาจัดการเขา ก็เท่ากับถูกเขาจูงจมูก!
หลินสวินมั่นใจว่าเว้นแต่ร่างต้นระดับนิรันดร์ปรากฏตัว หาไม่แล้วบนโลกนี้แทบจะหาคนที่สามารถคุกคามถึงชีวิตเขาได้ยาก
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาหมายใจให้กำลังพลที่ศัตรูส่งออกมายิ่งเยอะยิ่งดี
‘ทำเวลาพัฒนาพลังปราณให้ทะลวงขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ภายในยี่สิบปี ถึงตอนนั้นยามรับมือรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์คงจะง่ายขึ้นบ้าง’
ครู่ใหญ่หลินสวินยกน้ำเต้าสุราขึ้นดื่มอึกใหญ่ ตาดำดุจหุบเหวฉายแววแน่วแน่
……
ในวันที่เก้าที่นับตั้งแต่เผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งเก้าย่อยยับ
แคว้นเทพเทียนหลัน
อาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเจิ้ง
ฟ้าสางวันนี้เจิ้งวั่นหงผู้นำตระกูลเจิ้งนำเหล่าคนใหญ่คนโตในตระกูลออกเคลื่อนไหว มายังที่ราบกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง
จากนั้นพวกเขาก็ยืนเงียบ มองดูท้องฟ้าเป็นครั้งคราว
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ
ในส่วนลึกของเวิ้งฟ้าพลันเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นระลอกหนึ่ง ห้วงอากาศปั่นป่วนรุนแรง จากนั้นเงาร่างตระการตาสูงตระหง่านกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ดุจดั่งเหล่าเทพมาเยือน!
“ยินดีต้อนรับใต้เท้าทุกท่าน!”
เหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลเจิ้งอย่างพวกเจิ้งวั่นหงตัวแข็งทื่อไปหมด จากนั้นพากันโค้งตัวคารวะ สีหน้าล้วนเจือความเคารพยำเกรงจากก้นบึ้งของจิตใจ
“ไม่ต้องมากพิธี พาพวกเราไปที่พักก่อน”
บนเวิ้งฟ้านั้นเงาร่างสูงตระหง่านที่นำหน้าร่างหนึ่งเอ่ยปาก ประหนึ่งสัทครรลองมหามรรคดังก้อง
“ขอรับ!”
เจิ้งวั่นหงรับคำสั่งด้วยความนอบน้อม
เขาฝืนเก็บกลั้นความกระสับกระส่ายและตื่นเต้นภายในใจ นำทางอยู่ข้างหน้าร่วมกับคนในตระกูลคนอื่น
“เทียบกับน่านฟ้าที่แปดแล้ว ไอวิญญาณน่านฟ้าที่หกแห่งนี้ก็เบาบางเกินไป ไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่อยู่ในน่านฟ้านี้แจ้งมรรคอมตะได้อย่างไร”
“เฮอะๆ น่านฟ้าที่หกยังถือว่าดีแล้ว อย่างน่านฟ้าที่หนึ่งนี่ประหนึ่งบ่อน้ำเน่า อย่าว่าแต่แจ้งมรรคอมตะ ต่อให้แจ้งมรรคบรรพจารย์จักรพรรดิยังยาก”
“พวกเจ้าว่าทำไมหลินสวินเลือกมาน่านฟ้าที่หก คิดจริงๆ หรือว่ามียอดอมตะแล้วจะทำอะไรได้อย่างใจนึก”
“เจ้าหมอนี่มีแผนอะไรแน่ ต้องสืบหาดีๆ”
เงาร่างดุจเทพมาเยือนเหล่านั้นพูดคุยพลางเคลื่อนไหวไปด้วย
พวกเขาต่างมาจากน่านฟ้าที่แปด มีถึงสิบคน แต่ละคนล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ ในน่านฟ้าที่หกย่อมเป็นบุคคลระดับนายเหนือหัวก็มิปาน
ผู้เป็นหัวหน้าคือผู้อาวุโสคนหนึ่งของยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลหวัง นามว่าหวังเต้าสิง เงาร่างสูงโปร่ง ใบหน้าดุจมณียอดมงกุฎ แขนเสื้อไหวกระพือ มือถือบรรทัดหยกมรกตเล่มหนึ่ง สง่างามเหนือธรรมดา
คนทั้งเก้าที่ตามเขามาติดๆ มาจากเก้ายักษ์ใหญ่อมตะ
ไม่นานนักด้วยการนำทางของเจิ้งวั่นหง พวกหวังเต้าสิงก็มาถึง ‘เขาเทพแสงขนัด’
ภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
หวังเต้าสิงนั่งบนที่นั่งประธานตรงกลาง เอ่ยถามว่า “สืบข่าวเป็นเช่นไรบ้าง”
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่นั่งอยู่บนที่นั่งทั้งสองด้านอีกเก้าคนก็มองไปที่เจิ้งวั่นหง
เจิ้งวั่นหงกดดันหวั่นระแวง ได้ยินดังนั้นก็รีบเอาม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมา ใช้มือทั้งสองประคองส่งให้อย่างเคารพ “ใต้เท้า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนล้วนถูกบันทึกไว้ในม้วนหยกทั้งหมดขอรับ”
หวังเต้าสิงเอาม้วนหยกมาพลิกอ่าน เขาสีหน้าสงบนิ่งจริงจัง
ในม้วนหยกบันทึกเรื่องที่หลินสวินปรากฏตัวในแคว้นเทพวารีนภา จัดการกับตระกูลเหยาและตระกูลหลิง ทั้งยังบันทึกรายละเอียดการทำลายเผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งเก้าเมื่อหลายวันก่อนด้วย
มิหนำซ้ำขนาดความแค้นในช่วงสิบแปดปีนี้ของตระกูลเผิงกับเผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งเก้ายังถูกบันทึกไว้โดยละเอียด
นี่ทำให้หวังเต้าสิงรู้ถึงสิ่งที่หลินสวินทำในน่านฟ้าที่หกในช่วงหลายวันนี้ได้อย่างรวดเร็ว
เขาส่งม้วนหยกในมือให้สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นที่อยู่ที่นั่น สายตามองไปที่เจิ้งวั่นหงแวกล่าวว่า “หาร่องรอยของเจ้าหลินสวินนี่ได้หรือไม่”
เจิ้งวั่นหงก้มหน้าเอ่ย “เรียนใต้เท้า หลินสวินคนนั้นร่องรอยไม่แน่นอน อานุภาพยังน่ากลัว ด้วยกำลังของตระกูลข้ายังไม่อาจหาตำแหน่งของเขาได้เช่นกัน”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งแค่นเสียงเย็น “สวะไร้ประโยชน์!”
เจิ้งวั่นหงพลันใจสั่น รีบก้มตัวขอโทษ “ขอผู้อาวุโสคลายโทสะ!”
“ไม่ต้องลนลานไป พวกเรามาคราวนี้เกรงว่าจะต้องพักอยู่ที่ตระกูลเจิ้งของพวกเจ้าสักพัก มีเรื่องไม่น้อยที่ต้องรบกวนพวกเจ้า” หวังเต้าสิงเอ่ยเสียเบาๆ
เจิ้งวั่นหงรีบเอ่ยว่า “ใต้เท้าทุกท่านมาเยือนนับเป็นเกียรติอย่างสูงต่อตระกูลเจิ้ง! ไม่ว่าใต้เท้าทุกท่านจะต้องการอะไร ตระกูลเจิ้งของข้ายินดีบุกน้ำลุยไฟ ตายหมื่นครั้งก็ไม่เลิกรา!”
หวังเต้าสิงพยักหน้า “เจ้าวางใจ ถ้าจัดการได้ราบรื่น รอเมื่อพวกเราจากไป ย่อมไม่ให้พวกเจ้าตระกูลเจิ้งเสียเปรียบ ตอนนี้ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องให้เจ้าไปทำ”
“ขอใต้เท้าสั่งมา!”
เจิ้งวั่นหงเอ่ยอย่างนบนอบ
“ปล่อยข่าวออกไปยังโลกภายนอกด้วยชื่อตระกูลเจิ้งของพวกเจ้า ว่ากำลังพลของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลมาเยือนน่านฟ้านี้แล้ว ไม่ว่าใครที่สามารถให้ร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินได้ จะได้รับไมตรีและรางวัลอย่างงามจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะของพวกข้า”
หวังเต้าสิงเอ่ยเสียงเข้ม
ประโยคเดียวทำให้สีหน้าเจิ้งวั่นหงยังแปรเปลี่ยนไปครู่หนึ่ง ด้วยชื่อตระกูลเจิ้งหรือ
ถ้าปล่อยข่าวนี้ออกไป เกรงว่าจะถูกหลินสวินจดบัญชีแค้นทันที!
“ทำไม มีปัญหาหรือ”
หวังเต้าสิงถาม
เจิ้งวั่นหงสั่นไปทั้งตัว ลอบกัดฟัน เอ่ยด้วยสีหน้าตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า “ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
——