ตอนที่ 2923 สู้ตามนัด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

“กำลังพลของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลมาเยือน ตอนนี้ปักหลักอยู่ที่เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเจิ้ง!”

“ตระกูลเจิ้งประกาศแก่โลกภายนอกว่าขอเพียงเป็นผู้ที่ให้ร่องรอยของหลินสวินได้ จะได้รับไมตรีและการตอบแทนอย่างงามจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ!”

เมื่อข่าวเช่นนี้แพร่ออกไปก็อึกทึกครึกโครมไปทั้งน่านฟ้าที่หก ก่อให้เกิดคลื่นลมนับไม่ถ้วน

“การเอาคืนของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลมาแล้วดังคาด ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้หลินสวินนั่นยังอยู่ในน่านฟ้าที่หกหรือไม่”

มีคนทอดถอนใจ

“ข้าสังหรณ์ว่าหลินสวินปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หกอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางจากไปง่ายๆ แบบนี้แน่ พูดอีกอย่างคือ เป็นไปได้สูงยิ่งว่าเขาต้องการงัดข้อกับพันธมิตรสงครามสิบตระกูลในน่านฟ้าที่หก!”

มีคนวิเคราะห์

“ตระกูลเจิ้งยืนอยู่ข้างพันธมิตรสงครามสิบตระกูลอย่างชัดเจน ไม่กังวลว่าจะถูกแก้แค้นหรือ เผ่าจักรพรรดิอมตะชั้นยอดทั้งเก้าที่ถูกทำลายไปนั่นเป็นตัวอย่างให้เห็นชัดๆ”

มีคนพูดไม่ออก คิดว่าการเคลื่อนไหวนี้ของตระกูลเจิ้งต้องยั่วโมโหหลินสวิน ชักนำมหาเคราะห์มาสู่ตนแน่

“เหอะๆ ผิดแล้ว ขอเพียงหลินสวินกล้าไปเอาคืนตระกูลเจิ้ง จะต้องถูกพันธมิตรสงครามสิบตระกูลหมายหัว เช่นนี้แล้วหลินสวินย่อมพ้นเคราะห์ได้ยาก นี่เป็นแผนร้ายที่เปิดเผยชัดเจนนัก ก็ต้องดูว่าเขาหลินสวินจะกล้าไปตระกูลเจิ้งจริงๆ หรือไม่”

มีคนคิดว่ามองเจตนาของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลออก

และภายใต้สถานการณ์ครึกโครมเซ็งแซ่นี้ หลินสวินก็ได้ข่าวแล้ว

วันนั้นเขาปล่อยข่าวสู่โลกภายนอกเช่นกันว่า

‘อีกสามวัน นัดสู้กับผู้แข็งแกร่งพันธมิตรสงครามสิบตระกูลที่เขาเทพชะตาสวรรค์ มาช้าไม่รอ!’

ยามผู้คนเมื่อได้รู้เรื่องนี้ต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง

แข็งกร้าวเกินไปแล้ว!

ใครจะกล้าคาดคิดว่าไม่ต้องรอให้คนอื่นไปหาสักนิด หลินสวินก็เป็นฝ่ายออกตัวนัดสู้กับพันธมิตรสงครามสิบตระกูลแล้ว

นี่ช่างอหังการเหลือล้น!

“หลินสวินเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่ ถึงได้กล้าท้าทายพันธมิตรสงครามสิบตระกูลเช่นนี้”

ผู้คนต่างไม่เข้าใจ

ในสายตาผู้ฝึกปราณน่านฟ้าที่หก พันธมิตรสงครามสิบตระกูลยืนตระหง่านอยู่น่านฟ้าที่แปด แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวยักษ์ใหญ่ อิทธิพลกระจายไปทั้งโลกยอดนิรันดร์

ผู้ที่สามารถต้านทานพวกเขาได้ ก็มีแต่ขุมอำนาจเหนือธรรมดาอย่างสี่หอบรรพจารย์

และตอนนี้แม้หลินสวินจะเป็นรองหัวหน้าหอคนหนึ่งของลัทธิแรกกำเนิด แม้จะเป็นบุคคลที่บรรลุขั้นหลุดพ้น แม้จะมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้า แต่… เขาคนเดียวจะเอาอะไรมาต้านพันธมิตรสงครามสิบตระกูล

เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเจิ้ง

เมื่อรู้ข่าว เฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ทั้งสิบคนอย่างพวกหวังเต้าสิงต่างประหลาดใจไปครู่หนึ่ง

“เรื่องนี้พิกลนัก เจ้านี่มาถึงน่านฟ้าที่หก คล้ายมาเพราะรอสู้กับพวกเราโดยเฉพาะ”

ในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง เฒ่าชราร่างผอม ชุดแดงผมขาวผู้หนึ่งนิ่วหน้า “หากเป็นเช่นนี้ เจ้าหมอนี่ต้องมั่นใจมากพอถึงได้กล้าเอะอะแบบนี้”

มู่ยงถิง!

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งในยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลมู่

ได้ยินดังนั้นคนอื่นต่างพยักหน้าไม่หยุด

พวกเขาแตกต่างจากผู้ฝึกปราณน่านฟ้าที่หก รู้ดีเป็นที่สุดว่าคนอย่างหลินสวินแข็งแกร่งและน่ากลัวปานไหน

ในเวลาสั้นๆ เพียงสิบปี จากขั้นดับเทพขั้นต้น เขาแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นที่แดนมารสิบทิศ กระทั่งระเบียบระดับเทพยังถูกเขาชิงไป

คนที่มีศักยภาพแห่งยอดอมตะเช่นนี้ ทำให้ไม่ว่าขั้นหลุดพ้นคนใดต่างก็หวาดหวั่น!

“ข้าสงสัยว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว”

ชายหนุ่มองอาจที่มีรูปลักษณ์กำยำ สีหน้าเย็นชา สวมเกราะสีดำทั้งตัวเอ่ยเสียงขรึม

จู่คง!

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งของยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลจู่

“เจ้าสงสัยว่านี่เป็นแผนที่ลัทธิแรกกำเนิดวางไว้หรือ”

หวังเต้าสิงนิ่วหน้าถาม

“น่าจะเป็นเช่นนี้ หาไม่ด้วยมรรควิถีของเจ้าหลินสวินนี่ อาศัยเขาคนเดียวจะกล้ามาท้าสู้กับพวกเราอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้ได้อย่างไร”

จู่คงเอ่ยเสียงเย็นชา

“ไม่ผิด หลายปีก่อนหน้านี้ลัทธิแรกกำเนิดแทบจะปกป้องหลินสวินเหมือนลูกรัก เพื่อเขาแล้วทั้งลัทธิแรกกำเนิดถึงขั้นยอมแตกหักกับพวกเราสิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างไม่เสียดาย แต่ตอนนี้หลินสวินนี่กลับโผล่มาในน่านฟ้าที่หกกะทันหัน มิหนำซ้ำยังเปิดเผยร่องรอยอย่างไม่หวั่นกลัวสักนิด ถ้าบอกว่าข้างกายเขาไม่มีคนช่วย นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องตลก”

มู่ยงถิงในชุดแดงผมขาวเอ่ยหัวเราะหยัน

“ถ้าแค่เจ้าหลินสวินนี่คนเดียว การจับเขาก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่ทุกท่านพูดไม่ผิด ถ้าข้างกายเขามีคนช่วย มิหนำซ้ำยังวางแผนอยู่ก่อน เช่นนั้นพวกเราก็ต้องระวังไว้”

หญิงแต่งงานแล้วที่ผิวขาวอวบอัด คิ้วตาดุจเปลวเพลิงเอ่ยเสียงเล็กบาง

ชือถิงฟาง

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งของยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลชือ

เกิดเรื่องผิดปกติย่อมมีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล พวกหวังเต้าสิงต่างตระหนักได้ว่าการนัดสู้ของหลินสวินคราวนี้พิกลนัก

หารือกันครู่ใหญ่ หวังเต้าสิงจึงตัดสินใจ “เขาหลินสวินเตรียมตัวมา แล้วพวกเรามีหรือจะไม่ทำเช่นนี้เหมือนกัน ว่ากันถึงที่สุดแล้วยังต้องสู้กันถึงจะรู้ชัด ในเมื่อเขาอยากนัดสู้ที่เขาเทพชะตาสวรรค์ พวกเราก็ไปสู้ตามนัด ไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อยว่าเจ้าหมอนี่มีแผนอะไร”

ทุกคนต่างพยักหน้า

ในมือพวกเขาก็มีไพ่ตายมากมายเช่นกัน ทั้งยังมีปราณขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ ไม่กลัวแผนร้ายหลอกล่ออยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นน่านฟ้าที่หก ไม่ใช่เขตอิทธิพลของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด เมื่อไม่มีการคุ้มครองของพลังระเบียบระดับเทพ ต่อให้ข้างกายหลินสวินมีคนช่วย สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามใหญ่โต

“พวกเราเคลื่อนไหววันนี้เลย ล่วงหน้าไปเขาเทพชะตาสวรรค์นั่น!”

หวังเต้าสิงหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไป

เฒ่าดึกดำบรรพ์อีกเก้าคนตามหลังเขาไปติดๆ

เพียงแต่สิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับหลินสวินยังคงหยุดอยู่ที่ห้าสิบห้าปีก่อน

พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนั้นระหว่างทางจากแดนมารสิบทิศกลับสู่ลัทธิแรกกำเนิด หลินสวินก็ใช้มรรควิถีขั้นหลุดพ้นขั้นต้นสังหารขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ทั้งหมดได้แล้ว

ทั้งยังไม่รู้ว่าอดีตรองหัวหน้าหอของลัทธิแรกกำเนิดอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิว ล้วนถูกหลินสวินฆ่า

และย่อมไม่รู้ว่าในช่วงห้าสิบห้าปีนี้ พลังปราณหลินสวินทะลวงถึงขั้นหลุดพ้นขั้นปลายนานแล้ว กระทั่งรองหัวหน้าหอทั้งเจ็ดคนอย่างพวกเสวียนเฟยหลิงร่วมมือกันยังคุกคามเขาไม่ได้

ถึงขั้นที่พลังรูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนยังทำอะไรหลินสวินไม่ได้!

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สักนิดว่าคราวนี้หลินสวินเคลื่อนไหวคนเดียว ไม่มีการวางหมาก ไม่มีแผนร้าย และไม่มีผู้ช่วย!

……

เขาเทพชะตาสวรรค์กลายเป็นจุดสนใจของทั้งใต้หล้า ที่นี่มีคลื่นลมถาโถม

ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงวันก็มีผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่มากมายมารวมตัวกัน

หลินสวินนัดสู้กับกำลังพลของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลที่นี่ เรื่องนี้สะเทือนจิตใจของขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ!

และนี่ย่อมเป็นการนัดสู้ที่สะเทือนเลื่อนลั่นที่สุดในประวัติศาสตร์ ในอดีตไม่เคยเกิดการต่อสู้เช่นนี้สักนิด

ถึงขนาดว่าวันที่นัดสู้ยังมาไม่ถึง บริเวณใกล้ๆ เขาเทพชะตาสวรรค์แห่งนี้ก็มีผู้ฝึกปราณมากมายมารวมตัวอย่างอุ่นหนาฝาคั่งแล้ว ต่างมาเพื่อดูการต่อสู้ทั้งนั้น

ในนั้นมีเฒ่าชราในเผ่าจักรพรรดิอมตะ ทั้งยังมีผู้ทรงอิทธิพลที่ขับเคลื่อนโลกหล้าอีกด้วย

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังในน่านฟ้าที่หกเพียงไหน กิตติศัพท์เลื่องลือเช่นไร ศักยภาพแข็งแกร่งปานใด ต่อหน้าหลินสวินกับพันธมิตรสงครามสิบตระกูลย่อมเป็นมณีเม็ดจ้อย มิอาจเทียบรัศมีกับสุริยันจันทราได้!

ถึงขนาดที่ผู้ฝึกปราณที่มาชมการต่อสู้พวกนี้ต่างยืนอยู่ห่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศึกใหญ่ที่ใกล้เข้ามากระทบถึงตัว

เวลาผ่านไปทีละนิดท่ามกลางการรอคอย

เช้าตรู่ของวันที่สามอันเป็นวันนัดสู้มาเยือน ยามอรุณเบิกฟ้า ห้วงอากาศพลันเกิดคลื่นเป็นระลอกหน้าเขาเทพชะตาสวรรค์ เงาร่างสูงตระหง่านสะดุดตาร่างแล้วร่างเล่าปรากฏขึ้นกลางอากาศ

เพียงแค่พลานุภาพที่แผ่ออกมาจากร่างก็สะท้านจักรวาล ทำให้ภูผาธาราใกล้ๆ สั่นไหวไปหมด

เหล่าผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ตามบริเวณใกล้ๆ ต่างเข่าอ่อนยวบ จิตใจสั่นไหว ล้วนหน้าเปลี่ยนสีอย่างห้ามไม่ได้ สีหน้าหวาดหวั่นและยำเกรงผุดขึ้นมาโดยไม่อาจควบคุม

พวกเขาถอยห่างออกไปอีกช่วงใหญ่ตามจิตใต้สำนึก!

จากนั้นเมื่อสายตามองไปยังเงาร่างสูงตระหง่านที่ยืนเคียงกันสิบร่างไกลๆ ก็เหมือนเห็นดวงอาทิตย์สิบดวงเรียงแถวพาดไปกับขอบฟ้า สามารถสะท้านหมื่นกาลได้!ไอรีนโนเวล

“ยักษ์ใหญ่ที่บรรลุมรรคาอมตะขั้นหลุดพ้นสิบคน กำลังพลเช่นนั้น… น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าถ้าพวกเขาจะฆ่าข้า แค่ความคิดเดียว สายตาเดียว ข้าก็ร่วงหล่นลงในที่ที่มีหมื่นเคราะห์มิอาจหวนคืน…”

“พลังเช่นนั้นไม่ต่างอะไรกับเทพจริงๆ ไปแล้ว เกินกว่าที่พวกเราจะจินตนการ เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีทางแตะระดับนั้นได้”

ผู้คนไม่รู้เท่าไรใจสั่นระรัว สีหน้าตกตะตึง

พวกเขาส่วนใหญ่ได้พบกับขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เป็นครั้งแรก นี่ไม่ต่างอะไรกับเห็นบุคคลในตำนานที่ร่ำลือกันมาเยือน!

ผู้ยิ่งใหญ่สิบคนนั้นย่อมเป็นพวกหวังเต้าสิง

สำหรับพวกเขาแล้ว ผู้ชมที่เบียดเสียดกันอยู่ไกลๆ เหล่านั้นก็เป็นดั่งมด ถูกพวกเขามองข้าม

หลังจากพวกเขาปรากฏตัว สายตาก็มองไปยังเขาเทพชะตาสวรรค์ สีหน้าเรียบเฉย พลังขับเคลื่อนทั้งร่างไหลเวียน คล้ายเทพสวรรค์กำลังมองลงมายังโลกปุถุชน

“หลินสวิน พวกเรามาสู้ตามนัดแล้ว ไยเจ้ากลับไม่ปรากฏตัวให้เห็น”

หวังเต้าสิงพูดเสียงเนิบ ประโยคเดียวแต่ละคำดุจสายฟ้าฟาดเก้าสวรรค์ ดังสนั่นครั่นครืนไปทั้งเวิ้งฟ้า สะเทือนจนห้วงอากาศปั่นป่วน ชั้นเมฆพังถล่ม อานุภาพอันน่าครั่นคร้ามแผ่กระจาย ทำให้ฟ้าดินยังเปลี่ยนสี

ในบรรดาผู้ฝึกปราณที่อยู่ไกลลิบ หลายคนตาพร่ามัวไปทันที กระอักเลือดออกปาก ยังมีบางคนถูกซัดจนพังพาบกับพื้น รู้สึกแย่จนแทบสลบ

นี่ไม่ใช่เรื่องจงใจ แต่เป็นเพราะอานุภาพของหวังเต้าสิงรุนแรงเกินไป วาจาที่กล่าวออกมาเหมือนแทรกพลังมาด้วย ต่อให้ห่างไปไกลลิบ ต่อให้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ผู้ชมเหล่านั้น แต่ก็ยังทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน

“ไป รีบไป! พลังระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสังเกตการณ์ได้!”

“รีบออกไป!”艾琳小說

ไกลลิบผู้ฝึกปราณมากมายหน้าเปลี่ยนสี เลือกหลบหนีทันที เดิมพวกเขาต้องการชมการต่อสู้ แต่เพิ่งพบเอาตอนนี้ว่าตนน่าขันและไม่รู้เรื่องรู้ราวขนาดไหน

พลังที่บุคคลดุจเทพเช่นนี้ครอบครองไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะไปจับจ้องได้อยู่แล้ว มิเช่นนั้นจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้!

คิดๆ ดูแล้ว แค่คำพูดประโยคเดียว อานุภาพที่แผ่ออกมาก็ซัดจนพวกเขากระอักเลือดทรุดตัวลงได้ ถ้าเริ่มเปิดศึก คลื่นการต่อสู้เช่นนั้นจะน่ากลัวปานไหน

ดังนั้นในหมู่ผู้ชมการต่อสู้ไกลๆ จึงมีคนเลือกจากไปมากกว่าแปดส่วนบ

เทียบกับการชมการต่อสู้แล้ว รักษาตัวรอดจึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!

กระทั่งภายหลังเหลือเพียงเฒ่าชราที่บรรลุมรรคาอมตะจำนวนหนึ่ง กับผู้แข็งแกร่งที่มีมรรควิถีระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิบางส่วนเท่านั้นที่ไม่ได้จากไป

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้คนเหล่านี้ก็ยังเตรียมพร้อมถอนตัวจากไปได้ทุกเมื่อเช่นกัน!

“ข้าคนแซ่หลินรอต้อนรับอยู่ที่นี่มานานแล้ว”

เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือเขาเทพชะตาสวรรค์พร้อมกับเสียงเนิบนาบ

เขาสองมือไพล่หลัง แต่งกายชุดขาวพระจันทร์ทั้งตัว ผมสีดำปลิวไสว แขวนน้ำเต้าสีเขียวใบหนึ่งไว้ที่เอว ยืนสันโดษดั่งเซียนจุติลงมา สง่างามโดดเด่น

เป็นหลินสวินนั่นเอง!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท