ตอนที่ 2932 เจตเยือกแข็งไร้สิ้นสุด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2932 เจตเยือกแข็งไร้สิ้นสุด

ประทับผนึกเวลาปกคลุมกลางฟ้าดิน ทำเอาไท่เฮ่าหานเว่ยกับพวกหวังเฟิงคล้ายสัตว์ร้ายในกรง
ส่วนพลังที่ใกล้จะหมดลงของหลินสวินก็ฟื้นกลับมาในชั่วพริบตา ยิ่งทำให้ใจพวกเขาจมดิ่ม
นี่ยังจะสู้อย่างไรได้
หลินสวินพุ่งเข้ามาแล้ว ไม่ให้โอกาสพวกเขาใคร่ครวญสักนิด
เป้าหมายคือไท่เฮ่าหานเว่ย!
ตูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งโฉบออกมา อานุภาพกำราบทั่วหล้ากระหน่ำใส่ไท่เฮ่าหานเว่ย
“เฮอะ!”
นัยน์ตาไท่เฮ่าหานเว่ยเผยแววโกรธแค้น ร่างอรชรก้าวไปข้างหน้า ตวัดนิ้วเบาๆ คราหนึ่ง
แสงมรรคนิรันดร์สีเงินบางแผ่วแปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่เล็กละเอียดแถบหนึ่งฟันใส่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจนสั่นไหว เสียงดุจฟ้าผ่า
แต่พร้อมกันนั้นร่างต้นหลินสวินและกายมรรคทั้งสี่ก็พุ่งมาปิดล้อมแล้ว
เหี้ยมหาญอหังการ องอาจไร้ใครเทียม
ไท่เฮ่าหานเว่ยฝึกปราณมาถึงตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่ถูกท้าทายเช่นนี้
ต่อให้นางในตอนนี้เป็นเพียงรูปจำลองเจตจำนงสายหนึ่ง แต่ทอดมองทั่วหล้าทั้งบนล่าง มีระดับอมตะหน้าไหนกล้าลงมืออย่างกำเริบเสิบสานกับนางเช่นนี้บ้าง
แต่เจ้าหนุ่มขั้นหลุดพ้นขั้นปลายตรงหน้ากลับกล้า!
“พวกเจ้าตั้งใจทำลายผนึกไป เจ้าหมอนี่ให้ข้าจัดการเอง”
ขณะพูดเงาร่างอรชรของไท่เฮาหานเว่ยก็ปรากฎรุ้งเทพมากมายประหนึ่งโซ่เทพนิรันดร์ พริบวาบแฝงกลิ่นอายสังหารน่าพรั่นพรึง เข้าต่อสู้ดุเดือดกับหลินสวินและร่างแยก
“เร็วเข้า ลงมือ!”
พวกหวังเตาเฟิงมีหรือจะกล้าชักช้า แต่ละคนกัดฟัน ทุ่มฝีมือทั้งหมดของตัวเองกระหน่ำโจมตีประทับผนึกเวลาอย่างบ้าคลั่ง
บ้างก็กระตุ้นสมบัติลับต้องห้าม
บ้างก็ใช้อาวุธที่ประทับกลิ่นอายกาลเวลาฟาดฟัน
บ้างก็ใช้วิชามรรคลึกลับคลุมเครือ…
สรุปแล้ว เพื่อให้รอดชีวิตเฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เหล่านี้คล้ายบ้าคลั่งไปแล้ว ทำมุกวิธี ทุ่มกำลังทั้งหมด
หากเป็นกระบวนผนึกทั่วๆ ไปคงถูกพวกเขาร่วมมือกันทำลายไม่เหลือซากแล้ว
แต่ประทับผนึกเวลานี้เป็นอภินิหารพรสวรรค์ขั้นสี่ของหุบเหวกลืนกิน ต่อให้ไม่มีพลังสังหาร แต่พลังป้องกันระดับนั้นแม้แต้รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ก็ยังถูกคุมขังได้ ทำลายไม่ได้ในเวลาสั้นๆ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับอมตะเหล่านี้จะสลายได้ง่ายๆ
แต่เพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขาไม่มีใครยอมแพ้
ตูม! ตูม! ตูม!
พลังของประทับผนึกเวลาแผ่ระลอกวงคลื่นไม่หยุด แสงมรรคถาโถม สว่างไสวเจิดจ้า
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ไท่เฮ่าหานเว่ยกับหลินสวินก็กำลังสู้กันอย่างดุเดือด
หลินสวินในยามนี้ร่วมมือกับร่างแยกอื่น คล้ายเทพมารที่สังหารเย้ยฟ้า สลายและซัดการโจมตีของไท่เฮ่าหานเว่ยไม่หยุด
ต่อให้กายมรรคไม้เขียวที่บาดเจ็บสาหัสถูกเก็บไป แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังไม่ปรากฏจุดอ่อนใดๆ
ครั้นมองดูไท่เฮ่าหานเว่ย ใบหน้างามเปลี่ยนไปมาไม่หยุด ความประหลาดใจในดวงตายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เดิมทีสิ่งที่นางหวาดกลัวที่สุดคืออภินิหารประตูเนรเทศของหลินสวิน เหมือนรูปจำลองเจตจำนงของผานอู่สยงที่ถูกประตูเนรเทศกลืนหายไป
แต่ไท่เฮ่าหานเว่ยกลับคิดไม่ถึงเด็ดขาด ว่าต่อให้ไม่ใช้อภินิหารประตูเนรเทศ ลำพังพลังต่อสู้ของหลินสวินก็สามารถสู้กับตนได้สูสีแล้ว!
‘นี่ก็คือมรรคายอดอมตะที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรอคอยหรือ!?’
ในใจไท่เฮ่าหานเว่ยหวาดหวั่นอยู่บ้าง
ในน่านฟ้าที่เก้ายังไม่มีขั้นหลุดพ้นคนใดที่เย้ยฟ้าเหมือนหลินสวิน!
ไม่เคยมีมาก่อน!
และที่เขาสามารถสู้กับรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ได้ก็เป็นเพราะจุดนี้ มองดูเหล่าผู้คนที่อยู่บนเส้นทางมรรคอมตะ ใครเล่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
ถ้านี่ไม่ใช่ยอดมรรคไร้พ่ายแล้วจะเป็นอะไรได้อีก
และถ้าปล่อยให้ระดับอมตะเช่นนี้แจ้งมรรคระดับนิรันดร์ในภายหน้าละก็…
ไท่เฮ่าหานเว่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นางไม่กล้าคิดต่ออีก
เพียงแต่ยามมองไปทางหลินสวิน นัยน์ตางามของนางก็เจือไอสังหารรุนแรงถึงขีดสุด
‘ถึงตอนนี้เจ้าหมอนี่ยังไม่ได้ใช้พลังอภินิหารเมื่อครู่อีก หรือจะมีสาเหตุบางอย่าง ใช่หมดกำลังหรือไม่’
พอไท่เฮ่าหานเว่ยคิดถึงจุดนี้ อานุภาพการโจมตีก็รุนแรงและน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
นางตัดสินใจว่าต่อให้ต้องสละรูปจำลองเจตจำนงนี้ ก็ต้องทำลายหลินสวินให้สิ้นซากให้ได้!
ตูม!
หมอกเย็นสีขาวหิมะลอยอวลทั่วร่างนาง ความหนาวเย็นถึงกระดูกนี้เป็นพลังระดับนิรันดร์ที่สามารถแช่แข็งระดับอมตะใดๆ ให้ตายได้ มันวิวัฒน์เป็นปราณกระบี่สีขาวคมกริบเลิศล้ำแล้วพุ่งออกไปอย่างรุนแรง
เจตเยือกแข็งไร้สิ้นสุด!
นี่เป็นกฎเกณฑ์นิรันดร์ที่นางครอบครองทั้งหมด กล่าวอีกนัยได้ว่าเป็นพลังกฎระเบียบที่แท้จริง แฝงด้วยแก่นน้ำแข็งเย็น น่าสะพรึงหาใดเปรียบ
ถ้าอยู่ที่โลกภายนอก พริบตาก็สามารถแช่แข็งได้แสนลี้ แข็งตายไปทั้งโลก!
และหลังจากปลดปล่อยวิชาลับน่าสะพรึงเช่นนี้ พลังของรูปจำลองเจตจำนงของนางก็ถูกผลาญไปครึ่งหนึ่งทันที!
พริบตาเดียวผิวของร่างต้นหลินสวินและกายมรรคทั้งสี่ก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งสีน้ำเงินเข้มชั้นหนึ่ง ผิวหนัง เอ็นกระดูก เลือดเนื้อ อวัยวะภายใน และจิตวิญญาณทั่วร่างคล้ายถูกแช่แข็งไปหมด
ที่ตามมาติดๆ คือปราณกระบี่ขาวหิมะนับไม่ถ้วนฟันลงมา
หลินสวินและกายมรรคอื่นกำลังจะถูกฟันขาดไปพร้อมกัน ก็เป็นในอันตรายนี้เอง…
ตูม!
ร่างกายของร่างต้นหลินสวินขยายออก ราวกันทำลายพันธนาการ น้ำค้างแข็งหนาทั่วร่างระเบิดออกกระจายไปทั่ว ทั้งร่างเขาประหนึ่งติดไฟ ปลดปล่อยแสงมรรคไร้ขอบเขตออกมา
นั่นคือนัยเร้นลับกฎเกณฑ์นิพพาน ทำลายเจตเยือกแข็งไร้สิ้นสุดที่แฝงนัยเร้นลับกฎระเบียบแหลกละเอียด!
ตูม โครม!
ขณะเดียวกันกายมรรคทั้งสี่ก็เป็นอิสระจากผนึกน้ำแข็งเช่นกัน ทั่วร่างทั้งบนล่างแผ่นัยเร้นลับมหามรรคที่แตกต่างกันออกมา สาดประกายหมื่นจั้ง เจิดจ้าพร่าตา
เจตเยือกแข็งไร้สิ้นสุดที่มีอยู่ทุกที่คล้ายน้ำแข็งที่ถูกหลอมละลาย ดับสิ้นไปทั้งหมด!
แม้แต่ปราณกระบี่ขาวหิมะที่ฟันมาทางหลินสวินและร่างแยกก็ยังระเบิดออกดังปังๆๆ กลางอากาศ ราวกับดอกไม้ไฟหิมะน้ำแข็ง
“นี่…”
ไท่เฮ่าหานเว่ยหน้าเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิง ไม่กล้าเชื่อว่าการโจมตีที่ผลาญพลังรูปจำลองเจตจำนงของนางไปตั้งครึ่ง ทั้งมีกฎระเบียบน้ำแข็งเย็นอยู่ในนั้น
พลังเช่นนั้นสามารถสังหารพลังกฎเกณฑ์อมตะใดๆ ก็ได้
แต่ตอนนี้กลับถูกขั้นหลุดพ้นขั้นปลายอย่างหลินสวินคนเดียวทำลายทิ้ง!
นี่ล้มล้างความเข้าใจบางส่วนในมรรคาการฝึกปราณของนาง
ถึงอย่างไรขั้นหลุดพ้นก็ทำได้แค่หลุดออกจากกฎระเบียบฟ้าดิน มีเพียงระดับนิรันดร์เท่านั้นถึงจะควบคุมและใช้พลังกฎระเบียบได้
แต่กฎเหล็กเช่นนี้กลับถูกหลินสวินทำลายไปต่อหน้าต่อตา!
ขั้นหลุดพ้นคนหนึ่ง ดันสามารถต้านทานและสลายกฎระเบียบมหามรรคได้!
นี่ถ้ากระจายไปถึงน่านฟ้าที่เก้า เกรงว่าพวกเฒ่าชราระดับนิรันคร์เหล่านั้นคงนั่งไม่ติดกันหมด
“นี่ก็คือพลังรูปจำลองเจตจำนงของเจ้าหรือ ก็แค่นี้เอง”
หลินสวินเอ่ย น้ำเสียงไม่แยแส
ยามเขากับไท่เสวียนประมือกัน ใช้กายมรรคทั้งห้าพร้อมกันยังรู้สึกกดดันเหลือยิ่งยวด ถึงขั้นบาดเจ็บต่อเนื่อง
แต่เมื่อเทียบกับไท่เสวียน ไท่เฮ่าหานเว่ยด้อยกว่าช่วงหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด พลังรูปจำลองเจตจำนงของนางก็เทียบความแข็งแกร่งของไท่เสวียนไม่ติดเช่นกัน
ใบหน้างามของไท่เฮ่าหานเว่ยเปลี่ยนสีเป็นไม่น่าดู
ถูกขั้นหลุดพ้นขั้นปลายต้าทานได้ก็ทำให้ศักดิ์ศรีของนางเสียหายพอแล้ว ตอนนี้ยังถูกเหยียดหยามอีก นี่ทำให้นางรู้สึกบ้าคลั่งได้แล้ว
“ถ้าร่างต้นของข้าอยู่ที่นี่มีหรือเจ้าจะมีสิทธิ์เห่าหอนได้!”
ไท่เฮ่าหานเว่ยกล่าวอย่างชิงชัง
หลินสวินกล่าวเหน็บอย่างไม่สะทกสะท้าน “ถ้าเจ้ามีมรรควิถีระดับอมตะขั้นหลุดพ้นเหมือนข้าคนแซ่หลิน การฆ่าเจ้าก็เหมือนฆ่าไก่”
ทั้งสองอย่างนี้ล้วนเป็นการสมมติ
แต่คำพูดของหลินสวิทกลับมีพลังทำลายล้างสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เพราะการสมมติของเขาคือการต่อสู้ในระดับเดียวกัน อีกทั้งไม่ว่าใครต่างรู้ว่าในสถานการณ์เช่นนั้น อย่าว่าแต่ไท่เฮ่าหานเว่ย ต่อให้เป็นคนอื่นในใต้หล้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวินทั้งนั้น
และการสมมติของไท่เฮ่าหานเว่ย ก็เป็นการ ‘อาศัยอำนาจข่มเหงผู้อื่น’ อย่างเห็นได้ชัด
เมื่อไท่เฮ่าหานเว่ยตระหนักถึงจุดนี้ก็อับอายและโมโหแทบคลั่ง
ทว่าหลินสวินไม่คิดจะพูดพล่ามกับนางอีก
ตูม!
เขาใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุดล้อมโจมตีไท่เฮ่าหานเว่ย อาจหาญไร้ใดเปรียบ รุนแรงดุจเทพมาร
พลังรูปจำลองเจตจำนงของไท่เฮ่าหานเว่ยผลาญไปแล้วครึ่งหนึ่งก่อนหน้านี้ ตอนนี้ถูกหลินสวินล้อมโจมตี ไม่ทันไรก็ถูกกำราบ ร่างของรูปจำลองเจตจำนงที่ควบรวมมาเริ่มสั่นไหวรุนแรง จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเลือนรางขึ้น
ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังปังสะเทือนเลื่อนลั่นไอรีนโนเวล
รูปจำลองเจตจำนงของไท่เฮ่าหานเว่ยถูกระเบิดไปทั้งอย่างนั้นแล้ว!
ละอองแสงพร่างพราวราวน้ำตกพร่างพรม ส่องสะท้อนกลางฟ้าดิน
ก่อนถูกทำลายนางกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ เผยความคับแค้นเข้ากระดูก ขู่ว่าคราวหน้าจะบั่นคอหลินสวินให้ได้
เรื่องนี้หลินสวินย่อมคร้านจะใส่ใจ
ในหลายปีนี้เขาได้ยินคำข่มขู่ที่รุนแรงมากว่านี้มากมายนัก
“แย่แล้ว!”
“เป็นไปได้อย่างไร…”
“แม้แต่รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ยังถูกทำลาย!?”
ไกลออกไปพวกหวังต้าเฟิงที่กำลังโจมตีประทับผนึกเวลาสุดชีวิต ชั่วขณะนี้ก็ถูกความหวาดกลัวทำเอาหน้าเขียว ในหัวมึนงง
ครั้งนี้หลินสวินไม่ได้ใช้อภินิหารต้องห้าม ใช้เพียงพลังต่อสู้ของตัวเองล้วนๆ ก็ทำลายรูปจำลองเจตจำนงของไท่เฮ่าหานเว่ยได้ นี่น่าตกใจจริงๆ ใครเห็นเข้าเกรงว่าคงถูกขู่ขวัญไปหมดสิ้น
“ทุกท่าน พวกเจ้าจะต่อหรือไม่”
ไกลออกไปสายตาของหลินสวินมองมา
พวกหวังเต้าเฟิงสีหน้าเขียวสลับขาว
นี่ยังจะสู้อย่างไรเล่า
“สู้สุดชีวิตกับเขา!”
มีคนกัดฟันร้องคำรามพุ่งไปทางหลินสวิน
ตูม!
ร่างต้นของหลินสวินไม่ขยับ กายมรรคทั้งสี่ทะยานออกมาพร้อมกัน สังหารเฒ่าดำดำบรรพ์ผู้นั้นตายในพริบตา เลือดนองราวน้ำตก
เด็ดขาดฉับไว ราวเฉือดไก่ให้ลิงดู!
คนไม่น้อยสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง พวกเขาล้วนเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตมาไม่รู้กี่ปีแล้ว แต่ตอนนี้เวลานี้ กลับสัมผัสได้ถึงรสชาติที่ว่าผู้อื่นเป็นดาบเขียง ตนเป็นเนื้อปลาอย่างรุนแรง
มีคนกัดฟันเอ่ยดุดัน “หลินสวิน เจ้าทำเช่นนี้มีแต่จะชักนำเคราะห์สังหารล้นฟ้า ทำให้ลัทธิแรกกำเนิดจมสู่สถานการณ์ที่ไม่อาจหวนคืน…”艾琳小說
คำพูดยังไม่ทันจบ
ตูม!
หลินสวินที่อยู่ไกลออกไปก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศเข้ามาสังหารในชั่วสายฟ้าแลบ
คนอื่นๆ กลัวจนหนีพล่านไปทั่ว แต่ละคนหวาดผวาจนหน้าซีดเผือด
“ยังมีใครอีกหรือไม่”
หลินสวินถาม น้ำเสียงราบเรียบดังก้องสะท้อน ราวกับท่วงทำนองที่เร่งเร้าเอาชีวิต
เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นต่างสัมผัสได้ถึงความอัปยศและความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ พวกเขารวมตัวขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สี่สิบคน พร้อมด้วยรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์สามคน อานุภาพกร้าวแกร่ง เดิมทีคิดว่าสามารถทำลายศัตรูให้สิ้นซาก ฆ่าหลินสวินได้อย่างง่ายดาย
ใครจะรู้ว่าสุดท้ายพวกเขาก็กำลังเจริญรอยตามพวกหวังเต้าสิงเช่นกัน!
การต่อสู้นี้สาหัสนัก!
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ หลินสวินก็ไม่ชักช้า เปิดฉากการนองเลือดครั้งสุดท้าย
ตูม!
ในประทับผนึกเวลา กลิ่นอายสังหารถาโถม แสงมรรคแผ่พุ่ง เลือดสดแดงฉานปรากฏขึ้นเป็นระยะ มีเสียงคำรามเดือดดาลและน่าอนาถดังก้อง มีเสียงร่างระเบิดดังออกมา มี…
เพียงไม่นานเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เหลืออยู่อย่างพวกหวังเต้าเฟิงก็ถูกสังหารสิ้น!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน