ในน่านฟ้าที่เจ็ด เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลถงเป็นขุมอำนาจระดับต้นๆ เช่นกัน ในตระกูลมีผู้อาวุโสขั้นดับเทพไม่น้อยควบคุมดูแล
ต่อให้อิทธิพลไม่เท่าสี่ตระกูลตงหวงในปีนั้น แต่ก็เรียกได้ว่าครองตำแหน่งนายเหนือหัวในพื้นที่แห่งหนึ่ง
เวลานี้เมื่อเห็นพวกพ้องตายไปเบื้องหน้าหลินสวินกะทันหัน ผู้แข็งแกร่งตระกูลถงล้วนเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด รวมถึงความแปลกใจเสี้ยวหนึ่ง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังกล้าฆ่าคนในตระกูลพวกเขาอย่างไม่เกรงใจสักนิด นี่มีความเป็นไปได้แค่สองอย่างเท่านั้น
ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มีภูมิหลังแข็งแกร่ง ก็ต้องมีพลังต่อสู้ที่กร้าวแกร่งสุดขีด!
“ข้าถงเชียนฉวี่ ขอบังอาจถามนามสหายยุทธ์ได้หรือไม่”
ชายชุดเงินที่เป็นผู้นำแววตาไหววูบ เอ่ยปากเสียงต่ำ เขามองมรรควิถีของหลินสวินไม่ออก จึงตัดสินใจหยั่งเชิงเบื้องลึกเบื้องหลังหลินสวินอย่างระมัดระวังก่อน
หลินสวินมองความคิดอีกฝ่ายออกในปราดเดียว จึงหมดสนุกอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ เรื่องแบบนี้เขาเห็นมามาก ผ่านมาก็เยอะ ความจริงก็คร้านจะสนใจแล้ว
เขากล่าวตรงๆ “ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะทำอะไรที่นี่ ถ้าไม่อยากตายก็เปิดทางเสียตอนนี้จะดีที่สุด”
ขณะพูดเขาก็ก้าวไปทางค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ไกลออกไป
ชายชุดเงินที่เรียกตัวเองว่าถงเชียนฉวี่สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นไม่น่ามองทันที
ตอนนี้กำลังของพวกตระกูลถงแทรกซึมไปทุกซอกทุกมุมในเมืองค้ำฟ้าแล้ว ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ถึงกลับยังมีคนมาคุกคามพวกเขา
นี่ทำให้ในใจถงเชียนฉวี่อึไม่พอใจมาก
ครั้นมองคนตระกูลถงที่เหลือในนั้น สีหน้าก็อึมครึมไม่น้อย นัยน์ตามีไอสังหารพวยพุ่ง
เรียกได้ว่าหากไม่ใช่เพราะท่าทีที่หลินสวินเผยออกมาก่อนหน้านี้แข็งแกร่งเกินไป มีหรือพวกเขาจะเกรงใจ คงได้รุมสับหลินสวินเป็นหมื่นท่อนไปแล้ว
“สหายยุทธ์คิดจะไปน่านฟ้าที่แปดด้วยค่ายกลโบราณเขตแดนที่แห่งนี้หรือ”
ถงเชียนฉวี่คล้ายมองอะไรออก ไอสังหารกลางนัยน์ตาล้นทะลัก
หลินสวินไม่ได้ใส่ใจ
“หยุด!”
“ถ้ากล้าก้าวไปข้างหน้าอีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
พอเห็นหลินสวินค่อยๆ ใกล้เข้ามา ผู้แข็งแกร่งที่ล้อมบริเวณใกล้กับค่ายกลโบราณเขตแดนก็ตั้งท่าพร้อมเคลื่อนไหวแล้ว ส่งเสียงข่มขู่ดุดัน
หลินสวินขมวดคิ้ว โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
พวกผู้แข็งแกร่งตระกูลถงที่อยู่บริเวณหน้าค่ายกลเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะปราณสูงต่ำล้วนเหมือนเจอพายุหมุนกวาดม้วนทันที ร่างกระเด็นกระจัดกระจายออกไป ยามตกลงพื้นบ้างบาดเจ็บสาหัสและสลบไป มีบางคนเลือดออกเจ็ดทวาร ร้องโหยหวนชวนอนาถ
ภาพนี้ทำเอาพวกผู้แข็งแกร่งตระกูลถงที่เหลือล้วนตื่นตระหนก หนาวสะท้านไปทั้งร่าง
แข็งแกร่งนัก!
สีหน้าของถงเชียนฉวี่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเช่นกัน สังเกตได้ว่าท่าไม่ดี จึงขยี้ยันต์หยกกระจุยทันที
ทำเรื่องนี้เสร็จแล้วจึงคล้ายสงบลงน้อยๆ กล่าวว่า “สหายยุทธ์ จานกระบวนที่ใช้เปิดค่ายกลโบราณนี้ถูกตระกูลข้าชิงมาแล้ว หากเจ้าอยากยืมใช้ค่ายกลนี้ไปน่านฟ้าที่แปด ไม่สู้รออีกสักพักจะดีกว่าหรือ”
ขณะพูดเขาก็โบกมือเล็กน้อย ให้ผู้แข็งแกร่งตระกูลถงที่อยู่ใกล้ๆ ถอยไป
ถงเชียนฉวี่ดูออกแล้วว่าอาศัยแค่กำลังของพวกเขาไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้แน่นอน
หลินสวินสงบนิ่งอยู่แถวค่ายกลโบราณครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “จานกระบวนอยู่ในมือใคร”
ด้วยฝีมือของเขา การเปิดค่ายกลนี้ไม่ต้องใช้จานกระบวนด้วยซ้ำ แต่ถ้าไร้จานกระบวนสุดท้ายก็ต้องเสียเวลาอีกพักหนึ่ง
หลินสวินไม่อยากเสียเวลาที่นี่
ถงเชียนฉวี่กล่าว “จานกระบวนนั่นอยู่ในมือผู้อาวุโสสามของตระกูลข้า”
ดูเหมือนยอมจำนน แต่มีหรือหลินสวินจะดูไม่ออกว่านี่เป็นการถ่วงเวลาของอีกฝ่าย
หลินสวินหมุนตัว หันหลังให้ค่ายกลโบราณเขตแดน สายตามองถงเชียนฉวี่แล้วกล่าว “ยันต์ส่งสารที่เจ้าเพิ่งส่งออกไป เป็นการขอความช่วยเหลือจากคนผู้นี้หรือ”
ในใจถงเชียนฉวี่กดดันอย่างบอกไม่ถูกระลอกหนึ่ง กัดฟันเอ่ย “ไม่ผิด! ถ้าสหายยุทธ์รู้จักถอย บางทีตอนนี้อาจยังมีโอกาสรอดชีวิต ไม่เช่นนั้น…”
หลินสวินหัวเราะน้อยๆ กล่าวว่า “รอข้าได้จานกระบวนแล้วจะจากไป”
ถงเชียนฉวี่สีหน้าเปลี่ยนไปมา เขาดูออกแล้วว่าหลินสวินไม่ได้สนใจการข่มขู่แม้แต่น้อย!
ตูม!
ไม่นานแสงเคลื่อนไหวเจิดจ้าหาใดเปรียบกลุ่มหนึ่งพุ่งมาจากไกลๆ
ผู้นำเป็นชายผมขาวชุดดำ ตัวยังมาไม่ถึงเสียงเย็นเยียบเฉยชาของเขาก็ดังมาแล้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่”
“ผู้อาวุโสสาม!”
ถงเชียนฉวี่ดีใจ รีบเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดออกไป
ขวับ!
จากนั้นสายตาของพวกชายผมขาวชุดดำก็มองมาทางหลินสวิน บรรยากาศเปลี่ยนเป็นกดดันในชั่วขณะเดียว
“สหายคนนี้ เหตุใดเจ้าถึงรีบไปน่านฟ้าที่แปดเช่นนี้เล่า”
ชายผมขาวชุดดำเอ่ยถามอย่างเย็นเยียบ
หลินสวินจนใจอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ ท่าท่างตนจะข่มกลั้นเกินไปหน่อยแล้ว ถึงขั้นที่ใครๆ ต่างกล้าซักไซ้ตนเช่นนี้
“จานกระบวนอยู่ในมือเจ้าหรือ”
หลินสวินถามตรงๆ
“บังอาจ! ผู้อาวุโสสามกำลังถามเจ้าอยู่ เจ้าแค่ต้องตอบก็พอ!”
เด็กหนุ่มชุดม่วงคนหนึ่งข้างชายผมขาวชุดดำตวาด
หลินสวินเลิกคิ้วกล่าวทอดถอนใจ “เดิมทีข้าไม่อยากสร้างความลำบากให้พวกเจ้า แต่ดูท่าตอนนี้ข้าคงใจดีเกินไป…”
“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ยัง…”
เด็กหนุ่มชุดม่วงหัวเราะลั่น รู้สึกคล้ายกำลังฟังเรื่องตลกยิ่ง เพียงแต่พูดไม่ทันจบร่างของเขาก็เกิดเสียงดังปัง ระเบิดกลายเป็นเถ้าปลิวลอยในอากาศ
ทั่วลานล้วนตกตะลึง
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครเห็นว่าหลินสวินลงมืออย่างไร!
“นายน้อย!”
เสียงร้องตกใจระลอกหนึ่งดังขึ้น ล้วนถูกภาพนี้ทำเอาตั้งตัวไม่ถูก
ชายผมขาวชุดดำยิ่งเดือดดาล เคราผมชี้ชัน ตวาดลั่น “เจ้าถึงขั้นกล้าฆ่าหลานข้า! ยกโทษให้ไม่ได้!”
ตูม!
ผู้อาวุโสสามตระกูลถงคนนี้มีมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ โบกมืดตวัดรุ้งเทพดุดันแหวกทลายฟ้าออกมาสายหนึ่ง ทำเอาฟ้าดินมืดครึ้มไร้สีสัน
กลับพบว่าหลินสวินไม่แม้แต่จะมอง คว้าผ่านห้วงอากาศ “เข้ามาเถอะ”
ปัง!
รุ้งเทพดุดันที่กรีดวาดผ่านอากาศสายนั้นพังทลายทุกกระเบียด
จากนั้นร่างของชายผมขาวชุดดำก็เหมือนแมลงที่ถูกมือยักษ์จับไว้ ม้วนกลิ้งอยู่เบื้องหน้าหลินสวิน ถูกกำราบจนเงยหัวไม่ขึ้นแม้แต่น้อย
ทั้งลานเงียบกริบทันที
ผู้แข็งแกร่งตระกูลถงทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ล้วนประหนึ่งโดนฟ้าผ่า อึ้งค้างอยู่ตรงนั้น
แค่เผชิญหน้ากันเท่านั้น ผู้อาวุโสสามที่พลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลตนก็ถูกกำราบเช่นนี้แล้ว!!
นี่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวสุดขีด ขวัญหนีดีฝ่อแล้ว
“ผู้น้อยมีตาหามีแววไม่ หวังว่าผู้อาวุโสจะให้อภัย!”
ชายผมขาวชุดดำร้องตะโกนด้วยความตื่นตกใจ ตัวสั่นอยู่บนพื้น
ก่อนหน้านี้เขาถูกมองเป็นดาวช่วยชีวิตของผู้แข็งแกร่งตระกูลถง ท่วงท่าอาจหาญ แต่ตอนนี้กลับเหมือนสุนัขไร้บ้าน หมอบราบขอความเมตตา!
“จานกระบวนอยู่ที่ไหน” หลินสวินถาม
ชายผมขาวชุดดำหยิบจานกระบวนสำริดชิ้นหนึ่งออกจากในอกแล้วส่งให้หลินสวินด้วยสองมือ “เชิญผู้อาวุโสตรวจสอบ!”
หลินสวินหยิบจานกระบวนในมือมาดูคร่าวๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าความอัปยศที่เจอวันนี้ควรโทษใคร”
ชายผมขาวชุดดำกล่าวเสียงสั่น “ล้วนต้องโทษผู้น้อยที่มีตาแต่ไร้แวว ผู้อาวุโสโปรดอภัยด้วย!”
“ปล่อยเขาไปไม่ได้!”
จู่ๆ เสียงโกรธเกรี้ยวสายหนึ่งดังขึ้นจากไกลๆ
หลินสวินเงยมองไปก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เป็นถานไถเฟิงนั่นเอง
ไม่เจอกันหลายปี ถานไถเฟิงก้าวสู่มรรคาอมตะแล้วเช่นกัน มีมรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นต้น แค่คิดก็รู้ว่าพรสวรรค์ของเขาไม่ธรรมดาแค่ไหน
เพียงแต่ตอนนี้เขากลับผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดวิ่น บาดเจ็บไปทั้งตัว ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยโทสะและความแค้น
“ถานไถเฟิง! ในที่สุดเศษเดนตระกูลถานไถอย่างเจ้าก็เผยตัวแล้ว!”
ถงเชียนฉวี่ตะโกนลั่น
แต่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง ผู้อาวุโสสามยังคุกเข่าอยู่บนพื้น เวลานี้ไหนเลยจะไปจัดการถานไถเฟิงได้
“คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอเจ้าอีกครั้งในตอนนี้”
หลินสวินถอนหายใจ
ในใจเขารู้สึกซับซ้อนอยู่บ้าง เดิมทีเขาไม่คิดจะเจอกับอีกฝ่าย
ถานไถเฟิงคุกเข่ากับพื้นอย่างแรง หน้าผากโขกพื้น กล่าวเสียงเศร้าโศกแหบพร่า “พี่หลิน ปีนั้นตระกูลถานไถของข้าทำผิดไปแล้ว แต่ก็จ่ายค่าตอบแทนอย่างสาหัสไปแล้วเช่นกัน เมื่อคืนตระกูลถานไถของข้าถูกศัตรูบุก คนในตระกูลถูกสังหารสิ้น มีเพียงข้าที่โชคดีรอดชีวิตมาได้…”
ในน้ำเสียงเผยความเสียใจและขมขื่นไร้สิ้นสุด
เขาสูดหายใจลึกกล่าวว่า “ข้าไม่ขอให้เจ้าให้อภัย แค่ขอให้เจ้าเห็นแก่ไมตรีในปีนั้น เจ้าจะ… ช่วยข้าสังหารเจ้าเฒ่าสวะที่คุกเข่าตรงหน้าเจ้าได้หรือไม่ เป็นเขาที่ฆ่าญาติพี่น้องทั้งหมดของข้า ถึงขั้นแม้แต่บุตรสาวที่ไร้ความผิดของข้ายังถูกเขาสังหารอย่างโหดเหี้ยม!”
พูดถึงตอนท้าย เสียงของเขาคล้ายเค้นออกมาจากไรฟัน ใบหน้าล้วนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์
สีหน้าคนตระกูลถงทั้งหมดในที่นั้นล้วนเปลี่ยนไปแล้ว คิดไม่ถึงอย่างยิ่งว่าถานไถเฟิงดันเป็นคนรู้จักกับหลินสวิน!
หลินสวินนิ่งเงียบพักหนึ่ง
เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเมื่อคืนตระกูลถานไถจะพบเจอหายนะการกวาดล้างยกตระกูล
ทว่าใคร่ครวญครู่หนึ่งก็ถูกต้อง ผู้แข็งแกร่งตระกูลถงพวกนี้กล้ามาแย่งชิงค่ายกลโบราณเขตแดนในเมืองอย่างเปิดเผยเช่นนี้ เห็นชัดว่ารู้เรื่องที่ตระกูลถานไถประสบเคราะห์แล้วเช่นกัน
“พี่หลิน ขอร้องเจ้า ขอร้องเจ้าแล้ว!”
ถานไถเฟิงคำนับไม่หยุด เปล่งเสียงอ้อนวอน
ปึง!
ตรงหน้าหลินสวิน ร่างชายผมขาวชุดดำที่ถูกกำราบกับพื้นมาตลอดพลันระเบิดออก กลายเป็นเถ้าถ่านสลายไป
ภาพการตายนี้ทำเอาผู้แข็งแกร่งตระกูลถงคนอื่นๆ สั่นเทิ้มไปทั่วร่าง
“หนี!”
พวกเขาตระหนักได้ว่าท่าไม่ดี จึงรีบเผ่นหนีทันที
แต่เมื่อหลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ร่างของพวกเขาแต่ละคนก็ราวกับถูกเผา กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวหายไปทันที ไร้ซึ่งผู้รอดชีวิต
เห็นดังนี้ถานไถเฟิงที่คุกเข่าบนพื้นก็ตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนจะกล่าวคำนับอย่างตื้นตัน “ขอบคุณพี่หลินมาก ขอบคุณพี่สวินมาก!”
เขาร้องไห้ขมขื่น สภาพอารมณ์เสียการควบคุม
ญาติพี่น้องทั้งตระกูลถูกสังหารสิ้นในชั่วข้ามคืน ทำให้เขาได้รับความสะท้านสะเทือนมากเกินไป สภาวะจิตจึงไม่มั่นคงอยู่บ้าง
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าตระกูลถานไถของพวกเจ้าจะเลือกเป็นศัตรูกับข้า และเลือกพึ่งพิงพันธมิตรสงครามสิบตระกูล”
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ “ว่ากันตามจริงในใจข้าไม่ได้โกรธ มีก็แต่ความผิดหวัง นับจากวันนี้ไปไมตรีของเจ้ากับข้าในอดีตก็จบลงตรงนี้”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินเข้าไปในค่ายกลโบราณเขตแดนแล้ว
“พี่หลิน…”
ถานไถเฟิงเหมือนวิญญาณล่องลอย ในใจรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
หลินสวินไม่ได้หันกลับมาอีก
วู้ม…
เมื่อระลอกคลื่นแผ่ออกมาในอากาศ ค่ายกลโบราณเขตแดนก็ส่งเสียงดังราวฟ้าผ่า
พริบตาเดียวเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินก็หายลับไปในเงาแสงห้วงอากาศขาวโพลนนั่น
ห่างจากค่ายกลโบราณเขตแดน มีเพียงถานไถเฟิงคุกเข่าอยู่เพียงลำพัง ผมเผ้ายุ่งเหยิง สายตาว่างเปล่าเลื่อนลอย…
สำหรับเขา คล้ายว่าสูญสิ้นทุกอย่างในชั่วข้ามคืน!
วันนี้ข่าวที่ตระกูลถานไถทั้งตระกูลล่มสลายก็กระจายไปทั้งเมืองค้ำฟ้า เรียกคลื่นลมปั่นป่วน และข่าวยังกระจายไปยังที่อื่นๆ ของน่านฟ้าที่เจ็ดอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แพร่หลาย
ส่วนกายมรรคทั้งห้าของหลินสวินก็มาถึงน่านฟ้าที่แปดอย่างราบรื่นแล้ว!