น่านฟ้าที่แปด
แคว้นเทพเก้าธารา
ที่นี่เป็นหนึ่งในแคว้นเทพที่ตระกูลตงหวงหนึ่งในสิบยักษ์ใหญ่อมตะปกครองดูแล
ฮูม…
ห้วงอากาศปั่นป่วน เงาร่างหลินสวินปรากฏตัวกลางอากาศ
‘แคว้นเทพเก้าธารา… จากที่นี่น่าจะสามารถหาบุคคลแกนหลักจำนวนหนึ่งของตระกูลตงหวงได้…’
นัยน์ตาหลินสวินวาบแววครุ่นคิด
ฟ้าดินของน่านฟ้าที่แปดต่างจากน่านฟ้าอื่นๆ เผยทัศนียภาพที่เก่าแก่ดั้งเดิม ทุกแห่งหนล้วนมีแต่ภูผาธาราดุจดั่งเวิ้งว้าง ร่องรอยมนุษย์บางตา
ในน่านฟ้าที่แปดมีทั้งหมดสามสิบสามแคว้นเทพ ถูกขุมอำนาจสิบยักษ์ใหญ่อมตะกระจายกันปกครอง
นอกจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ น่านฟ้าที่แปดยังมีขุมอำนาจอื่นๆ มากมายกระจายตัวอยู่ แต่แทบจะเป็นบริวารใต้อาณัติสิบยักษ์ใหญ่อมตะทั้งสิ้น
หลินสวินมาถึงน่านฟ้าที่แปดได้สามวันแล้ว สืบรู้ว่าขุมอำนาจที่อยู่ใกล้เขาที่สุดก็คือตระกูลตงหวง หนึ่งในสิบยักษ์ใหญ่อมตะ!
เพียงแต่เพราะเป็นครั้งแรกที่มาน่านฟ้าที่แปด หลินสวินยังต้องสืบข่าวอีกสักหน่อย
สวบ!
เงาร่างหลินสวินไหวกะพริบ พุ่งโฉบไปยังเขตพื้นที่ของแคว้นเทพเก้าธารา
…
เมืองเมฆโลหิต
เมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่รุ่งเรืองที่สุดในแคว้นเทพเก้าธารา ที่นี่มีฐานที่มั่นแห่งหนึ่งของตระกูลตงหวงตั้งอยู่
ยามนี้ในคฤหาสน์โบราณสูงตระหง่านแห่งหนึ่งใจกลางเมือง คนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มรวมตัวกัน สายตาต่างมองไปทางชายชราผมเทาผอมแห้งซึ่งนั่งบนตำแหน่งประธาน
เขาคือตงหวงฉยง เฒ่าดึกดำบรรพ์ของตระกูลตงหวง อยู่ขั้นดับเทพสัมบูรณ์มามากกว่าหมื่นปี และไม่นานมานี้ก็ทะลวงขั้นหลุดพ้นได้แล้ว!
“ครั้งนี้ที่เรียกรวมตัวทุกคนเพราะมีเรื่องใหญ่จะประกาศ” ตงหวงฉยงเอ่ยปาก เสียงแหบแห้งต่ำลึก เต็มไปด้วยบารมียิ่งยวด
ในใจทุกคนหนาวเยือก รอฟังนอบน้อม
“วันนี้ข้าจะกลับตระกูลสักครั้ง บางทีอาจจะไม่ได้กลับมาอีกนาน ต่อไปธุระของแคว้นเทพเก้าธารานี้ก็มอบให้พวกเจ้ามาจัดการแล้ว”
ตงหวงฉยงกล่าวออกมา
ทุกคนฮือฮา ล้วนเผยแววเหนือคาดออกมา
“ผู้อาวุโส นี่เป็นเพราะอะไรหรือ” มีคนอดเอ่ยถามไม่ได้
ตงหวงฉยงนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนกล่าว “คิดว่าทุกท่านล้วนได้ยินเรื่องที่สองหอบรรพจารย์อย่างลัทธิพ่อมดและลัทธิฌาน รวมถึงระดับนิรันดร์จำนวนหนึ่งของน่านฟ้าที่เก้าล้วนประสบเคราะห์ ตายที่หน้าประตูลัทธิแรกกำเนิดแล้วกระมัง”
ทุกคนนัยน์ตาหดรัด ในใจปั่นป่วน
“ลัทธิแรกกำเนิดไม่ได้ย่อยยับ กลับกลายเป็นผู้ชนะในตอนสุดท้ายราวปาฏิหาริย์ นี่เป็นเรื่องที่ใครก็คิดไม่ถึง และตระกูลตงหวงของเรากับลัทธิแรกกำเนิดมีความแค้นที่ไม่อาจสะสาง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยากจะรับรองว่าจะไม่ถูกโจมตีจากลัทธิแรกกำเนิด”
ตงหวงฉยงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวด้วยแววตาแน่วแน่ “ดังนั้นข้าจำเป็นต้องจากไป หากมีอันตรายเกิดขึ้นก็จะสามารถออกแรงช่วยตระกูลได้”
บรรยากาศบีบคั้นกดดัน
มีคนอดเอ่ยถามไม่ได้ “หากกำลังพลของลัทธิแรกกำเนิดบุกมาถึงน่านฟ้าที่แปดจริง เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าพวกนั้นจะนั่งนิ่งไม่สนใจเลยอย่างนั้นหรือ”
ตงหวงฉยงส่ายหน้า “บอกไม่ได้”
อันที่จริงในใจเขารู้ดีที่สุด สถานการ์ทั่วหล้าไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้สิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกเขายังสามารถอ้างชื่อเผ่าเทพนิรันดร์ ไม่เกรงกลัวลัทธิแรกกำเนิดได้
แต่ตอนนี้…
เผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้นเกรงว่าตัวเองยังเอาไม่รอด!
เหตุผลง่ายดายยิ่ง ภายใต้ภัยคุกคามของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ต่อให้เป็นระดับนิรันดร์พวกนั้นก็ยังเสี่ยงอันตรายทุกคน ใครยังจะมีแก่ใจสนใจเรื่องอื่นอีกเล่า
ในคืนวันนั้นตงหวงฉยงออกจากเมืองเมฆโลหิตเงียบๆ เพียงลำพัง
“ตงหวงฉยง?”
ขณะที่ร่างตงหวงฉยงเพิ่งเคลื่อนย้ายออกมาถึงนอกเมืองเมฆโลหิต ก็รู้สึกชะงักไปทั้งร่างระลอกหนึ่ง ถึงกับไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อีก เงาร่างถูกบีบให้ปรากฏตัวออกมาจากห้วงอากาศทันที
ที่ตามมาติดๆ คือเสียงสายหนึ่งดังขึ้นข้างหูเขา ทำเอาเขาหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ “ใคร”
“พาข้าไปเยี่ยมตระกูลพวกเจ้าสักรอบจะเลี่ยงความตายได้”
เสียงสายนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คลุมเครือแว่วหวิว ทำเอาตงหวงฉยงไม่สามารถจับตำแหน่งได้
สิ่งนี้ทำให้ในใจเขาหนักอึ้งอีกครั้ง ประสบการณ์นานปีทำให้เขาแยกแยะได้ในอึดใจ ว่าความแข็งแกร่งของศัตรูอย่างน้อยก็เหนือกว่าตน!
“บังอาจถามว่าสหายเป็นใคร ปรากฏตัวมาพบหน้ากันหน่อยได้หรือไม่”
ตงหวงฉยงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยปากเนิบนาบ
“ความอดทนข้ามีจำกัด ภายในสามลมหายใจ หากยังไม่ตกลงก็รับผลที่ตามมาเอง”
เสียงดังขึ้น เยือกเย็นราบเรียบ จากนั้นก็จมสู่ความเงียบอีกครั้ง
สามลมหายใจ!
ตงหวงฉยงนัยน์ตาพลันหดรัด หนวดผมล้วนชี้ตั้ง ขนทั่วร่างลุกซู่ขึ้นมา ตกใจและเดือดดาลจนถึงขีดสุด
“ข้าตกลง”
พริบตาที่ใกล้ครบเวลาสามลมหายใจ ตงหวงฉยงก็เปิดปากตอบตกลงอย่างแทบจะเป็นไปตามจิตใต้สำนึก
“ไปเถอะ”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นเบื้องหน้าตงหวงฉยงพลันพริบไหว เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งสะท้อนสู่ม่านตา อาภรณ์สีขาวพระจันทร์ทั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา นัยน์ตาลุ่มลึกดั่งหุบเหว บุคลิกราบเรียบพ้นโลกีย์
“หลินสวิน!?”
ตงหวงฉยงร้องเสียงหลงออกมา คิดไม่ถึงเป็นอันขาดว่าเจ้าคนที่คุกคามข่มขู่ตนผู้นี้ จะเป็นเจ้าชั่วที่ทำให้ตระกูลตงหวงของพวกเขาแค้นเข้ากระดูกคนนั้น
“อย่าตกใจไป ได้พบเจ้าที่นี่ก็ทำให้ข้าแปลกใจมากเช่นกัน”
หลินสวินกล่าวยิ้มๆ เนิบนาบ
หวนคิดถึงปีนั้นตอนที่เขากับศิษย์พี่จวินหวนมุ่งหน้าไปลัทธิแรกกำเนิด เคยได้พบกับเฒ่าชราจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างตงหวงฉยง ฉีทิงจื่อ จงหลีชง
ถึงขั้นที่จวินหวนยังเคยประจันหน้ากับอีกฝ่าย
และปีนั้นหลินสวินมีมรรควิถีแค่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่ตงหวงฉยงในตอนนั้นยืนตระหง่านมั่นคงในระดับอมตะขั้นดับเทพสัมบูรณ์นานแล้ว
หลังจากสงบจิตใจแล้ว ตงหวงฉยงก็ใจเย็นขึ้น “หลินสวิน ที่นี่ไม่ใช่ลัทธิแรกกำเนิด แต่เป็นน่านฟ้าที่แปด ไม่กลัวประสบเคราะห์บ้างหรือ”
เขาตกใจเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงสักนิดว่าหลินสวินจะดันปรากฏตัวในน่านฟ้าที่แปด ทั้งเห็นชัดว่าตั้งใจจะแก้แค้นตระกูลตงหวงของพวกเขา!
“ประสบเคราะห์หรือ”
หลินสวินยิ้มออกมา “หลายปีก่อนหน้านี้ กองกำลังที่รวบรวมมาของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลแทบจะพินาศไม่เหลือซาก ตอนนี้สิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกเจ้า ตระกูลใดบ้างที่ไม่เสียหายหนักหน่วง อยู่ในสถานการณ์คับขัน”
ตงหวงฉยงกล่าวด้วยใบหน้าอึมครึมว่า “น่านฟ้าที่แปดกับน่านฟ้าที่เก้าเชื่อมต่อกัน ต่อให้เจ้าไม่เห็นพวกข้าอยู่ในสายตา แต่ไม่กลัวว่าจะพบเจอการแก้แค้นจากเผ่าเทพนิรันดร์บ้างหรือ อย่าลืมสิ คนที่เผ่าเทพนิรันดร์พวกนั้นอยากฆ่ามากที่สุดก็คือเจ้า!”
หลินสวินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้าคนแซ่หลินก็จะอยากดูสักหน่อย ว่ายามเหยียบย่ำตระกูลตงหวงของพวกเจ้า เผ่าเทพนิรันดร์พวกนั้นจะกล้ายื่นมือเข้ามาจริงหรือไม่”
หัวใจตงหวงฉยงจมดิ่งโดยพลัน
“นำทางสิ”
หลินสวินกล่าว
“ข้าก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะตายอนาถขนาดไหน!”
ตงหวงฉยงแค่นเสียงเย็น
สวบ!
ห้วงอากาศปั่นป่วน ตงหวงฉยงนำทางอยู่ข้างหน้า หลินสวินตามอยู่ด้านหลัง
สำหรับขั้นหลุดพ้นแล้ว พริบตาเดียวก็สามารถทะยานข้ามห้วงอากาศ ผ่านพันภูผาหมื่นธาราได้
ตงหวงฉยงพาหลินสวินเคลื่อนย้ายเกือบสามชั่วยาม ข้ามผ่านเมืองและภูผาธาราไม่รู้เท่าไร มุ่งหน้าไปทางเหนือ
ตลอดทางตงหวงฉยงล้วนให้ความร่วมมืออย่างมาก คล้ายล้มเลิกการต่อต้านทั้งหมดแล้ว
กระทั่งหลังจากเหินทะยานมาห้าชั่วยาม
จู่ๆ หลินสวินก็กล่าวว่า “พวกเจ้าตระกูลตงหวงน่าจะเตรียมพร้อมเรียบร้อยนานแล้วกระมัง”
ตงหวงฉยงสีหน้าแข็งค้าง “รองหัวหน้าหอหลินหมายความว่าอย่างไร”
หลินสวินหยุดเท้า จ้องตาตงหวงฉยงแล้วกล่าว “เจ้าคิดว่าทำไมข้าต้องให้เจ้านำทางด้วย”
ตงหวงฉยงขมวดคิ้วกล่าว “เพราะเหตุใด”
หลินสวินพูดอย่างจริงจัง “ก็เพราะอยากให้เจ้าบอกตระกูลของพวกเจ้า ว่าข้าหลินสวินมาแล้ว”
ตงหวงฉยงผงะไป “จากนั้นเล่า”
หลินสวินกล่าวยิ้มๆ “จากนั้นให้พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อมสักหน่อย รอยามส่งพวกเจ้าลงนรกแล้ว ทุกคนจะได้ออกเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตา”
เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็พูดอย่างคล้ายใคร่ครวญ “ห้าชั่วยามแล้ว หากพวกเจ้าตระกูลตงหวงตอบสนองเร็วสักหน่อย น่าจะเรียกรวมตัวคนใหญ่คนโตที่กระจายตัวตามที่ต่างๆ ให้กลับตระกูลได้หมดแล้วกระมัง”
ในหัวตงหวงฉยงเกิดเสียงดังตูมคราหนึ่ง เหมือนถูกสายฟ้าฟาด ในที่สุดเขาก็เข้าใจเจตนาของหลินสวินแล้ว ถึงกับคิดจะเหยียบตระกูลพวกเขาให้ราบ!
แผ่นหลังเขาพลันเย็นวาบ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
หลินสวินตบไหล่เขาเบาๆ “เจ้าวางใจเถอะ แค้นมีเจ้าของ หนี้มีเจ้าหนี้ ข้าคนแซ่หลินไม่ใช่พวกที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า แค่เด็ดหัวพวกตัวหลักก็พอ ส่วนคนบริสุทธิ์พวกนั้นในตระกูลของเจ้า ย่อมเปิดทางรอดให้อยู่แล้ว”
“จะ… เจ้า…” ตงหวงฉยงทั้งตกใจทั้งเดือดดาล
หลินสวินยื่นมือขวาออกมาโดยพลัน บีบคอของตงหวงฉยงเอาไว้ มือซ้ายก็ตบศีรษะเขาคราหนึ่ง
ปัง!
ศีรษะตงหวงฉยงระเบิดแตก พลังจิตของเขาถูกหลินสวินกำไว้
ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครา ร่างกายของตงหวงฉยงกลายเป็นเถ้าถ่านปลิวกระจาย
สายตาหลินสวินจับจ้องพลังจิตของตงหวงฉยง พลังจิตของเขาสั่นเทิ้มไปหมด ตื่นกลัวหาใดปรียบ คล้ายคิดไม่ถึงสักนิดว่าหลินสวินบอกจะลงมือก็ลงมือทันที กำจัดร่างมรรคของเขาทิ้งตรงๆ
ไม่รอให้เขาตอบสนอง หลินสวินก็ซัดอีกหมัดเข้าใส่คอของพลังจิตตงหวงฉยงอย่างหนักอีกครั้ง
พรูด!
พลังจิตของตงหวงฉยงอ้าปากคายมุกสีทองอร่ามเม็ดหนึ่งออกมา ถูกหลินสวินคว้าจับไว้กลางใจฝ่ามือ
สำรวจคร่าวๆ แล้วหลินสวินก็เอ่ยถาม “ก่อนหน้านี้เจ้าก็ใช้มุกนี่ส่งข่าวให้ตระกูลกระมัง”
มุกนี้มีกลิ่นอายระเบียบคลุมเครือไหลเวียน ยามจิตรับรู้ของหลินสวินแทรกเข้าไป ก็พบว่าภายในมุกนี้ถึงกับมีโลกเล็กที่น่าพิศวงแห่งหนึ่ง
ปลายทางโลกเล็กเชื่อมต่อกับกลิ่นอายต้นกำเนิดระเบียบอันเร้นลับ
เห็นชัดว่ากลิ่นอายต้นกำเนิดระเบียบนั่นน่าจะตั้งอยู่ในอาณาเขตตระกูลตงหวง และตงหวงฉยงก็อาศัยพลังระเบียบที่บรรจุในมุกนี้ติดต่อกับคนในตระกูลได้อย่างเงียบๆ ใช้จุดนี้ส่งข่าวให้ทั้งตระกูลของเขารับรู้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น!
พลังจิตของตงหวงฉยงพลันหน้าซีด กล่าวอย่างแตกตื่นหวาดผวา “ที่แท้… เจ้าถึงกับเดาได้แต่แรกแล้ว…”
หลินสวินเอ่ยว่า “ก่อนข้าจะมาน่านฟ้าที่แปดเคยศึกษาข้อมูลของพวกเจ้าตระกูลตงหวงเป็นการเฉพาะ รู้ว่าระเบียบพิทักษ์ตระกูลของพวกเจ้าตระกูลตงหวงเป็นระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากชนิดหนึ่ง พลังของมันเกี่ยวข้องกับ ‘มรรคแห่งห้วงอากาศ’”
เขาเว้นช่วงไป มองมุกสีทองอร่ามในมือแล้วกล่าวต่อ “ในข้อมูลก็มีบันทึกไว้ว่าพวกเจ้าตระกูลตงหวงมีสมบัติลับอย่างหนึ่ง ชื่อว่า ‘มุกวิญญาณไร้ช่องว่าง’ สามารถส่งข่าวได้โดยเทพไม่รู้ผีไม่เห็น ดูท่าคงจะเป็นของสิ่งนี้สินะ”
“เจ้าเตรียมการมาพร้อมสรรพดังคาด…”
ตงหวงฉยงสีหน้าหดหู่ กัดฟันกล่าว “แต่เจ้ารู้แล้วอย่างไร ตอนนี้ตระกูลข้าเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ต่อให้เจ้าบุกไปก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“เจ้าผิดแล้ว”
หลินสวินส่ายหน้า “ข้าแค่อยากอาศัยโอกาสนี้นี้ดูว่าพวกเจ้าตระกูลตงหวงจะเชิญคนใหญ่คนโตจากน่านฟ้าที่เก้ามาช่วยได้หรือไม่ นี่จะตัดสินว่าหลังจากนี้ข้าจะไปเยี่ยมตระกูลพวกเจ้าสักเที่ยวหรือไม่”
“เจ้า… เจ้าแผนการลึกล้ำนัก!”
พลังจิตของตงหวงฉยงเบิกตากว้าง คราวนี้ถึงเข้าใจความตั้งใจของหลินสวินโดยสมบูรณ์
“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งไม่พลั้งพลาด ถ้าไม่รู้อะไรเลยแล้วบุ่มบ่ามบุกไปฆ่าฟัน นั่นจึงจะเป็นความสะเพร่า”
กล่าวถึงตรงนี้หลินสวินนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา “จริงสิ ก่อนเจ้าจะตายข้าต้องแก้ความเข้าใจผิดเรื่องหนึ่งให้เจ้าก่อน”
“เข้าใจผิดอะไร” ตงหวงฉยงเอ่ยถามตามจิตใต้สำนึก
หลินสวินกล่าวยิ้มๆ “ตอนนี้ข้าคนแซ่หลินเป็นหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์แล้ว เมื่อครู่เจ้าควรจะเรียกข้าว่าหัวหน้าหอหลินถึงจะถูก”
ตงหวงฉยงผงะไป
ปึง!
จากนั้นพลังจิตของเขาก็แหลกเป็นผุยผง ปลิวหายไปจากฝ่ามือของหลินสวิน