เขาเทพจันทร์กระจ่าง
อาณาเขตของตระกูลตงหวง
ว่ากันว่าภายในรัศมีหนึ่งแสนลี้ใต้เขาสั่งสมชีพจรมรรคต้นกำเนิดตั้งแต่ยามแรกกำเนิดฟ้าดิน เป็นแดนมงคลที่ไม่เป็นรองใครในน่านฟ้าที่แปด
สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไป ฝึกปราณที่นี่หนึ่งวันก็เทียบได้กับทุ่มเทเป็นร้อยวันในโลกภายนอกแล้ว!
มองดูเขาเทพจันทร์กระจ่างที่ถูกปกคลุมใต้สีรัตติกาลจากไกลๆ หลินสวินเองก็อดทอดถอนใจไม่ได้
แดนมงคลเช่นนี้ เทียบกับแดนแรกเริ่มยังไม่ด้อยกว่ากันเท่าไร ฝึกปราณที่นี่ตั้งแต่เด็ก ต่อให้เป็นคนโง่เขลาแค่ไหนก็สามารถตื่นรู้ปลุกจิตวิญญาณขึ้นได้มากมาย
สีรัตติกาลค่อยๆ เข้มขึ้น
หลินสวินนั่งลงกับพื้นลวกๆ แล้วหยิบน้ำเต้าสุรามาดื่มเพียงลำพัง รอคอยเงียบๆ
…
ภายในเขาเทพจันทร์กระจ่างตอนนี้กลับเป็นบรรยากาศกดดันทั้งแถบ
โถงใหญ่ของตระกูล แสงไฟสว่างไสว
ตงหวงจิ่วหุ่ยนั่งบนที่นั่งประธานตรงกลาง สีหน้าใต้เงาโคมไฟอึมครึมไม่สามารถสงบได้
สองฝั่งของโถงใหญ่ คนใหญ่คนโตตระกูลตงหวงล้วนนั่งไม่ติด รอคอยอย่างร้อนรน
ไม่นานเงาร่างผอมสูงสายหนึ่งปรากฏกลางอากาศในโถงใหญ่ ดึงดูดสายตาของทุกคนในที่นั้นทันที
ตงหวงจิ่วหุ่ยยิ่งลุกขึ้นเอ่ยพูดทันควัน “ผู้อาวุโส เป็นอย่างไร”
เงาร่างผอมสูงนี้สวมชุดแดง รูปลักษณ์ราวกับเด็กหนุ่ม ดวงตาเรียวยาวทั้งคู่เฉียบคม เป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์คนหนึ่งในตระกูลตงหวง นามว่าตงหวงเค่อ
เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอึมครึม “น่านฟ้าที่เก้าส่งข่าวมา ว่าหัวหน้าเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางมีคำสั่งลงมาแล้วตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน ว่าไม่อนุญาตให้คนในตระกูลออกไปข้างนอกเด็ดขาด”
ตงหวงจิ่วหุ่ยพลันอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ใจหล่นวูบ
เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางคือที่พึ่งของตระกูลตงหวง แต่ตอนนี้… ตระกูลหยางกลับไม่สนความเป็นความตายของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว!
สีหน้าของคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ล้วนเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่ละคนต่างตกตะลึง
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
เผ่าเทพนิรันดร์ที่ยิ่งใหญ่ กลับไม่กล้าส่งคนมาจัดการหลินสวินหรือ
“ผู้อาวุโส นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางจึงเลือกจะนิ่งดูดาย” มีคนพูดอย่างไม่เข้าใจ
ตงหวงเค่อสีหน้ามืดทะมึน “เหตุผลข้าพอจะเดาได้ คงจะเกี่ยวข้องกับเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าระดับนิรันดร์ในตระกูลหยางคงเริ่มเตรียมการไปจากโลกยอดนิรันดร์ มุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่มีทางสนใจความเป็นตายของตระกูลตงหวงของเรา!”
บรรยากาศในโถงใหญ่อึดอัด กดดันจนแทบหายใจไม่ออก
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นตงหวงจิ่วหุ่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ในดวงตาความเด็ดเดี่ยว กล่าวว่า “ทุกท่าน นับแต่นี้เป็นต้นไป ลงมือตามแผนที่หารือกันก่อนหน้านี้!”
ว่าพลางสายตาเขามองไปยังคนผู้หนึ่งในโถงใหญ่ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านไปติดต่อยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ บอกพวกเขาว่า น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า หากพวกเราจบสิ้น พวกเขาก็หนีไม่พ้น ถ้าอยากสลายเคราะห์นี้ก็ส่งกำลังพลทั้งหมดมาช่วยพวกเราโดยเร็วที่สุด”
“ได้”
ผู้อาวุโสใหญ่ตงหวงซิวรับคำสั่งจากไป
“ผู้อาวุโสรอง ท่านไปรวบรวมขั้นหลุดพ้นในตระกูล ให้พวกเขาปักหลักใน ‘กระบวนสังหารเก้ายอด’ ทั้งหมด พร้อมฟังคำสั่งตลอดเวลา”
“รับทราบ!”
“ผู้อาวุโสสาม ท่านไปรวมตัวคนทั้งหมดในตระกูล ให้พวกเขาไปอยู่ในสมบัติพิทักษ์ตระกูล ‘แผนภาพเทพภูผาธารา’”
“รับทราบ!”
“ผู้อาวุโสสี่ ท่านกับผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสหกไปดูแลพลังระเบียบของตระกูลด้วยกัน”
“รับทราบ!”
“ผู้อาวุโสเจ็ด ท่านไปศาลบรรพชนถ่ายทอดคำสั่ง ใช้นามของตระกูลตงหวง ระดมกำลังพลทั้งหมดที่อยู่ใต้อาณัติตระกูลเรามาเสริมทัพ ข้าต้องการให้พวกเขามารวมตัวกันหน้าประตูภูเขาภายในหนึ่งวัน”
“รับทราบ!”
“ผู้อาวุโสแปด ท่านกระจายข่าวไปยังโลกภายนอกว่าลัทธิแรกกำเนิดบุกรุกน่านฟ้าที่แปด รองหัวหน้าหอหลินสวินเผยร่องรอยแล้ว เจ้าหลินสวินคนนี้ปรากฏตัวแล้ว!”
“ขอรับ!”
ระหว่างที่คำสั่งแต่ละอย่างถูกถ่ายทอดออกไป หัวใจของตงหวงจิ่วหุ่ยก็ค่อยๆ สงบลง
ตอนนี้ผู้อาวุโสเหล่านั้นต่างรับคำสั่งจากไป เหลือเพียงแค่เขาและตงหวงเค่อสองคน
ตงหวงเค่อเอ่ยด้วยสายตาวูบไหว “เจ้าคิดจะรวบรวมกำลังพลของสิบยักษ์ใหญ่อมตะมาไว้ในตระกูลเรา ต่อสู้ตัดสินกับหลินสวินหรือ”
ตงหวงจิ่วหุ่ยถอนหายใจเบาๆ “นอกจากทำเช่นนี้ยังมีวิธีอื่นหรือ ตอนนั้นพันธมิตรสงครามสิบตระกูลของพวกเราเสียหายหนักในน่านฟ้าที่หก ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ถูกสังหารสิ้น แม้แต่ในตระกูลหวังตอนนี้ก็เหลือขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เพียงสามคน อย่างตระกูลฝูยิ่งน่าอนาถ ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เหลือเพียงฝูเฉาหลันคนเดียว”
เขาเว้นช่วงไปแล้วเอ่ยว่า “สิบยักษ์ใหญ่อมตะในตอนนี้ ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์รวมกันแล้วยังไม่ถึงยี่สิบคน! หากไม่รวมตัวกันย่อมต้องถูกหลินสวินโจมตีจนพ่ายแพ้ทั้งหมด! เหตุผลนี้เชื่อว่ายักษ์ใหญ่อมตะตระกูลอื่นๆ ล้วนกระจ่าง!”
ตงหวงเค่อขมวดคิ้วน้อยๆ กล่าวว่า “หลินสวินคนเดียวเท่านั้น น่ากลัวขนาดนี้จริงหรือ”
ตงหวงจิ่วหุ่ยเอ่ย “หลินสวินคนเดียวแน่นอนว่าไม่น่ากลัว แต่ถ้าเขาพากำลังพลของลัทธิแรกกำเนิดมาด้วยกันกลับต่างออกไปแล้ว สิ่งที่ข้ากลัวที่สุดก็คือกำลังพลของลัทธิแรกกำเนิด”
ตงหวงเค่อพยักหน้าเอ่ยว่า “ตอนนี้ในตระกูลยังมีรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์อีกสองคน ในช่วงเวลาสำคัญตัดสินเป็นตายของตระกูลก็สามารถนำมาใช้เป็นไพ่ใบสุดท้ายได้”
จู่ๆ ตงหวงจิ่วหุ่ยก็เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสสิบสามตงหวงฉยงส่งข่าวมา บอกว่าตั้งแต่ต้นจนจบมีแค่หลินสวินคนเดียวที่ปรากฏตัว ถ้ามีเพียงเขาคนเดียวจริงๆ บางทีอาจจะจัดการง่ายขึ้น…”
“ตอนนี้ยังติดต่อเจ้าสิบสามได้หรือไม่” ตงหวงเค่อเอ่ยถาม
ตงหวงจิ่วหุ่ยส่ายหน้า “ข้ากับเขานัดหมายกันว่าจะติดต่อกันทุกๆ หนึ่งเค่อ แต่ตอนนี้ผ่านไปสามชั่วยาม ข้าสงสัยว่าเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะถูกหลินสวินฆ่าไปแล้ว”
นัยน์ตาตงหวงเค่อหดรัด กล่าวว่า “พูดเช่นนี้ เวลาเตรียมตัวสำหรับพวกเราก็มีไม่มากแล้ว”
แววตาตงหวงจิ่วหุ่ยเผยประกายเย็นเยียบปานบ้าคลั่ง “สิ่งที่ควรเตรียมพวกเราล้วนเตรียมพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเขามีความสามารถแค่ไหนกันแน่!”
…
ภายใต้สีรัตติกาลเดียวกัน
ตระกูลหวัง ยักษ์ใหญ่อมตะอันดับหนึ่ง
ผู้นำตระกูลหวังจ้งเทียนอ่านข่าวที่เพิ่งส่งมาจากตระกูลตงหวง สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้
“ผู้อาวุโสทั้งสอง ท่านคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร”
ครู่ใหญ่หวังจ้งเทียนก็เอ่ยปากเสียงขรึม
ในโถงใหญ่มีเพียงเขาและผู้อาวุโสตระกูลหวังที่มีปราณขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์อีกสองคน
คนหนึ่งนามว่าหวังเต้าชวน อีกคนนามว่าหวังฝูผิง
“ผู้นำตระกูลตัดสินใจเป็นพอ”
หวังเต้าชวนสีหน้าราบเรียบ มีสง่าราศี สวมเกี้ยวสูงชุดโบราณ ฝึกปราณมาไม่รู้นานเท่าไร มองความเป็นตายดุจปุยนุ่นมานานแล้ว
หวังฝูผิงเอ่ยเสียงขรึม “ข้ากลับคิดว่าที่ตงหวงจิ่วหุ่ยพูดไม่ผิด ตอนนี้สิบยักษ์ใหญ่อมตะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เคลื่อนไหวด้วยกันจึงจะสามารถต้านทานการคุกคามของลัทธิแรกกำเนิดได้ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงถูกลัทธิแรกกำเนิดโจมตีจนพ่ายแพ้ทั้งหมด”
หวังจ้งเทียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ไม่นานมานี้บนทะเลหมื่นดาราหน้าประตูลัทธิแรกกำเนิด ระดับนิรันดร์ห้าคนของน่านฟ้าที่เก้าไปแล้วไม่หวนกลับ ไร้ซึ่งข่าวคราว หากไม่ผิดจากที่คาด เป็นไปได้สูงมากว่าอาจประสบเคราะห์ไปแล้ว ในนั้นก็มีชางสยงถู เฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลชาง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลชางไม่มีทางส่งกำลังมาช่วยพวกเราอีกแน่”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า “ยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ สถานการณ์น่าจะเหมือนตระกูลหวังของเรา คงไม่มีทางได้รับความช่วยเหลือจากน่านฟ้าที่เก้าอีก…”
หวังฝูผิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผู้นำตระกูล เรื่องพวกนี้พวกเราต่างรู้ดี เพียงออกคำสั่งก็พอแล้ว”
เห็นเช่นนี้หวังจ้งเทียนเองก็ไม่ลังเลอีกต่อไป พูดอย่างเด็ดขาด “เช่นนั้นก็เชิญผู้อาวุโสทั้งสองนำ ‘กระบี่ตัดมรรค’ สมบัติพิทักษ์ตระกูลไปตระกูลตงหวง!”
หวังฝูผิงและหวังเต้าชวนสบตากัน ล้วนลุกขึ้นรับคำสั่ง
“ผู้นำตระกูล ทั้งตระกูลก็ฝากท่านแล้ว” หวังฝูผิงกล่าว
หวังจ้งเทียนพยักหน้าน้อยๆ
……
“ผู้อาวุโส ท่านพาคนไปเถอะ”
ตระกูลจงหลี ผู้นำตระกูลจงหลีชิ่งกัดฟันกล่าว “ตระกูลเราอยู่ใกล้ตระกูลตงหวงที่สุด หากตระกูลตงหวงประสบเคราะห์ รายต่อไปต้องเป็นพวกเราอย่างแน่นอน”
“รับทราบ!”
จงหลีป๋อเหวินที่ครอบครองพลังปราณขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์หมุนตัวจากไป
……
“ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานล้วนพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ น่านฟ้าที่เก้ายังเอาตัวไม่รอด ตอนนี้น่านฟ้าที่แปดแห่งนี้ หากสิบยักษ์ใหญ่อมตะไม่ร่วมมือกันย่อมแหลกสลาย”
ตระกูลฉี ผู้นำตระกูลฉีซูเหิงเสียงทรงพลังดังกึกก้อง “ผู้อาวุโส รบกวนท่านนำกำลังพลของตระกูลเราไปด้วยตัวเอง”
“ได้”
ฉีลิ่วเจี่ยค่อยๆ ลุกขึ้น จากไปด้วยสีหน้านิ่งสงบ
……
ในรัตติกาลนี้ นอกจากตระกูลหวัง ตระกูลจงหลี ตระกูลฉี มู่ชางไห่ผู้นำตระกูลมู่ ชือลั่วเฉินผู้นำตระกูลชือ จิงจุ่นผู้นำตระกูลจิง จู่ฝ่าเทียนผู้นำตระกูลจู่ จ้งเจี้ยนสยาผู้นำตระกูลจิ้งล้วนตัดสินใจเหมือนกัน คือส่งคนไปเสริมทัพตระกูลตงหวง!
มีเพียงตระกูลฝูที่ไม่ได้ทำเช่นนี้
เหตุผลง่ายมาก ทั้งตระกูลฝูเหลือขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เพียงแค่คนเดียวคือผู้นำตระกูลฝูเฉาหลัน ย่อมไม่มีทางจากไป
ไม่เช่นนั้นตระกูลฝูจะกลายเป็นมังกรไร้หัว!
……
ในเขาเทพจันทร์กระจ่าง หน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายเก่าแก่แห่งหนึ่ง
ภายใต้ท้องฟ้าสีรัตติกาล ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งนี้จะเกิดคลื่นละอองแสงเป็นระยะๆ จากนั้นจะมีเงาร่างกลุ่มหนึ่งเดินออกมา
เงาร่างเหล่านี้เห็นชัดว่าเป็นเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลอื่นๆ
ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเช่นนี้ ในยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ ล้วนมีหนึ่งแห่ง ต่างเชื่อมต่อกัน สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งของยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ เคลื่อนย้ายมาด้วยเวลาเพียงชั่วพริบตา
“รายงาน... ผู้อาวุโสชั้นสูงหวังเต้าชวนและหวังฝูผิงแห่งตระกูลหวัง นำผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งมาเยือน”
“รายงาน... ผู้อาวุโสชั้นสูงจงหลีป๋อเหวินตระกูลจงหลี…”
“รายงาน... ผู้อาวุโสชั้นสูงมู่ยงถิงตระกูลมู่…”
“รายงาน...”
เสียงรายงานครั้งแล้วครั้งเล่าดังก้องนอกโถงใหญ่ตระกูลฝู ทำให้สภาวะจิตของผู้นำตระกูลตงหวงจิ่วหุ่ยดีขึ้นเรื่อยๆ
เขาต้อนรับด้วยตัวเองทุกครั้ง พาเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากตระกูลอื่นๆ เข้าโถงใหญ่ของตระกูล ให้ความเคารพยิ่งยวด
จนถึงสุดท้าย นอกจากตระกูลฝู คนใหญ่คนโตจากเก้ายักษ์ใหญ่อมตะต่างมารวมตัวกัน กำลังพลระดับนี้ทำให้ตงหวงจิ่วหุ่ยมั่นใจเต็มเปี่ยม ความหวาดหวั่นและกังวลก่อนหน้านี้หายเกลี้ยง!
ขณะเดียวกันขั้นหลุดพ้นของตระกูลตงหวงก็รวมตัวกัน เข้าไปอยู่ในกระบวนสังหารเก้ายอด
พลังระเบียบของตระกูลตงหวงก็ถูกผู้อาวุโสสามคนควบคุม รอจังหวะลงมือ
ข่าวเรียกระดมขุมอำนาจใต้อาณัติเหล่านั้นมาเสริมทัพก็กระจายออกไปเช่นกัน…
แม้แต่ข่าวที่หลินสวินปรากฏตัวในน่านฟ้าที่แปด ยังแพร่สะพัดไปยังแต่ละพื้นที่ของน่านฟ้าที่แปดด้วยความเร็วอย่างที่สุดภายใต้รัตติกาลนี้
จวบจนราตรีล่วงพ้น รุ่งสางมาเยือน
ยามเห็นภาพที่เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ตงหวงจิ่วหุ่ยอดเกิดความมาดมั่นไม่ได้
เขาถึงขั้นรอคอยให้หลินสวินปรากฏตัวไวๆ แล้ว!