ประตูภูเขาทรุดตัว ฝุ่นควันคละคลุ้ง
กลางฟ้าดินเหลือเพียงห้ากายมรรคของหลินสวินยืนอยู่กลางอากาศราวกับเทพ
วู้มๆๆ…
เสียงลมอึงอล ปั่นป่วนพลุ่งพล่าน บริเวณรอบๆ กลายเป็นซากปรักหักพังนานแล้ว พลังชีวิตโรยรา สรรพสิ่งล้วนกลายเป็นฝุ่นผง
ทุกคนต่างสีหน้าอึ้งค้าง มองบรรดาร่างแยกที่อาบอยู่ในแสงประกายกฎเกณฑ์อมตะทั่วฟ้าด้วยความหวาดกลัว
ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สิบเก้าคน นอกจากตงหวงจิ่วหุ่ย ล้วนถูกหลินสวินสังหารราวกับหั่นผักหั่นปลาทั้งหมด!
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว
แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ
บนโลกนี้ใช่ว่าจะไม่เคยปรากฏคนชั้นเลิศที่กดข่มโลก บดขยี้คนในยุคเดียวกัน แต่อย่างหลินสวินที่สังหารคนในระดับเดียวกันราวกับเชือดไก่ให้ลิงดูนั้น ไม่เคยมีมาก่อน!
“เหลือแค่เจ้าแล้ว”
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินจ้องพลังจิตของตงหวงจิ่วหุ่ย ดวงตาทั้งคู่ไม่ดีใจหรือเสียใจ
“หลินสวิน ภายในพันปีเคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือน ทุกคนในโลกหล้านี้ล้วนยากจะหนีเคราะห์พ้น เจ้าก็เช่นกัน ข้าจะรอเจ้าที่ยมโลก!”
ตงหวงจิ่วหุ่ยเสียงแหบพร่า แววตาอาฆาตแค้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
หลินสวินไม่สะทกสะท้าน จิตรับรู้ของเขาแทงเข้าไปในพลังจิตของตงหวงจิ่วหุ่ยอย่างรุนแรงปานกระบี่เทพไร้เทียมทาน
อีกฝ่ายเจ็บจนร้องครวญ พลังจิตพลิกตลบรุนแรง
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเสียงปังดังสนั่น พลังจิตของตงหวงจิ่วหุ่ยระเบิดสลายไป
“มิน่าหลายวันมานี้ข้าถึงไม่สังเกตเห็น ที่แท้เฒ่าดึกดำบรรพ์ยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านั้นมาโดยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ…”
ดวงตาดำของหลินสวินวูบไหว
เขาสืบเรื่องที่ตนอยากรู้ได้จากในพลังจิตของตงหวงจิ่วหุ่ยแล้ว
หลังจากนั้นร่างของหลินสวินพริบไหว ก้าวไปในส่วนลึกของเขาเทพจันทร์กระจ่าง
ปังๆๆ!
ระหว่างทางผู้แข็งแกร่งตระกูลตงหวงทุกคนที่ซ่อนตัวอยู่ ไม่ว่าใครที่ถูกจิตรับรู้ของหลินสวินสัมผัสได้ว่าพลังปราณเหนือกว่าระดับจักรพรรดิ ล้วนถูกทำลายปราณ ส่วนผู้ที่ครอบครองมรรควิถีขั้นหลุดพ้นถูกกำจัดโดยตรง
ครั้งนี้หลินสวินยังคงไม่ได้กวาดล้างให้สิ้นซาก เป็นอย่างที่เขาพูดก่อนหน้านี้ว่าสังหารเพียงคนหลักๆ และเหมือนกับที่เขาปฏิบัติต่อขุมอำนาจศัตรูน่านฟ้าที่หก ยามเหยียบประตูภูเขาก็เก็บพลังระเบียบของพวกเขามา คนพวกนั้นที่มีมรรควิถีต่ำกว่าระดับจักรพรรดิล้วนไม่อาจผงาดขึ้นมาได้อีก
อีกทั้งเมื่อตระกูลตงหวงล่มสลาย จะต้องกลายเป็นเหยื่อในสายตาของผู้อื่นอย่างแน่นอน พวกที่คอยซ้ำเติมและฉวยโอกาสลงมือเหล่านั้นย่อมมีนับไม่ถ้วน
หลินสวินมั่นใจว่าหลังผ่านเรื่องนี้ไป ขุมอำนาจที่เคยอยู่ใต้อาณัติตระกูลตงหวง เป็นไปได้สูงมากว่าอาจกลายเป็นหมาป่าผู้หิวโหย เข้ากัดกินตระกูลตงหวง!
“ผู้อาวุโสไว้ชีวิตด้วย! ผู้อาวุโสไว้ชีวิตด้วย!”
“ผู้อาวุโส ข้าเป็นเพียงผู้ดูแลนอกตระกูลที่รับคำสั่งจากตระกูลตงหวง ไม่ใช่คนตระกูลนี้ ท่านโปรดไว้ชีวิตด้วย”
“หลินสวิน สักวันเจ้าต้องตายอนาถ!”
ในเขาเทพจันทร์กระจ่างวุ่นวายอลม่านทั้งแถบ คนตระกูลตงหวงเหล่านั้นบ้างคุกเข่าอ้อนวอน บ้างต่อต้านเต็มกำลัง บ้างหนีสุดชีวิต บ้างข่มขู่เสียงขรึม
แต่หลินสวินไม่สะทกสะท้านสักนิด
แม้เขาไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่ก็มีขอบเขตและหลักการของตน
ระหว่างที่เขาก้าวเดิน ในเขาเทพจันทร์กระจ่างถูกสังหารจนเลือดไหลเป็นสายน้ำ เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน ส่วนคนตระกูลตงหวงที่ถูกหลินสวินมองข้ามไปล้วนหนีกระเจิงแตกตื่น ดูสั่นไหววุ่นวายมาก
สวบ!
ไม่นานเงาร่างของหลินสวินก็พริบไหว มาถึงสถานที่สำคัญแกนหลักของตระกูลตงหวง ภูเขาใหญ่ที่กลิ่นอายระเบียบห้วงอากาศพวยพุ่งแห่งนี้ ทั้งบนล่างมีระเบียบห้วงอากาศซัดสาดพลิกม้วนราวกับน้ำตก
หลินสวินยื่นมือไปคว้าทันใด
ตูม!
ภูเขาลูกนี้พังถล่ม ต้นกำเนิดระเบียบที่ยาวพันฉื่อกลายเป็นลักษณ์คล้ายมังกร ถูกหลินสวินคว้าไว้ในมืออย่างมั่นคง
นี่คือระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายาก มีส่วนเกี่ยวข้องกับมรรคแห่งห้วงอากาศ วิญญาณของระเบียบนี้คือทวนที่อานุภาพแข็งแกร่งยิ่งเล่มหนึ่ง
หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นคนอื่นๆ คิดจะกำราบพลังระเบียบระดับนี้ก็ต้องพบเจอความยากลำบากมากมาย
แต่สำหรับหลินสวินที่กฎเกณฑ์อมตะทั้งร่างเทียบได้กับระเบียบระดับเทพ ระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากนี้ก็เหมือนกับหนอนแมลง ถูกหลอมเป็นมุกขนาดเท่าไข่นกพิราบและกลืนเข้าไปในร่างตรงๆ
‘พลังระเบียบระดับนี้หากหายไป ตระกูลหนึ่งจะสามารถผงาดขึ้นอีกได้อย่างไร นอกเสียจากว่าจะหาอีกสายที่เหมือนกันมาได้ แต่น่าเสียดายที่บนโลกนี้ระเบียบระดับสวรรค์หายากใช่ว่าจะได้มาง่ายขนาดนั้น…’
หลินสวินใคร่ครวญพลางหมุนตัวไปอีกทาง
ไม่นานความมั่งคั่งและทรัพยากรฝึกปราณที่ตระกูลตงหวงสั่งสมมาก็ถูกหลินสวินกวาดเรียบ
ท้ายที่สุดห้ากายมรรคของหลินสวินหยุดอยู่หน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง
“มีค่ายกลนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลว่ากำลังพลของยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ จะได้ยินข่าวแล้วหนีไปแล้ว ถือว่าประหยัดเวลาและช่วยได้มาก”
จากค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนี้สามารถไปถึงทุกขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะได้ในชั่วพริบตา นี่ก็หมายความว่าเขาสามารถบุกเข้าไปในยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ ได้ก่อนที่ข่าวว่าตระกูลตงหวงล่มสลายจะกระจายออกไป!
อีกทั้งครั้งนี้พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ ส่งมาล้วนถูกสังหารแล้ว ตอนนี้ในขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะของพวกเขา อย่างมากก็มีเพียงขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์หนึ่งคนดูแลอยู่
สำหรับหลินสวิน แทบจะไม่มีการคุกคามใดๆ แล้ว
สิ่งเดียวที่ต้องแลก อาจเป็นการเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนี้ ที่ใช้หนึ่งครั้งก็ต้องเสียพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นแปดหนึ่งสาย
แต่สำหรับหลินสวินที่มั่งคั่งร่ำรวย นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“ส่งกายมรรคสี่คนเคลื่อนไหวพร้อมกันก็พอแล้ว”
ไม่นานหลินสวินก็ตัดสินใจ ทิ้งกายมรรควารีดำให้ควบคุมที่นี่ ป้องกันไม่ให้ผู้ฝึกปราณคนอื่นใช้ค่ายกลนี้ไปรายงานข่าวกับยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ
สี่กายมรรคที่เหลือต่างเริ่มเคลื่อนไหว เดินเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนั่นพร้อมกัน
วู้ม!
ชั่วพริบตาเมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเกิดระลอกคลื่น กายมรรคทั้งสี่ของหลินสวินก็อันตรธานหายไป
กายมรรควารีดำที่อยู่ในชุดดำยืนนิ่งกลางอากาศ มองไปรอบๆ ก็เห็นภูผาธาราพังทลาย เลือดสดๆ ไหลย้อม สภาพยับเยินไปหมด
‘คิดไม่ถึงว่าการเดินทางครั้งนี้จะราบรื่นขนาดนี้…’ กายมรรควารีดำพึมพำในใจ
ก่อนจะมาน่านฟ้าที่แปด เดิมเขาเพียงอยากก่อเรื่องสักหน่อย หากสามารถทำให้สิบยักษ์ใหญ่อมตะเสียหายหนักได้ก็เพียงพอแล้ว
ที่คิดเช่นนี้ก็เพราะการพึ่งพาระหว่างน่านฟ้าที่แปดและน่านฟ้าที่เก้า ในสิบยักษ์ใหญ่อมตะทุกตระกูลล้วนมีเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหนึ่งอยู่เบื้องหลัง
นี่ทำให้หลินสวินอดระแวงไม่ได้ ว่ายามตนปรากฏตัวในน่านฟ้าที่แปดจะชักนำการโจมตีจากน่านฟ้าที่เก้ามาหรือไม่
ก็เพราะเช่นนี้เขาจึงรออยู่นอกเขาเทพจันทร์กระจ่างหลายวัน ให้เวลาตระกูลตงหวงเตรียมตัว เพื่อดูว่าน่านฟ้าที่เก้าจะส่งคนมาช่วยตระกูลตงหวงหรือไม่
ตอนนี้หลินสวินรู้แล้ว ว่าเผ่าเทพนิรันดร์ที่อยู่เบื้องหลังตระกูลตงหวงเลือกทิ้งสุนัขเฝ้าประตูอย่างตระกูลตงหวงอย่างชัดเจน
ไม่เช่นนั้นตระกูลตงหวงก็ไม่จำเป็นต้องไปขอให้ยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ ช่วย!
ที่น่าสนใจคือยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ ที่พลังดั้งเดิมสูญเสียอย่างหนักเช่นกัน ตกอยู่ในสถานการณ์ยากแค้น แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นอกจากตระกูลฝูแล้วยักษ์ใหญ่อื่นๆ ล้วนส่งเฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์มา
ทำให้หลินสวินเดาออกทันทีว่าเผ่าเทพนิรันดร์เบื้องหลังยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ เองก็คงเป็นเช่นกัน ไม่สนใจจะช่วยสุนัขเฝ้าบ้านเหล่านี้อีกต่อไป…
เช่นนี้สถานการณ์ก็จะเป็นผลดีต่อหลินสวิน
อย่างน้อยไม่มีการคุกคามจากเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้น ทอดสายตามองไปทั้งน่านฟ้าที่แปด ก็ไม่มีกำลังพลใดที่สามารถคุกคามเขาได้แล้ว!
นี่คือเหตุผลที่หลินสวินรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ราบรื่นมาก
นอกเขาเทพจันทร์กระจ่าง
พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยไป เริ่มมีเงาร่างทยอยปรากฏตัวเข้าใกล้
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ชมการต่อสู้ ก่อนหน้านี้เห็นการต่อสู้นองเลือดทั้งหมด เห็นว่าเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกตงหวงจิ่วหุ่ยถูกฆ่าตายอย่างง่ายดายอย่างไร และเห็นว่าประตูภูเขาของตระกูลตงหวงถูกเหยียบย่ำล่มสลายอย่างไร
เหตุผลที่พวกเขาเข้าใกล้ในตอนนี้ เพราะอยากดูสักหน่อยว่าในพื้นที่ของตระกูลตงหวงเป็นอย่างไรกันแน่ จะสามารถฉกฉวยผลประโยชน์ใดได้หรือไม่
อย่างเช่นปล้นสมบัติที่ทิ้งเอาไว้จำพวกนั้น
เพียงแต่พวกเขายังไม่ทันเข้าสู่เขาเทพจันทร์กระจ่าง เสียงราบเรียบของหลินสวินก็ดังขึ้น
“รอข้าคนแซ่หลินจากไป ย่อมมีโอกาสให้พวกเจ้าฉกฉวยสมบัติที่นี่ ตอนนี้พวกเจ้าอยู่นอกประตูภูเขาแต่โดยดีจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
ประโยคเดียวทำเอาผู้ชมการต่อสู้เหล่านั้นตัวสั่นเทิ้ม หน้าเปลี่ยนสีไป
พวกเขาคิดว่าหลินสวินจากไปนานแล้วจึงกล้าเข้ามา
เพียงแต่ความหมายในคำพูดของหลินสวิน นอกจากทำให้พวกเขาประหลาดใจแล้วยังรู้สึกตื่นเต้นอีกด้วย
ที่แท้ผู้อาวุโสหลินสวินไม่ถือสาที่พวกเขามาปล้นสมบัติของตระกูลตงหวง!
แน่นอนว่าในใจพวกเขาล้วนรู้ดี ว่าทรัพย์สินและความมั่งคั่งที่ตระกูลตงหวงสั่งสมมาไม่รู้นานเท่าไรคงถูกหลินสวินเก็บไปนานแล้ว
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ พวกเขายังคงคาดหวังอย่างที่สุด
ต่อให้ไม่ได้กินเนื้อ ดื่มน้ำแกงสักคำก็ยังดี
เขาเทพจันทร์กระจ่างยังคงเป็นแดนมงคลชั้นหนึ่งของน่านฟ้าที่แปด ถูกตระกูลตงหวงครอบครองมาไม่รู้นานเท่าไร ต่อให้ไม่พูดถึงอย่างอื่น ใครสามารถยึดครองเขาเทพจันทร์กระจ่างได้ ก็เรียกได้ว่าเป็นศุภโชคชั้นหนึ่งในโลกแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเทพจันทร์กระจ่างครอบคลุมอาณาเขตหนึ่งแสนลี้ ในนั้นโอสถวิญญาณและวัตถุดิบเทพมากมาย สมบัติที่ไม่เข้าตาหลินสวิน สำหรับพวกเขาอาจจะเป็นสมบัติล้ำค่าที่เรียกได้ว่าหายาก!
‘การต่อสู้เพิ่งสิ้นสุดลงก็ดึงดูดสายตาละโมบไม่รู้เท่าไรแล้ว รอข่าวกระจายออกไปยังไม่รู้ว่าจะดึงดูดหมาป่าหิวโหยมาอีกเท่าไร…’
หลินสวินถอนหายใจในใจ
ไม่ต้องเดาเขาก็รู้ว่าตระกูลตงหวงจบสิ้นอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ทว่าทั้งหมดนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
……
เขาเทพยอดน้ำแข็ง
อาณาเขตที่ตระกูลหวังยักษ์ใหญ่อมตะอันดับหนึ่งยึดครอง
ในสายตาของสรรพชีวิตในน่านฟ้าที่แปด เขาเทพยอดน้ำแข็งก็เหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลก ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ตระกูลหวังที่ครอบครองที่แห่งนี้ก็เป็นพวกไร้เทียมทานปานราชันของโลกใบนี้
เพียงแต่ในร้อยปีมานี้อิทธิพลของตระกูลหวังไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว!
พลังดั้งเดิมเสียหายอย่างหนัก รากฐานสั่นคลอน สถานการณ์คับขัน ไม่ต่างอะไรกับยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ
ทุกอย่างนี้แน่นอนว่าเป็นเพราะหลินสวิน
กลางดึก
ในโถงใหญ่ตระกูลหวัง
ผู้นำตระกูลหวังจ้งเทียนเดินไปเดินมา ขมวดคิ้วแน่น แม้สีหน้านิ่งสงบเหมือนเดิม แต่ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่างกลับดูอึมครึมไม่สามารถสงบได้
“เหตุใดจนตอนนี้ยังไม่มีข่าว…”
หวังจ้งเทียนกังวลใจ
ไม่กี่วันก่อนผู้อาวุโสทั้งสองอย่างหวังเต้าชวนและหวังฝูผิงนำยอดสมบัติของตระกูล ‘กระบี่ตัดมรรค’ ไปเสริมทัพที่ตระกูลตงหวงด้วยกัน
ตั้งแต่ตอนนั้นหวังจ้งเทียนก็รอข่าวมาโดยตลอด ในใจทรมานยิ่งนัก
ถึงตอนนี้เขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
หากไม่ใช่เพราะการใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณหนึ่งครั้งต้องเสียระเบียบระดับสวรรค์ขั้นแปดหนึ่งสาย เขาคงไปสืบข่าวที่ตระกูลตงหวงเองอย่างอดไม่ได้แล้ว