ลัทธิแรกกำเนิด
ร่างต้นของหลินสวินกำลังฝึกปราณ
จู่ๆ เขาลืมตาขึ้นเงียบๆ
จากนั้นระลอกคลื่นกลิ่นอายที่คุ้นเคยถูกเขาคว้าจับได้
กายมรรคทั้งห้ากลับมาแล้ว!
เมื่อความคิดของร่างต้นหลินสวินไหวขยับ ห้ากายมรรคที่เพิ่งเข้าแดนแรกเริ่มก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศมาปรากฏในถ้ำสถิต
ระหว่างร่างต้นและร่างแยกเกิดการเชื่อมต่อกันโดยพลัน ทำให้หลินสวินได้รู้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในน่านฟ้าที่แปดทันที
ครู่ใหญ่หลังจากนั้นร่างต้นของหลินสวินเผยรอยยิ้มมุมปาก
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คาดว่าเรื่องราวจะราบรื่นเช่นนี้!
‘น่านฟ้าที่เก้านิ่งสงบไม่เคลื่อนไหว นี่ก็แปลกจริงๆ…’
ขณะใคร่ครวญ ร่างต้นของหลินสวินเก็บกายมรรคทั้งห้า เขาสังหรณ์ว่าเผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้นจะต้องสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงน่าตะลึงบางอย่างแน่นอน จึงทำให้พวกเขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องของน่านฟ้าที่แปด
การเปลี่ยนแปลงน่าตกตะลึงเช่นนั้น เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเคราะห์แห่งยุคสมัย!
เป็นอะไรกันแน่นะ
หลินสวินคิดไม่ตก แต่สำหรับเขาการเคลื่อนไหวครั้งนี้ที่สามารถทำลายสิบยักษ์ใหญ่อมตะได้ ก็เป็นผลเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ที่เหนือความคาดหมายแล้ว
จู่ๆ พลังระเบียบนอกถ้ำสถิตก็เกิดคลื่นระลอกหนึ่ง
เมื่อหลินสวินเปิดปลดพลังผนึก เสียงของเสวียนเฟยหลิงพลันดังขึ้น “จัดการเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง”
หลินสวินลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกถ้ำสถิต ยิ้มกล่าว “ถือว่าราบรื่น ตั้งแต่วันนี้ไป บนโลกนี้ไม่มีสิบยักษ์ใหญ่อมตะอีกแล้ว”
เสวียนเฟยหลิงอึ้งงันไปทันที เบิกตาโพลง “ล่มสลายหมดแล้วหรือ”
หลินสวินพยักหน้า
เสวียนเฟยหลิงตื่นเต้นจนตบไหล่หลินสวิน “รีบบอกข้าว่าทำได้อย่างไร!”
……
วันนั้นข่าวที่หลินสวินกวาดล้างสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดกระจายไปทั่วแดนแรกเริ่ม สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่
“หัวหน้าหอหลินคนเดียวก็กวาดล้างสิบยักษ์ใหญ่อมตะได้แล้วหรือ”
“ขะ ขะ เขา… ร้ายกาจเกินไปหรือไม่”
คนใหญ่คนโตเหล่านั้นแต่ละคนตกใจจนอ้าปากค้าง ตกตะลึงกันทั่วหน้า
บรรดาผู้สืบทอดสามหอเก้ายอดเขาต่างเหิมฮึก แต่ละคนถกกันอย่างตื่นเต้นไม่หยุด สิบยักษ์ใหญ่อมตะเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่มาไม่รู้นานเท่าไร!
แต่ตอนนี้ล้วนถูกลบล้างไปจากโลกอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
“ศิษย์น้องถังเจียง ถึงอย่างไรหัวหน้าหอหลินก็เป็นอาจารย์ของเจ้า เหตุใดเจ้ากลับดูไม่ดีใจเท่าไร”
ในลานฝึกยุทธ์ยอดเขาที่เก้า ศิษย์มากมายล้วนพูดคุยเรื่องที่หลินสวินได้รับชัยชนะอย่างปิติยินดี และมีคนสังเกตเห็นว่าถังเจียงนั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้นคนเดียว ท่าทางเหม่อลอย
“แน่นอนว่าข้าดีใจมาก แต่ตอนนี้ข้าเป็นกังวลเพียงว่าต่อให้พยายามฝึกปราณแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้อาจารย์พอใจได้” ถังเจียงเอ่ยทอดถอนใจเบาๆ
“อย่ากดดันตนเองไป คนอย่างอาจารย์เจ้าเป็นหนึ่งเดียวทั่วหล้า สิ่งที่เจ้าควรทำคือตั้งจิตให้มั่น เสาะหามรรคาของตน ไม่ถือดีไม่ร้อนรน ไม่ถูกล่อลวงด้วยผลประโยชน์”
ไม่ไกลนักผู้นำยอดเขาโม่หลันซานเดินเข้ามา พูดด้วยเสียงอ่อนโยน
ถังเจียงรีบลุกขึ้นเอ่ยว่า “ผู้นำยอดเขาสั่งสอนได้ถูกต้อง”
โม่หลันซานกล่าว “ถังเจียง เจ้าไม่เจออาจารย์เจ้ามานานแค่ไหนแล้ว”
ถังเจียงตอบโดยไม่ต้องคิด “แปดปีกว่า”
“นานพอดูแล้ว” โม่หลันซานพยักหน้า “ตอนนี้อาจารย์เจ้าเพิ่งได้รับชัยชนะกลับมา เจ้าสามารถฉวยโอกาสนี้ไปพบเขาได้”
ถังเจียงเบิกตาโพลง “ได้หรือ”
โม่หลันซานยิ้มพูด “เจ้าเป็นศิษย์ของเขา ไปพบเจอเขาย่อมเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เหตุใดจะไม่ได้”
“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
ว่าพลางถังเจียงก็หมุนตัวจากไปแล้ว
วันนี้คนที่ไปเยี่ยมหลินสวินมีเยอะมาก อย่างเช่นพวกรองหัวหน้าหอ ผู้อาวุโส ประตูบ้านเหมือนตลาด ล้วนมาแสดงความยินดีกับหลินสวิน
ตอนที่ถังเจียงมาถึงก็ได้รับความสนใจจากสายตามากมายทันที
“นั่นเสี่ยวถังเจียงโตขนาดนี้แล้ว เวลาสิบแปดปีสั้นๆ ก็ก้าวสู่ระดับกึ่งจักรพรรดิด่านสามแล้ว”
มีสัตว์ประหลาดเฒ่าพูดอย่างหยอกล้อ
“นางหนูนี่รากฐานไม่ถึงกับดีมากนัก แต่พรสวรรค์กับความสามารถในการหยั่งรู้กลับมหัศจรรย์ถึงขีดสุด ความสำเร็จในอนาคตย่อมไร้จำกัด”
มีคนลูบหนวดวิจารณ์
“ถังเจียง รอตอนที่ข้าแจ้งมรรคระดับจักรพรรดิ ข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง!”
มีคนยิ้มตาหยีพูด
“ขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่านอย่างมาก”
เห็นชัดว่าถังเจียงมีมารยาทมาก รู้ความและว่านอนสอนง่าย
นางย่อมรู้ว่าที่ตนถูกผู้อาวุโสมากมายขนาดนี้สนใจ แน่นอนว่าเพราะอาจารย์ของตน
ยามถังเจียงเจอหลินสวิน เขากำลังดื่มกับพวกตู๋กูยง ฟางเต้าผิงอย่างมีความสุข นี่ทำให้ในใจนางระมัดระวังและตื่นเต้นเล็กน้อย
“ถังเจียง เจ้ามานี่”
กลับเห็นหลินสวินโบกมือพร้อมรอยยิ้ม
ถังเจียงรีบเข้าไปเอ่ยว่า “ศิษย์ถังเจียงคารวะอาจารย์”
“ไม่ต้องมากพิธีง เจ้านั่งรอก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะดูวิชามรรคของเจ้า”
หลินสวินยิ้มพูด
สำหรับลูกศิษย์คนนี้ เขาไม่เคยสอนอย่างเต็มที่ ในใจจึงรู้สึกผิดอยู่บ้าง
ถังเจียงไม่ได้คิดมากขนาดนั้น นั่งนิ่งอยู่ข้างอาจารย์ ในใจปลื้มปริ่มมาก
จนกระทั่งคนร่วมสำนักที่มาเยี่ยมจากไป
หลินสวินถามเรื่องการฝึกปราณของถังเจียงคร่าวๆ จนสุดท้ายจึงพูดว่า “ก่อนจะแจ้งมรรคระดับจักรพรรดิ เจ้าอยู่ฝึกปราณข้างข้าก็พอ”
ระดับจักรพรรดิเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดบนเส้นทางมหามรรค ในฐานะอาจารย์ หลินสวินย่อมไม่หวงความรู้ ตัดสินใจใช้โอกาสนี้ชี้แนะถังเจียงอย่างจริงจังสักหน่อย
“อืม!”
ถังเจียงพยักหน้า บนใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ
……
กลางดึก
กายมรรคไม้เขียวกำลังถ่ายทอดมรรคกับถังเจียง สลายความข้องใจให้นาง
ร่างต้นของหลินสวินกลับกำลังทำอาหาร ซย่าจื้อนั่งอยู่หน้าโต๊ะเตี้ย เริ่มดื่มด่ำกับอาหารเลิศรสที่หลินสวินยกมาให้เป็นระยะๆ อย่างจริงจังแล้ว
บางครั้งที่เห็นภาพนี้ ในใจถังเจียงอดเกิดความอิจฉาที่บอกไม่ถูกระลอกหนึ่ง ในใจลอบเอ่ยว่าต่อไปหากข้าจะหาคู่บำเพ็ญ จะต้องหาอย่างอาจารย์
“ถังเจียง เจ้ามากินด้วยกันสิ”
ครู่ใหญ่หลินสวินจัดเตรียมอาหารทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เรียกถังเจียงมากินด้วยกัน
ถังเจียงรีบวิ่งเหยาะๆ เข้ามา นั่งลงข้างๆ อย่างว่าง่าย
กินข้าวแล้วถังเจียงบอกลาอย่างอาลัยอาวรณ์ กลับถ้ำสถิตของตน
ส่วนหลินสวินชงชาร้อนกาหนึ่งดื่มกับซย่าจื้อ “รอพวกศิษย์พี่รองกลับมา ข้าตั้งใจไปทางเดินโบราณฟ้าดาราสักรอบ”
ตอนนี้สิบยักษ์ใหญ่อมตะล่มสลาย ไม่ว่าจะเป็นลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน หรือเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าล้วนหดหัวเหมือนเต่าป้องกันตัว
หลินสวินฉวยจังหวะนี้ไปรับพวกจ้าวจิ่งเซวียนกับญาติพี่น้องตระกูลหลินทั้งหมด จัดแจงให้อยู่ในแดนแรกเริ่ม
แน่นอนว่ายังมีบิดามารดาและคนตระกูลลั่วที่อาศัยอยู่ในโลกแสงเหนือในทะเลประหัตมารน่านฟ้าที่หก ก็จำเป็นต้องพามาเช่นกัน
“พาข้าไปด้วย” ซย่าจื้อกล่าว
หลินสวินตอบรับพร้อมรอยยิ้ม
เพียงแต่แผนการตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน
ครึ่งเดือนหลังจากนั้นศิษย์พี่รองจ้งชิวกลับมาลัทธิแรกกำเนิดอย่างเหน็ดเหนื่อย บอกข่าวดีและข่าวร้ายกับหลินสวิน
ข่าวดีคือพวกศิษย์พี่ใหญ่ที่ถูกขังอยู่ในแดนยอดจักรวาลล้วนถูกช่วยออกมาอย่างราบรื่น
ข่าวร้ายคือ ในพันปีนี้ก่อนที่เคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน ในโลกยอดนิรันดร์จะไม่ปรากฏจุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคนิรันดร์!
ได้รู้ข่าวพวกนี้หลินสวินยังรู้สึกตั้งตัวไม่ติด
“เดิมทีศิษย์พี่ใหญ่มีโอกาสจะแจ้งมรรคนิรันดร์ แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้มรรคาของเขาหยุดอยู่ในขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ ไม่สามารถเดินหน้าได้อีกแม้แต่น้อย”
ในถ้ำสถิตจ้งชิวถอนหายใจเบาๆ
“เช่นนั้นพวกศิษย์พี่ใหญ่เล่า”
หลินสวินอดถามไม่ได้
“ไปแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว”
จ้งชิวพูด “ตามที่ศิษย์พี่ใหญ่พูด เขาไม่อาจเสียเวลาได้อีก จะต้องทะลวงระดับโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นความฮึกเหิมในการแจ้งมรรคที่สั่งสมไว้เต็มทรวงก็จะค่อยๆ ถูกทำลาย”
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด “แต่ตอนนี้ในแหล่งสถานคุนหลุนอันตรายอย่างที่สุด มีระดับนิรันดร์ไม่รู้เท่าไรรวมตัวกัน พวกศิษย์พี่ใหญ่ไปครั้งนี้อันตรายเกินไปแล้ว”
จ้งชิวกล่าว “อย่าลืมว่ารูปจำลองเจตจำนงของผู้อาวุโสจักจั่นทองและอาจารย์ รวมถึงพวกอาจารย์อาคงเจวี๋ยล้วนอยู่ที่นั่น มีพวกเขาดูแล ยามศิษย์พี่ใหญ่แจ้งมรรคนิรันดร์กลับจะปลอดภัยมาก”
หลินสวินอดถอนหายใจยาวไม่ได้ เดิมทีเขายังคาดหวังว่าจะสามารถรวมตัวกับเหล่าศิษย์พี่คีรีดวงกมลได้ ตอนนี้ดูท่าจะพลาดโอกาสแล้ว
ความไม่เที่ยงของโลกก็คงเป็นเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้นนอกจากศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่คนอื่นๆ ล้วนไปกับศิษย์พี่ใหญ่หรือ” หลินสวินถาม
จ้งชิวพยักหน้า “ไม่ผิด หลังจากข้ามาเจอเจ้าแล้วก็จะไปแหล่งสถานคุนหลุนทันที”
หลินสวินอึ้ง “เช่นนั้น… ข้าไปด้วยเป็นอย่างไร”
จ้งชิวปฏิเสธโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “ไม่ได้ ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์น้องสามให้ข้ามา ก็เพื่อบอกเจ้าว่าก่อนที่เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือนอย่าได้ไปแหล่งสถานคุนหลุน”
“เพราะเหตุใด” หลินสวินขมวดคิ้ว
จ้งชิวกล่าว “แหล่งสถานคุนหลุนในตอนนี้ระดับนิรันดร์ไม่รู้เท่าไรรวมตัวกัน แย่งชิงเพื่อไปแหล่งสถานอัศจรรย์ ดึงดูดการต่อสู้ที่ไม่อาจคาดเดาอยู่ตลอดเวลา หากเจ้าไป ทำให้พวกเฒ่าชราเหล่านั้นรู้ว่ากฎเกณฑ์นิพพานบนตัวเจ้าสามารถคุกคามผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยได้ เจ้าลองเดาว่าพวกเขาจะทำอย่างไร”
หลินสวินเอ่ย “ขอเพียงพวกเราไม่พูด พวกเขาจะรู้ได้อย่างไร”
จ้งชิวกล่าวว่า “อย่าดูถูกเฒ่าชราระดับนิรันดร์พวกนั้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เจ้าเป็นหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ของลัทธิแรกกำเนิด ในสถานการณ์เช่นนี้จะทิ้งทุกอย่างจากไปได้อย่างไร”
หลินสวินไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ
เขาไม่สามารถไปแหล่งสถานคุนหลุนโดยไม่ห่วงอะไรได้จริงๆ
ไม่ใช่เพราะสละตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ไปไม่ได้ แต่เพราะยังมีเรื่องราวมากมายที่ยังไม่ได้จัดการ
อย่างเช่นพวกพ่อแม่ ท่านลู่ยังอยู่ในโลกแสงเหนือแห่งน่านฟ้าที่หก หรืออย่างพวกจ้าวจิ่งเซวียนแม่ลูกและบรรดาคนตระกูลหลิน ต่างกำลังรอเขากลับไปอยู่
เรื่องพวกนี้จะต้องจัดการก่อนที่เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือน
“วางใจเถอะ สักวันพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องต้องได้รวมตัวกัน”
จ้งชิวกล่าวเสียงเบา “เจ้าเองก็ไม่ต้องเป็นห่วงพวกข้า อย่าลืมว่าเมื่อนานมาแล้วคีรีดวงกมลของพวกเราเคยอาศัยอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุน ความเข้าใจที่มีต่อแหล่งสถานคุนหลุนก็ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะเทียบได้สักนิด”
หลินสวินยิ้มขื่นพูด “นอกจากรับปาก ข้ายังจะพูดอะไรได้”
เขาเว้นช่วงไปแล้วเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ เหตุใดก่อนหน้านี้ท่านถึงพูดว่าก่อนที่เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือน โลกยอดนิรันดร์แห่งนี้ไม่มีทางปรากฏจุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคนิรันดร์อีก”
แววตาจ้งชิวเคร่งขรึมขึ้นมาทันที กล่าวว่า “นี่เป็นข้อสรุปที่ศิษย์พี่ใหญ่ไปสืบหาด้วยตัวเอง จากที่เขาพูด จุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคนิรันดร์นั่น เป็นไปได้สูงมากว่าอาจถูกผู้บงการหลังม่านสกัดไว้ ไม่เช่นนั้นเขาย่อมสามารถทำลายปราการนั่นได้อย่างง่ายดายตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ก้าวสู่ระดับนิรันดร์ไปแล้ว!”
หลินสวินใจหนาวสะท้าน “เช่นนี้หากข้าอยู่ที่โลกยอดนิรันดร์ต่อ ก็ถูกกำหนดให้ไม่สามารถก้าวสู่มรรคานิรันดร์ได้ไม่ใช่หรือ”