หลินสวินใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนประสานมือกล่าว “ขอบคุณมาก”
เขาพูดจบแล้วหลีกทาง
เวิ่นเทียนฉีผ่อนคลายลงทั้งตัวเหมือนยกภูเขาออกจากอก คราวนี้เขาจึงกล้ามั่นใจว่าหลินสวินแค่ถามสถานการณ์จริงๆ ไม่ได้มาขวางทางเพื่อขัดขวาง
“ขอลา”
เขารีบพาเหล่าคนข้างกายจากไปทันที
กระทั่งไม่เห็นเงาร่างของพวกหลินสวินอีก ระดับจักรพรรดิข้างกายเขาจึงกล่าวอย่างสงสัย “ผู้อาวุโส คนเมื่อครู่เป็นใครหรือ ถึงกับทำให้ท่านเกรงใจเช่นนี้”
เวิ่นเทียนฉีกล่าวด้วยแววตาไหววูบ “บุคคลที่น่ากลัวยิ่งคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเจตนาเผยกลิ่นอายเสี้ยวหนึ่งให้ข้าเห็น ไม่อย่างนั้นด้วยระดับของข้าคงมองไม่ออกว่าเขาสูงส่งแค่ไหนกันแน่ แต่สิ่งที่แน่ใจได้คือขอเพียงเขาต้องการ การสังหารคนอย่างข้าคงไม่เปลืองแรง”
ทุกคนข้างกายเขาล้วนสูดหายใจสะท้าน ในใจไม่วายหวาดหวั่น
“รีบไปเถอะ”
เวิ่นเทียนฉีไม่กล้าหยุดพัก พาทุกคนออกเดินทาง
“พลังต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห้งขอดมาตั้งแต่ช่วงต้นดึกดำบรรพ์ ทำไมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงตอนนี้ ทั้งยังมีกระบี่มรรคที่ประทับกลิ่นอายนิรันดร์ด้วย เรื่องนี้ไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ”
เสวียนจิ่วอิ้นสงสัยนัก
“ข้าไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงอะไร แค่ห่วงว่าผู้แข็งแกร่งทั่วหล้าล้วนถูกดึงดูดไป อาจทำให้เหล่าญาติมิตรของข้าได้รับผลกระทบ”
หลินสวินขมวดคิ้ว
“ไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ก่อน ค่อยไปตระกูลเสวียนของข้า”
เสวียนจิ่วอิ้นตัดสินใจ
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ
ต่อจากนั้นพวกเขาเร่งเดินทางเต็มกำลัง ระหว่างทางเจอเงาร่างมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเคลื่อนทะยานกลางฟ้าดารา ราวกลุ่มดาวตกหวือแหวกคำรามก้อง ยิ่งใหญ่เกรียงไกรนัก
แต่ไม่นานเงาร่างพวกนี้ก็ถูกยานลำน้อยที่หลินสวินควบคุมแซงหน้า ยังไม่รอให้พวกเขาเห็นยานลำน้อยชัดเจนตัวยานก็หายไปในฟ้าดารากว้างใหญ่แล้ว
…
“ถึงแล้ว”
เส้นทางที่เดิมใช้เวลาสามวันถูกหลินสวินย่นเหลือแค่หนึ่งวันสั้นๆ เมื่อเห็นทางเดินโบราณฟ้าดาราที่คุ้นเคยนั้น ในใจหลินสวินปั่นป่วนอยู่บ้างเล็กน้อย
เมื่อนับนิ้วคำนวณ ตั้งแต่จากทางเดินโบราณฟ้าดาราไปเมื่อปีนั้น ถึงตอนนี้ผ่านไปร้อยกว่าปีแล้ว…
“พี่หลิน เจ้าสังเกตหรือไม่ว่ากฎระเบียบฟ้าดินของทางเดินโบราณฟ้าดาราเหมือนจะเปลี่ยนไป”
สายตาเสวียนจิ่วอิ้นกวาดมองไปทั่วฟ้าดารา เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้
“ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วจริงๆ”
หลินสวินพยักหน้า
ทางเดินโบราณฟ้าดารามีเก้าเขตแดนดารา แต่ละแดนดาราล้วนมีโลกมากมายกระจายตัว ภายในนั้นเขตแดนดาราใจกลางที่โลกใหญ่หงเหมิงอยู่ก็คือแกนกลางของทางเดินโบราณฟ้าดารา
ตอนนี้ตรงจุดที่พวกเขาเพิ่งมาถึงเป็นเพียงอาณาเขตรอบนอกของทางเดินโบราณฟ้าดาราเท่านั้น แต่พวกเขาต่างสัมผัสได้ทันทีว่ากฎระเบียบฟ้าดินที่ปกคลุมทางเดินโบราณฟ้าดาราเปลี่ยนไปแล้ว
กฎระเบียบฟ้าดินก่อนหน้านี้พังทลายไม่เหลือสภาพ ถูกผู้ฝึกปราณเรียกว่า ‘มรรคสวรรค์บกพร่อง’ กระทั่งในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมาจะก้าวสู่มกุฎมรรคาได้หรือไม่ยังต้องเสี่ยงโชค ทั่วทางเดินโบราณฟ้าดารา บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ
ทั้งยังไม่ใช่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ได้แต่เรียกว่าเป็นบรรพจารย์ขั้นเก้า
ใช่ว่าผู้ฝึกปราณไม่อยากยกระดับบนมรรคาขึ้นไปอีกขั้น แต่เป็นเพราะมหามรรคบกพร่องก็เหมือนมรรคาตัดขาด ไม่มีทางก้าวไปข้างหน้าได้อีก
ทั้งเป็นเพราะกฎระเบียบฟ้าดินบกพร่องเช่นกัน ถึงทำให้ฟ้าดินทั่วทางเดินโบราณฟ้าดาราแบกรับได้แค่พลังของระดับบรรพจารย์ขั้นเก้า
เมื่อมีผู้แข็งแกร่งซึ่งเหนือกว่าระดับนี้ปรากฏตัว ก็จะทำให้ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แต่ตอนนี้หลินสวินกลับสัมผัสได้ กฎระเบียบฟ้าดินของทางเดินโบราณฟ้าดาราถึงกับเปลี่ยนเป็นทรงพลังสมบูรณ์ ทั้งเต็มไปด้วยคลื่นพลังชีวิตเก่าแก่ดึกดำบรรพ์!
‘ทางเดินโบราณฟ้าดาราตอนนี้สามารถแบกรับพลังระดับอมตะได้แล้ว…’
หลินสวินสงบจิตสัมผัส
เขาลองหยั่งเชิงทีละน้อย เมื่อพลังที่ตนปลดปล่อยออกมาบรรลุถึงขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์ ก็เป็นขีดจำกัดที่พลังกฎระเบียบของฟ้าดาราแถบนี้รองรับได้พอดี
นี่ยังเป็นแค่พื้นที่รอบนอกของทางเดินโบราณฟ้าดาราด้วย
ในความรู้สึกของหลินสวิน ยิ่งเข้าไปยังส่วนลึกของทางเดินโบราณฟ้าดารา พลังชีวิตเก่าแก่ที่อบอวลในกฎระเบียบฟ้าดินก็ยิ่งเข้มข้น!
“พี่หลิน การเปลี่ยนแปลงนี้น่าทึ่งเกินไปแล้ว แต่ก่อนบรรพจารย์ขั้นเก้าอาจเป็นตัวตนชั้นยอดในทางเดินโบราณฟ้าดารา ตอนนี้… สามารถสร้างระดับอมตะได้แล้ว!”
เสวียนจิ่วอิ้นยังอดไหวหวั่นไม่ได้
นี่เพิ่งผ่านไปกี่ปี ทางเดินโบราณฟ้าดาราถึงกับเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เกินความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
“เมื่อสิบกว่าปีก่อนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้เป็นแดนฟ้าดาราที่ตกต่ำไม่เหลือสภาพแห่งหนึ่ง อันดับต่ำกว่าร้อยในโลกพันจักรวาล แต่จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ภายหน้าเกรงว่าคงเปลี่ยนไปจนไม่ด้อยกว่าแดนฟ้าดาราสามอันดับแรกของโลกพันจักรวาล”
กลางอากาศที่ห่างไกลปรากฏเงาร่างกลุ่มหนึ่ง มีคนทอดถอนใจรำพึง
“ผู้อาวุโส นี่เป็นเพราะเหตุใด”
มีคนขอคำชี้แนะ
“พวกเจ้าสังเกตเห็นพลังชีวิตในกฎระเบียบฟ้าดินนี้ไหม ได้ยินว่าพลังชีวิตนี้ก่อเกิดจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในจตุโบราณสถาน ส่วนแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นั่นเป็นถึงแดนต้นกำเนิดของหมื่นมรรคทั่วหล้า หากย้อนทวนต้นกำเนิด แม้แต่พลังต้นกำเนิดของโลกยอดนิรันดร์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์”
“แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์! ทุกอย่างนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดขึ้นในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือ”
“ไม่ผิด สิบปีก่อนในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่อาจคาดเดา ตั้งแต่นั้นมาพลังชีวิตเก่าแก่ดั้งเดิมนั่นก็แผ่คลุมทั่วทางเดินโบราณฟ้าดารา ทำให้กฎระเบียบฟ้าดินที่พังทลายแปรสภาพไปด้วย ในเวลาอันสั้นแค่สิบปีทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว”
“แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้อัศจรรย์เกินไปแล้วกระมัง ไม่ใช่ว่าพลังต้นกำเนิดของมันแห้งขอดนานแล้วหรือ”
“ไม้แห้งยังมีช่วงฝนชโลม นับประสาอะไรกับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถาน ปัจจุบันเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนประหลาดใจ ทางเดินโบราณฟ้าดารากลับบุญพาวาสนาส่ง ครองวาสนาคนเดียวด้วยเหตุนี้ หากข้าเดาไม่ผิด ภายหน้าอันดับของทางเดินโบราณฟ้าดาราในโลกพันจักรวาลต้องยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่!”
คนกลุ่มนั้นพูดคุยพลางเคลื่อนผ่านฟ้าดาราไป
“ที่แท้การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์”
เสวียนจิ่วอิ้นอดตะลึงไม่ได้
“เป็นโชคหรือภัยนั้นพูดลำบาก”
หลินสวินขมวดคิ้วน้อยๆ “ตลอดทางนี้เจ้าก็เห็นแล้ว ผู้แข็งแกร่งทุกฟ้าดาราของโลกพันจักรวาลล้วนทยอยมาเพื่อชิงวาสนาและศุภโชคเหมือนฝูงฉลามได้กลิ่นคาวเลือด พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง”
“สำหรับสิ่งมีชีวิตบนทางเดินโบราณฟ้าดารา นี่ก็คือมหันตภัยใหญ่หลวง หากขุมอำนาจในทางเดินโบราณฟ้าดาราต้านการรุกรานนี้ไม่อยู่ ภายหน้าใต้หล้านี้ต้องถูกคนต่างถิ่นพวกนั้นควบคุม ทั้งเข้ายึดครองโดยพลการแน่”
“แน่นอนว่าหากมองระยะไกล ความรุ่งเรืองของทางเดินโบราณฟ้าดาราจะมีอานุภาพไม่อาจต้าน สำหรับผู้ฝึกปราณในใต้หล้า นี่กลับเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง”
เสวียนจิ่วอิ้นฟังจบแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ถึงอย่างไรทางเดินโบราณฟ้าดาราก็ตกต่ำมานานเกินไป ที่ผ่านมาผู้แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่ระดับบรรพจารย์ขั้นเก้า การเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาสิบกว่าปีเท่านั้น เกรงว่าคงยังไม่มีคนโดดเด่นทะลวงปราณออกมาได้สักเท่าไร ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะต้านการรุกรานของคนต่างถิ่นพวกนั้นได้อย่างไร”
“ยึดครองวาสนา เสพสุขศุภโชค แน่นอนว่าต้องแบกรับอันตรายของมัน นี่ก็คืออานุภาพอันยิ่งใหญ่”
หลินสวินส่ายหัวแล้วไม่คิดมากอีก เร่งเดินทางต่อไป
“พี่หลิน เจ้าจะมองดูทางเดินโบราณฟ้าดาราถูกคนต่างถิ่นพวกนั้นรุกรานตาปริบๆ หรือ”
ระหว่างทางเสวียนจิ่วอิ้นอดถามออกมาไม่ได้
“พวกเราเพิ่งกลับมา การวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นแค่การคาดเดา ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของทางเดินโบราณฟ้าดาราในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือเข้าใจสถานการณ์ก่อน”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ
เขาไม่ถึงขั้นรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับทางเดินโบราณฟ้าดารา
หนทางผงาดของเขาเมื่อปีนั้นเคยถูกดินแดนรกร้างโบราณ รวมไปถึงขุมอำนาจใหญ่ในโลกใหญ่หงเหมิงกำราบและมองเป็นศัตรู
ดินแดนที่ทำให้หลินสวินรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอย่างแท้จริงคือโลกชั้นล่าง โลกซึ่งจักรวรรดิจื่อเย่าตั้งอยู่!
ผ่านไปสองสามชั่วยาม
โลกใหญ่หงเหมิงปรากฏในสายตาของหลินสวิน
นี่คือโลกอันดับหนึ่งของทางเดินโบราณฟ้าดารา เต็มไปด้วยความทรงจำในอดีตของหลินสวิน
แต่หลินสวินเป็นห่วงความปลอดภัยของญาติมิตรตระกูลหลิน ไม่ได้คิดจะมุ่งหน้าไปเยือน
แต่เมื่อเขากำลังเตรียมตัวเคลื่อนย้ายไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ต่อ ฟ้าดาราที่ห่างไกลพลันมีเสียงเข่นฆ่าโรมรันสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น
“ตาม! อย่าปล่อยให้เจ้าเฒ่านั่นหนีไปได้”
“เร็วเข้า!”
เสียงตะโกนราวอสนีบาตดังก้องกลางฟ้าดารา
ก็เห็นเงาร่างหนึ่งหลบหนีมากลางอากาศ เบื้องหลังมีคนกลุ่มหนึ่งตามล่า
ระหว่างทางนี้หลินสวินเห็นภาพแบบเดียวกันไม่น้อย ไม่ใช่เรื่องประหลาด
เดิมเขาไม่คิดจะใส่ใจ แต่เมื่อเห็นเงาร่างที่ถูกตามล่านั้น เขากลับหยุดเท้าลงแล้ว
คนผู้นั้นเลือดอาบทั้งตัว บาดเจ็บสาหัส ใบหน้าซูบตอบซีดเผือดโปร่งแสง กระบี่มรรคในมือแตกหัก ดูน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง
‘บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่?’
หลินสวินอึ้งงัน
ในหัวนึกถึงทุกเหตุการณ์เมื่อปีนั้นยามไปเรือนมรรคโลกาสวรรค์เพื่อเข้าร่วม ‘สงครามถกมรรค’
ตอนนั้นทุกเรือนมรรคร่วมกันจัดสงครามถกมรรคขึ้น เป้าหมายเพื่อเลือกผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์กลุ่มหนึ่งไปเสาะหาวาสนาใน ‘เขตต้องห้ามเซียนโบราณ’
หลินสวินเจอบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ที่เรือนมรรคโลกาสวรรค์ในตอนนั้น เขาเป็นคนรู้จักของศิษย์พี่รั่วซู่ ทั้งเป็นอาจารย์อาของไท่ซูหงเจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์
เรื่องเก่าเนิ่นนานพวกนี้หลินสวินเกือบลืมไปหมดแล้ว
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าจะเจออีกฝ่ายในสถานการณ์เช่นนี้
“ฆ่า!”
ขณะหลินสวินอึ้งงัน บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ถูกศัตรูตามทัน ทั้งโดนปิดล้อมรอบด้านแล้ว
“ชิงเย่ นำป้ายคำสั่งสยบฟ้าโลกาสวรรค์ออกมา ข้าจะให้เจ้าตายสบายหน่อย!”
ในหมู่ศัตรูพวกนั้นมีผู้นำเป็นชายชุดเทาคนหนึ่ง ขณะกล่าวเขาสะบัดทวนศึกสำริดเล่มหนึ่งในมือ กระหน่ำซัดอย่างหนักหน่วง
สิ่งที่แผ่ออกมาจากตัวเขาคือพลังของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ
เหล่าผู้แข็งแกร่งข้างตัวชายชุดเทา ถ้าไม่ใช่มหาจักรพรรดิที่ก้าวสู่มกุฎก็เป็นพวกบรรพจารย์ขั้นเก้า
บนทางเดินโบราณฟ้าดารากระบวนรบเช่นนี้เรียกว่าชวนตะลึงแล้ว เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ยืนตระหง่านเหนือมหามรรค
‘จบกัน…’
ในใจบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ขมขื่น แต่สีหน้ากลับเด็ดเดี่ยวหาใดเปรียบ เขากล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ต่อให้ข้าต้องทำลายป้ายคำสั่งสยบฟ้าโลกาสวรรค์ ก็ไม่มีทางให้พวกเจ้าทำสำเร็จแน่!”
เขาพูดพลางนำป้ายคำสั่งทองอร่ามในแขนเสื้อออกมาหมายจะทำลาย
“เจ้ากล้า…!”
ชายชุดเทาโกรธจัด ทวนในมือเปล่งแสงมรรคพลุ่งพล่านหาใดเปรียบ ถึงกับเข้าผนึกบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ในชั่วขณะนี้
“เอามาซะ!”
ชายชุดเทาคิดจะคว้าป้ายคำสั่งสีทองในมือบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ผ่านห้วงอากาศ
พริบตานั้นนัยน์ตาบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่เผยแววสิ้นหวัง
แต่ก็เป็นพริบตานี้เองที่เงาร่างสูงตระหง่านหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ กล่าวเสียงเบาว่า “ผู้อาวุโสชิงเย่ ไม่เจอกันนานเลย”