ไอหมอกพวยพุ่ง ประกายแสงสีเลือดอบอวล
บนภูเขาอิ๋งโจวที่สูงตระหง่านสลับซับซ้อน หลินสวินเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
สวบ!
วิญญาณร้ายโลหิตตนหนึ่งกระโจนออกมา ไม่ทันได้สำแดงอานุภาพร้ายกาจก็ถูกประตูเนรเทศพาตัวไป ง่ายดายจนเหมือนงมเอาปลาตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่งอย่างสบาย
หลิงเสวียนจื่อที่ตามติดหลินสวินอยู่ด้านหลังดวงตาเปล่งประกาย
เขาปลดปล่อยมรรควิถีของตัวเองออกมาจาหมด จงใจสร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โต ใช้สิ่งนี้ดึงดูดวิญญาณร้ายโลหิตตามทาง เข้าคู่กับการจับเหยื่อของหลินสวิน
ดังคาด เช่นนี้แล้วผลเก็บเกี่ยวก็เริ่มมากขึ้น
ระหว่างทางที่พวกเขามุ่งหน้ามา วิญญาณร้ายโลหิตที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของภูเขาอิ๋งโจวต่างแตกตื่น พุ่งตัวเข้าหาราวกับกระแสน้ำสีเลือดระลอกแล้วระลอกเล่า
และล้วนถูกประตูเนรเทศของหลินสวินเก็บไปโดยไม่มีข้อยกเว้น
ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเค่อ
ก็ถูกพวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคนล่าวิญญาณร้ายโลหิตได้สี่สิบกว่าตน ผลเก็บเกี่ยวเช่นนี้ทำให้หลิงเสวียนจื่อตื่นเต้นจนตัวสั่น ใบหน้าเปล่งปลั่ง ยินดีปรีดายิ่ง
แต่เมื่อพลังประตูเนรเทศของหลินสวินสลายไป หลิงเสวียนจื่อก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที เอ่ยว่า “ศิษย์น้อง จะออกจากภูเขาอิ๋งโจวไปพักก่อนไหม”
หลินสวินส่ายหัวพูด “ไม่เป็นไร พวกเราล่าต่อ ศิษย์พี่เป็นเหยื่อล่อต่อ ข้าคอยเก็บเหยื่อพวกนั้นเอง”
เหยื่อล่อหรือ
หลิงเสวียนจื่อถลึงตาใส่หลินสวินอย่างไม่สบอารมณ์ แม้ว่าตลอดทางมานี้ตนจะรับบทเป็นเหยื่อล่อจริงๆ แต่เจ้าไม่พูดออกมาต่อหน้าไม่ได้หรือ
แน่นอนว่าตอนนี้หลิงเสวียนจื่อไม่อาจปะทะกับหลินสวินได้ หาไม่แล้วเกรงว่าตอน ‘แบ่งผลประโยชน์’ ในท้ายที่สุดจะต้องขาดทุน!
ฮูม!
ยามหลินสวินกระตุ้นอภินิหารประตูเนรเทศอีกครั้ง ศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคนก็มุ่งหน้าไปกวาดล้างอีกหน ตลอดทางยิ่งร่วมมือกันได้อย่างเข้าขา
ไม่ต้องให้หลินสวินบอกสักนิด หลิงเสวียนจื่อก็สามารถเข้าใจความหมายของเขาได้จากแววตาเล็กๆ น้อยๆ หรือการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังออกเคลื่อนไหวได้เหมาะสมทันท่วงที
นี่ทำให้หลินสวินลอบอุทานชื่นชมอย่างอดไม่ได้ ศิษย์พี่สี่เป็นผู้ช่วยต่อสู้ที่เก่งกาจยิ่งคนหนึ่ง!
เวลาผันผ่านไปทีละนิด
หนึ่งเค่อผ่านไป อภินิหารประตูเนรเทศของหลินสวินสลายไปอีกครั้ง เขาตัดสินใจออกจากภูเขาอิ๋งโจวไปพร้อมหลิงเสวียนจื่อทันที
ช่วยไม่ได้ พลังกายเขาผลาญไปอย่างหนักหน่วง
ในถ้ำสถิตภายในหุบเขา
หลินสวินนั่งสมาธิฟื้นฟูพลังกาย ส่วนหลิงเสวียนจื่อวางแผนการเคลื่อนไหวต่อไปอยู่อีกด้านหนึ่ง
‘การเคลื่อนไหวคราวนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยาม ล่าวิญญาณร้ายโลหิตเจ็ดสิบสามตนมาได้อย่างง่ายดาย กวาดล้างพื้นที่เขาอิ๋งโจวไปประมาณสามส่วน… และตอนนี้ศิษย์น้องก็จำเป็นต้องฟื้นฟูพลังกาย…’
หลิงเสวียนจื่อครุ่นคิดอยู่ในใจ ‘ถ้าคิดคำนวณเช่นนี้ ภายในสามวันก็จะกวาดล้างภูเขาอิ๋งโจวนี้ได้ทั้งหมด!’
พอคิดถึงตรงนี้เขาก็ใจหายอยู่บ้าง
เขาเตร่อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว แต่จำนวนวิญญาณร้ายโลหิตที่ล่าได้ย่อมเทียบความสำเร็จในช่วงเวลาไม่กี่วันสั้นๆ ของหลินสวินไม่ได้!
ครึ่งวันผ่านไป
พลังกายหลินสวินฟื้นคืนมา ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงแต่อย่างใด บุกไปยังภูเขาอิ๋งโจวอีกครั้ง
……
ไม่ผิดจากที่หลิงเสวียนจื่อคาดไว้ เพียงสามวันสั้นๆ พื้นที่รัศมีสามหมื่นลี้ทั้งภูเขาอิ๋งโจวก็ถูกพวกเขากวาดล้าง วิญญาณร้ายโลหิตที่เร่ร่อนอยู่บนเขาล้วนตกเป็นเหยื่อ
รวมกันเกือบห้าร้อยตนแล้ว!
และนี่ก็หมายความว่าพวกเขาจะได้รับ ‘ศิลาโลหิตนิรันดร์’ เกือบห้าร้อยก้อน!
“ศิษย์น้อง ลำบากเจ้าแล้ว”
เมื่อกลับจากภูเขาอิ๋งโจว หลิงเสวียนจื่อก็เอาเหล้ากาหนึ่งส่งให้หลินสวินอย่างกระตือรือร้น “เจ้ามาพักดีๆ สักหน่อย การเคลื่อนไหวคราวนี้เจ้าสร้างความดีความชอบไว้มาก ศิษย์พี่ไม่อยากยกย่องเจ้ายังทำไม่ได้”
หลินสวินดื่มเหล้าพลางยิ้มเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ ท่านวางใจได้ ศิลาโลหิตนิรันดร์ที่ได้มาจากวิญญาณร้ายโลหิตต้องเป็นของท่านส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาแบ่งสมบัติกัน”
หลิงเสวียนจื่ออึ้งไป พลันตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง เอ่ยว่า “นี่เจ้าคิดจะลงมือม้วนเดียวจบ กวาดล้างภูเขาอีกสี่ลูกด้วยหรือ”
หลินสวินพยักหน้า “ไม่ผิด”
แม้ภูเขาอิ๋งโจวใหญ่โตยิ่ง แต่จำนวนวิญญาณร้ายโลหิตที่ถือกำเนิดขึ้นไม่ได้มากมาย เพียงสามวันก็ถูกพวกเขากวาดเรียบ และวิญญาณร้ายโลหิตที่ได้มาก็แค่เกือบห้าร้อยตนเท่านั้น
“ดี!”
หลิงเสวียนจื่อตบหน้าตัก เอ่ยอย่างอิ่มเอมใจว่า “เช่นนั้นต่อไปพวกเราก็ไปภูเขาเผิงไหล ภูเขานี้ทอดยาวเก้าหมื่นเก้าพันลี้ บนนั้นมี ‘กฎระเบียบแปรร่าง’ หนึ่งในกฎระเบียบต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์กระจายอยู่ และศพคลั่งนิรันดร์ที่ถือกำเนิดในนั้นก็แปลงมาจากพลังร่างกายหลังร่วงหล่นของระดับนิรันดร์ พลังต่อสู้แข็งแกร่งกว่าวิญญาณร้ายโลหิตอยู่บ้าง แต่ถ้ามีประตูเนรเทศของศิษย์น้อง การรับมือกับพวกมันย่อมง่ายดายนัก…”
เขาพูดจาไม่สะทกสะท้าน บรรยายสภาพของภูเขาเผิงไหลออกมา
การตอบสนองของหลินสวินง่ายดายนัก เพียงคำเดียว “ไป”
……
ภูเขาเผิงไหล
บนนั้นหมอกดำพวยพุ่ง หินประหลาดขรุขระ ตัวภูเขาที่ยืดยาวคล้ายร่างมังกรเขียวคดโค้งยึดครองพื้นดิน
พลังกฎระเบียบต้นกำเนิดที่ปกคลุมอยู่บนนั้นแตกต่างจากภูเขาอิ๋งโจวโดยสิ้นเชิง แต่นี่ก็ขวางพลังกฎเกณฑ์อมตะของหลินสวินไว้ไม่ได้
เหยียบลงบนภูเขาเผิงไหลได้ไม่นาน หลินสวินก็พบกับศพคลั่งนิรันดร์ตนหนึ่ง
ตัวประหลาดนี้ดูไปก็เหมือนคนชราผู้หนึ่ง ร่างกายผอมแห้งแตกหัก เน่าเฟะยิ่งยวด สมองครึ่งหนึ่งเหมือนถูกฟันกระเด็น ห้อยต่องแต่งอยู่บนคอ ดูน่ากลัวแปลกประหลาดหาใดเทียบ
บนร่างมันยังสวมชุดนักพรตโชกเลือดแหว่งวิ่น
สิ่งนี้แตกต่างกับเศษซากศพที่เห็นตามทางที่มาแดนฝังมรรค แม้ว่าศพคลั่งนิรันดร์นี้จะยับเยิน แต่กลับดูสมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด
มิหนำซ้ำกลิ่นอายของศพคลั่งนิรันดร์ยังพิสดารน่าครั่นคร้ามหาใดเทียบ เปี่ยมไปด้วยไอสังหารโหดเหี้ยมดุจทำลายล้าง
ยามมันลงมือ พลังนิรันดร์ทั้งร่างพลุ่งพล่านดุจเพลิงเผา โบกมือออกมาครั้งหนึ่งประหนึ่งหมายจะทำลายภูผาธาราฟ้าดิน!
นี่รับมือยากกว่าวิญญาณร้ายโลหิตอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากหลินสวินใช้อภินิหารประตูเนรเทศก็ไม่มัวออมพลังอีก แผ่รัศมีออกไปพันจั้งตรงๆ พุ่งเข้าใส่ศพคลั่งนิรันดร์ทันที
ตูม!
พลังฝ่ามือของศพคลั่งนิรันดร์น่ากลัวยิ่งนัก แม้จะถูกประตูเนรเทศกลืนกิน แต่ก็ซัดให้ประตูเนรเทศยังสั่นสะท้านรุนแรงไปครู่หนึ่ง
ยังดีที่ศพคลั่งนิรันดร์ไม่ได้มีสติปัญญา พอเห็นหลินสวินกระโจนมาหา มันไม่หลบไม่หนี พุ่งตัวมาคล้ายจะทำลายประตูเนรเทศและสังหารหลินสวินกับหลิงเสวียนจื่อ
อานุภาพร้ายกาจทั้งตัวนั้นทำเอาหลิงเสวียนจื่อตกตะลึงจนเหงื่อกาฬผุดพรายเช่นกัน
ยังดีที่สุดท้ายตัวประหลาดนี้ถูกประตูเนรเทศกลืนกินไปจึงถือว่าตกใจเปล่า
“เก็บศพคลั่งนิรันดร์ไปได้ตนหนึ่ง ต้องเสียพลังใช้ประตูเนรเทศไปเกือบสามส่วน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป สำแดงประตูเนรเทศครั้งหนึ่งอย่างมากสุดก็จัดการศพคลั่งนิรันดร์ได้เพียงสามตนเท่านั้น…”
หลินสวินนิ่วหน้าเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
“ศิษย์น้อง รู้จักพอเถอะ หลายปีนี้ข้าอยู่ในแดนฝังมรรค ไม่เคยกล้าคิดวางแผนเรื่องศพคลั่งนิรันดร์ ตัวประหลาดพวกนี้ยังน่ากลัวกว่าภูตมหามรรคบนภูเขาไต้อวี้เสียด้วยซ้ำ”
หลิงเสวียนจื่อถอนใจเอ่ย
หลินสวินพยักหน้า ทั้งสองไม่หยุดอยู่ที่นี่ เดินหน้าต่อไป
เทียบกับวิญญาณร้ายโลหิตแล้ว เห็นได้ชัดว่าศพคลั่งนิรันดร์บนภูเขาเผิงไหลแห่งนี้มีจำนวนน้อยกว่ามาก ค้นหาบนพื้นที่รัศมีเกือบหมื่นลี้เต็มๆ ก็ยังมีศพคลั่งนิรันดร์ที่ถูกหลินสวินล่าได้เพียงสองตน มิหนำซ้ำพลังกายก็ผลาญไปอย่างหนักหน่วง
ด้วยจนใจพวกเขาจึงทำได้เพียงกลับออกไปฟื้นฟูพลังที่ถ้ำสถิตในหุบเขาก่อน
ผ่านไปครึ่งเดือนเต็มๆ
หลินสวินกับหลิงเสวียนจื่อทะยานทั่วภูเขาเผิงไหลรอบหนึ่ง แต่เพิ่งล่าศพคลั่งนิรันดร์มาได้ทั้งสิ้นยี่สิบตน ถ้าว่ากันด้วยจำนวนแล้วไม่อาจเทียบวิญญาณร้ายโลหิตที่ล่ามาได้เลย
แต่จากคำพูดของหลิงเสวียนจื่อ ศพคลั่งนิรันดร์แต่ละตนนั้น ก็หมายถึงผู้ยิ่งใหญ่ระดับนิรันดร์ของยุคก่อนที่ร่วงหล่นในแหล่งสถานคุนหลุนคนหนึ่ง!
และการหลอมศพคลั่งนิรันดร์ก็จะได้รับกฎเกณฑ์นิรันดร์ที่ระดับนิรันดร์ผู้นี้ควบรวมไว้!
แม้ว่าจะชำรุดเสียหาย แต่ก็หายากหาใดเทียบ ศิลาโลหิตนิรันดร์ไม่อาจเทียบติด
……
หลังจากท่องทั่วภูเขาอิ๋งโจวและภูเขาเผิงไหล สองคนศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่ได้รามือ หลังพักฟื้นหนึ่งวันก็บุกไปยังภูเขาฟางหู
ภูเขาฟางหูมีขอบเขตเพียงเก้าพันลี้ แต่สูงชันอันตรายยิ่ง บนเขาอบอวลไปด้วยกฎระเบียบต้นกำเนิดชนิดหนึ่งนามว่า ‘แปรวิญญาณ’
วิญญาณร้ายไร้ดับก็กระจายอยู่ในภูเขานี้ วิญญาณร้ายไร้ดับแปลงมาจากพลังวิญญาณของระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในยุคก่อน
วิญญาณร้ายไร้ดับมีมากมายยิ่งนัก มหาศาลอย่างกับฝูงตั๊กแตน
นี่เป็นเพราะยามระดับนิรันดร์ร่วงหล่น วิญญาณของพวกเขาก็ระเบิดกระจุยเป็นผุยผงไปนานแล้ว วิญญาณร้ายไร้ดับเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่แปลงมาจากกลิ่นอายพลังจิตหลังร่วงหล่นเท่านั้น
อานุภาพของมันเทียบวิญญาณร้ายโลหิตไม่ติด ยิ่งไม่อาจเทียบกับศพคลั่งมหามรรคได้ สิ่งที่น่ากริ่งเกรงเพียงอย่างเดียวอาจจะเป็นจำนวนมหาศาล
แต่นี่ไม่ได้สร้างความลำบากให้หลินสวิน
มีประตูเนรเทศอยู่ การล่าวิญญาณร้ายไร้ดับที่มีเป็นกองทัพเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเหวี่ยงแหใหญ่จับฝูงปลา
เพียงแค่เจ็ดวัน
วิญญาณร้ายไร้ดับที่อยู่ในภูเขาฟางหูก็ถูกกวาดเกลี้ยง
จากนั้นหลินสวินกับหลิงเสวียนจื่อก็รุดหน้าไม่หยุดพัก เริ่มตั้งเป้าหมายไว้ที่ ‘ภูตมหามรรค’ บนภูเขาไต้อวี้ รวมถึง ‘ศาสตราร้ายนิรันดร์’ บนภูเขาหยวนเจี้ยว
กฎระเบียบต้นกำเนิดบนภูเขาไต้อวี้มีนามว่า ‘แปรมรรค’ น่าครั่นคร้ามเป็นที่สุด สามารถแปลงพลังปราณทั้งหมดที่ผู้ฝึกปราณครอบครองได้
และภูตมหามรรคที่กระจายอยู่บนภูเขาไต้อวี้ก็แปลงมาจากพลังปราณของระดับนิรันดร์ พลังต่อสู้แกร่งกล้าไม่ด้อยไปกว่าศพคลั่งนิรันดร์ มิหนำซ้ำแม้ไม่มีสติปัญญา แต่กลับมีสัญชาตญาณต่อสู้ วิชาต่อสู้มากมายยิ่งนัก ทั้งยังรับมือได้ยากกว่าศพคลั่งนิรันดร์
หลินสวินกับหลิงเสวียนจื่อใช้เวลาไปหนึ่งเดือนเต็มถึงล่าภูตมหามรรคสิบแปดตนบนภูเขาไต้อวี้ได้
ส่วนบนภูเขาหยวนเจี้ยวก็ปกคลุมด้วยกฎระเบียบต้นกำเนิดนามว่า ‘แปรศาสตรา’ ภูเขานี้รูปร่างคล้ายกรงขังขนาดมหึมาหาใดเทียบกรงหนึ่ง มีศาสตราร้ายนิรันดร์ที่เปล่งประกายสดใส ไอสังหารพลุ่งพล่านชิ้นแล้วชิ้นเล่ากระจายอยู่
ของเหล่านี้ล้วนเป็นศาสตรามรรคบริสุทธิ์ของผู้แข็งแกร่งระดับนิรันดร์จากยุคก่อน ต่อให้ล้วนผุพังไม่เหลือดี ทว่าแต่ละชิ้นล้วนเคยเปื้อนเลือดสดๆ ของศัตรู เคยกรำศึกร่วมกับเจ้านายไม่รู้กี่เดือนปี ไอสังหารที่แผ่ออกมายังบดขยี้วิญญาณระดับอมตะใดๆ ก็ตามได้อย่างง่ายดาย!
ศาสตราร้ายนิรันดร์เหล่านี้ไม่มีจิตวิญญาณ แต่กลับอบอวลไปด้วยอานุภาพนิรันดร์ มีความลึกลับแตกต่างกันไป ศาสตราร้ายนิรันดร์บางส่วนถึงขั้นสามารถซ่อนอยู่ห้วงอากาศแล้วโจมตีออกมากะทันหัน เรียกได้ว่าน่าสะพรึงถึงขีดสุด
ยามหลินสวินจัดการพวกมันก็เกือบประสบอันตรายไปหลายครั้ง แต่โชคดีที่มีประตูเนรเทศอยู่ ขอเพียงหลบอยู่ในบริเวณที่มีประตูเนรเทศปกคลุม ไม่ว่าศาสตราร้ายนิรันดร์เหล่านั้นจะมหัศจรรย์เพียงไหน พอเข้ามาใกล้ก็จะถูกม้วนตลบเข้าไปในประตูเนรเทศ
สุดท้ายพวกหลินสวินใช้เวลาไปยี่สิบกว่าวันถึงกวาดล้างภูเขาหยวนเจี้ยวจนหมด ได้ศาสตราร้ายนิรันดร์มาทั้งหมดสี่สิบกว่าชิ้น
แน่นอนว่าล้วนไม่สมบูรณ์