บทที่ 1146 ตอนพิเศษ (44)
บทที่ 1146 ตอนพิเศษ (44)
เช้าตรู่วันถัดมา หลิวจิ่วจู๋พาหยางชิงซือไปกินเกี๊ยว
ครั้งสุดท้ายที่กินเกี๊ยวในเมือง นานเสียจนหยางชิงซือรู้สึกคิดถึง รสชาติเช่นนั้นไม่อาจลืมเลือนได้ เพื่อให้สหายผ่อนคลาย หลิวจิ่วจู๋จึงพานางไปที่นั่นอีกครั้ง
หยางชิงซืออารมณ์ดีขึ้นมาก เห็นได้ชัดว่าหลังจากได้นอนหลับพักผ่อน นางก็มีชีวิตชีวามากขึ้น
สำหรับเรื่องนี้ หลิวจิ่วจู๋ชื่นชมหยางชิงซือเสมอ นางเป็นพี่น้องที่มองโลกในแง่ดี ร่าเริงแจ่มใส เมื่อเจอกับสถานการณ์ยากลำบากก็จะแข็งแกร่งขึ้น บุรุษหลาย ๆ คนยังไม่มีนิสัยใจกว้างอย่างนาง
เมื่อทั้งคู่กลับถึงบ้านก็เห็นคนสองคนนั่งอยู่ที่ประตู
คนหนึ่งคือซ่งซื่อ อีกคนคืออิงซื่อพี่สะใภ้ของอีกฝ่าย มีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของหยางชิงซือ
“เจ้าเด็กแสบคนนี้…” เมื่อซ่งซื่อเห็นหยางชิงซือก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความโกรธจัดและหยิกเนื้อตัวนาง
หลิวจิ่วจู๋รีบมายืนขวางหน้าหยางชิงซือ
หยางชิงซือใจกล้ามาตลอด ต้องให้หลิวจิ่วจู๋มาปกป้องนางที่ใดกัน? แม้ว่าคนผู้นี้จะเป็นมารดาของนางเอง นางก็ไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายมาทุบตี อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
“จู๋จือเจ้าหลบไปข้าง ๆ ก่อน” หยางชิงซือเอ่ย “เจ้าจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”
ครั้นซ่งซื่อเห็นว่าหยางชิงซือกล้าต่อต้านตนเอง นางก็ยิ่งโมโห ก่นด่าอย่างหยาบคายราวกับว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ แต่เป็นหญิงปากร้ายในหมู่บ้านที่ฟาดฟันกับนาง
“พอได้แล้ว!” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “ท่านป้าไม่กลัวขายหน้า แต่ข้ายังกลัวนะ! ที่นี่เป็นในเมือง คนเข้า ๆ ออก ๆ มากมาย ท่านไม่รู้สึกอายบ้างหรือ? อีกอย่าง ชิงซือเป็นลูกสาวของท่าน ท่านดุด่านางเช่นนี้ เช่นนั้นไม่เท่ากับด่าตนเองหรือ? หากท่านมีเรื่องจะพูดก็พูดคุยกันดี ๆ เถอะ อย่าได้เต้นเร่า ๆ อย่างนี้เลย”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า!”
“ท่านมาผรุสวาทอยู่หน้าบ้านข้า ชิงซือเป็นพี่น้องที่ดีของข้า เหตุใดจักไม่เกี่ยวกับข้าเล่า?”
“หยางชิงซือเป็นลูกสาวของข้า ข้าคิดจะดุด่านางอย่างไรก็ดุด่าอย่างนั้น แม้จะเป็นตาเฒ่าจากสวรรค์ลงมาก็ไม่สามารถห้ามข้าไม่ให้อบรมสั่งสอนลูกสาวตนเองได้” ซ่งซื่อกล่าวด้วยความขุ่นเคือง
“พอได้แล้ว มีเรื่องจะพูดก็พูดเถอะ!” อิงซื่อเดินเข้ามาทำท่าทีราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
นางมองดูหยางชิงซือด้วยสายตาคิดคำนวณ
หยางชิงซือหน้าตาไม่เลว ขยันขันแข็ง ร่างกายแข็งแรง หากแต่งเข้าสกุลซ่ง ย่อมไม่มีปัญหาในการให้กำเนิดลูกชาย นอกจากนี้ หยางชิงซือกับหลิวจิ่วจู๋ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ตอนนี้หลิวจิ่วจู๋เริ่มรุ่งเรืองขึ้นแล้ว อยู่ในตัวเมืองแถมยังมีบ้านเป็นของตนเอง หากหยางชิงซือติดตามนางย่อมได้รับความรุ่งโรจน์มาบ้าง การแต่งงานครั้งนี้จะมองอย่างไรก็เหมาะสมเป็นที่สุด อีกทั้งยังง่ายต่อการจัดการ
“ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องการจะพูดคุยอะไร ข้าบอกพวกท่านแล้วว่าเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้” หยางชิงซือเอ่ย “พวกท่านยอมแพ้เถอะ! ผู้ใดรับสินสอดทองหมั้นมา ผู้นั้นก็แต่งไปเสีย ข้าไม่ได้รับ อย่างไรข้าก็ไม่แต่งออกไปเด็ดขาด!”
“ชิงซือ แต่งไม่แต่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า พ่อแม่เจ้ารับปากแล้ว ในฐานะลูกสาวของพวกเขา อย่างไรเจ้าก็ต้องแต่งออกไป” อิงซื่อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าเด็กผู้นี้ก็จริง ๆ เลย หรือกลัวว่าป้าสะใภ้จะไม่ดีต่อเจ้า? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน หากแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องก็จะถือเป็นการแต่งงานใกล้ชิด ได้ยินมาว่าเจ้าสนิทกับบุรุษนามจงซู่เกินในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก เจ้ากับเขาคงไม่ได้…”
“โถ่เอ๊ย พี่สะใภ้ ท่านกำลังเอ่ยถึงเรื่องอะไร? ท่านอย่าได้ไปฟังคำพูดเหลวไหลเหล่านั้น เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นไปได้ พวกเขาเพียงแค่อิจฉาที่ครอบครัวเราสองคนจะเกี่ยวดองกันจึงจงใจทำลายความสัมพันธ์อันดีนี้” ซ่งซื่อกล่าว “ชิงซือของเราเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่เคยทำเรื่องไร้ยางอายเหล่านั้น นางเพียงแค่ทำตัวไม่ถูกจึงหนีมาหานังหนูหลิว”
ยามซ่งซื่อเอ่ยปาก สายตาก็จ้องไปที่หยางชิงซืออย่างอาฆาตมาดร้าย ราวกับจะเตือนนางให้ว่าง่ายสักหน่อย อย่าได้กล่าววาจาเลื่อนเปื้อนอยู่แถวนี้
หยางชิงซือเอ่ยกับหลิวจิ่วจู๋ “เจ้าเข้าไปเถอะ ข้าจะกลับไปพร้อมพวกเขา”
“เช่นนั้น ข้าจะกลับไปที่หมู่บ้านกับเจ้า” หลิวจิ่วจู๋เป็นห่วงหยางชิงซือ
หยางชิงซือเอ่ย “บ้านเจ้าในหมู่บ้านไม่มีแล้ว เจ้าจะกลับไปทำอะไร? วางใจเถอะ หากพวกเขาบีบบังคับข้า ข้าจะยกดาบขึ้นสู้กับพวกเขา อย่างมากก็ตายไปพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่รอด”
“เจ้าเด็กคนนี้ ข้ากับแม่เจ้ายังจะบีบบังคับเจ้าได้หรือ?”
“พวกท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อจับข้ากลับไปแต่งงานหรือ? นี่ไม่ได้เรียกว่าบีบบังคับข้าหรือไร?” หยางชิงซือเอ่ยถาม “ข้าขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ข้าจะไม่แต่งกับญาติผู้พี่ อย่างไรก็ไม่มีวัน แม่ข้ารับเงินท่านมา หากท่านไม่ขอให้นางคืนเงิน พวกท่านก็ปรึกษาหาทางแก้ไขกันเอาเองเถอะ หากคิดจะขายร่างกายข้าแลกเงิน เช่นนั้นก็เอาศพข้าไปจัดงานแต่งผีได้เลย”
“ถุย พูดจาเหลวไหลอะไร?!” อิงซื่อไม่พอใจ “ข้าเสียเงินไปมากมายเพียงนี้เพื่อให้เจ้าสาปแช่งลูกชายข้าหรือ? ข้าว่านะน้องสามี เจ้าฟังคำพูดคำจาของลูกสาวเจ้าเข้าสิ”
“เป็นความผิดข้า ข้าจะสั่งสอนนางให้ดี” ซ่งซื่อว่าตามยิ้ม ๆ “พี่สะใภ้ พวกเราพานางกลับไปก่อน แล้วค่อย ๆ อบรมสั่งสอนนางเถอะ”
หลิวจิ่วจู๋ยิ่งไม่วางใจขึ้นไปอีก
นางยืนกรานที่จะตามหยางชิงซือกลับไป
“นี่เป็นเรื่องในครอบครัวเรา เจ้าจะตามกลับไปทำอะไร? พวกเราตกตกลงกันไว้แล้ว พวกเราไม่รับรองเจ้าหรอกนะ”
แน่นอนว่าซ่งซื่อไม่อยากให้หลิวจิ่วจู๋กลับไปทำลายเรื่องดีงามที่จะเกิดขึ้น หลิวจิ่วจู๋มีสามีที่ไม่อาจยุ่งด้วยง่าย ๆ ผู้หนึ่ง ดังนั้นคนในหมู่บ้านจึงไม่มีใครกล้าล่วงเกินนาง
ซ่งซื่อกับอิงซื่อนั่งเกวียนมาที่นี่ ตอนนี้จะกลับแล้ว ซ่งซื่อจึงขอเงินหยางชิงซือเพื่อนั่งเกวียนกลับ
แต่หยางชิงซือแสร้งทำเป็นไม่มี
ซ่งซื่อจึงไปขอ ‘ยืม’ เงินหลิวจิ่วจู๋
แน่นอนว่าหลิวจิ่วจู๋ไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่ไม่ต้องเอ่ยถึงหยางชิงซือไม่ยินยอม เพราะนางก็ไม่ยินดีเช่นกัน
ทั้งซ่งซื่อกับอิงซื่อล้วนไม่ขาดเงินเพียงไม่กี่อีแปะนี้ ทั้งคู่นั่งเกวียนมาเพื่อจับตัวหลิวจิ่วจู๋กลับไป ตอนนี้ยังต้องการให้หลิวจิ่วจู๋จ่ายเงินให้อีก หากนางจ่ายแล้ว นั่นไม่เท่ากับช่วยรังแกพี่น้องที่ดีของตนหรือ?
“ท่านป้าทั้งสอง ขออภัยจริง ๆ ในมือข้ามีเงินไม่มาก เอาอย่างนี้ ร่างกายพวกท่านดูแข็งแรง เดินทางมานานเพียงนี้ ยังไม่แม้แต่จะพักหายใจ ทว่าชิงซือกับข้าคงไม่ไหว อย่าได้เห็นว่าพวกเรายังเด็ก เพราะอันที่จริงร่างกายเราไม่สู้ดีนัก ในมือข้ามีเงินเพียงสองสามอีแปะพอที่จะจ่ายค่ารถกลับไปได้ ข้าจะพาชิงซือล่วงหน้ากลับไปก่อน พวกท่านค่อย ๆ เดินกลับหมู่บ้านเถอะ พวกเราจะรอท่านอยู่ที่หมู่บ้านเอง”
ซ่งซื่อกับอิงซื่อมาที่นี่เพื่อจับหยางชิงซือโดยเฉพาะ จักปล่อยให้พวกนางกลับไปกันเองได้อย่างไร? เงินเพียงไม่กี่อีแปะนี้ ไม่ว่าซ่งซื่อจะไม่ยอมตัดใจเพียงใดก็ทำได้เพียงควักออกมา
บนเกวียน หยางชิงซือเอ่ย “ข้าไม่ควรมาหาเจ้า ตอนนี้ข้าสร้างปัญหาให้เจ้าแล้ว”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็ไม่อาจปิดบังกัน ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย
หลังจากมาถึงหมู่บ้าน หยางชิงซือก็กลับไปที่บ้านพี่ใหญ่หยางชวน เป็นตายนางก็ไม่ยอมตามซ่งซื่อกลับไปที่บ้านนางเด็ดขาด
หลิวจิ่วจู๋ก็อาศัยอยู่กับหยางชิงซือที่นั่นด้วยเช่นกัน พี่น้องทั้งสองอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นจะได้สะดวกในการดูแลกันและกัน
เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ หัวหน้าหมู่บ้านจึงออกหน้าช่วยซ่งซื่อโน้มน้าวใจหยางชิงซือ เขากล่าวว่าการแต่งงานควรฟังคำพ่อแม่ หากไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่นั้นถือเป็นการอกตัญญู
หยางชิงซือเอามีดจ่อคอตนเอง มองซ่งซื่อกับอิงซื่อแล้วเอ่ย “ข้าเคยบอกแล้วว่า หากจะให้ข้าแต่งไป เช่นนั้นก็แบกร่างของข้าไปจัดงานแต่งผีเสียเถอะ”
“โถ่เอ๊ย เจ้าเด็กคนนี้ รีบวางมีดในมือลงเถิด!” สตรีที่อยู่ข้าง ๆ ร้องอุทาน
“พวกท่านบีบบังคับให้แต่งงานเช่นนี้ไม่ถูกต้อง” ไม่รู้ว่าเฝิงหลานเซิงกลับมาตั้งแต่เมื่อใด ได้ยินไปมากน้อยแค่ไหน
ทว่าทันทีที่เขาเปิดปาก ทุกคนก็มองมา ก่อนจะหันไปมองหลิวจิ่วจู๋เป็นตาเดียว แต่ละคนล้วนมีสีหน้าพิลึกพิลั่น