ตอนที่ 214 คนที่นางใส่ใจ
เสียงชายหนุ่มเบามาก แต่กลับราวกับค้อนหนักทุบลงบนหัวใจซินโย่วเต็มแรง
บนโลกนี้ยังมีคนที่นางใส่ใจอีกหรือ
นางมองชายหนุ่มตรงหน้า หากมิได้หลอกตนเอง ก็นับว่ามี เพียงแต่ความใส่ใจนี้ไม่อาจวางไว้บนตาชั่งเทียบกับความตายน่าอนาถของพวกท่านแม่ได้
ดังนั้นนางจึงได้ตอบเสียงเรียบว่า “ไม่มีแล้ว”
เฮ่อชิงเซียวได้ยินคำตอบนี้ อารมณ์มากมายในดวงตาก็ถูกความนิ่งสงบกลบเกลื่อนลง น้ำเสียงเบาแต่หนักแน่นเอ่ยว่า “แต่บนโลกนี้ยังมีคนมากมายที่ใส่ใจคุณหนูโค่ว”
ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “ใต้เท้าเฮ่อถามประหลาดมาก ข้าเพียงแค่เอ่ยวาจาล่วงเกินชิ่งอ๋อง ทำให้เขาเอาเรื่องข้าเล็กน้อย ก็มิใช่…”
“เจ้าเตรียมลอบสังหารชิ่งอ๋อง” เฮ่อชิงเซียวตัดบทนาง
เขามั่นใจและไม่อ้อมค้อม คล้ายว่าตอนนั้นอยู่ในที่นั้นด้วย
ซินโย่วไม่ยอมรับ “ใต้เท้าเฮ่อเข้าใจผิดแล้ว…”
การกระทำของชายหนุ่มทำให้นางลืมสิ่งที่จะเอ่ยต่อ
เขาพลันก้าวเข้ามาคว้าข้อมือนางไว้ ขณะที่นางกำลังตกตะลึง ก็ดึงใบมีดบางในฝ่ามือนางไป
เพราะซ่อนใบมีดไว้ ฝ่ามือสาวน้อยจึงถูกบาดเป็นรอยแผล โลหิตไหลซึมเปรอะเปื้อนผิวขาวละมุน
“นี่คืออะไร” เฮ่อชิงเซียวคีบใบมีดไว้พลางเอ่ยถาม
ภาพในความคิดซินโย่ว ใต้เท้าเฮ่อรูปงาม อ่อนโยน รู้ผ่อนหนักเบา แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกได้ถึงความกรุ่นโกรธจากน้ำเสียงเขา
เป็นอีกมุมที่นางไม่เคยได้เห็นมาก่อน
ซินโย่วเม้มปากแน่น ชายตรงหน้าเองก็ดึงดันจ้องมองนางรอคำตอบ
“ใบมีด” นิ่งไปอยู่นานก่อนซินโย่วจะเอ่ยตอบ
คำตอบนี้ทำให้เฮ่อชิงเซียวได้แต่เผยสีหน้าจนใจ
เขาไม่ได้ตาบอด
“ถูกต้อง ข้าคิดเอาชีวิตชิ่งอ๋อง” ซินโย่วยอมรับแล้วก็ถามคำถามที่สงสัยออกมา “ใต้เท้าเฮ่อรู้ได้อย่างไร”
“กู้ชางป๋อถูกสั่งเอาชีวิตกะทันหัน ในใจทุกคนกำลังหวาดระแวง เพราะจวนกู้ชางป๋อตกเป็นเป้าจับตาของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมาตลอด วันนั้นซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อไต้เจ๋ออยู่ๆ ไปร้านหนังสือชิงซง ข้าได้ยินลูกน้องรายงานว่าคุณหนูโค่วส่งของไปร่วมไว้อาลัยที่จวนกู้ชางป๋อ ในใจก็นึกสงสัย” เฮ่อชิงเซียวมองซินโย่ว “คุณหนูโค่วเกลียดกู้ชางป๋อเข้ากระดูกดำ เหตุใดจึงยังส่งของไปร่วมไว้อาลัย ตอนข้าได้ข่าวว่าชิ่งอ๋องไปร้านหนังสือก็พอเดาได้แล้ว”
เอ่ยถึงตรงนี้เขาก็หยุดลง ไม่เห็นสีหน้าซินโย่วแปรเปลี่ยน ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวว่าหากตอนนั้นมาไม่ทันจะเป็นเช่นไร
ความรู้สึกนี้แปลกใหม่มาก เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“จุดประสงค์ที่คุณหนูโค่วส่งของไปร่วมไว้อาลัยก็เพื่อให้ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อไต้เจ๋อไปล่อชิ่งอ๋องมา ชิ่งอ๋องถูกล่อมาคงไม่ได้มาเพื่อคุยกระมัง”
มือซินโย่วที่ได้รับบาดเจ็บค่อยๆ หุบลง “ใต้เท้าเฮ่อรู้ได้อย่างไรว่าเป็นใบมีด”
ใบมีดย่อมไม่ได้อยู่ในมือแต่แรก แต่นางซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ต่อมาถูกใต้เท้าเฮ่อทำเสียงาน ชิ่งอ๋องหันไปสังเกตใต้เท้าเฮ่อ จึงได้อยู่ในมือนางมาตลอด
เฮ่อชิงเซียวมองไปที่มือนาง อธิบายว่า “ตั้งแต่ข้าเข้าไป มือคุณหนูโค่วก็ไม่เคยคลายออก และข้า…”
เขาคล้ายนึกถึงเรื่องใดขึ้นมาได้ น้ำเสียงสะดุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ “ประสาทรับกลิ่นข้าไม่เลว ไม่มีทางจะพลาดกลิ่นคาวโลหิต”
ซินโย่วหลุบตาลงยิ้มเฝื่อน “ใต้เท้าเฮ่อช่างสังเกตยิ่ง”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็ถามขึ้นว่า “คุณหนูโค่วกำลังตำหนิที่ข้าทำลายแผนการของเจ้าหรือ”
ซินโย่วตอบตามจริง “นิดหน่อย”
นางรู้ว่าเขาหวังดีต่อนาง แต่เรื่องที่นางต้องการไม่ใช่การดำรงชีวิตไปวันๆ เช่นนี้ หากยังไม่อาจแก้แค้นให้พวกท่านแม่ได้ แม้นางนั่งอยู่บนภูเขาทองคำ ได้ลิ้มรสอาหารเลิศรสทุกวัน ก็ไม่มีทางมีความสุขได้
“คุณหนูโค่วรอสักครู่”
เฮ่อชิงเซียวเดินออกไป ไม่นานก็กลับมา ในมือมีผ้าพันแผลและยาสมานแผล
ซินโย่วมองเขาคว้ามือนางขึ้นมาเงียบๆ ทายาแล้วก็ใช้ผ้าขาวนิ่มฟันฝ่ามือให้นาง
“ก็มิได้บอบบางเพียงนั้น ใต้เท้าเฮ่อไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” ซินโย่วชักมือกลับ
ข้อมือนางกลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้แน่น
“ข้าเป็นคนโชคร้ายมาก ตั้งแต่ข้าจำความได้ ก็รับรู้…”
ซินโย่วหยุดลงอย่างไม่รู้ตัว
“ว่ามักจะได้รับบาดเจ็บอยู่ตลอด บางครั้งเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ไรมาไม่เคยได้เห็นบิดามารดา อาจเพราะโลกใบนี้คนที่ข้าใส่ใจมีเพียงน้ากุ้ย…” เสียงชายหนุ่มนุ่มกระจ่างใสดังสายน้ำในฤดูวสันต์ ไม่ได้มีความคับแค้นใด ไม่มีกระแสคลื่นอารมณ์ใด มีเพียงต้องการเล่าให้สาวน้อยฟังเท่านั้น “ชีวิตยากลำบากเพียงนี้ คล้ายสลัดทิ้งหมดทุกสิ่งก็ไม่น่าเสียดาย แต่ข้ายังคงรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่นั้นดีมาก ได้อ่านหนังสือ ได้ชมทิวทัศน์ ได้พบผู้คนและเรื่องราวที่น่าสนใจ คุณหนูโค่วเพิ่งจะสิบเจ็ด รอให้เจ้าเจ็ดสิบได้เล่าเรื่องราวในอดีตที่ได้ชำระแค้นยิ่งใหญ่ให้อนุชนรุ่นหลังฟัง ไม่ดีกว่าหรือ”
เขาพูดจบก็พันแผลเรียบร้อย แววตาดำขลับอบอุ่นสบตากับสาวน้อยตรงหน้า
ซินโย่วเห็นแววตาขอร้องที่แอบซ่อนอยู่ลึกลงไปในแววตาของเขา พลันเอ่ยคำว่า ‘ไม่ดี’ ไม่ออก
นางก้มหน้าลงมองมือที่พันผ้าพันแผลไว้ พันได้ประณีตมาก
“แม้บาดแผลบางแต่ก็ลึกอยู่บ้าง พันไว้ป้องกันโดนน้ำ รอให้คืนนี้อย่าลืมเปลี่ยนยาด้วย”
“ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อเจ้าค่ะ” ซินโย่วกล่าวขอบคุณ ไม่ได้ตอบว่า ‘ดี’ หรือ ‘ไม่ดี’
นางทะนุถนอมชีวิตตนเอง แต่ยามจำเป็น ก็ไม่เสียดายหากต้องสละทิ้ง
แต่มีเรื่องหนึ่งที่นางแน่ใจมาก นางไม่มีทางทนดูชิ่งอ๋องดำรงชีวิตเป็นอ๋องสูงส่งเช่นนี้ตลอดไป วันหน้ายังได้เป็นรัชทายาท เป็นเจ้าเหนือหัวแห่งราชวงศ์ต้าซย่า
เฮ่อชิงเซียวมองการตัดสินใจของนาง ได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นเรื่องหนึ่ง “พวกชิ่งอ๋องไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติติ้งเป่ย อาจจะมีเรื่องทุจริต”
ซินโย่วตะลึงเล็กน้อย “ใต้เท้าเฮ่อมีเบาะแสหรือ”
“สองวันก่อน กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินพบว่ามีร่องรอยบุคคลน่าสงสัยผู้หนึ่ง จับตัวมาได้สอบสวนได้ความว่า คนผู้นั้นอ้างว่าตนเองเป็นบุตรชายของนายทะเบียนอำเภอเป่ยเฉวียน อำเภอเป่ยอันที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวติ้งเป่ยครั้งนี้รุนแรงที่สุด อำเภอเป่ยเฉวียนใกล้กับอำเภอเป่ยอันที่สุด ได้รับความเสียหายรุนแรงมากเช่นกัน คนผู้นั้นเล่าว่าผู้ประสบภัยเป่ยเซี่ยนรอการช่วยเหลือไม่ไหวหนาวตายหิวตายกันไปเป็นเบือ บิดาเขารายงานต่อส่วนกลางกลับถูกสังหาร เขาเดินทางหนีมาเมืองหลวงก็เพื่อฟ้องร้อง จึงได้ถูกคนของผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงอู่เหยียนถิงไล่ล่า…”
“เดี๋ยวนะ” ซินโย่วสีหน้าแปลกไป “คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มใบหน้ากระจ่างรูปร่างกลางๆ ค่อนไปทางผอมใช่หรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวอึ้งไป “คุณหนูโค่วรู้จัก?”
“ไม่รู้จัก แต่อาจเคยพบ” ซินโย่วไม่ปิดบัง แน่ใจได้ว่าชายหนุ่มที่หลบซ่อนใต้รถม้านางวันนั้นก็คือเขา “ใต้เท้าเฮ่อ ข้าขอพบเขาได้หรือไม่ ดีที่สุดก็ขอมองดูทีหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายรู้ ดูว่าใช่คนที่ข้าเคยพบผู้นั้นหรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวไม่กลัวซินโย่วเอ่ยขอ กลัวก็แต่นางตัดใจสละชีพไม่ยอมเปลี่ยนใจ ย่อมรับปาก
ซินโย่วมายืนอยู่อีกฟากของกำแพง มองผ่านช่องที่ตั้งใจเจาะไว้เข้าไปเห็นคนผู้นั้น
ก็คือชายหนุ่มที่นางพบบนเขาเชียนอิงวันนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“เป็นเขา” ซินโย่วก็มิได้ปิดบัง เล่าเรื่องวันนั้นให้เฮ่อชิงเซียวฟัง
“ดูท่าทางคำพูดของคนผู้นี้น่าเชื่อถือ”
“ใต้เท้าเฮ่อวางแผนอย่างไรต่อ”
“ข้าได้แอบส่งคนไปหาหลักฐานที่ติ้งเป่ยแล้ว หากที่คนผู้นั้นพูดมาเป็นความจริง ก็ย่อมทูลรายงานฝ่าบาท” เฮ่อชิงเซียวมองซินโย่วถามด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณหนูโค่วให้เวลาข้าสักหน่อยได้หรือไม่”
ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ได้คำตอบที่อยากฟัง
“ตกลง” ซินโย่วเอ่ยขึ้นเบาๆ