ตอนที่ 685 เจ้ากำลังยุยงให้ข้ารนหาที่ตาย
หลังจากส่งจังเจ๋อแล้ว ฉินหลิวซีก็นำธูปและเงินจำนวนหนึ่งจากฮูหยินจัง เพื่อใช้ในการทำพิธีให้กับจังเจ๋อ และจุดตะเกียงนิรันดร์
ฉินหลิวซีไม่ได้ปฏิเสธ ส่วนจังหัว นางบอกแล้วว่าจะไม่ช่วยรักษาให้เขา จึงไม่สนใจแผลหนองที่หลังของเขา ไม่มีหน้าผีที่มีความขุ่นเคืองคอยก่อกวนแล้ว แผลหนองของเขาก็คือแผลที่แท้จริง เพียงแต่เน่าเปื่อยจนดูไม่ได้เท่านั้น หมอทั่วไปก็รักษาได้
แน่นอนว่าจะรักษาหายได้หรือไม่นั้นบอกได้ยาก และยิ่งยากจะบอกได้ว่าฮูหยินจังจะให้เขารักษาหรือไม่ แต่นี่ไม่ได้อยู่ในความใคร่ครวญของฉินหลิวซีเลย
เรื่องที่นอกเหนือจากนั้น อย่างเช่นความสัมพันธ์ของจังหัวกับตระกูลเหวินจะพัฒนาต่อไปอย่างไร ก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการจัดการของนาง นางบอกว่าทำเพื่อจังเจ๋อเท่านั้น ทันทีที่จังเจ๋อจากไป นางก็ไม่สนใจอะไรแล้ว รับธูปและเงินที่ฮูหยินจังมอบให้แล้วจากไป แล้วก็ไม่ได้พาเหยียนฉีซานและคนอื่นๆ ไปด้วย อย่างไรเสียเรื่องก็จบลงแล้ว พวกเขาย่อมเดินทางกลับเอง
เหวินฝู่หลินมองดูนางหายตัวไป มองไปยังเหยียนฉีซาน ถอนหายใจ “การกระทำของท่านเจ้าอาวาสน้อยผู้นี้มีหลักการเป็นอย่างมาก”
เหยียนฉีซานกลับเอ่ยว่า “นั่นเป็นเพราะไม่ได้ก้าวล้ำเส้นนางกระมัง”
“เจ้ารู้จักนางดีจริงๆ”
“อย่างน้อยก็รู้จักก่อนเจ้า” เหยียนฉีซานเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “กลับไปเจ้าต้องขอบคุณข้าให้มาก”
“ขอบคุณเจ้าหรือ ทั้งตระกูลของข้าไม่สงบแล้ว ข้าอยากจะทุบเจ้าจริงๆ!” เหวินฝู่หลินมองดูลานของเรือนตระกูลจังด้วยความปวดหัวเล็กน้อย
เหยียนฉีซานปรับสีหน้าเป็นปกติ เอ่ย “เจ้าต้องคิดให้ดี ข้าคิดว่าจังหงชิ่งไม่ค่อยอยากสูญเสียความสัมพันธ์การเป็นดองกับเจ้า”
ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง มักจะมีมุมมองของตัวเองเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวม ตระกูลเหวินเป็นตระกูลปัญญาชน เหวินฝู่หลินก็มีลูกศิษย์ที่มีความสามารถมากมาย ความสัมพันธ์ด้านการแต่งงานเช่นนี้ ใครก็ไม่อยากปล่อยไป
อีกประเด็นหนึ่งคือ พวกเขาจะคิดว่าในเมื่อคนก็ไม่ได้อยู่แล้ว ไม่สู้ทำเรื่องให้เป็นประโยชน์ที่สุดจะดีกว่า
นี่ก็คือตระกูลที่เป็นขุนนางในราชสำนัก
“นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าเขาจะอยากหรือไม่” เหวินฝู่หลินสีหน้ามืดครึ้ม เอ่ย “เรื่องต่างๆ ได้พัฒนาไปเป็นเช่นนี้ ไหนเลยจะเหมือนเมื่อก่อน ให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือ ตระกูลจังทำได้ แต่ข้าทำไม่ได้ จิ่นซูก็ทำไม่ได้เช่นกัน”
เหยียนฉีซานถอนหายใจ “ยังต้องรอดูว่านางหนูจิ่นมีความคิดเห็นอย่างไร เฮ้อ ต้องขอโทษด้วย พลอยให้ตระกูลเจ้าไม่สงบสุขไปด้วย เป็นความผิดข้าจริงๆ หากไม่ใช่เพราะข้ายุ่งเรื่องชาวบ้านมากไป บางทีเรื่องนี้อาจถูกซ่อนไว้ไปตลอดชีวิต”
“ในเมื่อเจ้ารู้สึกผิด เช่นนั้นก็เลิกคิดถึงชาเหล่าปันจังของข้าได้แล้ว” เหวินฝู่หลินแสยะยิ้ม
น้ำเสียงของเหยียนฉีซานเปลี่ยนไป เอ่ย “แต่ในที่สุดสุนัขจิ้งจอกก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง คนอย่างจังหัว แม้ว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยจะไม่ได้มา ก็จะมีปรมาจารย์ท่านอื่นที่ค้นพบความผิดปกติ อย่างไรเสียการที่แผลหนองขึ้นเป็นใบหน้าคนนั้นก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อ ดังนั้นนับว่าข้าพิจารณาอย่างรอบคอบไว้แล้วล่วงหน้า จึงได้หยุดการสูญเสียแก่ตระกูลเหวินของพวกเจ้าได้ทันเวลา สิ่งที่เจ้าควรให้ก็ยังต้องให้”
“จะไปไหนก็ไป!”
…
ฉินหลิวซีไม่ได้กลับไปที่เมืองหลี แต่แวะไปที่ทะเลทรายดำ เนื่องจากเหล่าเฮยส่งข้อความมาบอกว่ามีผีน้อยทางด้านนั้นได้พบร่องรอยของแมงป่องทองแล้ว
ทะเลทรายดำนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยทรายสีดำ ในทางกลับกัน ทรายของมันเล็กละเอียดมาก หากแสงแดดส่องลงมา ทรายสีเหลืองทองก็จะเปล่งประกาย ราวกับทรายสีทองที่ทำให้คนรู้สึกตาลุกวาว งดงามเป็นอย่างมาก
แต่บางครั้งยิ่งเป็นสถานที่ที่งดงามมากเท่าใด ก็จะยิ่งเต็มไปด้วยอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ทะเลทรายดำก็เป็นเช่นนี้ ทรายสีทองงดงามเช่นนี้ กลับมีกับดักทรายดูดมากมายซ่อนอยู่ และซ่อนสิ่งมีชีวิตที่มีพิษไว้ไม่น้อย ยิ่งเข้าไปในส่วนลึกของทะเลทรายก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น ซ้ำยังหลงทางได้ง่าย
ดังนั้นทะเลทรายอันงดงามแห่งนี้จึงถูกชนเผ่าโดยรอบขนานนามว่าทะเลทรายแห่งความตาย
อย่าคิดว่าสถานที่แห่งนี้จะมีคนอยู่อาศัยน้อย ย่อมมีผู้ที่ไม่กลัวความตายมาเสี่ยงอันตราย พวกเขาล้วนเป็นคนจากเผ่าอื่น ดังนั้นที่นี่จึงมีสัมภเวสีผีเร่ร่อนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
และฉินหลิวซียังค้นพบว่าดูเหมือนว่าที่นี่จะมีม่านอาคมป้องกันไม่ให้วิญญาณผีที่อยู่ที่นี่ออกไปได้ จึงไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้
ที่นี่ราวกับเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครสนใจ ยมโลกก็ไม่ได้สนใจที่นี่
เฮยอู๋ฉังเอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “ทะเลทรายแห่งนี้ค่อนข้างแปลกเล็กน้อย ท่านต้องระวังหน่อย แม้แต่ทางด้านพวกเราก็ไม่สามารถเข้าแทรกแซงที่นี่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการดูแล หากท่านได้แมงป่องทองอะไรนั่นแล้ว ถ้าท่านยินดีก็ส่งวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านั้นออกไปด้วยเถิด นี่คือสิ่งที่ข้ารับปากพวกเขาไว้”
“แม้แต่พวกท่านก็ยังจัดการไม่ได้ เช่นนั้นท่านสามารถควบคุมผีที่นี่ได้หรือ” ฉินหลิวซีอยากรู้เล็กน้อย
เฮยอู๋ฉังเกาจมูก “เดินผ่านไปเฉยๆ ย่อมได้ ข้าเพียงแอบมา ได้ยินมาว่าที่นี่ถูกควบคุมโดยปีศาจเฒ่าเฮยซา หลายพันปีมานี้ ที่นี่กับยมโลกเป็นเหมือนน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง”
“ใครนะ ปีศาจเฒ่าเฮยซานหรือ”
ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ ไปเคยได้ยินมาจากที่ไหน
ดูเหมือนว่าจะมีเทพเจ้าหนิงอะไรสักอย่างด้วย
“เฮยซา ออกเสียงว่าซา ไม่ใช่ซาน” เฮยอู๋ฉังกล่าวพลางชี้ไปที่ทราย[1] คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “หากท่านได้พบก็หลีกเลี่ยงจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้กับปีศาจป่าเถื่อนตนนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมันโจมตี”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา “ทำไมข้าฟังดูเหมือนคำพูดนี้มีความหมายขัดแย้งเล็กน้อย ความจริงแล้วในใจท่านกำลังบอกว่าหากได้พบปีศาจเฒ่าตนนั้น ไม่ต้องกลัว ให้จัดการมัน!”
กล่าวง่ายๆ ก็คือ ‘เจ้ากำลังยุยงให้ข้ารนหาที่ตาย!’
เฮยอู๋ฉังหลบสายตา มองไปที่ไกลๆ แล้วจึงเอ่ย “ท่านคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ได้เป็นผีเช่นนั้น”
หึ
เมื่อเฮยอู๋ฉังเห็นผีหลายตนที่ตัวเองเรียกมาถึงแล้วจึงไม่ได้อยู่ต่อ หายตัวไปในทันที
ฉินหลิวซีมองดูผีหลายตนที่อยู่ตรงหน้า มีทั้งชายและหญิง สวมชุดโบราณต่างเผ่า ถักผมเปีย เมื่อเห็นนางก็คำนับอย่างงุ่มง่าม
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี รังของแมงป่องทองตัวนั้นอยู่ที่ไหน นำทางไปเถิด”
ผีเฒ่าร่างผอมบางตนหนึ่งเอามือทาบอกโค้งคำนับเล็กน้อย เอ่ยเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านปรมาจารย์ พวกเราได้ค้นพบรังของมันแล้ว แต่ที่นั่นอันตรายเป็นอย่างมาก หากแมงป่องทองตัวนั้นไม่ได้จำเป็น ท่านก็อย่าไปเสี่ยงเลย”
“ใช่แล้ว ที่นั่นใกล้กับอาณาเขตของนายท่านเฮยซา หากเขาสังเกตเห็นว่าท่านบุกรุกเข้ามา เขาจะโกรธมาก” สตรีผู้หนึ่งกล่าวด้วยความหวาดกลัว
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าต้องการแมงป่องทองนี้ไปช่วยคน ดังนั้นข้าต้องไป”
“ใครกันที่คู่ควรให้ท่านต้องเสี่ยงเช่นนี้”
ฉินหลิวซีฉีกยิ้ม “ช่วยเขาหนึ่งคนสามารถช่วยราษฎรได้อีกหลายหมื่นคน เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”
ผีหลายตนมองหน้ากัน ดูเหมือนจะเป็นคนที่สำคัญมาก
“ในเมื่อนายท่านตั้งใจจะบุกเข้าไป เช่นนั้นก็ตามข้าน้อยมาเถิด” ผีเฒ่าร่างผอมเป็นผู้นำลอยไปข้างหน้า
ฉินหลิวซีตามไป ให้ผีอีกสองตนเล่าให้นางฟังถึงอันตรายของทะเลทรายสีดำแห่งนี้ว่ามีสมุนไพรหรือสมบัติล้ำค่าอะไรบ้าง ในเมื่อหาโอกาสมาได้ยาก หากเอามาได้ก็เอามาสักหน่อย โจรต้องไม่กลับมือเปล่าจึงจะดี
“หากเอ่ยถึงสถานที่ที่มีสมบัติล้ำค่ามากที่สุดก็ต้องเป็นเขตแดนของปีศาจเฒ่า ของดีทุกอย่างถูกย้ายไปอยู่ที่เขาหมดแล้ว” ผีสาวเลียน้ำลายไหลที่มุมปาก จากนั้นจึงเอ่ยต่อ “แต่หากอยากได้ของดีจากเขานั้นกลับไม่ง่ายเลย สามารถเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ นายท่าน…”
นางเหลือบมองร่างเล็กๆ ของฉินหลิวซี คิดในใจว่านี่ไม่พอให้หนึ่งฝ่ามือปีศาจเฒ่าตบตายด้วยซ้ำ
“ใช้กำลังไม่ได้ ข้าก็ใช้สมองแทนไงเจ้าโง่ เจ้าลองบอกมาเถิดว่าปีศาจเฒ่าผู้นั้นชอบสิ่งใดบ้าง” ฉินหลิวซีถามด้วยความสนใจ
ในเมื่อมีสมบัติล้ำค่าจริงๆ เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องบุกเข้าไป
ปีศาจเฒ่าเฮยซากลิ้งออกมาจากแหล่งน้ำกลางทะเลทราย อุทานด้วยความสงสัย มองไปยังทิศทางหนึ่ง มีคนมาแล้ว ซ้ำยังเป็นคนที่มีกลิ่นหอมมาก
[1] ทราย ในภาษาจีนออกเสียงว่า ‘ซา’ เฮยอู๋ฉังจึงชี้ไปเพื่อบอกฉินหลิวซีว่าคือ ‘ซา’ ที่แปลว่าทรายตัวนี้