คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 686 ได้แมงป่องทอง ขุดรังเก่าปีศาจเฒ่า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 686 ได้แมงป่องทอง ขุดรังเก่าปีศาจเฒ่า

ที่ทะเลทรายดำถูกเรียกว่าทะเลทรายแห่งความตายนั้นมีเหตุผลของมันอยู่จริงๆ ฉินหลิวซีที่เดินอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาสองชั่วยาม ได้พบสิ่งมีชีวิตที่มีพิษมานับไม่ถ้วน ซ้ำยังเจอทรายดูดเล็กใหญ่ห้าครั้ง สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดก็คือตำแหน่งของทรายดูดนั้นไม่เป็นหลักแหล่ง ทำให้ไม่สามารถป้องกันได้ แต่เนื่องจากฉินหลิวซีระมัดระวังเป็นอย่างมาก และมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม จึงไม่ถึงขั้นติดอยู่ในทรายดูดจนขยับไม่ได้

อย่างไรก็ตาม อันตรายมักมาพร้อมกับโอกาส นางก็ได้พบร่องรอยของสัตว์มีพิษที่หาได้ยากจากภายนอกอยู่ไม่น้อย ซ้ำยังมีสมุนไพรบางชนิดอีกด้วย

ใช่แล้ว ทะเลทรายดำถูกเรียกว่าทะเลทราย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหญ้าเลย แม้ว่าจะไม่หนาแน่นเท่ากับพืชพรรณที่อยู่นอกทะเลทราย แต่มีสิ่งที่หายากมากกว่า

ไม่แปลกเลยที่จะมีคนตายจำนวนมาก นอกจากบางคนที่หลงเข้ามาอย่างไม่มีทางเลือกแล้ว ก็ยังมีคนที่รู้ว่าที่นี่มีของดีจึงยอมเสี่ยงเข้ามา อย่างไรเสียก็มีเพียงคนที่กล้าเสี่ยงเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างความมั่งคั่งได้

อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องการแสวงหาความร่ำรวย แต่ก็ผ่านพ้นความโหดร้ายของทะเลทรายดำไม่ได้

“นายท่าน ถึงแล้วขอรับ” ผีทั้งสามพาฉินหลิวซีไปยังส่วนลึกของทะเลทราย ชี้ไปยังเนินทรายที่มีกอพืชสีแดงแปลกๆ พลางเอ่ยว่า “นั่นก็คือรังของแมงป่องทอง แต่ท่านต้องระวังต้นไม้ต้นนั้นด้วย มันกินคน”

ฉินหลิวซีมองไปยังต้นไม้ต้นนั้น เอ่ย “พวกเจ้าตายกันหมดแล้ว เหตุใดจึงรู้ว่ามันกินคน”

“ข้าเห็นงูทรายแดงตัวหนึ่งเลื้อยเข้าไป ก็ถูกมันทิ่มแทงร่างงู มิเช่นนั้นท่านว่าเหตุใดต้นไม้จึงได้เป็นสีแดงเช่นนี้ นั่นล้วนเป็นเลือดของสิ่งมีชีวิตที่ถูกรดลงไป” ผีสาวสีหน้าซีดเผือด หวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ฉินหลิวซีประหลาดใจ มองไปยังรากของต้นไม้ เห็นกระดูกกองกันอยู่จริงๆ ด้วย บางส่วนผุกร่อน ในขณะที่บางส่วนยังคงสดใหม่มาก

โลกนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณอย่างรุนแรง แต่กลับมีพืชพรรณที่น่ากลัวเช่นนี้ ซ้ำยังมีม่านอาคมของทะเลทรายดำนี้ด้วย เหตุใดจึงประหลาดเช่นนี้

นี่มันสถานที่อะไรกัน

ฉินหลิวซีหรี่ตาลง ทิ้งคำถามไว้ข้างหลัง มองดูต้นไม้กินคนนั่น แต่กลับไม่เห็นถ้ำ ดูเหมือนว่าแมงป่องทองจะขุดถ้ำไว้ใต้ต้นไม้นี้ ไม่แน่ในขณะที่ต้นไม้นี้กินสิ่งมีชีวิตและดื่มเลือด พวกมันก็ดูดเลือดบางส่วนด้วย จึงได้มีพิษร้ายแรงเช่นนี้

นางตั้งสติ นั่งลงบนพื้น หยิบชาดแดง พู่กันลงอาคม และกระดาษเหลืองออกมา เริ่มวาดยันต์

ทะเลทรายดำนั้นแปลกประหลาด นางย่อมไม่กล้าประมาท ต้นไม้กินคนต้นนั้น นางก็ไม่อยากไปเป็นทาสเลือดหล่อเลี้ยงมัน ดังนั้นจึงต้องใช้สมองในการจับแมงป่องทองนี้

ผีหลายตนลอยอยู่เหนือนาง อยากรู้เป็นอย่างมากว่าที่นางบอกว่าใช้สมองจะเป็นวิธีอะไร

แต่สิ่งที่เห็นคือยันต์อักขระ เป็นยันต์ที่ซับซ้อนมากจริงๆ ดูไม่ออก เพียงแต่รู้สึกว่ายันต์อักขระนั้นศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ราวกับกำลังดึงพวกเขาทั้งหมดเข้าไปด้วย

สิ่งที่ฉินหลิวซีวาดคือยันต์กักขัง นางจะใช้ยันต์เหล่านี้และหินหยกในมือวางค่ายอาคมตาข่ายเทียนหลัวที่แข็งแกร่งกว่าเดิม จากนั้นก็ล่อแมงป่องทองออกมาแล้วรวบตัวมัน

ทันที่นางวาดยันต์เสร็จ ก็เริ่มวางค่ายอาคมล้อมรอบต้นไม้กินคน ใช้หินหยกเป็นฐาน ใช้ยันต์ยึดค่ายอาคม ฝังยันต์ลงไป จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างร่ายคาถา กระทืบเท้า “ท้องนภากลมปฐพีดินเหลี่ยม คำสั่งบทที่เก้า ตาข่ายเทียนหลัว ไม่มีสิ่งใดหนีรอดได้ ข้าขอให้ผู้เป็นเจ้าออกคำสั่งโดยพลัน เริ่ม!”

เวิงงง

พลังงานที่มองไม่เห็นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

เมื่อค่ายอาคมทำงาน ฉินหลิวซีก็ฉีกกระดาษรูปคน จากนั้นจึงร่ายคาถาลงบนตัวมัน วางเข้าไปในค่ายอาคม “ไป เอาพวกแมงป่องทองออกมาดูโลก”

ตุ๊กตากระดาษน้อยยืนขึ้นอย่างทุลักทะเล พยักหน้าให้ฉินหลิวซี จากนั้นก็ไปที่เนินทรายนั่น

บรรดาผี “…”

ทำเช่นนี้ก็ได้หรือ ไม่แปลกใจเลยที่นางยืนกรานที่จะเข้ามาโดยไม่กลัวตาย

ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว

หมายความว่าพวกเขามีโอกาสที่จะออกจากที่นี่แล้วไปเกิดใหม่ได้จริงๆ หรือ

ผีสามตนมองไปยังฉินหลิวซีด้วยสายตากระตือรือร้น

ตุ๊กตากระดาษน้อยมาถึงบนเนินทรายอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนมันจะเอียงศีรษะคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นอนลงบนเนินทรายแล้วเริ่มขุดทราย

ไม่นานมันก็ขุดเนินทรายจนเป็นหลุม แล้วมันก็ลงไปในหลุม ทันใดนั้นร่างกระดาษก็ลุกเป็นไฟ

ซู่ๆ

ในไม่ช้าในถ้ำก็มีการเคลื่อนไหว ราวกับมีอะไรบางอย่างกระโดดออกมาอย่างรวดเร็ว

ฉินหลิวซีจ้องมองไปที่เนินทรายนั้นโดยไม่กะพริบตา เป็นไปตามคาด มีแมงป่องทองหลายตัวโผล่ออกมาจากใต้เนินทราย เดินออกไปรอบๆ แต่เนื่องจากถูกค่ายอาคมกักขังจึงออกไปไม่ได้ อดลนลานไม่ได้ วิ่งไปมาอยู่กับที่ ซ้ำยังพ่นพิษออกมา

ฟู่ๆ

น้ำพิษตกลงบนทราย มีฤทธิ์กัดกร่อนอยู่บ้าง

ฉินหลิวซีเห็นดังนั้นก็สีหน้าเคร่งขรึม

พิษของแมงป่องทองเป็นเช่นนี้แล้วเฉวียนจิ่งจะรอดได้อย่างไร

ฉินหลิวซีโยนยันต์ไปที่แมงป่องทองหลายตัว เมื่อยันต์เผาไหม้ การเคลื่อนไหวของแมงป่องทองก็ถูกควบคุมในทันที ช้าลงกว่าเดิมมาก

จากนั้นนางก็หยิบกล่องหยกออกมา เอาตะเกียบเงินออกมาหนึ่งคู่ หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกแมงป่องทองต่อย เมื่อคิดได้ดังนั้น ดูเหมือนมือได้ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟร้อนระอุ สรรพสิ่งไม่กล้าเข้าใกล้

เมื่อผีสามตนนั้นเห็นเปลวไฟ ดวงวิญญาณของพวกเขาก็สั่นเทาและอ่อนแอลง อดลอยออกไปไกลอีกเล็กน้อยไม่ได้

น่ากลัวมาก วิญญาณเหมือนกำลังถูกแผดเผา

แมงป่องทองก็ไม่กล้าขยับตัว ตัวสั่นเทา

ฉินหลิวซีใช้ตะเกียบคีบพวกมันใส่ลงไปในกล่องหยกอย่างราบรื่น ก่อนจะปิดฝา แล้วใส่ไว้ในถุงผ้าที่แบกอยู่ข้างหลัง

ได้แล้ว

นางเก็บตะเกียบอย่างพึงพอใจ หันกลับไปมองค่ายอาคมกักขัง แล้วเหลือบมองดูถ้ำ ไม่ได้สนใจแมงป่องทองตัวน้อยที่ยังไม่ได้หนีออกมา มีสี่ตัวก็เพียงพอแล้ว

จากนั้นฉินหลิวซีก็มองไปยังผีเหล่านั้น “อาณาเขตของปีศาจเฒ่าตนนั้นอยู่ไหน”

“นายท่าน ท่านได้แมงป่องทองไปแล้ว จะยังไปอยู่อีกหรือ” ผีทั้งสามตนเกลี้ยกล่อมด้วยความสั่นเทา “พวกเราหาทางกลับจวนดีหรือไม่ ปีศาจเฒ่าเฮยซาตนนั้นเก่งกาจมาก”

ฉินหลิวซีกระแอม เอ่ย “ไหนๆ ก็มาแล้ว ในเมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านเขาแล้ว จะเดินผ่านไม่เข้าไปได้อย่างไร นี่มันเสียมารยาท อย่างไรก็ต้องไปเยี่ยมสักหน่อย”

ผีสามตน “?”

หากเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ พวกเรารู้สึกว่าท่านกำลังจะไปสร้างปัญหามากกว่า

“รีบนำทางเร็ว ฟ้าใกล้มืดแล้ว ข้าหิวแล้ว” ฉินหลิวซีมองดูผีทั้งสามด้วยความรังเกียจ

ผีสามตนมองหน้ากัน ลอยไปข้างหน้าอย่างน่าสังเวช วันนี้เกรงว่าคงจะต้องจบเห่อยู่ที่อาณาเขตของปีศาจเฒ่าแล้วกระมัง

ฉินหลิวซีตามไป ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน นางได้มาถึงแหล่งน้ำกลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง และสิ่งที่ทำให้ดวงตาของนางเปล่งประกายก็คือนางได้เห็นผลหลิงกั่วในตำนานชนิดหนึ่ง

ผลหลิงกั่วที่ขาดไม่ได้สำหรับยาสร้างรากฐานก็คือผลเต้ากั่วสีม่วง

เวลาต้องการหา เดินหาจนรองเท้าพังก็หาไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าต่อมาไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อยกลับหาพบ

ทะเลทรายดำแห่งนี้เป็นดินแดนแห่งสมบัติอย่างแท้จริง สร้างความประหลาดใจให้แก่นางเป็นอย่างมาก

ผีทั้งสามมองดูฉินหลิวซีมุ่งหน้าไปยังใจกลางทะเลทรายอย่างร่าเริง ผีชายในหมู่พวกเขากล่าวด้วยสีหน้าซีด “จบแล้ว นางไม่ได้มาสร้างปัญหา นางมาเพื่อขุดรังของปีศาจเฒ่า!”

“พวกเราหนีกันเถิด ออกจากทะเลทรายแห่งนี้ไม่ได้ก็ดีกว่าถูกปีศาจเฒ่าฉีกเป็นชิ้นๆ”

ขณะที่ผีชายกำลังจะเอ่ย ทันใดนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป “แย่แล้ว ปีศาจเฒ่ามาแล้ว”

“นายท่าน รีบกลับมา หนีไปเร็ว”

ฉินหลิวซีไม่กลับไปเป็นอันขาด ผลเต้ากั่วสีม่วง ใครมาแย่งนาง นางจะจัดการคนผู้นั้น!

นางมาที่ใจกลางทะเลทราย จ้องมองไปยังผลเต้ากั่วสีม่วงที่มีแสงตกกระทบในยามพระอาทิตย์ตก ดวงตาของนางถูกย้อมด้วยแสงสีทอง ยื่นมือไปข้างหน้า

สิ่งนี้มีวาสนากับนาง เป็นของนางแล้ว

“สารเลว หัวขโมยที่ไหนกล้ามาขโมยผลเต้ากั่วสีม่วงของข้า อยากตายหรือ!” น้ำสายหนึ่งพุ่งไปยังมือของฉินหลิวซีราวกับงูฉก ไม่ต่างไปจากใบมีดน้ำแข็งที่คมกริบ

ฉินหลิวซีดึงมือกลับแล้วหันไปมองด้วยสายตาเกรี้ยวกราด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท