ก่อนหน้านี้แค่เจียหนานกับถานอู่สองคนก็ทำให้รู้สึกสิ้นหวังแล้ว
แต่ตอนนี้ระดับนิรันดร์เจ็ดคนผนึกกำลังกันมา กระบวนรบเช่นนั้นทำให้พวกเสวียนเฟยหลิงราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง รู้สึกหนาวสะท้านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่… จะต้านทานอย่างไรได้อีก
“มหาเคราะห์เช่นนี้ไม่แม้แต่เคยได้ยิน มหามรรคเช่นนี้ก็ไม่เคยพบเห็น เจ้าหลินสวินนี่ควรค่าให้พวกเราลงมือด้วยกันจริงๆ”
ชายชราชุดม่วงท่าทางเชื่องช้าหน้าตาใจดีคนหนึ่งเอ่ยปาก เพิ่งปรากฏตัวนัยน์ตาเขาก็ทอดมองส่วนลึกของเวิ้งฟ้า
เหวินไท่หลิน!
มาจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเหวิน
“กลัวแต่ว่าเขาจะไม่อาจรอดชีวิตจากมหาเคราะห์นี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราคงมาเสียเที่ยว”
อีกด้านหนึ่งชายชุดคลุมดำรูปงามสง่าปานชายหนุ่มเอ่ยปาก เสียงดุจระฆังอรุณกลองสายัณห์ดังก้องกลางฟ้าดิน
เย่ซาง!
จอมกระบี่แห่งยุคผู้ก้าวสู่มหามรรคนิรันดร์ของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเย่
“เสียเที่ยว? ไม่แน่เสมอไป ลัทธิแรกกำเนิดอยู่ใกล้แค่เอื้อม ในเมื่อมาแล้วทำไมไม่ถือโอกาสถล่มที่นั่นเล่า”
อู่จั๋วเทียนที่มาจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลอู่เอ่ยปาก เสียงเยียบเย็นดุจคมดาบ
เขาเหยียบเมฆมงคลสีชาด ร่างสูงโปร่ง ผมยาวสีเลือดลุกโชนดุจเปลวเพลิง กลิ่นอายมหามรรคที่ไหลวนทั่วร่างเหมือนแสงเพลิงเป็นระลอก เปล่งประกายเจิดจรัส
“คำพูดนี้ของสหายยุทธ์ตรงใจข้านัก หลายปีนี้หากไม่มีลัทธิแรกกำเนิดปกป้องเจ้าเดรัจฉานหลินสวินนี่ เขามีหรือจะเติบโตเช่นวันนี้ อย่าลืมสิ เหล่าขุมอำนาจแห่งน่านฟ้าที่แปดนั้นล้วนถูกเจ้าหลินสวินนี่ทำลาย”
เสียงของหยางจิ่วฉีที่มาจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางราบเรียบ นัยน์ตาเจือไอสังหารโดยไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย
เขาสวมเกราะเงิน ร่างกำยำราวกับเทพสงครามผู้ยืนอยู่บนทางนิรันดร์ อานุภาพดุดันถึงขีดสุด
“รอดูเถอะ หมอนี่ติดอยู่ในส่วนลึกของเคราะห์สวรรค์แล้ว เป็นหรือตายไม่นานก็เห็นผลแจ่มแจ้ง”
“ไม่ผิด”
“สหายยุทธ์แห่งลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานทั้งสองปิดล้อมน่านน้ำแถบนี้แล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เจ้าหลินสวินนี่ข้ามด่านเคราะห์สำเร็จก็เป็นหมูในอวย”
จี้ตงหยาจากตระกูลจี้ สิงเทียนเฮ่าจากตระกูลสิงเทียน จื่อเชอป๋อเถิงจากตระกูลจื่อเชอพากันกล่าว
จี้ตงหยาสวมชุดแขนกว้างคาดเข็มขัดใหญ่ เครายาวพลิ้วไหว มือถือคทาหยกสมปรารถนาสีม่วง สายตาที่มองส่วนลึกของเวิ้งฟ้านั้นเจือแววชอบกลเสี้ยวหนึ่งรางๆ
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลจี้ เขามีหรือจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในแดนมารสิบทิศเมื่อปีนั้น
ปีนั้นจี้ซานไห่ยอมสละระเบียบระดับเทพที่เพิ่งก่อเกิดในแดนมารสิบทิศให้หลินสวินอย่างง่ายดาย เรื่องนี้ทำให้ทั้งตระกูลจี้เดือดดาลนานแล้ว
“สหายยุทธ์ทุกท่านโปรดมาดูทางนี้”
เจียหนานกล่าวเชิญแต่ไกล ดอกบัวซึ่งเพลิงธรรมลุกโชนนับไม่ถ้วนที่ปิดล้อมรอบน่านน้ำเปิดช่องทางหนึ่งทันที
ขณะเดียวกันถานอู่ก็เก็บม่านแสงสีดำหนึ่งในนั้นที่มีนัยเร้นลับกฎระเบียบอสนีส่องประกายไป
ระดับนิรันดร์เจ็ดคนจากน่านฟ้าที่เก้าสบตากันวูบหนึ่ง ล้วนทยอยมุ่งหน้าไปรวมตัวกับเจียหนานและถานอู่
ระดับนิรันดร์เก้าคนเป็นกระบวนรบอยู่ที่นี่ สถานการณ์ทั้งหมดพาให้คนรู้สึกพังทลาย
ต่อให้พวกเสวียนเฟยหลิงมีปัญญาล้ำเลิศ แต่ต่อหน้าพลังแท้จริงเช่นนี้ก็ยังรู้สึกสิ้นหวังอยู่ลึกๆ รวมถึงรู้สึกอึดอัดด้วย!
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าภายใต้ภัยคุกคามจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนี้ ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเจ็ดตระกูลถึงกับกล้าส่งระดับนิรันดร์มาเหมือนเดิม
ยิ่งไม่คิดว่าเพียงเพราะเรื่องหลินสวินข้ามด่านเคราะห์จะทำให้เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้!
ทุกอย่างนี้ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ทันตั้งตัวและจนปัญญา
หากเทียบดูจะพบว่า ครั้งก่อนกำลังพลซึ่งน่านฟ้าที่เก้าส่งมาคือระดับนิรันดร์ของเผ่าเทพนิรันดร์ห้าตระกูล อย่างตระกูลหยวน ตระกูลเจวี๋ย ตระกูลชาง ตระกูลไท่เฮ่า ตระกูลผานอู่
แต่กำลังพลที่ปรากฏตัวตอนนี้กลับเป็นระดับนิรันดร์จากเผ่าเทพนิรันดร์อีกเจ็ดตระกูล
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป้าหมายที่เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลนี้อยากจัดการ กระทั่งมาปรากฏตัวหน้าประตูทางเข้าลัทธิแรกกำเนิดทั้งสองครั้งล้วนเหมือนกัน…
หลินสวิน!
…
ตูม…
อาณาเขตซึ่งเหมือนแดนต้องห้ามในส่วนลึกของเวิ้งฟ้า พลังมหาเคราะห์นิรันดร์ดุจวันสิ้นโลกรวมตัวม้วนซัดที่นี่ เปล่งแสงซึ่งทำให้ผู้คนใจสั่น
เปรี้ยง!
หลินสวินเพิ่งมาถึง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่คุ้มครองรอบตัวก็แตกระเบิดดังสนั่นเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วน
เคราะห์ดีที่ก่อนหน้านี้หลินสวินเก็บสมบัติทั้งหมดในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งแล้ว มิฉะนั้นแค่การโจมตีนี้ก็ทำลายสมบัติทั้งหมดได้
ยามเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถูกทำลาย หลินสวินถูกโจมตีเหมือนมลายล้างเช่นกัน ร่างกายที่เพิ่งนิพพานเกิดใหม่ระเบิดออกในพริบตา
แต่ก่อนที่พลังจิตของเขาจะถูกทำลาย ได้หลอมรวมกฎเกณฑ์อมตะทั่วร่างเป็นเตาหลอมใบหนึ่ง ถึงกับยืนหยัดในการสังหารเช่นนี้ได้
วู้ม…
พลังจิตของเขาบาดเจ็บสาหัสเกือบเลื่อนลอย แต่หลินสวินกลับไม่รับรู้อะไร ความคิดทั้งหมดล้วนรวมอยู่ในกฎเกณฑ์อมตะ สำแดงมรรควิถีทุกอย่างออกมาจนหมด
ตูม…
แสงเคราะห์ม้วนซัดสร้างคลื่นทำลายล้างหมื่นชั้น โจมตีพลังจิตที่เหมือนเตาหลอมอย่างต่อเนื่อง การโจมตีแต่ละครั้งล้วนน่าหวาดกลัวเช่นนั้น ทำให้เขาเหมือนฟางข้าวกลางคลื่นซัดสาดจริงๆ
แต่เรื่องเหนือความคาดหมายคือทุกครั้งที่พลังจิตของเขาใกล้พังทลายซ่านเซ็น ย่อมได้รับการควบรวมและเกิดใหม่ทั้งหมด
ทั้งสภาวการณ์เช่นนี้ยังดำเนินสืบเนื่องในเวลาต่อมา
น่าเหลือเชื่อนัก ราวกับนิพพานเกิดใหม่กลางความพินาศร้อยพันครั้ง สำแดงวัฏจักรเป็นตาย การผลัดเปลี่ยนของความพินาศและเกิดใหม่ หมุนเวียนเป็นวัฏจักร โคจรตามลำดับ…
ก็ไม่รู้ว่าผ่านการพังทลายมานานเท่าไร ทั้งไม่รู้ว่านิพพานและเกิดใหม่แล้วกี่ครั้ง
ในสถานการณ์อันตรายหาใดเปรียบเช่นนี้ พลังจิตของหลินสวินเริ่มเปลี่ยนเป็นส่องประกายและมั่นคง เหมือนโครงกระบี่หลังผ่านพันค้อนร้อยหลอม ทิ้งความซับซ้อนเก็บไว้ซึ่งแก่น ขัดเกลาเนื้อแท้ที่มั่นคงดั่งกระบี่บริสุทธิ์ดุจหยกออกมา
นานเข้าเมื่อแสงเคราะห์ชวนประหวั่นมากมายซึ่งทำให้ระดับนิรันดร์รู้สึกใจสั่นสะท้านโจมตีเข้ามา ก็ไม่อาจสั่นคลอนพลังจิตของหลินสวินได้อีก
เขาเป็นดั่งเตาหลอม ตั้งตระหง่านไม่ขยับ ส่องแสงเปล่งประกาย กฎเกณฑ์อมตะเปลี่ยนไปถึงขั้นเป็นประวัติการณ์นานแล้ว
หรือพูดว่ากฎเกณฑ์อมตะของเขาไม่อาจใช้คำว่า ‘อมตะ’ มาบรรยายได้อีก แต่เป็นความหนักแน่นซึ่งเป็นหนึ่งนับแต่โบราณ ไม่ไหวติงชั่วนิรันดร์
เวลานี้พลังจิตของหลินสวินการเปลี่ยนแปลงเงียบๆ จากเตาหลอมกลายเป็นเหวลึก
จากป้องกันเป็นจู่โจม!
ตูม!
กฎเกณฑ์อมตะพลุ่งพล่านไร้ขอบเขตแผ่กระจายราวเหวลึกกลืนกิน แสงเคราะห์โหมกระหน่ำล้วนถูกชักนำมารวมตัวอยู่ข้างพลังจิตของหลินสวิน
จากนั้นกายมรรคของเขาเริ่มก่อตัวและเกิดใหม่กลางแสงเคราะห์ ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ผิวเนื้อเอ็นกระดูก อวัยวะตันห้ากลวงหก เส้นลมปราณจุดชีพจร… ล้วนรวมตัวกันทีละน้อย
ทว่าไม่เหมือนก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงแล้ว ต่อให้กายมรรคสูงโปร่งทรงพลังของเขาอยู่ในการโจมตีของกระแสแสงเคราะห์เชี่ยวกรากก็ไม่อาจถูกสั่นคลอนอีก
ผ่านแสงเคราะห์ไม่ทลายชั่วกาล กายมรรคคงอยู่ตราบนิรันดร์!
ทุกอณูบนผิวหนังหลินสวินเปล่งประกาย ปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์มหามรรคลี้ลับยากหยั่งถึง กฎเกณฑ์อมตะและกลิ่นอายมหามรรคทั้งตัวนั้นล้วนเปล่งเสียงท่วงทำนองกฎระเบียบมหามรรค
นั่นคืออานุภาพของระดับนิรันดร์!
เมื่อก้าวเข้าสู่นิรันดร์ กฎเกณฑ์ที่ตนครอบครองก็คือนัยเร้นลับของกฎระเบียบมหามรรค!
‘โอม!’
หลินสวินขับเคลื่อนความคิด พลังของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ถูกถล่มจนกลายเป็นฝุ่นผงนับไม่ถ้วนนานแล้วนั้นถูกชักนำมา เริ่มรวมตัวกันกลางแสงเคราะห์โหมกระหน่ำ
ซัดทลายและรวมตัวผ่านมหาเคราะห์ ยามนี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งนิพพานและเกิดใหม่อีกครั้งเช่นกัน!
ระหว่างนี้หลินสวินโยนเจตวัตถุนิรันดร์มากมายเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่กำลังเปลี่ยนแปลง
เจตวัตถุนิรันดร์พวกนี้ล้วนเป็นยอดสมบัติที่เขาหลอมตอนอยู่ในแดนฝังมรรคของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ วิวัฒน์จากศาสตรามรรคนิรันดร์ที่ร่วงหล่น เหนือกว่าเจตวัตถุทั่วไปมาก เรียกได้ว่าเป็นโครงอาวุธนิรันดร์!
แต่ตอนนี้ล้วนถูกหลินสวินนำมาสร้างเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งขึ้นใหม่!
โครม… ครืน…
แสงเคราะห์พลุ่งพล่านปั่นป่วน แต่การกระหน่ำโจมตีราวทำลายล้างนั้นไม่ยากเกินมือหลินสวินแล้ว กลับถูกกายมรรคของหลินสวินกลืนกินและหล่อหลอมต่อเนื่อง ซึมซาบเข้าสู่กฎเกณฑ์มหามรรคทั้งตัวเขา
ขณะเดียวกันหลินสวินนำศิลาโลหิตนิรันดร์ ผลึกจิตนิรันดร์ หินมรรคนิรันดร์ กฎเกณฑ์นิรันดร์… ออกมาทั้งหมดแล้วเริ่มทำการหล่อหลอม
ศิลาโลหิตนิรันดร์หลอมจากเลือดวิญญาณของระดับนิรันดร์ เคี่ยวกรำกายมรรคนิรันดร์ได้ ผลึกจิตนิรันดร์มีความอัศจรรย์น่าเหลือเชื่อในการขัดเกลารูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์
หินมรรคนิรันดร์คือสิ่งที่วิวัฒน์จากพลังปราณของระดับนิรันดร์ พลังที่สะสมอยู่ภายในพลุ่งพล่านและแข็งแกร่งหาใดเปรียบ การหลอมหินมรรคนิรันดร์ก้อนหนึ่งก็เท่ากับดูดกลืนพลังปราณของระดับนิรันดร์คนหนึ่ง แม้ว่าไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็พอใช้ไม่หมดสิ้น
ส่วนกฎเกณฑ์นิรันดร์แน่นอนว่าล้ำค่ายิ่งกว่า เทียบได้กับพลังระเบียบระดับเทพหกชนิดที่บกพร่อง
ตอนนั้นหลังจากหลินสวินได้มาและแบ่งให้ศิษย์พี่สี่แล้วก็เหลืออยู่สิบสาย สี่สายหลอมไปยามอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันในมือยังมีอีกหกสาย
ตอนนี้สมบัติล้ำค่าหายากซึ่งในน่านฟ้าที่เก้ายังไม่อาจพบเห็นพวกนี้ล้วนถูกหลินสวินนำมาขัดเกลาตนเองจนหมด!
ซ้ำทุกอย่างนี้ยังเกิดขึ้นในมหาเคราะห์ชวนประหวั่นที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังนั่นด้วย
หากภาพนี้ถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับนิรันดร์พวกนั้นสังเกตเห็น เกรงว่าคงตกใจจนกรามค้างแน่
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันใครเคยเจอมหาเคราะห์นิรันดร์ที่น่ากลัวเช่นนี้บ้าง และใครกล้าจินตนาการว่ามีคนกล้าฝึกปราณในแดนต้องห้ามของมหาเคราะห์เช่นนี้
ทั้งข้ามด่านเคราะห์ทั้งใช้มหาเคราะห์เปลี่ยนแปลงตัวเอง นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
เวลาล่วงเลยไป
มหาเคราะห์นิรันดร์นี้เปลี่ยนเป็นน่ากลัวและแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ ทว่ามรรควิถีของหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่ามหาเคราะห์นิรันดร์จะกระหน่ำโจมตีอย่างไรล้วนไม่อาจสั่นคลอนเขาได้อีก กลับทำให้เขาได้รับการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งในการข้ามด่านเคราะห์
แม้แต่หลินสวินก็ผิดคาดเรื่องระยะเวลาความต่อเนื่องและความน่ากลัวของอานุภาพที่มหาเคราะห์นี้มีอยู่บ้าง
แต่สำหรับเขาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องร้ายอะไรแล้ว
เขาสัมผัสได้ว่าพลังปราณของตนก้าวกระโดดอย่างเป็นรูปธรรมนานแล้ว กฎเกณฑ์มหามรรคของตนก็กำลังเปลี่ยนแปลงและยกระดับอย่างรวดเร็ว…
แม้แต่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อนจากการสร้างขึ้นใหม่!
“ผ่านมาหนึ่งชั่วยามแล้ว ทำไมยังไม่สิ้นสุดอีก”
เหล่าระดับนิรันดร์อย่างเจียหนาน ถานอู่ เหวินไท่หลินล้วนอดมุ่นคิ้วไม่ได้ ในใจเผยความร้อนรนเสี้ยวหนึ่ง
พวกเขาเฝ้ารอและสังเกตการณ์มาตลอด
แต่แสงเคราะห์เชี่ยวกรากในส่วนลึกของเคราะห์สวรรค์นั้นไม่เพียงไม่สิ้นสุด กลับเปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ นานเข้าก็ยิ่งแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัว
นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้ว่าหลินสวินยังไม่ถูกสังหารอย่างแท้จริง มิฉะนั้นมหาเคราะห์ครานี้น่าจะสิ้นสุดไปนานแล้ว!
“มหาเคราะห์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้ หากเจ้าหมอนี่ก้าวข้ามไปได้จริง เขาจะมีอานุภาพชวนประหวั่นในระดับนิรันดร์เพียงใด”
พวกเจียหนานสบตากันวูบหนึ่ง หว่างคิ้วล้วนเจือความตื่นตระหนก
“ไม่อาจรออีกต่อไปแล้ว เวลานี้แม้จะทำอะไรหลินสวินไม่ได้ แต่พวกเราก็ไม่อาจมองดูอยู่เฉยๆ เช่นนี้”
ถานอู่พูดพลางมองไปยังทางเข้าแดนแรกเริ่มที่อยู่ห่างไกล