ตอนที่ 3016 ไพ่ตายสุดท้าย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ยามเห็นเงาร่างหลินสวิน ได้ยินคำว่า ‘อับจนหนทาง’ ในคำพูดเขา หยางชางเซิงรู้สึกเพียงในใจมีความเจ็บแค้นอย่างบอกไม่ถูกขยายตัวอยู่

ตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว…

ตอนนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลมาเยือนน่านฟ้าที่เก้า เคยประกาศว่ายามมรรคายอดอมตะปรากฏ จะต้องทำลายความรู้ความเข้าใจที่เคยมีมาทั้งหมด พลิกการคาดเดาของผู้คนทั่วหล้า!

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหยางหรือเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลอื่นล้วนดูแคลนคำพูดนี้ ไม่เคยใส่ใจสักนิด

เพราะไม่มีใครคิดว่าฐานะของเผ่าเทพนิรันดร์จะถูกสั่นคลอนและพลิกตลบได้!

ต่อให้ ‘มรรคายอดอมตะ’ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในหมื่นกาลนั้นปรากฏขึ้นจริงๆ ก็ไม่สามารถ!

แต่ตอนนี้…

ใครยังจะกล้าคิดว่าตอนนั้นเป็นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลคุยโว

ความรู้ความเข้าใจที่มีมาในอดีตถูกทำลายลงวันนี้

สิ่งที่ไม่อาจถูกสั่นคลอนได้ ถูกซัดทำลายในที่สุด!

ดูตระกูลหยางในวันนี้ก็รู้แล้วว่าหลินสวินที่เหยียบย่างลงบนมรรคายอดอมตะและแจ้งมรรคนิรันดร์แล้ว ในตอนนี้แข็งแกร่งปานไหน

ความแกร่งกล้าในพลังต่อสู้ของเขาทำลายความเข้าใจในอดีตทั้งหมด

การปรากฏตัวของเขาก็มีพลังที่สามารถคว่ำเผ่าเทพนิรันดร์ได้!

คิดถึงตรงนี้หยางชางเซิงเหลือเพียงความระทมและไร้ทางสู้อยู่เต็มอก

ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้…

สิ่งที่โหดร้ายที่สุดในโลกนี้ก็คือคำว่าเสียใจภายหลังอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ยามความสิ้นหวังมาเยือนมักเกิดความคิดเสียใจภายหลังอย่างอดไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่าหากก่อนหน้านี้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนี้อาจจะมีผลลัพธ์ที่ต่างออกไป

และเรื่องเสียใจภายหลังย่อมไม่อาจแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้

นี่ก็คือจุดที่โหดร้ายที่สุด!

“หลินสวิน น่านฟ้าที่เก้านี้ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะสั่นคลอนได้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหยางของข้าหรือเผ่าเทพนิรันดร์อื่น ต่อให้ถูกเจ้าพิชิตทุกตระกูลไป แต่เจ้าอย่าลืมเล่า คนในตระกูลเผ่าเทพนิรันดร์กระจายอยู่ทั่วหล้า และอย่าลืมว่าถ้าพวกผู้อาวุโสที่ไปแหล่งสถานคุนหลุนเหล่านั้นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในน่านฟ้าที่เก้า เจ้าคิดว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร”

หยางชางเซิงเอ่ยเสียงแหบแห้ง

หลินสวินพูดเสียงเรียบ “ถ้าไม่มีระเบียบระดับเทพแล้ว เผ่าเทพนิรันดร์จะยังเรียกว่าเผ่าเทพนิรันดร์ได้ไหม”

หัวใจหยางชางเซิงกระตุกอย่างแรง

คำพูดเดียวของหลินสวินจู่โจมเขาตรงๆ!

ในน่านฟ้าที่เก้ามีทั้งเผ่าเทพนิรันดร์และเผ่าเทพอมตะ ความแตกต่างของทั้งสองก็อยู่ที่เผ่าเทพนิรันดร์ครอบครองระเบียบระดับเทพ แต่เผ่าเทพอมตะไม่มี

พูดได้ว่าระเบียบระดับเทพก็คือรากฐานของตระกูลในเผ่าเทพนิรันดร์ หากไม่มีรากฐาน ต่อให้ตระกูลนี้ยังดำรงอยู่ก็ไม่คู่ควรกับคำว่า ‘นิรันดร์’ แล้ว

อันที่จริงหากไม่มีระเบียบระดับเทพก็ไม่มีโอกาสให้ฟูมฟักระดับนิรันดร์ได้อีกอยู่แล้ว จะฟื้นคืนความรุ่งเรืองแต่ก่อนเก่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง

หลินสวินเอ่ย “ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ ตระกูลหยางของพวกเจ้าควบคุมพื้นที่แถบหนึ่ง ทำให้ผู้คนมากมายสยบอยู่แทบเท้า เจ้ามีฐานะเป็นผู้นำตระกูลควรรู้ดีที่สุด ว่าในวันเวลาเหล่านี้คนในตระกูลหยางของพวกเจ้าสร้างเรื่องให้สวรรค์ชิงชังผู้คนคั่งแค้นไปเท่าไร”

“ถึงขั้นว่าสรรพชีวิตในโลกนี้ ต่อให้ถูกพวกเจ้าตระกูลหยางทำร้ายจนบ้านแตกสาแหรกขาดก็ยังไม่กล้าแค้นเคืองหรือชิงชัง และย่อมไม่กล้าไปทวงแค้น”

“แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องในอดีตทั้งนั้น ต่อให้เกิดขึ้นมากมายเพียงไหนตระกูลหยางของพวกเจ้าก็ไม่สนใจสักนิด แต่ถ้าคนบนโลกนี้รู้ถึงเคราะห์ที่ตระกูลหยางประสบในวันนี้ เจ้าลองเดาดูว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น”

ฟังจบสีหน้าหยางชางเซิงซีดเผือดดั่งบิดามารดาสิ้นชีพ ไอรีนโนเวล

นี่ยังต้องคิดอีกหรือ

ยามไม้ใหญ่อย่างตระกูลหยางล้มลง ผู้คนนับไม่ถ้วนที่ไม่กล้าโกรธแค้นไม่กล้าปริปากในอดีตจะต้องฉวยโอกาสเคลื่อนไหว แก้แค้นคนตระกูลหยางอย่างรุนแรงแน่!

ไม่ต้องให้หลินสวินลงมือสักนิด คนตระกูลหยางที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วหล้าเหล่านั้นจะต้องเหมือนหมาจนตรอก ผู้คนพร้อมใจกันไล่ตี จุดจบน่าอนาถ!

หลินสวินเอ่ยต่อ “ส่วนพวกคนร้ายกาจที่มุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนที่เจ้าพูดถึงเหล่านั้น ถ้าพวกเขาไม่กลัวภัยคุกคามของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพจะออกไปแต่เนิ่นๆ ได้หรือ ในเมื่อจากไปแล้ว คิดจะกลับมาก็ไม่ใช่ทำได้ทันที”

เขาเว้นช่วงไป จับจ้องหยางชางเซิง “ข้าถามเจ้าหน่อย สำหรับเฒ่าชราพวกนั้นแล้ว ระหว่างชิงโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์แล้วมีชีวิตอยู่ต่อ กับการกลับมาน่านฟ้าที่เก้าโดยไม่สนใจสิ่งใดเพื่อเก็บกวาดความเละเทะที่ไม่อาจกู้คืนได้ เรื่องไหนสำคัญกว่า”

ไม่รอให้หยางชางเซิงเอ่ยปาก หลินสวินก็ตอบเองแล้วว่า “สำหรับเจ้าแล้วการแก้แค้นให้พวกเจ้าตระกูลหยางย่อมสำคัญกว่า แต่สำหรับเฒ่าชราพวกนั้น ต่อให้แค้นข้าหลินสวินเข้ากระดูกดำ ก็ย่อมไม่มีทางทิ้งโอกาสรอดชีวิตไปเพราะความเจ็บปวดชั่วครั้งชั่วคราวแน่”

หยางชางเซิงเอ่ยเสียงแหบแห้ง “เจ้าพูดมากขนาดนี้ทำไม จะบอกข้าว่าตระกูลหยางของข้าจบสิ้นแล้วหรือ”

หลินสวินพูด “ผิดแล้ว ข้าแค่อยากเห็นว่าตกลงเจ้าจนตรอกจริงๆ หรือไม่ ตอนนี้ดูท่าในมือเจ้าคงมีไพ่ตายที่ยังไม่ใช้อยู่ หาไม่เกรงว่าจะไม่ทนฟังข้าพูดแบบนี้แล้ว…”

หยางชางเซิงอึ้งไป พลันคำรามดังลั่นว่า “หลินสวิน เจ้าต้องไม่ตายดี!!”

เวลาเดียวกันพลังน่าครั่นคร้ามหาใดเทียบที่อยู่ในร่างเขาก็แผ่ออกมาทันที

ตูม!

จากนั้นร่างของหยางชางเซิงก็ระเบิดออก กระทั่งพลังกฎระเบียบตะวันไพศาลที่ผนึกฟ้าดินแห่งนี้ไว้ยังถูกจู่โจม ซัดทลายเหมือนกระแสน้ำ

หลินสวินถอยออกมาทันที

เขาเห็นรูปจำลองเจตจำนงร่างหนึ่ง แข็งแกร่งหาใดเทียบ ทั้งร่างอบอวลด้วยอานุภาพคับฟ้า ระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎยังไม่อาจเทียบได้

“ชางเซิง!!”

รูปจำลองเจตจำนงนี้ส่งเสียงกราดเกรี้ยว

เขารูปร่างผอมแห้ง สวมชุดเขียว หนวดผมสีดอกเลา หน้าตาเหมือนชายหนุ่ม แต่ดวงตากลับอบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลาหนาแน่น

หยางสวินเทียน!

ระดับนิรันดร์ขั้นไร้ขอบเขตคนหนึ่งในเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยาง และสิ่งที่สะท้อนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ก็คือรูปจำลองเจตจำนงของหยางสวินเทียน

ขั้นไร้ขอบเขต!

นี่เป็นยอดบุคคลที่ข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เป็นอัครบุคคลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมรรคานิรันดร์!

ต่อให้เป็นเพียงรูปจำลองเจตจำนงร่างหนึ่ง หลินสวินก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอึดอัดที่ตีกระทบหน้าเข้ามา ร่างกายยังเริ่มตึงเครียด

กลิ่นอายแข็งแกร่งนัก!

เขานัยน์ตานิ่งขึง

“หลินสวิน ที่แท้ก็เป็นเจ้า…”

ผ่านไปครู่หนึ่ง รูปจำลองเจตจำนงของหยางสวินเทียนก็มองหลินสวินด้วยสายตาน่าสะพรึง เขาถึงกับระบุตัวตนของหลินสวินได้ในชั่วขณะเดียว

เขามองดูแท่นบูชาเก่าแก่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป นั่นเป็น ‘ทางหนี’ ที่บรรพชนตระกูลหยางทิ้งไว้

จากนั้นก็มองกระบี่มรรคที่แปลงมาจากกฎระเบียบตะวันไพศาลในมือหลินสวินเล่มนั้น หว่างคิ้วมีแต่แววเย็นเยียบ

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตระกูลหยางตอนนี้ประสบมหาเคราะห์ที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว

และจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถ้าไม่ใช่ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน หยางชางเซิงมีหรือจะใช้รูปจำลองเจตจำนงที่ตนทิ้งไว้

“ดูออกว่าเจ้าก็คือไพ่ตายใบใหญ่ที่สุดที่ตระกูลหยางมีแล้ว”

ยามนี้หลินสวินกลับเยือกเย็นนัก นี่จึงจะปกติ หากตนเป็นระดับนิรันดร์ขั้นไร้ขอบเขต ยามไปแหล่งสถานคุนหลุนก็ต้องทิ้งรูปจำลองเจตจำนงไว้สักร่างหนึ่งเพื่อปกป้องตระกูล

“ฮ่าๆ หรือเจ้ายังคิดว่าตัวเองยังจะรอดชีวิตได้”

รูปจำลองเจตจำนงหยางสวินเทียนหัวเราะกราดเกรี้ยว

เขาลงมือทันที เมื่อยื่นมือออกไปฟ้าถล่มดินทลาย พลังกฎระเบียบนับไม่ถ้วนพลันควบรวมเป็นทวนศึกเล่มหนึ่งแทงเข้าใส่หลินสวินอย่างจัง

นี่น่ากลัวนัก เพียงยื่นมือออกไปพลังกฎระเบียบก็ปรากฏ ถูกควบรวมเป็นศาสตรามรรคได้ดั่งใจ!

ตูม!

ทวนศึกโฉบไปในอากาศ ความแกร่งกล้าของอานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาน่าสะพรึงเกินจินตนาการ

หลินสวินจะกล้าชักช้าได้อย่างไร พลังขับเคลื่อนบนร่างส่งเสียงดังสนั่นเหมือนเตาหลอมลุกโชนเดือดพล่าน ใช้กระบี่มรรคที่แปลงจากต้นกำเนิดกฎระเบียบตะวันไพศาลในมือเข้าโจมตี

ปัง!

ท่ามกลางเสียงปะทะสะท้านฟ้าดิน ตัวหลินสวินยังถูกซัดจนถอยหลังออกไปสองสามร้อยจั้ง ห้วงอากาศยุบตัวเป็นรอยแยกตรงแน่วในทุกที่ที่ผ่าน

กลิ่นอายทั้งร่างเขาปั่นป่วน สูดหายใจสะท้าน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา

อย่าเห็นว่าหยางสวินเทียนเป็นแค่รูปจำลองเจตจำนงร่างหนึ่ง แต่อานุภาพของขั้นไร้ขอบเขตนั้นเหนือกว่าขั้นล่วงกฎไปไกล!

“ฆ่า!”

หยางสวินเทียนตวาด แกว่งทวนศึกโจมตี แสงมรรคนิรันดร์ทั้งตัวเชื่อมฟ้าจรดดิน ถาโถมปลดปล่อยประหนึ่งเทพพิโรธ

เห็นชัดว่าสิ่งที่ตระกูลหยางประสบทำให้เขาโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด ยามลงมือจึงไม่ยั้งมือสักนิด

ตูม!

หลินสวินเรียกกายมรรคไม้เขียวออกมาโดยไม่ลังเล ให้กายมรรคไม้เขียวกระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ส่วนร่างต้นของเขาควบคุมกระบี่มรรคที่แปลงจากต้นกำเนิดระเบียบตะวันไพศาล กระโจนไปหาหยางสวินเทียนด้วยกัน

ศึกใหญ่ปะทุ ทำให้ฟ้าดินแห่งนี้จมสู่ความพังพินาศทันที ทุกอย่างคล้ายจมสู่ยุคแรกกำเนิด ทุกที่เต็มไปด้วยปราณกระบี่ เสียงปะทะห้ำหั่นน่ากลัวดังสนั่นดุจอสนีบาตเก้าชั้นฟ้า

ครู่สั้นๆ

ตูม โครม…

หลินสวินกับกายมรรคไม้เขียวของเขาต่างถูกซัดถอยออกมา สีหน้ายิ่งเคร่งเครียดขึ้น

ครั้นหันมองดูรูปจำลองเจตจำนงหยางสวินเทียน อานุภาพยิ่งโชติช่วงและน่ากลัว โซ่เทพกฎระเบียบมากมายไหลลู่ลงมาทั่วร่าง ทวนศึกในมือคมกริบไร้ทัดเทียม

“ฆ่า!”

หยางสวินเทียนพุ่งมาอีกครั้ง แค่อานุภาพล้วนสามารถบดขยี้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับนิรันดร์ทั้งหมดบนโลกได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เป็นระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎทั่วไปยังถูกเขย่าขวัญ

แม้พลังต่อสู้ของหลินสวินจะเย้ยฟ้ายิ่ง แค้ในสถานการณ์ที่ใช้กายมรรคไม้เขียวแล้วก็ยังรู้สึกเปลืองแรงยิ่งนัก

ห่างชั้นกันไกล!

“ทะยาน!”

เมื่อเห็นว่าหยางสวินเทียนพุ่งเข้ามา หลินสวินก็สำแดงกายมรรคเพลิงแดงออกมาโดยไม่ลังเล เข้าโจมตีรูปจำลองเจตจำนงของหยางสวินเทียนพร้อมกัน

แต่เช่นนี้แล้วก็ยังไม่ไหว!

พลังที่หยางสวินเทียนครอบครองอยู่ในขั้นไร้ขอบเขต ต่อให้เป็นเพียงรูปจำลองเจตจำนง อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาก็แข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการได้

เพียงครู่สั้นๆ เท่านั้นหลินสวินกับร่างแยกทั้งสองก็ถูกกดข่มอีกครั้ง!

‘สมควรตาย แค่รูปจำลองเจตจำนงเท่านั้นทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้…’ หลินสวินยังหน้าเปลี่ยนสีไปบ้าง

เขาตระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่งว่าตนประเมินพลังที่ขั้นไร้ขอบเขตมีต่ำเกินไป ผู้ที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาอย่างน้อยหนึ่งครั้งเช่นนี้ ไม่ได้ธรรมดายิ่งกว่าที่เขาคาดคิดไว้

รูปจำลองเจตจำนงเช่นนี้ เป็นเพียงสิ่งที่ควบรวมขึ้นจากพลังมหามรรคของร่างต้นหยางสวินเทียน ประทับพลังเจตจำนงของเขาไว้สายหนึ่งเท่านั้น แต่อานุภาพเช่นนั้นกลับแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ นี่เป็นสิ่งที่เหนือการคาดการณ์ของหลินสวินโดยสิ้นเชิง

แต่หลินสวินยังไม่ถึงกับหวาดกลัวหรือลนลานเพราะเรื่องนี้

ตูม!

ครู่ต่อมาเขาสำแดงกายมรรคอีกสองร่างออกมาเช่นกัน เข้าจู่โจมรูปจำลองเจตจำนงของหยางสวินเทียนด้วยกันทันที

ก็ในตอนนี้เองหลินสวินถึงค่อยๆ ต้านการโจมตีอันน่ากลัวยิ่งจากหยางสวินเทียนได้ เริ่มหลุดพ้นจากสภาพถูกกดข่มนั้น

เพียงแต่คิดจะโต้กลับ กลับไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในเวลาสั้นๆ

เต็มที่ก็ทำได้แค่สู้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยง!

มาคิดดูแล้วสี่ร่างแยกของเขาล้วนมีพลังไม่ด้อยไปกว่าร่างต้น ตอนนี้ลงมือเต็มกำลังร่วมกับร่างต้นยังทำได้แค่ต่อสู้อย่างสูสี

จากจุดนี้ก็รู้แล้วว่ารูปจำลองเจตจำนงของหยางสวินเทียนแข็งแกร่งปานไหน!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท