ขณะที่เหล่าระดับนิรันดร์ต่างตระหนกและขุ่นเคือง หลินสวินเงยหน้ามองพลังระเบียบระดับเทพทั้งสองบนเวิ้งฟ้าเล็กน้อย
จากนั้นสายตาเขากวาดมองทุกคนตรงหน้ากล่าวว่า “เวลาล่วงมามากแล้ว หากทุกท่านมีฝีมือแค่นี้ก็ไม่มีโอกาสดิ้นรนเท่าไรแล้ว”
ถูกเจ้าหนุ่มที่เพิ่งแจ้งมรรคนิรันดร์คุกคามอย่างสบประมาทเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของระดับนิรันดร์พวกนั้นดูไม่ได้ยิ่งนัก
“ทุกท่าน แยกกันเคลื่อนไหว!”
เจียหนานกล่าวเสียงขรึมทันใด
จากนั้นก็เห็นเขา เหวินไท่หลิน เย่ซาง สิงเทียนเฮ่าสี่คนลงมือพร้อมกันทันที พุ่งเข้ามาหาหลินสวิน
ขณะเดียวกันจี้ตงหยา หยางจิ่วฉี จื่อเชอป๋อเถิง อู่จั๋วเทียนสี่คนพุ่งไปตรงทางเข้าแดนแรกเริ่มด้วยกัน ก่อนหน้านี้ระเบียบวัฏจักรฟ้าของลัทธิแรกกำเนิดถูกโจมตีอย่างหนัก ใกล้ถูกทำลายแล้ว
หากให้พวกเขาไปโจมตีเต็มกำลัง มีโอกาสสูงว่าไม่นานก็จะถูกทำลาย
ถึงตอนนั้นหากพวกเขาฉวยโอกาสบุกเข้าไปในแดนแรกเริ่ม ผลลัพธ์ต้องไม่อาจคาดเดาได้แน่
สิ่งที่ทำให้ผู้คนใจสั่นที่สุดคือระดับนิรันดร์แปดคนนี้ร่วมมือกันอย่างรู้ใจยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสี่คนซึ่งจัดการหลินสวิน หรืออีกสี่คนที่ไปโจมตีทางเข้าแดนแรกเริ่ม ตอนนี้ล้วนราวกับสู้สุดชีวิต!
เห็นชัดว่าพวกเขาตระหนักถึงความไม่เข้าทีแล้ว คิดใช้แผนนี้มาพลิกสถานการณ์ให้บรรลุเป้าหมาย
หลินสวินมีหรือจะมองเรื่องพวกนี้ไม่ออก
แต่สีหน้าเขายังราบเรียบดังเดิม ถึงขั้นเผยแววหยามเหยียดเสี้ยวหนึ่งรางๆ
กลยุทธ์ของเจ้าเฒ่าพวกนี้ไม่อาจพูดได้ว่าไม่เหี้ยมโหด แต่พวกเขาทำเช่นนี้ย่อมเปล่าประโยชน์แน่
ตูม!
ก็เห็นกายมรรคทั้งห้าพลันพุ่งออกมาในยามนี้ นอกจากกายมรรคไม้เขียวที่เหลือไว้ต่อสู้เคียงข้างหลินสวินแล้ว สี่กายมรรคอื่นล้วนเคลื่อนขวางห้วงอากาศ พุ่งไปทางพวกจี้ตงหยาทันที
เพียงชั่วขณะสีหน้าของระดับนิรันดร์พวกนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
แต่สถานการณ์ตอนนี้ยากถอนตัวแล้ว มีแต่ต้องยอมพลีชีพเพียงทางเดียวเท่านั้น
“สู้มัน!”
เจียหนานส่งเสียงตะโกนต่ำลึก
สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบกว่าที่เคย คล้ายละทิ้งความเป็นตาย แสงธรรมทั่วร่างยิ่งใหญ่ กฎเกณฑ์ร้อยเรียง กระตุ้นโคมบัวสุญญากาศถึงขีดสุด
“ฆ่า!”
เหวินไท่หลิน เย่ซาง สิงเทียนเฮ่าก็ออกโจมตีทันที
พวกเขามีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลา ไหนเลยจะไม่รู้ว่าเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับศึกนี้ ดังนั้นแต่ละคนจึงเตรียมใจยอมพลีชีพ
ตูม!
ศึกใหญ่ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์
ตรงทางเข้าแดนแรกเริ่ม กายมรรคทั้งสี่ของหลินสวินห้ำหั่นกับระดับนิรันดร์สี่คนอย่างพวกจี้ตงหยา
ส่วนร่างต้นของหลินสวินก็บุกโจมตีอย่างห้าวหาญพร้อมกายมรรคไม้เขียว
ต้องรู้ว่าห้ากายมรรคของหลินสวินล้วนมีพลังไม่ด้อยไปกว่าร่างต้น ตอนนี้มีอานุภาพระดับนิรันดร์เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ร่างต้นของหลินสวินต่อสู้แบบหนึ่งต่อแปด
แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนเป็นหกต่อแปดแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สำหรับหลินสวินแล้วถือว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมาก
ก็เห็น…
กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งในพริบตา ผ่าขวานยักษ์แดงสดในมือสิงเทียนเฮ่ากลางการต่อสู้ชุลมุนดุเดือดในคราเดียว ภายใต้แรงโจมตีเงาร่างสิงเทียนเฮ่าถูกซัดจนลอยคว้างออกไป เลือดออกเจ็ดทวาร ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ไม่รอให้เขายืนมั่น กายมรรคไม้เขียวเคลื่อนทะยานแล้วยื่นมือตบลงมา
ปัง!
กายมรรคนิรันดร์ของสิงเทียนเฮ่าระเบิดกระจุยเป็นเถ้าถ่านทันที แม้แต่พลังจิตยังถูกแผดเผา
เด็ดขาดตรงไปตรงมา ฆ่าเหมือนกำจัดวัชพืช!
ตอนนี้ต่อจากราชครูฟ้าถานอู่แห่งลัทธิพ่อมด ยังมีระดับนิรันดร์อีกคนตายคาที่
ภาพการตายนั้นกระตุ้นจนพวกเจียหนานหนาวสั่นไปทั้งตัว ใจตกไปที่ตาตุ่ม
หลินสวินคนเดียวก็ทำให้พวกเขารู้สึกตึงมือแล้ว นับประสาอะไรกับเผชิญหน้าหกคน
สถานการณ์ตอนนี้ถึงขั้นทำให้พวกเขาต่างรู้สึกถึงความเศร้ารันทดและสิ้นหวังเสี้ยวหนึ่ง
“ฆ่า!”
ดวงตาเย่ซางแดงก่ำคั่งโลหิตดุจคลุ้มคลั่ง กระบี่มรรคคู่หนึ่งโลดแล่นทั่วทิศ สาดปราณกระบี่เวิ้งว้างจนมืดสว่างตัดสลับ พุ่งทะยานในสนามรบ
เขาเป็นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง ยืนอยู่บนมรรคานิรันดร์ มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในบรรดาคนระดับเดียวกันบนน่านฟ้าที่เก้า
ตอนนี้เขายอมสู้สุดชีวิต ตั้งท่าว่าจะลากหลินสวินไปตายด้วย อานุภาพนั้นทำให้คนระดับเดียวกันคนใดก็ตามขวัญหนีดีฝ่อจนถอยหลบได้จริงๆ
แต่ทุกอย่างนี้กลับคุกคามหลินสวินไม่ได้
ใช่ว่าเย่ซางไม่แข็งแกร่งพอ หากแต่เย่ซางไม่รู้เลยว่าตอนนี้หลินสวินแข็งแกร่งเพียงใด!
ตูม!
ก็เห็นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเคลื่อนขวาง กลิ่นอายแรกกำเนิดที่แผ่ออกมาบดขยี้ปราณกระบี่มืดสว่างทั่วฟ้านั่นโดยตรงจนระเบิดกระจายกลางอากาศ
ส่วนร่างต้นหลินสวินก็สำแดงนัยเร้นลับมรรคกระบี่เช่นกัน
ฮูม… ปราณกระบี่นับหมื่นแสนทะยานขึ้นสู่ฟ้า ราวมหาสมุทรปราณกระบี่แผ่กระจายกลางฟ้าดิน
เพียงพริบตาเบื้องหน้าสายตาและในจิตใจของเย่ซางเต็มไปด้วยเจตกระบี่ไร้ขอบเขต
เหตุการณ์นี้เขาคุ้นเคยนัก ก่อนหน้านี้ราชครูฟ้าถานอู่ก็ถูกการโจมตีนี้สังหาร
เพียงแต่รู้ส่วนรู้ ยามนี้เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของหลินสวิน ในใจเย่ซางกลับมีแค่ความสิ้นหวัง เพราะไม่อาจหลบหนีไปไหนได้แต่แรก!
“ข้าใช้กระบี่ข้า ผลาญมรรควิถีของข้า!”
เวลานี้เย่ซางส่งเสียงคำรามสะท้านฟ้า ทั้งตัวราวลุกโชนขึ้นมา พลังนิรันดร์น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตถาโถมเข้าสู่กระบี่มรรคในมือทั้งสองของเขา
จากนั้นกระบี่มรรคทั้งคู่ส่งเสียงกังวานเร้าระทึกหาใดเปรียบ ตัดสลับฟาดฟันกลางอากาศทันที
ตูม!
มหาสมุทรปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ทรงพลังที่ม้วนพัดมาแถบนั้น ถึงกับถูกการโจมตีที่เย่ซางผลาญมรรควิถีของตนทำลาย กระจัดกระจายสลายหายไปกลางอากาศ
“ทลายแล้ว…”
เย่ซางถอนใจยาวเหมือนรอดจากความตาย แต่เวลานี้มือใหญ่ข้างหนึ่งพุ่งมาบีบคอเขากะทันหัน
ไม่ต้องหันกลับไปเขาก็รู้ว่านั่นคือร่างแยกมหามรรคของหลินสวิน!
เพิ่งรอดจากความตาย ยังตกสู่สภาพสิ้นหวังอีก ความหนักหน่วงของการโจมตีนี้ทำให้เย่ซางอดเศร้าโศกไม่ได้ ฝึกปราณถึงวันนี้ผ่านมาหลายปี ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายจะพบจุดจบที่กายสิ้นมรรคสลาย…
ปัง!
เบื้องหน้าเย่ซางมืดทะมึน จากนั้นร่างกายและพลังจิตของเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่านซ่านสลาย
เย่ซางก็ตายแล้ว ภาพนี้ทำให้จิตใจของเจียหนานและเหวินไท่หลินสั่นสะท้าน เมื่อมองไปทางหลินสวินอีกครั้ง นัยน์ตาล้วนเจือความตื่นตระหนกอย่างไม่อาจระงับ
ต่อให้ผ่าสมองออกมาพวกเขาก็ไม่อาจจินตนาการ ว่าเจ้าหนุ่มที่เพิ่งแจ้งมรรคนิรันดร์จะครอบครองพลังต่อสู้เย้ยฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไร
ในการห้ำหั่นเหวินไท่หลินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งพลางกล่าว “หลินสวิน ออมมือและปล่อยให้ข้ารอดชีวิตได้หรือไม่ ข้าบอกเจ้าได้ว่าเหตุใดวันนี้ยามเจ้าข้ามด่านเคราะห์พวกเราถึงรวมตัวกันมา”
นี่เท่ากับร้องขอความเมตตาแล้ว!
หากแพร่ออกไปคงนำมาซึ่งความปั่นป่วนในใต้หล้าแน่ ถึงอย่างไรใครจะกล้าจินตนาการว่าระดับนิรันดร์ที่ยืนอยู่เหนือหล้ามานานคนหนึ่ง จะถึงกับร้องขอความเมตตาเพราะเสียดายชีวิต
กลับเห็นหลินสวินสีหน้าเยียบเย็นกล่าวหยามเหยียด “ต่อให้เจ้าไม่พูดข้าก็คาดเดาได้โดยคร่าวแล้ว ต้องเป็นผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นบงการมาแน่”
“ในเมื่อรู้ว่าเป็นเช่นนี้ เจ้ายังไม่กลัวว่าจะล่วงเกินผู้บงการหลังม่านนั่นอย่างสมบูรณ์หรือ” เหวินไท่หลินกล่าวหน้าเปลี่ยนสี
หลินสวินอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “หากว่ากลัว ข้าคนแซ่หลินมีหรือจะรอดมาถึงตอนนี้”
ขณะกล่าวมีเสียงตะโกนด้วยความไม่ยินยอมดังขึ้นแต่ไกล
“ไม่…!”
เสียงสะเทือนท้องนภา
ก็เห็นหยางจิ่วฉีที่ต่อสู้กับกายมรรคเพลิงแดง ยามนี้ถูกฆ่าตายคาที่ พบจุดจบที่จิตสิ้นวิญญาณสลาย
ระดับนิรันดร์อีกคนตายแล้ว!
ถึงตอนนี้พวกเจียหนาน เหวินไท่หลินต่างตื่นตระหนก เลิกล้มความคิดหมายจะถอยหนี
แต่หลินสวินมีหรือจะปล่อยโอกาสให้พวกเขาหนีไป
ต้องรู้ว่าบนทะเลหมื่นดารานี้ไม่ได้มีแค่ระเบียบวัฏจักรฟ้าปกคลุม ยังมีระเบียบปฐมอยู่ด้วย! พลังระเบียบระดับเทพสองอย่างซ้อนทับกัน ปิดทางหนีทั้งหมดไว้นานแล้ว!
นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมก่อนหน้านี้ระดับนิรันดร์สี่คนอย่างพวกจี้ตงหยาถึงไปโจมตีทางเข้าแดนแรกเริ่ม
เพราะต่อให้คิดหนีก็ไม่มีทางถอยแต่แรก!
ตูม!
การต่อสู้ยังดำเนินต่อเนื่อง ทั้งดุเดือดยิ่งกว่าเดิม กลางฟ้าดินพังทลายอลหม่าน ทุกหนแห่งล้วนมีกลิ่นอายนองเลือดพวยพุ่ง
หลินสวินไม่เกรงใจหรือออมมือแม้แต่น้อย ในเวลาต่อมาเขาและกายมรรคทั้งห้าสังหารระดับนิรันดร์คนแล้วคนเล่า
อู่จั๋วเทียน จื่อเชอป๋อเถิง เหวินไท่หลิน… แต่ก่อนพวกเขาเป็นระดับนิรันดร์ผู้สูงส่งบนน่านฟ้าที่เก้า ถูกผู้ฝึกปราณทั่วหล้าเทิดทูนราวกับเทพ ได้แต่แหงนมองไม่อาจเอื้อมถึง
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวิน พวกเขากลับเหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา สู้สุดชีวิตไปก็เปล่าประโยชน์ ล้วนถูกสังหารทั้งหมด มรรควิถีที่สั่งสมมานานปีสลายหายไป
ทุกเหตุการณ์นี้ถูกพวกเสวียนเฟยหลิงในแดนแรกเริ่มเห็นอยู่ในสายตาเช่นกัน ใช้แค่คำว่าตกตะลึงคงไม่อาจบรรยายสภาวะจิตของพวกเขาตอนนี้ได้
ตอนแรกพวกเขายังคิดไปตามจิตใต้สำนึก ว่าต่อให้หลินสวินข้ามด่านเคราะห์สำเร็จก็ต้องอ่อนแอหาใดเปรียบ จำเป็นต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งมาทำให้มรรควิถีเสถียร
แต่ใครเล่าจะคิดว่าทุกอย่างล้วนไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคาดเดา หลินสวินที่เพิ่งข้ามด่านเคราะห์เผยพลังที่กำราบระดับเดียวกันได้แล้ว!
เพียงคนเดียวแต่สู้กับระดับนิรันดร์เก้าคนตามลำพัง ไม่เพียงไม่เสียเปรียบ ยังกำราบศัตรูแข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าในการต่อสู้ด้วย!
ภาพความตายทั้งหมดนี้ทำให้พวกเสวียนเฟยหลิงต่างอึ้งงัน
นิรันดร์!
เป็นบุคคลผู้สูงส่งเพียงใด ในอดีตที่ผ่านมามีตัวอย่างที่ระดับนิรันดร์ร่วงหล่นน้อยนัก
แต่ตอนนี้บนทะเลหมื่นดารานี้ ระดับนิรันดร์กลับร่วงหล่นดุจสายฝน!
น่าตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขั้นทำให้ในหัวพวกเสวียนเฟยหลิงว่างเปล่าไปหมด สีหน้าอึ้งงัน
ต่อให้เคยเจอการเปลี่ยนแปลงมานับไม่ถ้วน จิตใจขัดเกลาถึงขั้นแข็งแกร่งยิ่งนานแล้ว แต่ไม่ว่าใครเห็นภาพนี้ก็คงไม่อาจนิ่งเฉย
ไม่นานในที่นั้นก็เหลือแค่เจียหนานกับจี้ตงหยาสองคน
นี่ยังเป็นความตั้งใจของหลินสวินด้วย
มิฉะนั้นคงลงมือฆ่าสองคนนี้อย่างเด็ดขาดไปนานแล้ว
เวลานี้ร่างต้นและกายมรรคทั้งห้าของเขาปิดล้อมเจียหนานกับจี้ตงหยารอบด้านแล้ว แต่แค่กำราบไม่ได้ลงมือรุนแรง
“เจียหนาน ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง บอกความลับของรูปปั้นไท่ชูนั่นมา ข้าจะให้เจ้าตายดีหน่อย มิฉะนั้นอย่าโทษที่ข้าจะดึงพลังจิตของเจ้าออกมาจนตายทั้งเป็นไปชั่วกาล”
ร่างต้นหลินสวินเอ่ยปาก นัยน์ตาดุจเหวลึกจ้องมองเจียหนาน
กลับเห็นสีหน้าของเจียหนานเวลานี้ราบเรียบผิดธรรมดา กล่าวว่า “ยามอยู่มีเรื่องใดให้เป็นสุข ยามตายมีเรื่องใดให้หวาดกลัว เมื่อเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน ทุกสรรพชีวิตบนโลกไม่ว่ามรรควิถีสูงหรือต่ำ สุดท้ายย่อมกลับคืนสู่ธุลีดิน”
นัยน์ตาเขาพลันมองหลินสวินแล้วยิ้มเล็กน้อย “ส่วนเจ้าหลินสวินถูกผู้บงการหลังม่านนั่นจับจ้องแล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องประสบเคราะห์แน่”
หลินสวินเลิกคิ้ว เพิ่งหมายจะพูดอะไร
ตูม!
เจียหนานพนมมือ เคร่งขรึมมีสง่า ทั้งตัวลุกโชนขึ้นมา เปล่งแสงสว่างไร้สิ้นสุด ทั้งหมดถาโถมเข้าไปในโคมบัวสุญญากาศตรงหน้า
กลิ่นอายน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตแผ่ออกมาจากโคมบัวสุญญากาศ