ความทรงจำของจิตวิญญาณจวีหมางทำให้หลินสวินเข้าใจเขาผนึกดารารอบด้าน
ดังนั้นจึงสังหารผู้คุ้มกันลาดตระเวนเหล่านั้นอย่างไม่เกรงใจสักนิดได้
ไม่มีเหตุผลอื่น ผู้คุ้มกันลาดตระเวนเหล่านี้ไม่ใช่คนของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยาง แต่หลายปีมานี้กลับช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ สังหารทาสผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมตามใจชอบ
พูดได้ว่าทุกคนที่ได้เป็นผู้คุ้มกันลาดตระเวนไม่มีใครที่สองมือไม่เปื้อนเลือด
และตอนนี้เมื่อค้นวิญญาณหยางเหวินซิวก็ทำให้หลินสวินรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางมากมาย
ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่กระทั่งในตำราของลัทธิแรกกำเนิดยังไม่มี
เช่นเขาเทพตะวันไพศาลที่ตระกูลหยางยึดครอง นอกจากจะมีระเบียบระดับเทพชื่อว่า ‘ตะวันไพศาล’ ปกคลุมอยู่แล้ว ยังมีกระบวนค่ายกลระเบียบที่เรียกว่า ‘ร้อนระอุ’ อีกด้วย
กระบวนค่ายกลนี้มีพลังระเบียบหายากเก้าชนิดเป็นแกนกลาง มีวิญญาณระเบียบเก้าตนควบคุมดูแลอยู่ในนั้น ทันทีที่โคจรถึงขั้นสามารถขัดขวางระดับนิรันดร์ไว้ได้ น่าเหลือเชื่อยิ่ง
หรืออย่างเช่นในตระกูลหยางตอนนี้มีระดับอมตะขั้นหลุดพ้นอยู่สามสิบสามคน ในกลุ่มนั้นมีสิบสองคนดูแลนอกเขาเทพตะวันไพศาล อีกยี่สิบเอ็ดคนต่างดูแลโลกใหญ่คนละแห่ง ควบคุมสิ่งมีชีวิตของอาณาเขตนับหมื่นล้าน!
แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือในตระกูลหยางตอนนี้ยังมีระดับนิรันดร์สองคนดูแลอยู่
คนหนึ่งมีนามว่าหยางเสียเทียน อีกคนหนึ่งมีนามหยางปู้ต้ง
ทั้งสองล้วนเป็นระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎ
ที่ทำให้หลินสวินผิดคาดคือ ในความทรงจำของหยางเหวินซิวไม่มีเรื่องที่เกี่ยวกับหยางจิ่วฉี
เห็นชัดว่าข่าวระดับนิรันดร์อย่างหยางจิ่วฉีถูกตนสังหารที่ทะเลหมื่นดาราถูกเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางปิดเอาไว้ กระทั่งระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างหยางจิ่วฉียังไม่รู้
นอกจากเรื่องพวกนี้หลินสวินก็ได้รู้ว่าเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน ระดับนิรันดร์ขั้นไร้ขอบเขตคนหนึ่งออกจากน่านฟ้าที่เก้าไปยังแห่งสถานคุนหลุนพร้อมกับระดับนิรันดร์ขั้นสรรสร้างสองคน
หลินสวินคำนวณดู ตอนเฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลหยางสามคนนี้จากไป ตรงกับช่วงลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานร่วมมือกันจู่โจมลัทธิแรกกำเนิดครั้งแรกพอดี
ไม่ต้องสงสัยว่าภัยคุกคามจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพก็เริ่มขึ้นจากตอนนั้น
เมื่อเข้าใจเรื่องพวกนี้ ความกังขาก็ผุดขึ้นในใจหลินสวินอีก ไม่ว่าจะเป็นลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน หรือน่านฟ้าที่เก้า ต่างก็ถูกผู้บงการหลังม่านนั้นสั่งให้ลงมือทั้งสิ้น ในสถานการณ์เช่นนี้ขุมอำนาจที่กระทำการเพื่อผู้บงการหลังม่านนั่นเหล่านี้ก็ยังคงถูกเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพคุกคามเช่นเดิม!
นี่ออกจะผิดปกติไปหน่อยแล้ว
หรือจะหมายความว่าผู้บงการหลังม่านนั่นก็ไม่อาจควบคุมพลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้โดยสมบูรณ์
หลินสวินเดาไม่ออก
‘รอภายหน้าอย่างไรก็ต้องสืบหาคำตอบได้อยู่ดี…’
หลินสวินนึกถึงเฉินหลินคงกับปู่ของเขาเฉินซีที่จนตอนนี้ก็ยังหาร่องรอยของผู้บงการหลังม่านนั่นอยู่ แค่คิดก็รู้ว่าผู้บงการหลังม่านนี้ลึกลับปานไหน
ตูม!
ในขณะที่หลินสวินกำลังครุ่นคิด ฟ้าดินพลันสั่นไหว จากนั้นเสียงเย็นชาดุดันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทันที
“เจ้าเป็นใคร ไยมาก่อเรื่องในอาณาเขตตระกูลหยางของข้า”
ที่มาพร้อมกับเสียงนี้คือแสงเคลื่อนดุจสายรุ้ง เงาร่างแน่นขนัดทะยานมาทางนี้ ต่างมีไอสังหารพลุ่งพล่านทั้งสิ้น
ผู้แข็งแกร่งในแต่ละทิศล้วนมีระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าคนหนึ่งนำทัพ
โดยเฉพาะตำแหน่งทิศตะวันออกยิ่งมีเฒ่าชราที่ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายขั้นดับเทพคนหนึ่ง เขาสวมชุดผ้าป่าน ผมขาวดุจเงิน เงาร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย
ไม่ต้องสงสัย คนผู้นี้ก็คือหยางซั่วหง สัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลหยางที่ดูแลเขาผนึกดาราแห่งนี้
กำลังพลที่เหมือนแหฟ้าตาข่ายดินเช่นนี้ทำเอาฟ้าดินมืดหม่น คล้ายเมฆทะมึนกดบีบ ปิดคลุมฟ้าดิน
ชิงเฉียนเสวี่ยตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
แต่เทียบกับเมื่อครู่แล้วเห็นชัดว่าเยือกเย็นขึ้นไม่น้อย เพราะนางรู้แล้วว่าตั้งแต่ปรากฏตัวในส่วนลึกของเหมืองจนถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกายคนนี้สงบนิ่งมาโดยตลอด ไม่เคยกระวนกระวายสักนิด
ท่าทางสุขุมเยือกเย็นเช่นนั้นแพร่มาสู่ชิงเฉียนเสวี่ยด้วยเช่นกัน
“ก่อเรื่องหรือ”
ดวงตาหลินสวินมองหยางซั่วหง เอ่ยเสียงถากถางว่า “ขอโทษด้วย ข้าคนแซ่หลินมาคราวนี้ก็เพื่อก่อเรื่อง ไม่ใช่แค่อยากก่อเรื่อง แต่จะเล่นงานจนฟ้าพลิกดินคว่ำ โชคร้ายยิ่งที่พวกเจ้าตระกูลหยางเป็นเป้าหมายแรกของข้าคนแซ่หลิน”
หยางซั่วหงอึ้งไป
ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็ผงะไปเช่นกัน แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
นี่เป็นถึงอาณาเขตเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยาง มองไปทั้งโลกยอดนิรันดร์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ต่อให้เป็นสี่หอบรรพจารย์ยังไม่กล้าท้าทายเช่นนี้
แต่ตอนนี้กลับมีคนมาท้าทายโดยตรงไม่ปิดบังสักนิดเช่นนี้ นี่จะไม่ให้พวกเขาประหลาดใจได้อย่างไร
“เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วชัดๆ!”
คนมากมายหัวเราะออกมา เสียงดังสะเทือนเมฆ ราวกับได้ยินเรื่องตลกครั้งใหญ่ นึกว่าหลินสวินสติฟั่นเฟือน
คนที่สมองปกติหน่อยใครจะกล้าท้าทายเช่นนี้
หยางซั่วหงยังเผยสีหน้าหยอกล้ออย่างอดไม่อยู่ เอ่ยว่า “อ้อ เช่นนั้นเจ้าพูดมาหน่อยว่าคิดจะเล่นงานตระกูลหยางของข้าจนฟ้าพลิกดินคว่ำอย่างไร”
“อยากเห็นหรือ” หลินสวินพูด
“แน่นอน” หยางซั่วหงพยักหน้า
“ใต้เท้า อย่าไปพูดพล่ามกับเจ้าบ้านี่เลย ให้พวกเราจับเขาไว้ก็พอ” มีคนแววตาเหี้ยมเกรียม หมายจะลงมือเต็มแก่ ต้องการฉวยโอกาสนี้แสดงฝีมือต่อหน้าหยางซั่วหงเสียหน่อย
คนอื่นเห็นเช่นนี้ต่างก็เริ่มขอคำสั่ง หมายจะสังหารคนบ้าผู้นี้
ความมาดร้ายเช่นนี้ทำเอาชิงเฉียนเสวี่ยยังอกสั่นขวัญแขวน
มีเพียงหลินสวินที่รู้สึกเบื่อ หากเป็นสมัยยังอยู่ระดับอมตะ เขาอาจจะยังใจไปต่อสู้กับอีกฝ่ายสักตั้ง
แต่ตอนนี้…
กระบวนทัพกับกำลังพลของอีกฝ่ายช่าง… ไม่เข้าตา!
“เอาเถอะ พวกเจ้าร่วมมือกันจับคนผู้นี้ อีกเดี๋ยวข้าจะถามเขาอีกว่าคิดจะเล่นงานตระกูลหยางของเราจนฟ้าพลิกดินคว่ำอย่างไร” หยางซั่วหงเอ่ยเสียงเรียบ
“ขอรับ!”
ผู้แข็งแกร่งหลายพันที่อยู่บริเวณใกล้เคียงขานรับอย่างครึกโครม
เห็นดังนี้หลินสวินถอนหายใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “อยากรนหาที่ตายก็ง่ายมาก แต่พวกเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าผู้คุ้มกันที่อยู่ที่นี่เหล่านั้นไปไหนหมดแล้ว”
ประโยคเดียวทำเอาพวกหยางซั่วหงอึ้งไป ทั้งยังทำให้คนอื่นๆ ในที่นั้นนัยน์ตาหดเกร็ง พลันตระหนักได้ทันทีว่าหลังจากพวกเขามาถึงหุบเขาแห่งนี้เงียบเกินไปหน่อย นอกจากหลินสวินกับชิงเฉียนเสวี่ยสองคนแล้วกลับไม่เห็นเงาคนอื่นอีก
“หรือว่า…”
มีคนตกตะลึง มองดูหลินสวินด้วยสีหน้าแปรเปลี่ยน คล้ายเดาอะไรได้
ก็ในตอนนี้เองหลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
ฟ้าดินพลิกคว่ำ ห้วงอากาศยุบตัว
ภายใต้สายตาจับจ้องครั่นคร้ามของหยางซั่วหง ยามนี้ผู้แข็งแกร่งหลายพันที่รวมตัวกันอยู่สี่ทิศแปดด้านล้วนไม่ทันได้ดิ้นรน เงาร่างต่างระเบิดออกกลายเป็นฝุ่นธุลีปลิวว่อนเต็มฟ้า
ต่อให้เป็นระดับอมตะขั้นดับเทพเหล่านั้น ยามนี้ยังสลายเป็นฝุ่นควันเหมือนกระดาษเปื่อย!
ชั่วพริบตาก็เหลือแค่หยางซั่วหงคนเดียวแล้ว
ฟันเขากระทบกันกึกๆ ความหนาวเย็นแล่นปราดจากสันหลังไปถึงสมอง ทั้งร่างสั่นระริกเพราะความครั่นคร้าม
กลิ่นอายระดับนิรันดร์!
เจ้าหมอนั่นถึงกับเป็นระดับนิรันดร์คนหนึ่ง!
“ตอนนี้ดูออกแล้วกระมัง รู้สึกอย่างไร”
หลินสวินเอ่ยถาม
หยางซั่วหงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเอ่ยว่า “ท่านมีฐานะเป็นระดับนิรันดร์ ย่อมรู้ถึงฐานะและอิทธิพลของตระกูลหยางของข้าในน่านฟ้าที่เก้าแห่งนี้ดี ถ้ามีจุดใดที่ล่วงเกินไป ขอให้ท่านบอกมา ตระกูลหยางย่อมต้องชดใช้จนท่านพึงพอใจ”
ระดับนิรันดร์!
ยืนผงาดอยู่ปลายยอด เหยียดมองหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า ในสายตาของบุคคลเช่นนี้อย่าว่าแต่ระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างเขา ต่อให้เป็นระดับอมตะขั้นหลุดพ้นก็ไม่ต่างอะไรกับมด!
ในสถานการณ์เช่นนี้เขาทำได้เพียงใช้อิทธิพลของตระกูลที่อยู่เบื้องหลังมาคุยกับหลินสวิน
“ชดใช้จนพึงพอใจหรือ ได้ ขอเพียงตระกูลหยางของพวกเจ้าลบชื่อหายไปจากโลกนี้ข้าก็พอใจแล้ว” หลินสวินเอ่ย
หยางซั่วหงสีหน้าแข็งทื่อ คิดจนหัวแตกก็คิดไม่ออกว่าบนโลกนี้มีระดับนิรันดร์เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร
ควรรู้ว่าต่อให้อยู่ในน่านฟ้าที่เก้า ระดับนิรันดร์ก็น้อยจนนับนิ้วได้ แต่ละคนล้วนมีอานุภาพเหนือโลกา ทำให้สรรพชีวิตในใต้หล้าเคารพยำเกรง
ทว่าหยางซั่วหงนึกไม่ออกว่ามีระดับนิรันดร์แซ่หลินตั้งแต่เมื่อไร
เดี๋ยวก่อน! แซ่หลินหรือ
ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง ตาเบิกกว้าง “จะ… เจ้าคือหลินสวิน!?”
หลินสวินยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ประหลาดใจมากไหม”
แค่ประหลาดใจเสียที่ไหน หยางซั่วหงรู้สึกงุนงงไปหมดแล้ว เคราะห์แห่งยุคสมัยกำลังจะมาเยือน ไม่ใช่บอกว่าบนโลกนี้ไม่มีจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคนิรันดร์อีกแล้วหรือ
แต่เขาหลินสวินแจ้งมรรคนิรันดร์ได้อย่างไร!?
“ดูท่าเจ้าคงไม่รู้ข่าวการตายของหยางจิ่วฉีสักนิด หาไม่แล้วคงไม่ตื่นตูมขนาดนี้”
หลินสวินส่ายหัวอย่างหมดความสนใจอยู่บ้าง
ปัง!
ครู่ต่อมาร่างของหยางซั่วหงก็แหลกสลายเป็นเถ้าธุลี
ขณะเดียวกันจิตรับรู้ของหลินสวินก็แผ่กระจาย ปกคลุมไปตามบริเวณต่างๆ ของเขาผนึกดาราในชั่วพริบตา ผู้คุ้มกันลาดตระเวนที่ยังเหลืออยู่เหล่านั้นล้วนตายคาที่โดยไม่ได้ตั้งตัวสักนิด
เมื่อหลินสวินดึงจิตรับรู้กลับมา ทั้งเขาผนึกดาราแห่งนี้ก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางอีกแม้แต่คนเดียว
“แม่นางน้อย ข้าจะไปตระกูลหยางสักหน่อย ยามนี้ศัตรูที่เคยเห็นหน้าเจ้าหายไปหมดแล้ว พวกเราถือโอกาสนี้บอกลากันเลยแล้วกัน”
หลินสวินมองชิงเฉียนเสวี่ย
“หา?” ชิงเฉียนเสวี่ยอึ้งไป นางยังไม่ทันหายตกใจจากเหตุการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ได้ยินว่าหลินสวินจะจากไป จึงออกจะไม่ทันตั้งตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
“วางใจเถอะ ถ้าไม่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ภายหน้าตระกูลหยางย่อมไม่มีทางสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าอีกแล้ว”
หลินสวินยิ้มพลางปลอบชิงเฉียนเสวี่ยประโยคหนึ่งก็จะจากไป
ชิงเฉียนเสวี่ยพลันเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส พาข้าไปด้วย… ได้ไหม”
หลินสวินอึ้งไป ประหลาดใจยิ่ง “เจ้าไม่กลัวหรือ”
ชิงเฉียนเสวี่ยเอ่ยแววตาแน่วแน่ “กลัว แต่ข้าอยากเห็นว่าผู้อาวุโสจะเล่นงานตระกูลหยางจนฟ้าพลิกดินคว่ำอย่างไร!”
จนถึงตอนนี้นางถึงเผยความแค้นที่มีต่อเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยาง
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะรู้ว่าโลกนี้ไม่มีใครสั่นคลอนตระกูลหยางได้ นางจึงไม่กล้าแม้แต่คิดแค้นตระกูลหยาง
แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าหลินสวินเป็นระดับนิรันดร์ที่ดุจดั่งตำนานคนหนึ่ง ทำให้นางเห็นความหวังว่าตระกูลหยางจะประสบเคราะห์!
“ได้”
หลินสวินจ้องชิงเฉียนเสวี่ยครู่หนึ่ง ไม่พูดมากความอีก พานางเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไป
วันนี้หลินสวินเข้าสู่น่านฟ้าที่เก้า ทำลายกำลังพลทั้งหมดของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางในเขาผนึกดาราแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้ทาสนับไม่ถ้วนที่ถูกขังอยู่ในเหมืองแร่เขาผนึกดารา แม้จะได้รับอิสรภาพ แต่ที่เหนือความคาดหมายคือมีคนเพียงน้อยนิดที่ใจกล้าหนีออกจากภูเขาแห่งนี้ คนส่วนใหญ่ที่เหลือยังกลับไปส่วนลึกของเหมืองเงียบๆ
ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากหนีไป แต่เพราะไม่กล้า!
พวกเขาต่างรู้ดีว่าขอเพียงเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางยังผงาดอยู่ในโลก ต่อให้พวกเขาหนีไปตอนนี้ ต่อให้พวกเขาหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ไม่ช้าก็เร็วก็จะถูกจับกลับมา…