คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 688 บีบบังคับข้า แม้แต่รังเจ้าข้าก็จะปล้นให้หมด!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 688 บีบบังคับข้า แม้แต่รังเจ้าข้าก็จะปล้นให้หมด!

หมีตาบอดพ่นใบมีดน้ำแข็งออกมาจากปากของมัน ซึ่งทำให้ฉินหลิวซีรู้สึกว่ามันขัดต่อสัญชาตญาณและวิถีของสัตว์เป็นอย่างมาก

นี่มันผิดกติกา

แม้ว่าจะบ่นอยู่ในใจ แต่การเคลื่อนไหวหลบหนีของฉินหลิวซีก็ไม่ได้ช้าแม้แต่นิด กระทั่งวาดยันต์กลางอากาศเป็นยันต์ไฟสองสามครั้ง

ไฟละลายน้ำแข็ง ไม่มีปัญหา

ปีศาจเฒ่าเฮยซายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเห็นนางโจมตีกลับเช่นนี้ มนุษย์เจ้าเล่ห์และน่ารังเกียจ เขาพึ่งจะดูดน้ำ ฉินหลิวซีก็ถอยออกไปในระยะที่ปลอดภัยพลางเอ่ย “เจ้าลักษณะเหมือนหมี เหตุใดจึงดูดน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งได้”

ปีศาจเฒ่าเฮยซาเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนว่าเป็นเพลงยุทธที่ข้าสร้างขึ้นมาเองด้วยพลังอาคม”

“เก่งไม่เบาเลย”

“แน่นอนอยู่แล้ว…เดี๋ยวนะ ตัวร้ายจอมเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าอย่าคิดที่จะหักเหความสนใจของข้าอีก ดูว่าข้าเก่งกาจแค่ไหน” ปีศาจเฮยซาสบถ เมื่อเห็นว่าใบมีดน้ำแข็งถูกฉินหลิวซีละลายอย่างง่ายดาย ดวงตาสีดำของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ยังไม่ทันได้ทำอะไร ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลง ลมพัดกระโชกแรง ทรายสีทองม้วนเป็นพายุทรายปกคลุมบริเวณโดยรอบ

ทันทีที่เขาร่ายคาถานี้ ท้องฟ้าที่เดิมทีก็มืดอยู่แล้วกลับมืดลงกว่าเดิม ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

ฉินหลิวซีเพ่งพินิจเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงทรายที่โหมกระหน่ำอยู่ข้างหู

นางหันกลับไปมอง พายุทรายขนาดเล็กที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้พัดหมุนเข้ามารอบตัวนาง ทรายที่อยู่ใต้เท้าจมลงอย่างรวดเร็ว

นี่ก็คือความสามารถของปีศาจเฒ่าเฮยซาหรือ

ฉินหลิวซีหมอบลงแล้วกลิ้งไปบนพื้นผิวทรายเรียบ เพื่อออกจากทรายดูดบริเวณนั้น

แต่ทันทีที่นางกลิ้ง กลับเป็นการกลิ้งลงไปเรื่อยๆ จนตกลงไปในหลุมลึก

สถานที่แห่งนี้ไม่มีพายุขนาดเล็ก แล้วก็ไม่มีทรายดูดแล้ว แต่กลับมีเสียงผีโหยหวน หมาป่าหอน เสียงครวญคราง เสียงกรีดร้องอย่างเกรี้ยวกราด ทำให้คนบ้าคลั่ง

ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว ฟังเสียงสะอื้นที่ฟังดูคล้ายกับผีร้องโหยหวนและเสียงบทสวดภาษาสันสกฤต สองเสียงนี้ปะปนกัน คลื่นเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ มีความรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดเล็กน้อย มีความหงุดหงิดและความโกรธเกิดขึ้นในใจเล็กน้อย

อยากจะทำลายทุกสรรพสิ่ง

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ประกายไฟพลันปรากฏบนปลายนิ้ว

อย่าเล่นไฟตามอำเภอใจ

คำที่นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกับตาเฒ่าหัวโล้นวัดอู๋เซียงเคยกล่าวเตือนเป็นเหมือนน้ำพุที่ใสสะอาด ดับความคิดที่พึ่งผุดขึ้นมาของนางไปหมดสิ้น

ฉินหลิวซีลืมตา มือทั้งสองข้างร่ายคาถา ปากท่องมนต์บดสวดเทพเจ้าจินกวง[1] บทสวดเต๋าราวกับมีอักขระที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีทองลอยออกมาทีละตัว

เสียงร้องโหยหวนค่อยๆ เงียบหายไป

ความหงุดหงิดก็ค่อยๆ ลดลง

ปีศาจเฒ่าเฮยซาที่เห็นฉากนี้รู้สึกประหลาดใจ คนผู้นี้สามารถต้านทานเขตพุทธะที่มันใช้พลังอาคมสร้างขึ้นมาได้

เมื่อเข้าสู่เขตพุทธะนี้ หากจิตใจไม่เข้มแข็งก็จะเสียสติอยู่ในนั้นอย่างง่ายดาย จากนั้นก็จะมีจิตมาร เมื่ถูกจิตมารควบคุม ถึงเวลานั้นก็จะกลายเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกผู้อื่นควบคุม แม้แต่ทำร้ายตัวเองก็ยังได้

เห็นได้ชัดว่าฉินหลิวซีได้เข้าสู่เขตแดนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่จิตมารจะก่อตัวขึ้นมา นางก็ได้สงบลงแล้ว ซ้ำยังใช้บทสวดเทพเจ้าจินกวงทำลายดินแดนได้อีกด้วย

ปีศาจเฒ่าเฮยซารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่แท้ก็เป็นคนที่มีบุญกุศลติดตัวจริงๆ ซ้ำยังมีความท้าทาย

ทันทีที่ดินแดนถูกทำลาย เขาก็ใช้ใบมีดน้ำแข็งโจมตีไปยังฉินหลิวซีในขณะที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

ฉินหลิวซีลืมตาขึ้น มือหนึ่งคว้ามีดน้ำแข็งไว้ เงยหน้ามองปีศาจเฒ่าเฮยซา “พอกันที ข้าก็โมโหเป็นนะ”

ที่ไม่ทำร้ายเขาเพราะเห็นว่าเขาฝึกบำเพ็ญเป็นภูตภูเขา แต่หากคิดว่านางน่ารังแกนัก เช่นนั้นก็อย่าโทษที่นางใช้ไม้ตาย

เมื่อปีศาจเฒ่าเฮยซาเห็นสายตาของนาง ทันใดนั้นก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่ไม่นานก็รู้สึกรังเกียจตัวเอง ตัวแค่นี้ไม่พอให้ตนเองตบตายด้วยฝ่ามือเดียวด้วยซ้ำ ดูแสร้งทำเข้า

ใบมีดน้ำแข็งของเขาชี้ไปข้างหน้า แต่กลับไม่ขยับแม้แต่น้อย

เป็นไปได้อย่างไร

“จะบอกอีกครั้งว่าการฝึกบำเพ็ญจนมีความรู้สึกนึกคิดนั้นไม่ง่าย อย่ามาบังคับข้า” ไม่รู้ว่าดวงตาของฉินหลิวซีเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ ราวกับลูกไฟที่กำลังลุกไหม้

และมือของนางที่คว้าใบมีดน้ำแข็งก็มีเลือดไหลออกมาเนื่องจากออกแรงบีบ

ปีศาจเฒ่าเฮยซาได้กลิ่นรสหวานที่แฝงอยู่ในเลือด ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เลือดนี้มันอะไรกัน เขามองไปยังฉินหลิวซี สายตาแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นคนจากโลกอื่นหรือ”

ตัวอะไรนะ

ฉินหลิวซีสีหน้าเคร่งขรึมพลางเอ่ย “วางมือเสีย มิเช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว”

ปีศาจเฒ่าเฮยซาถูกกระตุ้นให้อยากต่อสู้อีกครั้ง ตะโกนขึ้นว่า “บังคับเจ้าแล้วจะทำไม ท่านปู่อย่างข้าก็อยากจะดูว่าเจ้าจะไม่เกรงใจอย่างไร”

ฉินหลิวซียกมุมปาก ดูชั่วร้ายเล็กน้อย กล่าวว่า “หากบังคับข้าก็จะ…”

ปล่อยไฟ!

ซู่

ทันใดนั้นเปลวไฟก็ผุดขึ้นมาจากมือของนาง กลิ้งไปตามใบมีดน้ำแข็ง ใบมีดน้ำแข็งละลายด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด ไฟนั้นกลับลามขึ้นไปบนเส้นขนของปีศาจเฒ่าเฮยซา

“โอ๊ย”

ปีศาจเฒ่าเฮยซาคำรามด้วยความเจ็บปวด รีบกระโดดลงไปในทะเลสาบ เสียงดังตู้ม น้ำในทะเลสาบเต็มล้นขึ้นมา

ในเวลากลางคืน ในทะเลทรายดำที่อากาศหนาวเย็น

ปีศาจเฒ่าเฮยซานั่งยองๆ อยู่ข้างกองไฟพลางร้องไห้งอแง ลูบร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเอง มองฉินหลิวซีด้วยความเกลียดชัง

“ไม่ยอมหรือ” ฉินหลิวซีพลิกปลาย่าง อย่าถามว่าปลานี้มาได้อย่างไร คำตอบก็คือตอนที่ปีศาจเฒ่าเฮยซาคิดสั้นกระโดดลงทะเลสาบ มันก็เลยถูกน้ำซัดขึ้นมา

ปีศาจเฒ่าเฮยซาเดินหลบไปสองสามก้าว เอ่ย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าขนมีความสำคัญกับหมีตัวหนึ่งมากแค่ไหน ทั้งร่างกายของข้าดูแลขนเงางามจน ทุกเส้นราวกับลูกธนู ซ้ำยังมีเกล็ดที่แข็งพอๆ กับเกล็ดลิ่น สามารถใช้เป็นเกราะที่ฟันแทงไม่เข้าได้ แต่กลับถูกเจ้าแผดเผาจนไม่เหลือ”

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เผาอย่างเดียวไม่ว่า ไฟนั้นยังเผาไหม้จิตวิญญาณของเขาด้วย ตอนนี้ตบะของเขาถดถอยแล้ว

แงๆ ผลเต้ากั่วสีม่วงถูกนางขโมยไปแล้ว ขนทั้งตัวยังถูกเผา ตบะก็ถดถอย สูญเสียครั้งใหญ่ยิ่ง!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้มันก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้

“ล้วนเป็นเพราะเจ้าบังคับข้าทั้งนั้น ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งแล้ว!” ฉินหลิวซียิ้มหยัน เอ่ยว่า “เจ้าโจมตีที่หลังข้า ข้าก็กระอักเลือดแล้ว ใบมีดน้ำแข็งของเจ้าก็ทำให้ข้าเลือดออก เผาขนเจ้าทั้งตัวจะเป็นไรไป!”

นางเคยต้องสูญเสียเช่นนี้เสียที่ไหน

“ก็เจ้าขโมยผลเต้ากั่วของข้าก่อน!”

“นั่นเป็นของเจ้าหรืออย่างไร จุดเริ่มต้นของโลกใบนี้ สมบัติทั้งมวลเกิดขึ้นมาและเติบโตเองตามธรรมชาติ ไปเขียนชื่อเจ้าเอาไว้ตอนไหน ยิ่งไม่ได้อยู่ในมือเจ้าด้วยซ้ำ จะเป็นของเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้อยู่ในมือเจ้า ซ้ำยังเติบโตในโลกใบนี้ เช่นนั้นก็เป็นของผู้มีความสามารถที่ได้รับมัน!”

ปีศาจเฒ่าเฮยซาโมโหมาก “ข้าเฝ้ามันมาสามร้อยปีกว่ามันจะค่อยๆ สุก จะไม่ใช่ของข้าได้อย่างไร นี่คืออาณาเขตของข้า”

“อ้อ ตอนนี้เป็นอาณาเขตของข้าแล้ว!”

ปีศาจเฒ่าเฮยซา “?”

อะไรกัน หลังจากสูญเสียครั้งใหญ่ แม้แต่รังของข้าก็ถูกนางปล้นไปด้วยหรือ

“ข้าต่อสู้เก่งกว่าเจ้า ดังนั้นนี่เป็นอาณาเขตของข้าแล้ว หากไม่ยอมข้าจะเผาเจ้าอีกครั้ง!” ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “แต่เจ้าจงคิดให้ดี ไฟนรกของข้านี้สามารถแผดเผาทุกสรรพสิ่งและบาปทุกประการได้ เมื่อครู่หากข้าไม่ได้ควบคุมไว้ เจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว ไหนเลยจะยังมาเถียงกับข้าอยู่ที่นี่ได้”

ข้าไม่ได้เถียง เห็นได้ชัดว่าเจ้ากำลังเล่นลิ้น!

ปีศาจเฒ่าเฮยซาเหลือบมองนาง ถามว่า “ไยเจ้าจึงมีไฟนรกติดตัว ไฟนรกนี้ไม่ได้มีเฉพาะในยมโลกหรอกหรือ หรือว่าเจ้าไปขโมยมาจากยมโลก”

ฉินหลิวซีมองดูท่าทางตกใจและเหลือเชื่อของเขา ฉีกยิ้มพลางเอ่ย “ใช่แล้ว แม้แต่ยมโลกข้าก็กล้าขโมย เจ้าว่าข้าน่ากลัวหรือไม่”

ไปปล้นยมโลกมาแล้วยังสามารถรอดชีวิตมาได้ หยิ่งผยองเกินไปแล้ว

ปีศาจเฒ่าเฮยซาขยับออกห่างอีกสองสามก้าว เขาเชื่อแล้ว

ฉินหลิวซี “…”

ตอนที่ภูตภูเขาผู้โง่เขลานี้ฝึกบำเพ็ญลืมฝึกสมองด้วยงั้นหรือ

[1] บทสวดเทพจินกวง หนึ่งในแปดบทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท