บทที่ 1147 ตอนพิเศษ (45)
บทที่ 1147 ตอนพิเศษ (45)
“เฝิงซิ่วไฉ เจ้ายอมกลับมาแล้วหรือ?” มีคนกล่าวล้อเขา
เฝิงหลานเซิงตอบ “สำนักบัณฑิตหยุดน่ะ คราวนี้จึงกลับมาสองสามวัน”
สิ้นคำ เขาก็หันไปเอ่ยกับหัวหน้าหมู่บ้าน “หัวหน้าหมู่บ้าน การแต่งงานเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ท่านจะบังคับผู้อื่นได้อย่างไร? แม่นางหยางไม่ยินดีแต่ง การบังคับให้นางแต่งไปก็เป็นได้เพียงศัตรูกัน ไม่ใช่คู่ชีวิต”
หยางชิงซือเย้ยหยัน “รู้จักกันมาหลายปีเพียงนี้ ในที่สุดก็พูดจาภาษามนุษย์ออกมา”
เพียงแต่ อย่าได้คิดว่าพูดจาดี ๆ แทนนางเพียงไม่กี่คำจะทำให้นางลืมความเนรคุณของเขาได้
“เฝิงซิ่วไฉ นี่เป็นเรื่องของครอบครัวผู้อื่นเขา เจ้าก็อย่าได้มายุ่งเลย” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านบอกว่านี่เป็นเรื่องครอบครัวผู้อื่น เช่นนั้นเหตุใดท่านต้องเข้ามายุ่งเล่า?”
หยางชิงซือเป็นผู้ที่ไม่ยอมเสียเปรียบผู้อื่น นางกล่าว “อย่างไรก็ตาม ข้าขอบอกไว้ตรงนี้ หากอยากให้ข้าแต่งก็ย่อมได้ แบกศพของข้าไปได้เลย”
หยางชิงซือแววตาแข็งกร้าว นางใช้มีดในมือแทงเข้าที่คอตนเองหนึ่งที
“กรี๊ด…” สตรีขี้ขลาดที่อยู่ข้าง ๆ ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา
คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงกับการกระทำแข็งกร้าวเช่นนี้ของนางเช่นกัน
“เจ้าไม่ต้องการชีวิตแล้วจริง ๆ หรือ!” หัวหน้าหมู่บ้านตกใจ “เอาละ ๆ ข้าไม่สนใจแล้ว พวกเจ้าอยากทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น”
หากเขาไล่ต้อนคนจนตาย เขาซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านผู้นี้ก็อย่าได้หวังว่าจะมีชีวิตที่สงบสุข
เหงื่อกาฬไหลลงมาตามแผ่นหลังของซ่งซื่อ
หยางชิงซือพูดจารุนแรงแต่ซ่งซื่อไม่เคยถือเป็นจริงจังแม้แต่น้อย ยามนี้เมื่อมองหยางชิงซือ แววตาของนางราวกับกำลังเห็นผี
อิงซื่อกัดฟันเอ่ย “น้องสามี เจ้าช่วยแนะนำลูกสาวเจ้าเถอะ ถึงอย่างไร ลูกชายข้าก็ต้องแต่งภรรยาภายในสิบวัน หากเจ้าจัดการลูกสาวเจ้าไม่ได้ก็คืนเงินมา ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นหากเป็นอันตรายถึงชีวิต ข้าจะไม่กลายเป็นคนใจคอโหดเหี้ยมไล่ต้อนคนให้ตายหรือ”
คนอื่น ๆ จากไปแล้ว ซ่งซื่อถลึงตามองหยางชิงซือ สายตาโกรธเกรี้ยว
หยางฟู่กล่าว “มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ อย่าได้หุนหันพลันแล่น หากเจ้าปาดคอตายจริง ๆ นั่นคงจบสิ้นแล้ว เอาละ พวกเราใจเย็น ๆ ก่อนเถิด”
หลิวจิ่วจู๋เอาผ้าเช็ดหน้าไปปิดคอหยางชิงซือ “เจ้าจับไว้ก่อน ข้าจะไปหาสมุนไพร”
บ้านของนางถูกไฟไหม้ แน่นอนว่าไม่มีสมุนไพรเพียงพอ แต่ไม่เป็นไร สมุนไพรชนิดนี้หาง่าย นางเพียงแค่ต้องขึ้นเขาไปเก็บ ไม่นานก็กลับมาแล้ว
หลิวจิ่วจู๋จ้ำอ้าวจากไปอย่างเร่งรีบ ไม่รู้ตัวว่าด้านหลังมีคนผู้หนึ่งตามมาด้วย
“น้องหญิงจิ่วจู๋” เฝิงหลานเซิงเดินตามมา
หลิวจิ่วจู๋ได้ยินเสียงจึงหยุดฝีเท้าแล้วหันไปมอง “มีเรื่องอะไร?”
เห็นแก่ที่เขาพูดแทนหยางชิงซือสองสามคำ หลิวจิ่วจู๋ถึงได้ยอมให้ความสนใจเขา
“เจ้าไม่ต้องร้อนใจ ของเพียงแม่นางหยางไม่ยินดี พวกเขาย่อมไม่กล้ากดดันเกินไป”
“อืม”
“น้องหญิงจิ่วจู๋ เจ้ายังเกลียดข้าใช่หรือไม่” เฝิงหลานเซิงมองนางอย่างรู้สึกผิด “ตอนนั้นข้ารีบร้อนจากไป ไม่ใช่จงใจหลบหน้าเจ้า หากแต่เป็นเพราะท่านอาจารย์มีเรื่องให้ข้าทำ ข้าคิดว่าอีกไม่นานข้าก็จะกลับมา นึกไม่ถึงว่าจะเรียนหนักขึ้นเรื่อย ๆ ข้าจึงไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก ต่อมาข้าได้ยินมาว่าเจ้าแต่งงานแล้ว น้องหญิงจิ่วจู๋ พวกเราไร้วาสนาต่อกัน เป็นความผิดข้า เพียงแค่หวังว่าเจ้าจะไม่เกลียดข้า”
หลิวจิ่วจู๋ “…”
หากนางรู้ว่าเขารั้งนางไว้เพื่อเอ่ยคำพูดไร้สาระทั้งยังไร้ความหมายเหล่านี้ นางคงไม่หยุดอยู่ที่นี่ให้เสียเวลา
“ข้าไม่โทษท่าน อีกทั้งยังไม่ได้เกลียดท่าน” หลิวจิ่วจู๋เหลือบมองเขา “อันที่จริงข้ารู้สึกขอบคุณท่านมาก หากไม่ใช่เพราะท่านหนีไปเร็วเพียงนั้น ข้าคงไม่ได้พบเจอสามี ตอนนี้ข้าสบายดี ทั้งยังได้พบกับสามีที่ดีที่สุด”
หากไม่ใช่เพราะเขาหลบไปเร็วเพียงนั้น ดูจากสถานการณ์ของนางในตอนนั้นแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะขอเขาแต่งงานจริง ๆ โชคดีที่เขาหนีไป นางถึงได้มีโชคชะตาอย่างในภายหลัง
ก่อนหน้านี้นางก็ไม่เคยมีความรู้สึกใด ๆ ต่อเฝิงหลานเซิง แต่ท่านย่ารู้สึกว่าเขาสามารถพึ่งพิงได้ นางคิดว่าจะแต่งผู้ใดก็ต้องแต่งอยู่ดี ดังนั้นนางจึงไม่ได้ปฏิเสธ จนกระทั่งต่อมาได้พบกับสามี นางถึงตระหนักว่า ที่แท้บุรุษนั้นไม่เหมือนกัน หากนางแต่งงานกับเฝิงหลานเซิงจริง ๆ นางอาจกลายเป็นหนึ่งในสตรีในหมู่บ้านที่ไม่เคยลิ้มรสความรักมาก่อน สงสัยว่าดวงวิญญาณของท่านย่าคงคุ้มครองนาง
“จิ่วจู๋…”
“ท่านเรียกชื่อของข้าเถอะ!” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยขัดขึ้นมา “ท่านเรียกข้าเช่นนี้ ข้ารู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย หากสามีข้าได้ยินเข้า คงไม่ยินดีเท่าใดนัก”
“พวกเราคบหากันมาหลายปี ถึงแม้จะไม่อาจเป็นสามีภรรยา แต่ก็ยังเป็นพี่น้องกันได้ ข้าคิดว่าสามีเจ้าคงไม่ใช่คนใจแคบเพียงนั้น และเข้ามาวุ่นวายแม้กระทั่งการที่เจ้าคบหากับสหาย”
“สามีข้าไม่ใจแคบ แต่ข้าใจแคบเป็นอย่างยิ่ง” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “ในเมื่อพวกเราไม่เกี่ยวข้องกัน เหตุใดต้องเรียกขานอย่างสนิทสนมเพียงนี้? ท่านไม่รู้สึกพะอืดพะอมบ้างหรือ?”
“น้องหญิงจิ่วจู๋ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสามีเจ้าเป็นคนอย่างไร” เฝิงหลานเซิงเอ่ย “เดิมทีข้าไม่อยากบอก เพียงแต่เห็นเจ้าเชื่อใจเขาเพียงนี้ ข้ารู้สึกว่าควรบอกเจ้า ให้เจ้าได้เตรียมใจ ข้าได้ยินว่า สถานที่ที่สามีเจ้าไปไม่ใช่ค่ายทหารจริง ๆ ที่นั่นมีบางอย่างแปลก ๆ เหมือนจะไม่ใช่ที่ที่ดีอะไร สามีเจ้าทำงานอยู่ที่นั่น หมู่นี้ไม่ได้กลับมากระมัง? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาทำอะไรอยู่ที่นั่น?”
“ข้ากำลังทำอะไร นั่นไม่ต้องให้ท่านมากังวล” เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลิวจิ่วจู๋หันกลับไปทันที เมื่อเห็นเงาร่างที่คุ้นตา แววตาของนางพลันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ลู่ฉาวจิ่งยิ้มแล้วกล่าว “จำกันไม่ได้แล้วหรือ?”
หลิวจิ่วจู๋ถกชายกระโปรงขึ้น แล้ววิ่งเข้าไปหาเขา
แน่นอนว่าลู่ฉาวจิ่งย่อมไม่ยืนนิ่งปล่อยให้นางวิ่งเข้าไปหา แต่กลับเดินเข้าไปสวมกอดร่างที่พุ่งเข้ามาแทน
หลิวจิ่วจู๋โผเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่ม ยกแขนขึ้นกอดคอเขา แย้มยิ้มงดงามราวกับบุปผาในวสันต์ฤดู
“ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”
“หากข้ายังไม่กลับมา เกรงว่าจะมีคนแต่งเรื่องราวน่าสนใจให้ข้า” ลู่ฉาวจิ่งมองไปทางเฝิงหลานเซิง “เฝิงซิ่วไฉ ถึงแม้จะมีบัณฑิตมากมายที่เขียนนิทานหาเลี้ยงชีพ ทว่าท่านใช้ข้าแต่งเรื่องหลอกลวงจิ่วเอ๋อร์ นั่นจะไม่มากไปหน่อยหรือ?”
เฝิงหลานเซิงยิ้มน้อย ๆ “ข้าเพียงได้ยินผู้อื่นพูดมา เพราะหวังดีจึงเตือนจิ่วเอ๋อร์ ไม่ได้มีความหมายอื่นใด”
“ไม่จำเป็นต้องให้ท่านมาหวังดี” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “สามีของข้าเป็นคนเช่นไร ไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าข้าแล้ว”
“พวกท่านสามีภรรยาสนิทสนมกลมเกลียวกันก็ดี” เฝิงหลานเซิงเอ่ย “ข้าเพิ่งกลับมา ยังไม่ได้กลับบ้าน ไม่รบกวนทั้งสองท่านแล้ว”
หลิวจิ่วจู๋มองเงาร่างของเฝิงหลานเซิงแล้วกล่าว “ก่อนหน้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจะลิ้นยาว*[1] ถึงเพียงนี้”
เทียบได้กับสตรีลิ้นยาวในหมู่บ้านทีเดียว
ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “ข้าพึ่งกลับมา คนในหมู่บ้านบอกว่าเกิดเรื่องแล้ว เพียงแต่ไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ให้ข้ามาหาเจ้า เกิดอะไรขึ้น? มีคนรังแกเจ้าหรือ?”
หลิวจิ่วจู๋ขมวดคิ้ว “บ้านพวกเราไม่มีแล้ว”
“เกิดเรื่องอะไร?” ลู่ฉาวจิ่งกอดหลิวจิ่วจู๋เดินกลับไป
หลิวจิ่วจู๋รีบหยุดเขาไว้ “อย่า ข้าต้องขึ้นเขา ข้าจะเล่าให้ท่านฟังระหว่างทาง ตอนนี้ข้าต้องขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ไม่เช่นนั้นจะไม่มีสมุนไพรรักษาชิงซือแล้ว”
ระหว่างทาง หลิวจิ่วจู๋อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลู่ฉาวจิ่งฟังรวมถึงความตื่นตระหนกและความคับข้องใจทั้งหมดที่นางต้องเผชิญในระยะนี้
สีหน้าของลู่ฉาวจิ่งเริ่มไม่น่าดูชมมากขึ้นเรื่อย ๆ
เด็กหนุ่มที่ปกติร่าเริง ตอนนี้สีหน้ากลับเข้มขรึม ดูคลับคล้ายคลับคลาบิดาของเขาอยู่หลายส่วน
[1] ลิ้นยาว : หมายถึง ขี้นินทา