ตอนที่ 399 ปรากฏตัว
เสียงเคาะไม่ได้ดังมาก แต่เมื่อดังขึ้นในโสตประสาทของจูอู่และชายวัยกลางคนแล้ว กลับไม่ต่างจากเสียงฟ้าร้อง
ทั้งสองสีหน้าพลันเปลี่ยน
ชายวัยกลางคนทำท่าทางบอกจูอู่ให้เงียบและรีบหาต้นตอของเสียงทันที
ลั่วเซิงไม่ค่อยวางใจนัก เพราะมีกำแพงกั้น
หากทั้งสองในห้องหนังสือไม่ได้ยิน เช่นนั้นก็เปล่าประโยชน์
แน่นอนว่าทั้งสองอาจจะสงบนิ่งพอที่จะได้ยินเสียงแล้วสามารถรักษาความสงบเอาไว้ก็เป็นได้
นางเคาะอีกสองครั้งแล้วออกจากห้องลับทันที
จะให้อยู่ต่อย่อมเป็นไปไม่ได้ นางสู้ไม่ได้แม้แต่จูอู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีชายที่ไม่รู้ฝีมืออีกคนหนึ่งอยู่ด้วย
เมื่อเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง จูอู่และชายวัยกลางคนก็รู้ว่าเสียงมาจากข้างหลังชั้นวางหนังสือ
“เสียงมาจากทางนี้” ชายวัยกลางคนน้ำเสียงหนักแน่น
ถึงตอนนี้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเงียบอีก
หากเป็นเสียงที่ดังขึ้นครั้งแรก อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ตั้งใจ แต่เสียงเคาะครั้งที่สองที่ดังขึ้นอย่างสงบเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเตือนพวกเขา
อีกฝ่ายตั้งใจทำ!
เขาจงใจทำเสียงดังให้พวกเขารู้ว่ามีบุคคลที่สามอยู่
“ที่นี่มีห้องลับหรือ” ชายหนุ่มถามจูอู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จูอู่ดูประหลาดใจ “ไม่มีทาง ข้าตรวจสอบแล้วตอนเข้ามาอยู่ ไม่มีห้องลับ”
ชายวัยกลางคนชี้ไปที่กำแพงหลังชั้นวางหนังสือ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่เสียงนี้ดังมาจากที่นี่จริงๆ”
ทั้งสองสบตากันแล้วช่วยกันย้ายชั้นวางหนังสือออก
“ลุงซิ่งดูสิ ที่นี่ไม่มีกลไกใดๆ เลย และไม่มีประตูลับด้วย จะมีห้องลับได้อย่างไร” จูอู่พูดลางยกมือขึ้นเคาะกำแพง
เสียงเคาะทำให้ทั้งสองขมวดคิ้ว
“ประหลาดจริงๆ” จูอู่ยื่นมือไปเคาะอีกครั้ง
ชายวัยกลางคนตั้งสติได้ “ไม่เหมือนกับเสียงเคาะที่ได้ยินเมื่อครู่นี้”
เขาเคาะกำแพงไปทีละนิ้วทันที สุดท้ายหยุดอยู่ที่บริเวณหนึ่งด้านล่าง
เสียงเคาะดังขึ้น
“ตรงนี้นี่เอง!” สีหน้าชายวัยกลางคนนิ่งขรึม “เสียงเคาะที่ดังจากตรงนี้ไม่เหมือนกับบริเวณอื่น ผนังบางกว่ามาก”
การค้นพบนี้ ทำให้หัวใจของเขาหล่นลงไปตาตุ่มทันที
เพียงแค่เรื่องนี้ก็ทำให้เห็นได้ว่าอีกฝ่ายมั่นใจในตนเองมาก
ด้วยความรอบคอบของจูอู่ ย่อมตรวจสอบด้านหลังชั้นวางหนังสือแล้วและเคาะผนังเพื่อดูว่ามีห้องลับหรือไม่
หากกำแพงเป็นแค่ผนังบางๆ ย่อมฟังออก
แต่จะมีสักกี่คนที่เวลาเคาะกำแพงย่อเข่าลงไปเคาะเล่า
สีหน้าของจูอู่ย่ำแย่ยิ่งกว่าชายวัยกลางคน เขาชักกริชออกมาจากบริเวณเอวและแทงเข้าไป
กริชจมเข้าไปอย่างง่ายดาย
จูอู่หมุนข้อมือ กริชทะลวงบริเวณนั้นจนเป็นรู
มองดูผ่านรูนั้นแล้ว ข้างในมืดมิด
จูอู่สีหน้าตึงเครียด เขาใช้กริชทำลายผนังต่อไป ไม่นานผนังก็กลายเป็นรูขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงผนังที่หนาขึ้น
ชายวัยกลางคนจุดตะเกียงน้ำมันชูขึ้นแล้วมองเข้าไปข้างใน เห็นได้ว่าข้างในเป็นห้องลับที่สามารถจุคนได้หนึ่งคน
ห้องลับที่ว่างเปล่าไม่เห็นผู้ใด
จูอู่ต่อยกำแพง “เจ้าเล่ห์จริงๆ มีแค่บริเวณเดียวที่เป็นกำแพงบางๆ บริเวณอื่นไม่ต่างจากกำแพงทั่วไปเลย!”
“จุดประสงค์ที่อีกฝ่ายสร้างห้องลับนี้ก็คือดักฟัง” ชายวัยกลางคนน้ำเสียงเยือกเย็น
จูอู่ไม่เข้าใจ “ในเมื่อดักฟัง แล้วอีกฝ่ายส่งเสียงดังเพื่ออะไร”
ชายวัยกลางคนยิ้มหยัน “แน่นอนว่าต้องการเตือนเราว่าที่นี่มีคนแอบฟัง”
“คนผู้นั้นเสียสติหรือ” หากมีคนอยู่ในห้องลับบัดนี้ จูอู่แทบอยากจะเฉือนเนื้อคนๆ นั้นเป็นชิ้นๆ “หลังจากเตือนพวกเราแล้วก็วิ่งหนี นี่มันล้อเล่นกันหรือ”
ความรู้สึกแบบนี้ แย่มากจริงๆ
ชายวัยกลางคนเดินสาวเท้าไปข้างนอก “ไปดูข้างนอก”
มองดูชายวัยกลางคนและจูอู่เดินออกมา สือเยี่ยนและสือเหยียนที่ซ่อนตัวก็สบตากัน
พวกเขาทำตามคำสั่งของคุณหนูลั่ว เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว พวกเขาจึงไม่ได้เข้าใกล้เลย เหตุใดเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้ววิ่งออกมานะ
สือเยี่ยนขยิบตาให้สือเหยียน
พี่รองเปิดเผยจุดอ่อนหรือไม่
สือเหยียนเหลือบมองสือเยี่ยนอย่างเย็นชา คิดในใจว่าน้องสามไม่ได้ถูกตีมาพักใหญ่ ไม่เพียงแต่ร่างกายจะพองขึ้นเท่านั้น จิตใจของเขายังพองขึ้นด้วย
ชายวัยกลางคนยืนมองไปรอบๆ ลานบ้าน กำหมัดประสานมือพูดว่า “มิทราบว่าผู้ใดมาเยือน ได้โปรดปรากฏตัวได้หรือไม่”
สือเยี่ยนและสือเหยียนมองหน้ากัน
โดนเปิดโปงแล้วจริงๆ หรือ
เมื่อคิดถึงคำสั่งของลั่วเซิง สองพี่น้องจึงไม่มีผู้ใดขยับ
แม้จะถูกเปิดเผยตัวแล้วก็ห้ามส่งเสียง นอกจากว่าอีกฝ่ายเดินมาตรงหน้า
สิ่งที่ตอบชายวัยกลางคน มีเพียงเสียงลมพัดกิ่งไม้ไหว
ครานี้เองเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ชายวัยกลางคนมองจูอู่ สีหน้าพลันเปลี่ยน พวกเขามองไปที่ประตูเรือนพร้อมกัน
มีคนมาแล้ว
เขาตั้งใจรักษาระยะห่างกับคนของหอสุรามาโดยตลอด เวลาแบบนี้ไม่น่าจะมีคนจากหอสุรามาหาเขา
ผู้ที่มาอาจจะเป็นคนที่หายไปจากห้องลับในห้องหนังสือ
บุคคลลึกลับที่หยอกเขาเล่นอย่างรุนแรงนั่น
ในเมื่อมาหาถึงที่เองก็อย่าโทษเขาไม่เกรงใจ เขาไม่เชื่อว่ามีเขาและลุงซิ่งอยู่แล้วจะจับตัวคนๆ นั้นไม่ได้
ความตื่นตระหนกจากการค้นพบห้องลับแปรเปลี่ยนเป็นความเดือดดาลและเจตนาสังหาร จูอู่เปิดประตู
เด็กสาวที่ยืนอยู่นอกประตูส่งยิ้มให้จูอู่
จูอู่ชะงักแล้วรีบปิดบังความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาถามด้วยความประหลาดใจว่า “เถ้าแก่ เหตุใดท่านจึงมาได้เล่า”
“มีธุระเลยมาหาท่านจูหน่อยนะ”
จูอู่ตกใจและสงสัยจนลืมตอบสนองไปชั่วขณะ
ลั่วเซิงยิ้มๆ “ทำไมหรือ ท่านจูจะไม่เชิญข้าเข้าไปหรือ”
จูอู่ดึงสติกลับมาได้ รีบหลีกทางให้ “เถ้าแก่เชิญขอรับ”
ลั่วเซิงเดินเข้ามาก็เห็นชายที่ได้ยินเสียงเมื่อครู่
ดูไปแล้วอายุราวๆ ห้าสิบ รูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาสดใส บัดนี้กำลังมองมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
จูอู่รีบแนะนำว่า “นี่คือท่านลุงที่มาจากแดนไกลของข้า วันนี้เข้าเมืองหลวงมาอาศัยกับข้า ลุงซิ่ง นี่คือเถ้าแก่หอสุราของเรา”
ลุงซิ่งกำหมัดประสานมือทักทายลั่วเซิง
ลั่วเซิงพยักหน้า จู่ๆ ก็ตะโกนเรียก “สือเยี่ยน…”
สองพี่น้องสือเยี่ยนปรากฎตัวขึ้นทันที พวกเขายืนขนาบซ้ายขวาของลั่วเซิง
จูอู่ระวังตัวขึ้นทันที
คุณหนูลั่วเคาะประตูเข้ามา แต่พี่น้องสือเยี่ยนซ่อนตัวอยู่ในลานบ้าน
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน
จูอู่จ้องลั่วเซิงเขม็ง ถามว่า “เถ้าแก่ ท่าน…”
ลั่วเซิงยิ้มน้อยๆ “เมื่อครู่นี้ท่านจูไม่ได้ยินเสียงเคาะผนังหรือ”
จูอู่ดวงตาฉายแววเยือกเย็น
เด็กสาวตรงหน้ากลับยังคงนิ่งสงบ “ข้าเป็นคนเคาะเอง”
เมื่อพูดจบ จูอู่ก็จู่โจมใส่บริเวณลำคอของลั่วเซิงทันที
สือเยี่ยนรวดเร็วปานสายฟ้า เข้าปะทะกับเขาทันที
ลุงซิ่งไม่ได้ขยับตัว
สือเหยียนก็ไม่ได้ขยับ
ทั้งสองมองอีกฝ่าย สถานการณ์ตึงเครียด
มีเพียงลั่วเซิงที่ไม่มีท่าทีว่าจะประหม่าหรือหวาดกลัว นางมองสือเยี่ยนต่อสู้กับจูอู่ด้วยสายตาเยือกเย็น ยิ้มพูดว่า “ท่านจู ท่านและสือเยี่ยนมีฝีมือสูสี สือเหยียนฝีมือเก่งกล้ากว่าสือเยี่ยนไม่น้อย คิดว่าก็คงไม่ได้ต่างจากท่านลุงของท่านมากเท่าไร ข้างนอกยังมีคนของข้าอีกมากมาย แทนที่จะต่อสู้อย่างไม่มีความหมายเช่นนี้ หยุดสู้แล้วคุยกันก่อนดีกว่า ท่านคิดว่าดีหรือไม่”
สือเยี่ยนที่กำลังสู้กับจูอู่ “…”
จูอู่รู้สึกอย่างไรเขาไม่รู้ แต่ตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
พี่รองเก่งกล้ากว่าเขามากรึ
นี่มันข่าวลือจากไหนกัน!
องครักษน้อยปล่อยหมัดออกไปอย่างโมโห ต่อยโดนไหล่ของจูอู่อย่างแรง