ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 233 นางไม่ใช่โคลน!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 233 นางไม่ใช่โคลน!

บทที่ 233 นางไม่ใช่โคลน!

การต่อสู้ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น เดิมทีการต่อสู้เกิดขึ้นเฉพาะในถนนชิงเฟิง แต่เมื่อทหารประจำเมืองมาถึง การต่อสู้จึงลุกลามไปทั่วทั้งเมือง

หลิงเยว่ “…”

จบสิ้นแล้ว นางอาจจะถูกเนรเทศออกจากเมืองฝู่ซาง และทำภารกิจไม่สำเร็จ ซึ่งหมายความว่านางจะสูญเสียอายุขัยถึงห้าหมื่นวัน!

ช่างน่าปวดใจนัก หากรู้เช่นนี้แต่แรก นางคงไม่ซื้อที่ดิน หรือหากจะซื้อก็คงจะรอให้ภารกิจสำเร็จเสียก่อน

“ข้าจะถูกไล่ออกจากเมืองหรือไม่?”

ท่านอาจารย์ใหญ่เหลือบมองไปยังตัวต้นเหตุแห่งหายนะครั้งนี้ นางรู้จักความกลัวแล้วหรือ? เหตุใดก่อนหน้านี้นางไม่รู้สึกกลัวเสียแต่แรกเล่า?

“หากเจ้าถูกไล่ออกจากเมืองถือว่ายังดี แต่น่าเสียดายนักที่คำสั่งของท่านเจ้าเมืองได้ประกาศไปแล้ว เจ้าคงต้องรอรับการไล่ล่าจากทหารของเมืองฝู่ซางทั้งหนึ่งแสนคนเสียแล้ว”

มุมปากของนายท่านตระกูลเซี่ยเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา จากนั้นเขาจึงลูบไล้สุราปราบมารที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม เขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะมีผลกับปีศาจหรือไม่ เพราะว่าการฝ่าฟันมารผจญนั้นยากลำบากยิ่งนัก!

ถ้ามันได้ผล เขาจะจับหลิงเยว่ไปขังในดินแดนปีศาจ ซึ่งถือเป็นความดีความชอบอย่างหนึ่ง

“เด็กน้อย เจ้าช่างเก่งกาจนัก! ข้าชื่นชมเจ้ามาก!”

นี่เป็นครั้งแรกที่บรรพชนตระกูลซีได้เห็นความโกลาหลในเมืองฝู่ซาง เขามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินใจ คนรุ่นเยาว์เหล่านี้ต่างหากคือผู้ที่สามารถพิชิตสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้!

ดูเถิด! หลานชายของเขาที่ไม่มีความรับผิดชอบผู้นั้นกำลังต่อสู้และหลั่งเลือดเพื่ออาจารย์ของตนเอง ยอดเยี่ยมนัก!

“มีหนทางหนึ่งที่จะทำให้เจ้าไม่ถูกเนรเทศจากเมืองฝู่ซางและไม่ต้องถูกตามล่าจากทหารทั้งหนึ่งแสนคนด้วย”

ยังมีหนทางที่ดีเยี่ยมเช่นนั้นด้วยหรือ!?

คำพูดของบรรพชนตระกูลหมิงทำให้หลิงเยว่ตื่นเต้น นางรีบถามว่า “หนทางใดหรือเจ้าคะ!?”

“กลายเป็นเจ้าเมืองคนใหม่เสียสิ” นักกลั่นโอสถอาวุโสเอ่ยจบก็หัวเราะชอบใจ

ท่านอาจารย์ใหญ่หัวเราะชอบใจด้วยเช่นกัน “เป็นหนทางที่ดีจริง ๆ!”

หลิงเยว่ “…”

เมืองฝู่ซางเป็นฐานที่ตั้งหลักของหอจี้ซื่อ หากนางกล้าแย่งตำแหน่งเจ้าเมืองจากพวกเขาไป นั่นไม่เท่ากับการประกาศสงครามต่อพวกเขาอย่างเปิดเผยหรือ?!

เมื่อถึงเวลานั้น นางคงไม่เพียงแค่มีทหารนับแสนคนไล่ล่าเท่านั้น แม้แต่ค่าหัวสูงลิ่วก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคาดว่าคงจะมีผู้บำเพ็ญครึ่งหนึ่งของโลกผู้บำเพ็ญเซียนมาร่วมในการไล่ล่าครั้งนี้ด้วยเป็นแน่!

เหตุใดจึงเป็นครึ่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ?

เนื่องจากดินแดนทางตอนใต้เป็นอาณาเขตของสำนักหลานเทียน ส่วนดินแดนทางตอนเหนือที่รกร้างกันดาร ตัวนางได้มีส่วนแบ่งอยู่แล้ว ส่วนที่เหลือคือดินแดนตะวันตกและดินแดนตะวันออกในปัจจุบัน ที่เท่ากับครึ่งหนึ่งของโลกผู้บำเพ็ญเซียน

นางไม่ได้โง่เขลาเกินกว่าจะทำเช่นนั้น!

“หากเจ้าไม่อยากเป็นเจ้าเมือง ย่อมมีหนทางอื่นอยู่อีก”

“หนทางใดหรือ?” หลิงเยว่หันไปทางท่านอาจารย์ใหญ่ นางรู้สึกเสมอว่าเขาคงไม่คิดอุบายดี ๆ อะไรออกมาหรอก ทว่านางยังคงให้เกียรติและเอ่ยถาม

“มอบตำราหมักสุราปราบมารเสียสิ”

“ถูกแล้ว” เสียงแปลกปลอมแทรกเข้ามา ทำให้เปลือกตาที่ปิดลงอยู่ตลอดของนักกลั่นโอสถอาวุโสเบิกกว้างขึ้น

ผู้คุ้มกันทั้งสี่เตรียมเผชิญหน้าราวกับเจอศัตรู

ชายผู้นั้นสวมชุดสีดำ ดูแล้วน่าจะมีอายุราวสามสิบปีเศษ ท่าทางดูสง่างาม

“อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ข้ามาเพื่อจะทำการค้ากับสหายน้อยหลิงเท่านั้น ตราบใดที่นางยอมมอบตำราสุราปราบมาร ตำแหน่งเจ้าเมืองฝู่ซางย่อมมอบให้ได้ ส่วนคำสั่งหมายหัวของเจ้าจะถูกเพิกถอนเช่นกัน”

“แม้แต่ท่านยังเลียนแบบไม่สำเร็จหรือ?” นักกลั่นโอสถอาวุโสหัวเราะเยาะ สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“ถูกต้อง สุราปราบมารของสหายน้อยหลิง ทำให้ข้าคารวะและขอยอมแพ้แต่โดยดี” ชายผู้นั้นสารภาพโดยมิได้อับอาย

เขาลองผสมผสานสมุนไพรวิญญาณ และสัตว์วิญญาณมาหลายพันครั้ง กลับได้เพียงสุราธรรมดาเท่านั้น ถึงแม้สุราที่ได้จะรสชาติดี แต่เทียบกับสุราปราบมารไม่ได้เลย

บรรพชนตระกูลหมิงแค่นเสียงใส่ แล้วหันมาทางหลิงเยว่ก่อนจะเอ่ยว่า “อย่าไปเชื่อเขา เมื่อใดที่ได้ตำราแล้ว ทั้งตัวเจ้า ลูกศิษย์ของเจ้า และทุกคนที่รู้เรื่องตำรานี้จะต้องตายทั้งหมด!”

นี่คือวิถีของหอจี้ซื่อที่มีมาอย่างช้านานและไม่มีข้อยกเว้น!

ในชั่วขณะหนึ่ง หลิงเยว่คิดจะมอบตำราเพื่อแลกกับการสิ้นสุดภารกิจ แต่เมื่อได้ยินถึงผลลัพธ์แล้ว นางจึงรีบดับความคิดนั้นทันที

แท้จริงแล้วการมองคนไม่ควรดูแต่เปลือกนอก แม้ชายผู้นี้ดูไร้พิษสง แต่หัวใจของเขากลับโหดเหี้ยมนัก!

ชายผู้นั้นเผยรอยยิ้มออกมา ขณะที่เหล่าผู้คุ้มกันทั้งห้าคิดว่าเขาจะลงมือ ทว่าเขากลับเดินจากไปเสียอย่างนั้น แต่ก่อนจากไปยังคว้าตัวหมิงหูและเซี่ยซิ่นรุ่ยที่กำลังต่อสู้อยู่หายไปด้วย ช่วงเวลาก่อนจะหายตัวไป เขายังหันมายิ้มให้หลิงเยว่อย่างอารมณ์ดี

ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!

นายท่านตระกูลเซี่ยและบรรพชนตระกูลหมิงรีบไล่ตามไป แต่ด้วยข้อจำกัดด้านพลัง ทำให้พวกเขาได้แต่เฝ้ามองลูกและหลานชายค่อย ๆ หายไปกับตา

หลิงเยว่โกรธแทบคลั่ง คิดหรือว่าหากลักพาตัวลูกศิษย์ของนางไปแล้วจะได้ตำราไปครอง? ความคิดช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน!

ทว่าระหว่างชีวิตของลูกศิษย์กับตำรานั้น ชีวิตของลูกศิษย์ย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว!

ในยามนี้ ซีชาง จื่อเฉาอวี่ เถียนฉู่ฉู่และพวกพ้องคนอื่นต่างถูกผู้บำเพ็ญพาตัวไปเช่นกัน

เพียงเวลาไม่ถึงลมหายใจ ศิษย์กว่าครึ่งก็ถูกลักพาตัวไปแล้ว!

“ระบบ ข้าขอเครื่องรางสะกดรอยและเครื่องรางที่สามารถระเบิดชายคนนั้นได้ ข้าจะฆ่าเขาให้ตายเสีย!”

หลิงเยว่โกรธจนหน้าแดงก่ำ นางเป็นผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐาน จริงอยู่ที่นางไม่มีพลังแกร่งกล้า แต่นางมีหินวิญญาณ และยังมีระบบที่แข็งแกร่ง นางไม่ได้อ่อนแอสักหน่อย!

อยากได้ตำราอย่างนั้นหรือ? ไปขอจากเหยียนหวาง*[1] ในนรกเถิด!

[ยอดคงเหลือไม่เพียงพอ]

หลิงเยว่โมโหมาก นางเปลี่ยนหินวิญญาณให้เป็นค่าพลังวิญญาณทั้งหมดทันที คราวนี้คงจะเพียงพอแล้วกระมัง?

[ค่าพลังวิญญาณทั้งหมดสามารถซื้อยันต์ระเบิดระดับเทพหนึ่งแผ่น ยันต์สะกดรอยระยะทางหนึ่งหมื่นลี้ยี่สิบห้าแผ่น และโล่ป้องกันระดับเทพหนึ่งอัน]

“โล่ป้องกันอันใดกัน ข้ามิได้ต้องการ!”

[หากปราศจากการปกป้องของโล่ป้องกัน เมื่อยันต์ระเบิด ทุกคนในดินแดนตะวันออกจะต้องตายไปพร้อมกัน รวมถึงเจ้าด้วย]

หลิงเยว่ต้องการช่วยเหลือผู้คน แต่ไม่ต้องการลากทุกคนไปตายด้วย นางจึงยอมซื้อตามคำแนะนำ ทว่าบัดนี้ไม่ทราบว่านางใช้จ่ายไปอย่างไร หินวิญญาณจึงหมดเกลี้ยงเช่นนี้

เมื่อหลิงเยว่ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว นางจึงพาหัวหน้าตะขาบมรกตตรงไปที่หอจี้ซื่อ นางจะระเบิดมันให้สิ้นซากเสีย!

“เจ้าผู้เป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐาน จะรนหาที่ตายเช่นนั้นหรือ?” ท่านอาจารย์ใหญ่เอื้อมมือออกไปจับหัวหน้าตะขาบมรกตและหลิงเยว่ไว้ เขาไม่สนใจว่าทั้งสองจะดิ้นรนอย่างไร และลากตัวพวกเขาเดินจากไปทันที

“ปล่อยข้าไปเถิดท่านอาจารย์ใหญ่ ข้ามีหนทางสังหารคนผู้นั้น รีบปล่อยข้าไปเถิด!”

“ไม่ปล่อย!” ท่านอาจารย์ใหญ่ไม่ได้รับฟังคำเพ้อเจ้อของหลิงเยว่ แม้แต่ท่านนักกลั่นโอสถอาวุโสยังไม่อาจทำอันใดคนผู้นั้นได้ แล้วนางผู้เป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐาน จะมีหนทางใดเล่า?

“วางใจเถิด ในเวลานี้ลูกศิษย์ของเจ้ายังคงไม่ตาย” นักกลั่นโอสถอาวุโสถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ในเวลาอันสั้นนี้คงไม่ แต่เกรงว่าหากยังไม่สามารถหมักสุราปราบมารสำเร็จ คนผู้นั้นคงโกรธจนสังหารลูกศิษย์เหล่านั้นเพื่อระบายความโกรธเป็นแน่!

เขาย่อมทำเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน!

“จะวางใจได้อย่างไร?” แม้หลิงเยว่จะพอได้สติคืนมาบ้างแล้ว แต่ครานี้นางโกรธแค้นจนอยากสังหารพวกเขาจริง ๆ นางขอเพียงลูกศิษย์ยังปลอดภัยดีและไม่โดนสังหารจนตาย ไม่เช่นนั้น นางจะปายันต์ระเบิดใส่หน้าเจ้าสารเลวคนนั้นให้แหลกเป็นจุณไปเลย!

“ข้าจะเสาะหาลูกศิษย์ที่โดนพาตัวไป ส่วนลูกศิษย์ที่เหลือให้พวกเขาอยู่ในสำนักอย่าเพิ่งออกมา” นักกลั่นโอสถอาวุโสกล่าวจบก็จากไปทันที

“สหายน้อยหลิง เรื่องนี้ให้พวกข้าจัดการเถิด” บรรพชนตระกูลหมิงงยิ้มอย่างฝืนใจ หลิงเยว่รู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตาเขา

การกลับไปอยู่ในสำนักอย่างสงบนั้นเป็นไปไม่ได้ หลิงเยว่แสร้งทำเป็นสำนึกผิด แล้วพาลูกศิษย์ที่เหลือกลับสำนัก

ทันทีที่ท่านอาจารย์ใหญ่จากไป หลิงเยว่ก็พาหัวหน้าตะขาบมรกตเข้าไปในห้องบำเพ็ญ แล้วหยิบกล่องที่บรรจุยันต์ระเบิดระดับเทพออกมา

“หัวหน้าตะขาบมรกต คืนนี้พวกเราจะลอบหนีออกไปทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่กัน เจ้าสนใจหรือไม่?”

แน่นอนว่าหัวหน้าตะขาบมรกตย่อมสนใจ แต่หากเขาไม่ได้รู้สึกผิดพลาด ท่านอาจารย์ใหญ่คงได้เปิดใช้ม่านป้องกันไว้ก่อนแล้ว ด้วยพลังของเขาในยามนี้ ย่อมไม่อาจออกไปจากที่แห่งนี้ได้เป็นแน่!

*[1] เหยียนหวาง หรือ เหยียนหวางเย่ คือ พญายม

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท