หยุดนะ!
คำสั้นๆ กลับประหนึ่งฟ้าร้อง
ผู้แข็งแกร่งที่เฝ้าอยู่หน้าคฤหาสน์เทพใจกลางล้วนเป็นระดับอมตะของตระกูลจี้ ตอนนี้ต่างใช้พลังขับเคลื่อนจับจับจ้องหลินสวินพร้อมไอสังหารพลุ่งพล่าน
คนทั่วไปเห็นกำลังพลเช่นนี้เกรงว่าต้องหยุดเท้านานแล้ว
แต่สำหรับหลินสวินมีหรือจะเห็นคนพวกนี้ในสายตา
เขาเงยหน้ามองคฤหาสน์เทพใจกลาง ถึงค่อยไล่สายตามองระดับอมตะที่จ้องตนเขม็งเหล่านี้
“โชคดี ไม่มีคนที่ฆ่าไม่ได้”
หลินสวินเอ่ยปาก พูดประโยคที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจออกมา
ครู่ต่อมาเขาก็ก้าวไปข้างหน้า
ปังๆๆ!
บนลานมรรค ภายใต้สายตาหวาดหวั่นนับไม่ถ้วน ระดับอมตะสิบแปดคนของตระกูลจี้ที่ขวางอยู่เบื้องหน้าหลินสวินล้วนร่างระเบิดออกต่อเนื่อง
ราวกับประทัดแถวหนึ่งถูกจุด ปล่อยควันแดงฉานที่งดงามแต่น่ากลัว
พาให้คนสยดสยอง!
“นี่…”
ผู้คนไม่รู้เท่าไรตกใจ งานเลี้ยงที่เดิมทีครึกครื้นเปลี่ยนเป็นโกลาหลขึ้นมาทันที ผู้ฝึกปราณที่ก่อนหน้านี้ยังพูดคุยหัวเราะล้วนหยุดการกระทำ มองมาอย่างพร้อมเพรียง หน้าเปลี่ยนสียิ่ง
“ขะ ขะ เขา… ถึงกับกล้าฆ่าคนที่นี่!?”
มีคนตะโกนอย่างตกใจ หนังหัวชาวาบ
นี่เป็นถึงเขาเทพตั้งต้น อาณาเขตของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลจี้ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันใครกล้าอาละวาดที่นี่
ไม่มี!
อย่าว่าแต่คนทั่วไป แม้เป็นระดับนิรันดร์ล้วนไม่กล้าลงมือในอาณาเขตของตระกูลจี้!
“แข็งแกร่งมาก… การโจมตีเดียวสังหารระดับอมตะทั้งกลุ่ม…”
ผู้คนไม่รู้เท่าไรตกใจกับภาพนองเลือดนี้จนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
คนหนุ่มที่กล้าอาละวาดที่นี่จะต้องเป็นคนที่น่ากลัวหาใดเปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นจะลงมือหน้าคฤหาสน์เทพใจกลางของตระกูลจี้ได้อย่างไร
“นี่เขาอยากไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ…”
มีคนใจหนาวสั่น
การแต่งงานของตระกูลจี้และตระกูลไท่เฮ่าครั้งนี้ฮือฮาไปทั่วหล้าตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว เป็นที่สนใจขุมอำนาจทุกแห่งในน่านฟ้าที่เก้า
โดยเฉพาะวันนี้ แขกสูงศักดิ์จากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลอื่นๆ ล้วนทยอยมาเยือน ตอนนี้รวมตัวอยู่ในคฤหาสน์เทพใจกลาง
และคนที่คอยดูแลต้อนรับยังเป็นจี้เซียวอวิ๋นกับจี้เป่ยเฟิง ผู้อาวุโสระดับนิรันดร์สองคนของตระกูลจี้!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้กลับมีคนกล้าลงมือ จะไม่ให้ผู้คนตกใจได้อย่างไร
แทบจะอึ้งค้างแล้ว!
“สวรรค์!!”
เฒ่าชราชุดงูเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง ตาเบิกโตอึ้งงันอยู่ตรงนั้น คิดจนหัวแตกก็นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มที่ข่มขู่ตนเข้ามาในเขาเทพตั้งต้น ยามนี้จะทำเรื่องที่บ้าบิ่นเช่นนี้
และภายใต้บรรยากาศสะท้านไหวเช่นนี้ หลินสวินเดินไปเบื้องหน้าจนถึงปลายบันไดหินแล้ว เงาร่างสูงสันโดษกลายเป็นจุดสนใจของทั้งที่นั้น
…
ก่อนหน้านี้บรรยากาศในคฤหาสน์เทพใจกลางสงบสุขและผ่อนคลาย
จี้เซียวอวิ๋นและจี้เป่ยเฟิงนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก คารวะสุรากับแขกสูงศักดิ์ในคฤหาสน์อย่างต่อเนื่อง
ลำดับอาวุโสของพวกเขาสูงยิ่ง คนทั่วไปไม่มีคุณสมบัติทำให้พวกเขามาต้อนรับด้วยตัวเอง
แต่ครั้งนี้กลับแตกต่าง ผู้ที่นั่งอยู่ในคฤหาสน์เทพใจกลางล้วนเป็นแขกพิเศษที่มาจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลต่างๆ
ตระกูลผานอู่ ตระกูลเจวี๋ย ตระกูลเย่ ตระกูลเหวิน…
เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล มาที่นี่ถึงเก้าตระกูล!
เหล่าคนที่มาแสดงความยินดีพวกนี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตในเผ่าเทพนิรันดร์ มีพลังปราณระดับอมตะขั้นหลุดพ้น
ใต้ระดับนิรันดร์ หลุดพ้นคือราชัน!
เมื่อรวมกับคนใหญ่คนโตตระกูลจี้ คฤหาสน์เทพใจกลางตอนนี้แค่ระดับอมตะขั้นหลุดพ้นก็มีเกือบสามสิบคนแล้ว
เรียกได้ว่าแขกชั้นสูงนั่งเต็มคฤหาสน์
อีกทั้งเพื่อไม่ให้เรื่องภายนอกรบกวนบรรยากาศภายในคฤหาสน์ รอบๆ คฤหาสน์เทพใจกลางจึงมีพลังผนึกไร้รูปปกคลุม ดังนั้นแม้โลกภายนอกจะวุ่นวายเพียงไหน แต่ในคฤหาสน์กลับเงียบสงบ
“จี้ซีของตระกูลข้าออกเรือนครั้งนี้ ได้ทุกท่านมาอวยพรด้วยตัวเองนับเป็นเกียรติของตระกูลจี้ ข้าขอคารวะทุกท่านอีกจอก”
จี้เซียวอวิ๋นชูจอกขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
เขาสวมชุดนักพรต ท่าทางกระปรี้กระเปร่า ยามนี้เมื่อเอ่ยปาก ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างชูจอกขึ้นร่วมดื่ม
“เหตุใดจึงไม่มีคนตระกูลหยางมา”
จู่ๆ ก็มีคนส่งเสียงถาม
ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจี้และตระกูลหยางแน่นแฟ้นมาก แต่วันนี้กลับไม่เห็นคนตระกูลหยางมาร่วมแสดงความยินดี นี่ผิดปกติไปบ้าง
จี้เซียวอวิ๋นอึ้งไป ก่อนยิ้มกล่าว “เมื่อครึ่งปีก่อนผู้นำตระกูลหยางชางเซิงส่งข่าวมาแล้วว่าจะส่งคนมา บางทีพวกเขาอาจจะมาพรุ่งนี้”
นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กที่แทรกเข้ามา ไม่นานทุกคนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาที่สถานการณ์โดยรวมของโลกหล้า คุยกันไปคุยกันมา ย่อมไม่อาจเลี่นงการพูดถึงลัทธิแรกกำเนิดกับหลินสวิน
ก่อนหน้านี้เผ่าเทพนิรันดร์เจ็ดตระกูลแห่งน่านฟ้าที่เก้าต่างส่งระดับนิรันดร์หนึ่งคนออกมา เพื่อไปจัดการหลินสวินที่ลัทธิแรกกำเนิดพร้อมกับระดับนิรันดร์สองคนของลัทธิพ่อมดและลัทธิฌาน
แต่ผลลัพธ์กลับเหมือนตอนบุกลัทธิแรกกำเนิดครั้งแรก ล่มสลายทั้งขบวน ไม่รอดแม้แต่คนเดียว!
แม้ว่าจะผ่านไปเกือบครึ่งปีแล้ว แต่ผลกระทบของเรื่องนี้กลับยิ่งใหญ่เกินไป จนตอนนี้ก็ยังเป็นแผลใจของเผ่าเทพนิรันดร์เหล่านี้
ตอนนี้พวกเขาคาดเดาได้คร่าวๆ แล้วว่าหลินสวินจะต้องข้ามด่านเคราะห์นิรันดร์สำเร็จแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งระดับนิรันดร์เก้าคนนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจถูกเขาสังหาร
นี่คาดเดาได้ง่ายมาก
ก็เหมือนยามหลินสวินประกาศศึกกับตระกูลหยาง คนใหญ่คนโตระดับนิรันดร์อย่างหยางเสียเทียน หยางปู้โต้งเองก็คาดเดาเรื่องบางอย่างได้จากเบาะแสเหล่านั้นแล้ว
เพียงแต่จนถึงตอนนี้ไม่ว่าใครล้วนไม่กล้ายืนยันว่านี่คือความจริง
เพราะนี่น่าเหลือเชื่อเกินไป
ใครๆ ต่างรู้ว่าก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือน จุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคนิรันดร์ถูกตัดขาดนานแล้ว แต่ที่ผิดปกติคือหลินสวินกลับชักนำมหาเคราะห์นิรันดร์มาได้
นอกจากนี้ที่ทำให้เผ่าเทพนิรันดร์อย่างพวกเขาหวาดกลัวก็คือ การเคลื่อนไหวเพื่อไปสังหารหลินสวินครั้งก่อนเป็นคำสั่งจากผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัย
นี่เป็นการยืนยันว่ามรรคาทั้งหมดที่หลินสวินครอบครอง เป็นไปได้สูงมากว่าทำให้ผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยรู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างลึกล้ำ
“หลินสวินนี่… ช่างเป็นตัวหายนะพันปี” มีคนอดทอดถอนใจไม่ได้
คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
พูดถึงหลินสวิน ในใจคนใหญ่คนโตเหล่านี้ล้วนชิงชังและมองเป็นศัตรูอย่างไม่อาจควบคุม
ในเวลาร้อยปีสั้นๆ เพียงเพราะหลินสวินก็ทำให้สิบยักษ์ใหญ่อมตะที่อยู่ใต้อาณัติพวกเขาล่มสลาย และการโจมตีลัทธิแรกกำเนิดสองครั้งก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้พวกเขาเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลต่างเสียระดับนิรันดร์ไปหนึ่งคน
นี่จะให้พวกเขาไม่เจ็บแค้นหลินสวินได้อย่างไร
“หากไม่ใช่เพราะเคราะห์แห่งยุคสมัย ตระกูลไท่เฮ่าของข้าจะทนให้สารเลวนี่กำเริบเสิบสานเช่นนี้ได้อย่างไร”
เฒ่าชราตระกูลไท่เฮ่าคนหนึ่งพูดอย่างเย็นเยียบ
มีคนเอ่ยเบาๆ “ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เจ้าหมอนี่ก็ผงาดขึ้นมาแล้ว กลายเป็นตัวหายนะ มีเขาปกป้องลัทธิแรกกำเนิด ภายหน้า… คงยากจะหาโอกาสกำจัดเขาแล้ว”
ชั่วขณะหนึ่งคนใหญ่คนโตไม่น้อยถอนหายใจอย่างควบคุมไม่อยู่ เศษเดนคีรีดวงกมลที่ก่อนหน้านี้ไม่อยู่ในสายตาของพวกเขา ใครจะคิดว่าจะผงาดขึ้นมารวดเร็วถึงเพียงนี้
“เหอะๆ ทุกท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เจ้าหมอนี่ถูกผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยจับจ้องแล้ว กระโดดโลดเต้นได้อีกไม่นาน”
จี้เซียวอวิ๋นเห็นบรรยากาศอึดอัดอยู่บ้างก็ส่งเสียงพร้อมรอยยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าเจ้าหมอนี่จะบ้าคลั่งแค่ไหนก็ไม่มีทางกล้ามากำเริบเสิบสานในน่านฟ้าที่เก้าของพวกเราแน่ ไม่เช่นนั้นต้องทำให้เขาได้รู้ถึงหายนะที่ตามมา”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มออกมา
เป็นความจริงที่ว่าที่นี่คือน่านฟ้าที่เก้า เป็นอาณาเขตของเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลของพวกเขา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่มีใครกล้าเหิมเกริมที่นี่
ปีนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลทำไม่ได้
ตอนนี้ศิษย์ของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอย่างหลินสวินก็ทำไม่ได้เช่นกัน!
“ว่าไปแล้วข้ากลับอยากให้เจ้าหมอนี่รีบมาน่านฟ้าที่เก้า เช่นนี้พวกเราก็สามารถชำระแค้นล้างอาย ระบายความชิงชังในใจ”
จี้เป่ยเฟิงพูดพร้อมหัวเราะลั่น
เขาสวมชุดเหลือง หล่อเหลาดุจหยก รูปลักษณ์ปานชายหนุ่ม ความจริงเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว
ก็ตอนนี้เองพลังผนึกที่ปกคลุมอยู่รอบๆ คฤหาสน์เทพใจกลางปรากฏคลื่นระลอกหนึ่ง
จากนั้น…
เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวหน้าคฤหาสน์เทพใจกลาง ทั้งยังก้าวเข้ามาแล้ว “ชำระแค้นล้างอายหรือ ได้สิ แต่ก็ต้องดูว่าทุกท่านมีความสามารถทำได้ถึงขั้นนั้นหรือไม่”
ผู้มาเป็นหลินสวินนั่นเอง
เขาเหมือนเดินเล่นผ่อนคลาย เดินเข้ามาในคฤหาสน์เรืองรองโอ่อ่า แขกสูงศักดิ์นั่งเต็มโถงนี้
ชั่วขณะนี้คนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ล้วนอึ้งงัน นัยน์ตาพลันหดรัด เผยสีหน้ายากจะเชื่อ นี่เป็นถึงคฤหาสน์เทพใจกลางนะ!
สถานที่สำคัญของตระกูลจี้!
แต่ตอนนี้กลับมีคนบุกเข้ามา!
พวกเขาไม่เหมือนผู้ฝึกปราณคนอื่น ล้วนเคยเห็นรูปลักษณ์ของหลินสวินจากข่าวสารต่างๆ ก่อนหน้านี้นานแล้ว ยามเห็นว่าเป็นเขาที่ปรากฏตัวที่นี่ถึงได้ตกใจและคาดไม่ถึงเช่นนี้
“หลินสวิน!”
บนที่นั่งหลัก จี้เซียวอวิ๋นพลันลุกขึ้น ประกายน่ากลัวพริบวาบในดวงตา “คิดไม่ถึงว่าเจ้าถึงกับกล้ามาน่านฟ้าที่เก้า ทั้งยังบุกเข้ามาในอาณาเขตตระกูลจี้ ช่างขวัญกล้าดีจริงๆ”
หลินสวิน!
คนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ในงานต่างลุกขึ้นเช่นกัน แต่ละคนสีหน้าประหลาดใจ ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาถึงกล้าเชื่อว่าหลินสวินมาจริงๆ
อีกทั้งยังบุกเข้าตระกูลจี้โดยตรง ปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา นี่เห็นชัดว่าไม่ได้มีเจตนาดี
ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศในคฤหาสน์กดดัน เย็นเยียบหาใดเปรียบ
อานุภาพของคนใหญ่คนโตมากมายขนาดนี้แผ่ออกมาพร้อมกัน พลิกตลบอยู่ภายในโถงคฤหาสน์ นั่นต้องน่ากลัวแค่ไหน
เหล่าสาวใช้ข้ารับใช้ตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว สองขาอ่อนแรง
มีเพียงหลินสวินที่เหมือนไม่สะทกสะท้าน ยังคงเดินมาใจกลางโถง สายตากวาดมองรอบๆ มองดูสีหน้าประหลาดใจของทุกคนแล้วเอ่ยเรียบๆ “ทุกท่าน ก่อนหน้านี้ได้ยินพวกเจ้าคุยกันว่าอยากให้ข้าหลินสวินมา ตอนนี้ข้าคนแซ่หลินอยู่ที่นี่แล้ว พวกเจ้าถ้ามีแค้นก็แก้แค้น มีความคับข้องก็ระบายออกมาเป็นพอ”
คำพูดนี้ดังก้องไปทั้งโถง
สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มล้วนประหลาดใจ ในใจคนเหล่านั้นยิ่งหวาดหวั่น แม้พวกเขาฐานะสูงส่งหาใดเปรียบ มรรควิถีก็แข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ยังไม่ได้ก้าวสู่ระดับนิรันดร์
ตอนนี้เผชิญหน้ากับหลินสวินที่ปรากฏตัวกะทันหัน จะไม่ให้หวาดหวั่นได้อย่างไร
“ทุกท่านอย่าได้ลนลาน ในอาณาเขตตระกูลจี้ของข้า ยังจะยอมให้สารเลวคนหนึ่งมากำเริบเสิบสานได้อย่างไร!”
จี้เป่ยเฟิงพูดอย่างเย็นเยียบ
ประโยคเดียวเตือนสติทุกคน ทำให้พวกเขาพลันตระหนักได้ว่าที่นี่คืออาณาเขตของตระกูลจี้ ทั้งมีระดับนิรันดร์อย่างจี้เซียวอวิ๋นและจี้เป่ยเฟิงดูแล จะกลัวไปไย
กลับเป็นหลินสวินที่มาเพียงลำพัง นี่ต่างอะไรกับการมารนหาที่ตาย
“ก็ต้องโทษที่ตระกูลข้าประมาท คิดไม่ถึงว่าก่อนวันมงคลจะมาเยือนในวันพรุ่งนี้ จะปล่อยให้สารเลวอย่างหลินสวินนี่ลอบเข้าตระกูลมาได้จนรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของทุกท่าน”
จี้เซียวอวิ๋นถอนหายใจเบาๆ สายตาจ้องหลินสวินอย่างเย็นเยียบ “แต่นี่ไม่ใช่เรื่องไม่ดี ถือโอกาสนี้สังหารเจ้าหมอนี่ที่นี่ ก็นับว่าเป็นมงคลคู่สำหรับตระกูลจี้ของข้า”