ตอนที่ 3037 ลักพาตัว

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

หลิน​สวิน​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​แล้ว​กล่าว​ “ผู้อาวุโส​ เผ่า​เทพ​นิรันดร์​สิบสอง​ตระกูล​กับ​ผู้บงการ​หลัง​ม่าน​ของ​เคราะห์​แห่ง​ยุคสมัย​มีความ​สัมพันธ์กัน​อย่างไร​หรือ​”

จี้หวัง​ถูถอนหายใจ​ยาว​กล่าวว่า​ “พูด​ไป​เจ้าอาจ​ไม่เชื่อ​ จาก​ที่​ข้า​เข้าใจ​ ใน​สายตา​คน​ผู้​นั้น​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ใหญ่​ทั้งหมด​ใน​น่านฟ้า​ที่​เก้า​ แม้แต่​สุนับ​รับใช้​ยัง​เทียบ​ไม่ติด​”

ประโยค​เดียว​มีทั้ง​การ​ดูถูก​ตัวเอง​ และ​มีความขมขื่น​และ​รันทด​เช่นกัน​

แม้แต่​สุนัข​รับใช้​ยัง​เทียบ​ไม่ติด​!

อย่าง​น้อย​สิบ​ยักษ์​ใหญ่​อมตะ​ใน​น่านฟ้า​ที่​แปด​ยัง​เป็น​สุนัข​ให้​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ได้​

แต่​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​เหล่านี้​ เห็นชัด​ว่า​ไม่มีคุณสมบัติ​พอ​ไป​เป็น​สุนัข​ให้​ผู้บงการ​หลัง​ม่าน​นั่น​!

นี่​ทำให้​หลิน​สวิน​ประหลาดใจ​ยิ่ง​ และ​ยิ่ง​รู้สึก​เหลือเชื่อ​ขึ้น​เรื่อยๆ​ “ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ เหตุใด​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​กลับ​ทำ​ตามคำสั่ง​อยู่​ตลอด​”

“เจตนารมณ์​ของ​คน​ผู้​นั้น​ใคร​จะกล้า​ขัดขืน​”

จี้หวัง​ถูสูด​หายใจ​ลึก​กล่าวว่า​ “ข้า​จะไม่ปิดบัง​เจ้า เมื่อ​ครึ่ง​ปีก่อน​เป็น​ลัทธิ​ฌาน​เช่น​กันที่​กระจาย​ข่าว​ออกมา​ บอ​กว่า​ขอ​เพียง​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ใน​น่านฟ้า​ที่​เก้า​ฆ่าเจ้าหลิน​สวิน​ได้​แล้ว​ ระดับ​นิรันดร์​พวก​นั้น​ก็​จะเลี่ยง​การ​โจมตี​ของ​เคราะห์​ดับ​สิ้นไร้​ชีพ​ได้​”

ใน​ใจหลิน​สวิน​พลัน​สะท้าน​ ดัง​คาด​ ผู้บงการ​หลัง​ม่าน​ของ​เคราะห์​แห่ง​ยุคสมัย​นั่น​อาจจะ​ไม่สามารถ​ควบคุม​เคราะห์​ดับ​สิ้นไร้​ชีพ​ได้​อย่าง​สมบูรณ์​ แต่กลับ​ไป​ใช้ประโยชน์​หรือ​แทรกแซง​เคราะห์​นี้​ได้​

“มิน่า​ตอนนั้น​พวกเขา​ถึงได้​ทุ่ม​เต็มที่​เช่นนั้น​”

ริมฝีปาก​หลิน​สวิน​เผย​แวว​เยาะเย้ย​ “หาก​เป็น​เช่นนี้​ ข้า​เข้าใจ​ได้​หรือไม่​ว่า​ใน​โลก​นิรันดร์​ทั้งหมด​ ผู้​ที่​มีคุณสมบัติ​เป็น​สุนัข​ให้​ผู้บงการ​หลัง​ม่าน​นั่น​มีเพียง​ลัทธิ​ฌาน​”

รูปปั้น​ไท่​ชูอัน​เร้นลับ​ที่​ลัทธิ​ฌาน​มีใน​ครอบครอง​ ไม่ว่า​จะเรื่อง​จัดการ​เจ้าแห่ง​คีรี​ดวงกมล​ใน​น่านฟ้า​ที่​เก้า​เมื่อ​ปี​นั้น​ หรือ​จัดการ​กับ​เขา​หลิน​สวิน​ใน​ตอนนี้​

ทุกอย่าง​ล้วน​พิสูจน์​ว่า​ลัทธิ​ฌาน​กับ​ผู้บงการ​หลัง​ม่าน​นั่น​มีความสัมพันธ์​ที่​ต่าง​จาก​ทั่วๆ ไป​!

“นี่​… ข้า​ก็​ไม่รู้​ชัด​”

จี้หวัง​ถูส่ายหน้า​

หลิน​สวิน​ไม่ถามอะไร​มาก​อีก​ เรื่อง​พวก​นี้​พัวพัน​ถึงผู้บงการ​หลัง​ม่าน​ แม้แต่​คน​อย่าง​เฉินห​ลิง​คง​ยัง​ไม่เคย​เปิดเผย​โฉมหน้า​แท้จริง​ของ​ผู้บงการ​หลัง​ม่าน​นั่น​ได้มา​ตลอด​ ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​คนอื่น​

วันนั้น​หลิน​สวิน​ก็​พา​จี้หวัง​ถูกับ​คน​ตระกูล​จี้ทั้งหมด​ที่​เตรียมตัว​เรียบร้อย​แล้ว​ออกจาก​น่านฟ้า​ที่​เก้า​ไป​ด้วยกัน​

น่านฟ้า​ที่​เจ็ด​

หอ​บรรพ​จารย์​ลัทธิ​แรก​กำเนิด​

ข่าว​ที่​หลิน​สวิน​กลับมา​กระจาย​ไป​ทั่ว​ทั้ง​บน​ล่าง​ลัทธิ​แรก​กำเนิด​ทันที​

เหล่า​คนใหญ่คนโต​อย่าง​พวก​เสวียน​เฟยห​ลิง​ ตู๋​กู​ยง​ ฟางเต้า​ผิง​ต่าง​ไป​ต้อนรับ​ ส่วน​พวก​จ้าว​จิ่งเซวียน​ เจ้าคางคก​ อา​หู​ อา​หลู่​ก็​หยุด​เรื่อง​ใน​มือ​ทั้งหมด​ลง​แล้ว​พา​กัน​มาหา​เช่นกัน​

และ​ใน​วันนั้น​เรื่อง​ที่​เกิดขึ้น​ใน​น่านฟ้า​ที่​เก้า​ก็​สะเทือน​ทั่ว​ลัทธิ​แรก​กำเนิด​ ทำให้เกิด​เสียง​ฮือฮา​และ​สะท้าน​สะเทือน​นับไม่ถ้วน​

สำหรับ​เรื่อง​เช่นนี้​หลิน​สวิน​เห็น​จน​ชิน​นาน​แล้ว​

เย็น​วันนั้น​งานเลี้ยง​ใหญ่​เปิดม่าน​ขึ้น​ใน​เรือน​มรรค​กลาง​ หลิน​ยง​แนะนำ​ฐานะ​ของ​พวก​ซี จี้ซาน​ไห่​ให้​กับ​ทุกคน​

นี่​ทำให้​เสวียน​เฟยห​ลิ​งอด​ล้อ​ไม่ได้​ “ข้า​ก็​คิด​ว่า​เจ้าไป​ทำ​อะไร​ที่​น่านฟ้า​ที่​เก้า​ ที่แท้​ก็​ไป​เป็น​ผู้​กล้า​ช่วย​สาวงาม​นี่เอง​”

คน​ไม่น้อย​ล้วน​ขำ​ตาม​ๆ กัน​

แต่​ซีกลับ​สีหน้า​สงบนิ่ง​ ไม่พูด​อะไร​

ส่วน​จี้ซาน​ไห่​กะพริบตา​งาม ยิ้ม​หวาน​กล่าว​ “สตรี​ใต้​หล้า​นี้​ใคร​จะต้าน​บุรุษ​อัศจรรย์​อย่าง​หัวหน้า​หอ​หลิน​ได้​เล่า​ น่าเสียดาย​ เขา​แต่ง​ภรรยา​และ​มีลูก​นาน​แล้ว​ ไม่เช่นนั้น​ข้า​คง​เกี้ยว​เขา​สัก​รอบ​จริงๆ​”

จ้าว​จิ่งเซวียน​สังเกต​ซีกับ​จี้ซาน​ไห่​อยู่​ตลอด​ เมื่อ​เห็น​จี้ซาน​ไห่​พูด​เช่นนี้​ใน​ใจก็​ถอนหายใจ​โล่งอก​ ไม่ได้​กังวล​อะไร​อีก​

ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​หลิน​สวิน​ไม่ได้​ผสมโรง​กับ​หัวข้อ​เช่นนี้​ วางตัว​เป็น​คนนอก​อย่าง​รู้ความ​ ไม่เช่นนั้น​ต้อง​เป็นการ​หาเรื่อง​ใส่ตัว​แน่นอน​

จน​กระ​ทั้ง​ตกดึก​งานเลี้ยง​ถึงสิ้นสุดลง​

หลัง​งานเลี้ยง​จบ​ลง​ หลิน​สวิน​ก็​กลับ​ถ้ำสถิต​ของ​ตน​

ก่อนหน้านี้​เขา​นำ​ทรัพย์​หลัง​ศึก​ที่​ได้​จาก​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ส่วนหนึ่ง​มอบให้​พวก​เสวียน​เฟยห​ลิง​ ตู๋​กู​ยง​ ฟางเต้า​ผิง​จัดการ​แล้ว​

เชื่อ​ว่าด้วย​สติปัญญา​ของ​ผู้อาวุโส​เหล่านี้​ ย่อม​สามารถ​ใช้ประโยชน์​จาก​ทรัพย์​หลัง​ศึก​พวก​นี้​ได้​อย่าง​เหมาะสม​ นี่​เป็ฯ​เรื่อง​ดี​ต่อ​ทุก​คนใน​ลัทธิ​แรก​กำเนิด​ด้วย​

“ท่าน​พี่​ ข้า​เป็นห่วง​ฝาน​เอ๋อร์​อยู่​บ้าง​”

ใน​ถ้ำสถิต​ ร่าง​บอบบาง​อ่อนช้อย​ของ​จ้าว​จิ่งเซวียน​แอบอิง​อยู่​ใน​อก​หลิน​สวิน​ กล่าว​เสียง​เบา​ “ข้า​เคย​กำชับ​เขา​ว่า​ทุกๆ​ หนึ่ง​เดือน​ต้อง​ส่งข่าว​แจ้งว่า​ป​ลอย​ภัย​กลับมา​บ้าง​ แต่​ตอนนี้​… ผ่าน​ไป​สอง​เดือน​แล้ว​ฝาน​เอ๋อร์​ยัง​ไม่ส่งข่าว​กลับมา​เลย​”

หลิน​สวิน​ลูบ​ใบหน้า​งามขาว​กระจ่าง​นุ่มนวล​ของ​จ้าว​จิ่งเซวียน​เบา​ๆ กล่าวว่า​ “ตอน​ฝาน​เอ๋อร์​จากไป​ไม่ใช่ว่า​พก​สมบัติ​ลับ​มากมาย​ติดตัว​ไป​ด้วย​หรือ​ ถ้าเกิดเรื่อง​อันตราย​ขึ้น​มาจริงๆ​ ต้อง​ถูก​เจ้าสัมผัส​ได้​ทันที​แน่นอน​”

จ้าว​จิ่งเซวียน​ส่งเสียง​อืม​ครา​หนึ่ง​แล้ว​กล่าว​ “ก็​ใช่ เพียงแต่​…”

นาง​ยัง​จะพูด​อะไร​ต่อ​ แต่​ริมฝีปาก​ชมพู​อวบ​อิ่ม​นั่น​ก็​ถูก​หลิน​สวิน​ก้มลง​ไป​จูบ​ ทันใดนั้น​ความคิด​อะไร​ล้วน​หาย​ไป​หมด​แล้ว​

ราตรี​นี้​เงียบงัน​

เช้าวันรุ่งขึ้น​

หลิน​สวิน​ที่​อารมณ์​เบิกบาน​ทำอาหาร​ดี​ๆ รสชาติ​เยี่ยม​ไว้​เต็มโต๊ะ​ด้วยมือ​ตัวเอง​

ซย่า​จื้อ​ที่​จนกระทั่ง​เช้าตรู่​ถึงเพิ่ง​เดิน​ออก​มาจาก​เรือ​นิรันดร์​กลับ​รู้สึก​ว่า​มีบางอย่าง​ผิดปกติ​ อด​กล่าว​ไม่ได้​ว่า​ “พี่​จิ่งเซวียน​ เมื่อคืน​เจ้ากับ​หลิน​สวิน​ทำ​อะไร​กัน​หรือ​ ทำไม​ถึงต้อง​ให้​ข้า​อยู่​ใน​เรือ​นิรันดร์​”

จ้าว​จิ่งเซวียน​หน้าแดง​ทันที​ ลำคอ​เรียว​ขาว​หิมะ​แผ่​สีชมพู​ขึ้น​ชั้นหนึ่ง​ แสร้งทำ​สงบนิ่ง​พูด​ปัด​คลุมเครือ​ “ไม่มีอะไร​ แค่​คุย​บาง​เรื่อง​กับ​เขา​”

ซย่า​จื้อ​กล่าว​อย่าง​อยากรู้​ “เรื่อง​อะไร​หรือ​”

จ้าว​จิ่งเซวียนอด​เหลือบมอง​หลิน​สวิน​ปราด​หนึ่ง​ไม่ได้​ คล้าย​กำลัง​บอ​กว่า​เจ้าพูด​เถิด​

หลิน​สวิน​เห็น​ท่าทาง​เขินอาย​ของ​จ้าว​จิ่งเซวียน​ก็​อด​ยิ้ม​ขึ้น​มาไม่ได้​ “ซย่า​จื้อ​ พี่​จิ่งเซวียน​ของ​เจ้าไม่ได้​เจอ​ข้า​มานาน​แล้ว​ จึงมีเรื่อง​มากมาย​ต้อง​คุย​กัน​อย่าง​เลี่ยง​ไม่ได้​ ส่วน​คุย​เรื่อง​อะไร​ไม่สำคัญ​สักนิด​”

นัยน์ตา​คู่​งามราว​ดวงดาว​ของ​ซย่า​จื้อ​จ้อง​หลิน​สวิน​ กล่าวว่า​ “หลิน​สวิน​ เจ้าโกหก​”

หลิน​สวิน​ “?”

ซย่า​จื้อ​กล่าว​ “เมื่อคืน​จิต​รับรู้​ของ​ข้า​จับ​เสียง​ที่​ต่าง​ออก​ไป​เล็กน้อย​ได้​ พี่​จิ่งเซวียน​นาง​เหมือน​จะ… ทรมาน​มาก​ เจ้ารังแก​นาง​ใช่หรือไม่​”

จ้าว​จิ่งเซวียน​พลัน​นั่ง​ไม่ติด​แล้ว​ ใบหน้า​งามร้อนผ่าว​ดุจ​ไฟ ลุกขึ้น​แล้ว​เดิน​ออก​ไปนอก​ถ้ำสถิต​ “พวก​เจ้ากินกัน​ไป​ก่อน​ จู่ๆ ข้า​ก็​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​มีเรื่อง​ต้อง​ทำ​”

ขณะ​พูด​ก็​ออกจาก​ถ้ำสถิต​ไป​คล้าย​กับ​วิ่งหนี​

มุมปาก​หลิน​สวิน​อด​กระตุก​ขึ้น​มาไม่ได้​ เมื่อคืน​… ซย่า​จื้อ​ถึงกับ​ลอบมอง​เลย​หรือ​!?

ต่อให้​หนัง​หน้า​เขา​เคี่ยว​กรำ​ถึงระดับ​นิรันดร์​ ตอนนี้​ก็​ยัง​อด​รู้สึก​ร้อนผ่าว​ระลอก​หนึ่ง​ไม่ได้​ กล่าว​พึมพำ​ใน​ใจ ต่อไป​ต้อง​เลี่ยง​ไม่ให้​เกิดเรื่อง​แบบนี้​ขึ้น​อีก​!

“เป็น​อะไร​ไป​” ซย่า​จื้อ​ยังคง​สงสัย​มาก​ “หรือว่า​เจ้ารังแก​พี่​จิ่งเซวียน​จริง​”

หลิน​สวิน​ “…”

เวลา​เคลื่อน​คล้อย​

หลังจาก​หลิน​สวิน​กลับ​มาจาก​น่านฟ้า​ที่​เก้า​ก็​ผ่าน​ไป​หนึ่ง​เดือน​แล้ว​

และ​ใน​ระหว่าง​หนึ่ง​เดือน​นี้​ข่าว​ที่​หลิน​สวิน​ทำลาย​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ด้วย​ตัว​คนเดียว​ก็​เป็น​ดั่ง​พายุ​คลั่ง​ ปกคลุม​ไป​ทั่ว​ทุก​น่านฟ้า​

ชั่วขณะ​เดียว​ทั่วหล้า​ล้วน​โกลาหล​ สรรพ​ชีวิต​นับไม่ถ้วน​สั่นสะท้าน​!

“คนเดียว​ดั่ง​สวรรค์​ โดดเด่น​เหนือ​โลก​ยอด​นิรันดร์​”

“หัวหน้า​หอ​หลิน​เขา​… นี่​เป็น​ตำนาน​ที่​ไม่เคย​มีมาตั้งแต่​อดีต​…”

“ขุม​อำนาจ​ที่​สูงส่งอย่าง​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ยัง​ถูก​หัวหน้า​หอ​หลิน​เหยียบ​อยู่​ใต้เท้า​ ทอด​มอง​ทั่วหล้า​ใคร​เล่า​จะเทียบ​ได้​”

“น่า​เหลือเชื่อ​เกินไป​แล้ว​ น่า​เหลือเชื่อ​เกินไป​แล้ว​!”

เสียง​ทำนอง​นี้​ดัง​ขึ้น​ใน​ทุก​น่านฟ้า​ไม่หยุด​

และ​ชื่อเสียง​ของ​หลิน​สวิน​ก็​กระจาย​ไป​ตาม​ข่าว​พวก​นี้​เช่นกัน​ ทะยาน​ไป​ถึงขั้น​ที่​ไม่เคย​มีมาก่อน​เป็นประวัติการณ์​ ราวกับ​ตะ​วันที่​ฉายแสง​เพียงลำพัง​ใน​เก้า​น่านฟ้า​!

‘อาจารย์​ร้ายกาจ​ถึงเพียงนี้​แล้ว​…’

น่านฟ้า​ที่หก​ ใน​เมือง​ที่​จอแจ​แห่ง​หนึ่ง​ซูไป๋​กำลัง​นั่ง​ดื่มเหล้า​ใน​หอ​สุรา​แห่ง​หนึ่ง​ นึกถึง​ข่าว​ที่​สะเทือน​ไป​ทั่วหล้า​เมื่อ​เร็ว​ๆ นี้​ ใน​ใจเขา​อด​ทอดถอนใจ​ไม่ได้​

มีความรู้สึก​ยินดี​และ​ชื่นชม​ แต่​ก็​มีความกดดัน​หนักหน่วง​เช่นกัน​

เขา​หยิ่ง​ทระนง​และ​มอง​อาจารย์​เป็น​เป้าหมาย​มาโดยตลอด​ แต่​ตอนนี้​เขา​ถึงพบ​ว่า​ต่อให้​ตัวเอง​ไป​ไล่ตาม​สุด​ชีวิต​ กลับ​ไม่อาจ​ร่น​ระยะห่าง​ระหว่าง​เขา​กับ​อาจารย์​ได้​…

‘อาจารย์​ทำได้​ ภายหน้า​ข้า​ก็​ต้อง​ทำได้​แน่นอน​!’

หลังจาก​ดื่มเหล้า​ใน​กา​หมด​ ซูไป๋​ก็​สูด​หายใจ​ลึก​ จิตใจ​เปลี่ยนเป็น​หนักแน่น​และ​สงบนิ่ง​

“ซูไป๋​หรือ​”

จู่ๆ หญิง​นาง​หนึ่ง​มานั่ง​บน​โต๊ะ​ของ​ซูไป๋​โดย​ไม่เกรงใจ​

เงาร่าง​นาง​ผอม​เพรียว​ มัด​ผม​ดำ​เป็น​มวย​ ใบหน้า​งามเผย​ความงาม​เย็นชา​ ที่​สะดุดตา​เป็นพิเศษ​คือ​หว่าง​คิ้ว​ของ​นาง​มีเปลว​รอย​มรรค​เพลิง​เร้นลับ​สาย​หนึ่ง​

นัยน์ตา​ซูไป๋​หรี่​ลง​น้อย​ๆ กล่าวว่า​ “ไม่ผิด​”

“ไป​กับ​ข้า​สัก​รอบ​”

เสียง​นาง​สงบนิ่ง​มาก​ แต่กลับ​ไม่มีคลื่น​อารมณ์​สักนิด​ นัยน์ตา​ทั้งคู่​กลับ​คล้าย​ดาบ​อัน​คมกริบ​จ้องมอง​ซูไป๋​ ใน​แววตา​มีกลิ่นอาย​สำรวจ​และ​ออกคำสั่ง​อย่างหนึ่ง​

“มีเรื่อง​อะไร​” ซูไป๋​เอ่ย​ถาม

หญิงสาว​กล่าว​ “วางใจ​ หาก​อาจารย์​เจ้าไม่ปรากฏตัว​ออกมา​ก่อน​เจ้าไม่ตาย​หรอก​”

ใน​ใจซูไป๋​พลัน​สะท้าน​ สีหน้า​เปลี่ยนไป​น้อย​ๆ กล่าวว่า​ “หมายความว่า​อย่างไร​”

หญิงสาว​สีหน้า​เรียบ​เฉย​กล่าว​ “เจ้าอ่อน​แอ่​เกินไป​ ยัง​ไม่มีคุณสมบัติ​พอ​จะรู้​”

ซูไป๋​สูด​หายใจ​ลึก​ กล่าวว่า​ “เช่นนั้น​บอก​ข้า​ได้​หรือไม่​ว่า​เจ้าเป็น​ใคร​”

หญิงสาว​คิด​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​เผย​ยิ้ม​บาง​ๆ ออกมา​ เพียงแต่​รอยยิ้ม​นั่น​กลับ​นำมาซึ่ง​ความรู้สึก​ที่​พา​ให้​คน​ใจสั่น​ “ใน​เมื่อ​เจ้าอยากรู้​ เช่นนั้น​ก็​จำไว้​ให้​ดี​ ข้า​ชื่อ​เจียง​เจวี๋ย​ มาจาก​ยุค​ทวยเทพ​”

เสียง​ยังคง​ก้อง​สะท้อน​ เบื้องหน้า​ซูไป๋​มืด​ลง​ทันที​ พลัน​สูญเสียความรู้สึก​ทั้งหมด​ไป​

ใน​น่านฟ้า​ที่หก​เช่นเดียวกัน​

บน​ทะเลทราย​ผืน​หนึ่ง​ หลิน​ฝาน​มอง​คน​ที่อยู่​ไม่ไกล​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​

นี่​เป็น​ชายหนุ่ม​ชุด​ดำ​คน​หนึ่ง​ ท่วงท่า​สง่างาม บน​หน้า​ระบาย​ยิ้ม​ที่​ทำให้​คน​รู้สึก​เหมือน​ลม​วสันต์​ พา​ให้​คน​เกิด​ความรู้สึก​ดีขึ้น​ใน​ใจได้​ง่ายๆ​

แต่​ใน​สายตา​หลิน​ฝาน​ ทั่ว​ร่าง​ชายหนุ่ม​ชุด​ดำ​นี่​กลับ​แผ่​กลิ่นอาย​ที่​ทำให้​เขา​รู้สึก​ถึงภัย​คุกคาม​ถึงชีวิต​

เวลานี้​เอง​ชายหนุ่ม​ชุด​ดำ​ยิ้ม​กล่าวว่า​ “เจ้าหนุ่ม​ ไม่ต้อง​ดิ้นรน​แล้ว​ ใน​พื้นที่​นี้​สมบัติ​ลับ​และ​ไพ่ตาย​พวก​นั้น​บน​ตัว​เจ้าล้วน​ช่วย​เจ้าไม่ได้​อีกต่อไป​ ไม่เชื่อ​เจ้าก็​ลองดู​”

หลิน​ฝาน​ขมวดคิ้ว​กล่าว​ “เจ้าเป็น​ใคร​กัน​แน่​”

ชาย​ชุด​ดำ​กล่าว​ลวกๆ​ “ข้า​หรือ​ นาม​เกา​หยาง​หลี​ มาจาก​ยุค​ทวยเทพ​ ถ้าพ่อ​ของ​เจ้าเห็น​ข้า​ต้อง​รู้​ว่า​ข้า​เป็น​ใคร​แน่นอน​”

หลิน​ฝาน​นัยน์ตา​ฉายแวว​เย็นเยียบ​ กล่าวว่า​ “เจ้าเป็น​ศัตรู​ของ​ท่าน​พ่อ​ข้า​หรือ​ “

ชาย​ชุด​ดำ​ที่​เรียก​ตัวเอง​ว่า​เกา​หยาง​หลี​หัวเราะ​กล่าว​ “เจ้าหนู​อย่าง​เจ้านับว่า​ฉลาด​ แต่​เจ้าวางใจ​ ข้า​มาที่นี่​เพียงแค่​อยาก​จะหารือ​กับ​พ่อ​ของ​เจ้าเรื่อง​หนึ่ง​ก็​เท่านั้น​ ถ้าเขา​รับปาก​ ทุกคน​ก็​จะมีความสุข​อย่างยิ่ง​ ถ้าเขา​ไม่รับปาก​ เกรง​ว่า​คง​ต้อง​เกิดเรื่อง​ไม่ดี​อยู่​บ้าง​”

หลิน​ฝาน​มอง​ไป​รอบ​ๆ แล้ว​กล่าวว่า​ “เอาชีวิต​ข้า​มาข่มขู่​ท่าน​พ่อ​ข้า​ ดูท่า​พวก​เจ้าคง​ไม่กล้า​ไป​เป็น​ศัตรู​กับ​ท่าน​พ่อ​ข้า​ซึ่งๆ หน้า​สักนิด​”

น้ำเสียง​เผย​แวว​เยาะ​หยัน​

ชาย​ชุด​ดำ​กลับ​กล่าว​อย่าง​ไม่ใส่ใจ “ตอนนี้​โลก​ยอด​นิรันดร์​นี้​ ชื่อเสียง​ของ​บิดา​เจ้าล้วน​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​ แม้แต่​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​พวก​นั้น​ยัง​ไม่ใช่คู่ต่อสู้​ของ​เขา​ แม้พวก​ข้า​จะไม่ได้​สน​เรื่อง​พวก​นี้​แต่​ก็​ต้อง​เตรียมตัว​ไว้​บ้าง​ เจ้าว่า​ใช่หรือไม่​”

เขา​ยิ้ม​มอง​หลิน​ฝาน​ ราวกับ​กำลัง​พูดคุย​กับ​สหาย​เก่า​

ทว่า​ทั้งหมด​นี้​กลับ​ทำให้​ใจของ​หลิน​ฝาน​จมดิ่ง​ ตระหนักถึง​ความ​ไม่เข้าที​อย่าง​สิ้นเชิง​แล้ว​

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท