ตอนที่ 3038 โทสะของหลินสวิน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ลัทธิ​แรก​กำเนิด​

ใน​ถ้ำสถิต​ หลิน​สวิน​ลืมตา​ขึ้น​จาก​การ​นั่งสมาธิ​อย่าง​เงียบๆ​

ทะลวง​แล้ว​!

ช่วงนี้​หลังจาก​เขา​ตั้งใจ​ฝึก​ปราณ​และ​หลอม​ ‘โอสถ​เทพ​ฝ่าเคราะห์​’ อย่าง​ต่อเนื่อง​ พลัง​ปราณ​ก็​บรรลุ​ถึงขั้น​ล่วง​กฎ​สัมบูรณ์​ในที่สุด​

โอสถ​เทพ​ฝ่าเคราะห์​เป็น​สมบัติ​อย่างหนึ่ง​ที่​หลิน​สวิน​ได้​จาก​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ตระกูล​ไท่เฮ่า​ เมื่อ​นำมา​หลอม​ก็​เหมือน​การเข้าสู่​โลก​ด่าน​เคราะห์​ สามารถ​ทำ​ให้การ​เคี่ยว​กรำ​และ​การ​ตกตะกอน​ของ​มรรค​วิถี​แห่ง​ตน​ลึก​ขึ้นไป​อีก​ขั้น​ ทั้ง​ยัง​ไม่ต้อง​กังวล​เรื่อง​การ​เกิด​ธาตุ​ไฟเข้า​แทรก​

โอสถ​เทพ​ระดับ​นี้​เม็ด​เดียว​ก็​มีมูลค่า​เทียบเท่า​ศาสตรา​มรรค​นิรันดร์​หนึ่ง​ชิ้น​ มีประโยชน์​น่า​เหลือเชื่อ​สำหรับ​การ​ทะลวง​ขั้น​ล่วง​กฎ​

และ​ใน​ช่วง​สั้น​ๆ นี้​หลิน​สวิน​ก็​หลอม​โอสถ​เทพ​ฝ่าเคราะห์​ไป​ไม่ต่ำกว่า​เก้า​เม็ด​แล้ว​ มรรค​วิถี​ถึงได้​ทะลวง​ถึงขั้น​ล่วง​กฎ​สัมบูรณ์​ แค่​คิด​ก็​รู้​ว่า​มรรค​วิถี​ของ​เขา​แข็งแกร่ง​ปานใด​

“ขั้น​ต่อไป​ก็​คือ​ขั้น​สรร​สร้าง​แล้ว​…”

หลิน​สวิน​แววตา​แจ่มชัด​

ขั้น​สรร​สร้าง​ ขอ​เพียง​หลอม​พลัง​กฎระเบียบ​ให้​มากขึ้น​ มรรค​วิถี​แห่ง​ตน​ก็​จะเลื่อนขั้น​ได้​อย่าง​ไม่หยุดหย่อน​

และ​ทั้งหมด​นี้​สำหรับ​หลิน​สวิน​ไม่ใช่ปัญหา​แม้แต่น้อย​

เพราะ​สิ่งที่​ไม่ขาด​ที่สุด​บน​ร่าง​เขา​ตอนนี้​ก็​คือ​พลัง​ระเบียบ​ระดับ​เทพ​หลาก​หลายชนิด​!

แน่นอน​ว่า​ระหว่าง​ขั้น​ล่วง​กฎ​กับ​ขั้น​สรร​สร้าง​เป็น​ธรณีประตู​ที่​ใหญ่​ยิ่ง​บาน​หนึ่ง​ คิด​จะทะลวง​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ขนาด​นั้น​

จุดสำคัญ​คือ​ใน​ช่วงเวลา​ที่​เคราะห์​แห่ง​ยุคสมัย​กำลังจะ​มาเยือน​นี้​ ขั้น​สรร​สร้าง​ขึ้นไป​ล้วน​ต้อง​พบ​เจอภัย​คุกคาม​ร้ายแรง​ของ​เคราะห์​ดับ​สิ้นไร้​ชีพ​

กลับเป็น​ขั้น​ล่วง​กฎ​ที่​โอกาส​ใน​การ​ประสบ​เคราะห์​กลับ​น้อยกว่า​มาก​

นี่​ก็​คือ​เหตุผล​ที่​ระดับ​นิรันดร์​ซึ่งรั้ง​อยู่​ใน​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​สิบสอง​ตระกูล​ของ​น่านฟ้า​ที่​เก้า​ล้วน​เป็น​ขั้น​ล่วง​กฎ​ ส่วน​พวก​ขั้น​สรร​สร้าง​ขึ้นไป​แทบจะ​หาไม่​เจอ​สัก​คน​

สาเหตุ​ก็​อยู่​ที่​ภัย​คุกคาม​ของ​เคราะห์​ดับ​สิ้นไร้​ชีพ​รุนแรง​เกินไป​

ด้วยเหตุนี้​หลิน​สวิน​จึงไม่อาจ​ไม่ป้องกัน​

ยาม​เขา​แจ้งมรรค​นิรันดร์​ก็​ถูก​ผู้บงการ​หลัง​ม่าน​ของ​เคราะห์​แห่ง​ยุคสมัย​เพ่งเล็ง​ ถึงตอนนี้​แม้ไม่เคย​เผชิญ​เคราะห์​ดับ​สิ้นไร้​ชีพ​ แต่​ใคร​ก็​ไม่อาจ​รับรอง​ว่า​เคราะห์​นี้​จะมาเยือน​เมื่อไหร่​

แต่​เรื่อง​ที่​ยืนยัน​ได้​ก็​คือ​ หาก​เขา​แจ้งมรรค​ขั้น​สรร​สร้าง​ใน​โลก​ยอด​นิรันดร์​ ความเป็นไปได้​ที่จะ​เจอ​การ​โจมตีจาก​เคราะห์​นี้​ย่อม​มีมาก​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​

จู่ๆ หลิน​สวิน​ก็​คิด​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​มาได้​

ปี​นั้น​เฉิน​หลิน​คง​เคย​บอ​กว่า​ใน​เรือ​นิรันดร์​ซ่อน​แผนที่​ด​รา​รา​ที่​เชื่อ​กับ​ประตู​นิรันดร์​ไว้​ และ​ใน​ประตู​นิรันดร์​นั่น​ยัง​ซ่อน​มหา​ศุภโชค​ที่​เกี่ยวกับ​ระดับ​นิรันดร์​ไว้​ชิ้น​หนึ่ง​…

และ​ตอนนี้​ตน​ก็​เป็น​ผู้ฝึก​ปราณ​ระดับ​นิรันดร์​ขั้น​ล่วง​กฎ​สัมบูรณ์​แล้ว​ มีศักยภาพ​พอ​ไป​ประตู​นิรันดร์​ได้​แล้ว​

เพียงแต่​หลิน​สวิน​ไม่ลืม​เช่นกัน​ว่า​ก่อนหน้านี้​นานมาแล้ว​ เจ้าแห่ง​มรรคา​สวรรค์​ก็​เคย​ไป​ตามหา​ประตู​นิรันดร์​เช่นกัน​ แต่​ก็​เป็น​ใน​ตอนนั้น​ที่​ระฆัง​มรรค​ซึ่งอบอวล​ด้วย​ไอ​แรก​กำเนิด​ลึกลับ​ชิ้น​หนึ่ง​ปรากฏ​ออก​มาจาก​ใน​ประตู​นิรันดร์​ โจมตี​เจ้าแห่ง​มรรคา​สวรรค์​จน​บาดเจ็บสาหัส​!

หลิน​สวิน​ไม่ลืม​เช่นกัน​ว่า​ยาม​จักรพรรดิ​เทพ​รัตติกาล​นิรันดร์​ไป​เมือง​เทพ​ศุภโชค​ใน​ปี​นั้น​ ใน​เคราะห์​ดับ​สิ้นไร้​ชีพ​ทั้งหมด​ที่​เผชิญ​ก็​มีระฆัง​มรรค​ใบ​หนึ่ง​เช่นกัน​

ระฆัง​มรรค​ใบ​นั้น​ยัง​มีชื่อ​ที่​พิเศษ​อย่างยิ่ง​… ไท่​ชู!!

นี่​ทำให้​หลิน​สวิน​อด​สงสัย​ไม่ได้​ว่า​ระฆัง​มรรค​ใน​ประตู​นิรันดร์​ เป็นไปได้​อย่างยิ่ง​ว่า​จะเป็น​ระฆัง​มรรค​ไท่​ชูซึ่งปรากฏ​ใน​เคราะห์​ดับ​สิ้นไร้​ชีพ​ที่​จักรพรรดิ​เทพ​รัตติกาล​นิรันดร์​เจอ​

อีก​ทั้ง​ความนัย​ของ​ไท่​ชูสอง​คำ​นี้​ก็​ไม่ธรรมดา​เป็น​อย่างยิ่ง​!

หลิน​สวิน​ถึงขั้น​สงสัย​ว่า​ไท่​ชูเป็น​ชื่อ​ของ​ผู้บงการ​หลัง​ม่าน​ของ​เคราะห์​แห่ง​ยุคสมัย​นั่น​

ทั้งหมด​นี้​ล้วน​ทำให้​หลิน​สวิน​ลังเล​อยู่​บ้าง​อย่าง​เลี่ยง​ไม่ได้​

ควรจะ​ไป​ประตู​นิรันดร์​นั่น​สักครั้ง​หรือไม่​

หรือว่า​จะถามซย่า​จื้อ​ได้​

ถึงอย่างไร​เรือ​นิรันดร์​ก็​อยู่​กับ​จักรพรรดิ​เทพ​รัตติกาล​นิรันดร์​มาหลาย​ปี​ ต่อให้​ซย่า​จื้อ​ไม่เคย​สืบทอด​ความทรงจำ​และ​สติปัญญา​ของ​จักรพรรดิ​เทพ​รัตติกาล​นิรันดร์​ แต่​ตอนนี้​ก็​เท่ากับ​เป็นเจ้าของ​ของ​เรือ​นิรันดร์​แล้ว​

ระหว่าง​ที่​หลิน​สวิน​ใคร่ครวญ​นี้​เอง​ จู่ๆ เสียง​ที่​เต็มไปด้วย​ความร้อนรน​ก็​ดัง​ขึ้น​…

“ท่าน​พี่​!”

จากนั้น​จ้าว​จิ่งเซวียน​ที่​ใบหน้า​ซีดเผือด​ สีหน้า​ตื่นตระหนก​ก็​พุ่ง​เข้ามา​ใน​ถ้ำสถิต​ กล่าว​เสียง​สั่นเครือ​ “ท่าน​พี่​ ฝาน​เอ๋อร์​ใช้ไพ่ตาย​รักษา​ชีพ​ทั้งหมด​แล้ว​ ขะ​ เขา​… ต้อง​เกิดเรื่อง​แล้ว​แน่​”

ใน​ใจหลิน​สวิน​พลัน​สะท้าน​ รีบ​กอด​จ้าว​จิ่งเซวียน​ที่​ตระหนก​จน​ทำ​อะไร​ไม่ถูก​ กล่าว​เสียง​อบอุ่น​ “อย่า​ตระหนก​ไป​ เจ้าค่อยๆ​ พูดว่า​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​”

ใน​น้ำเสียง​แฝงพลัง​ที่​ทำให้​คน​จิตใจ​สงบ​

อารมณ์​ของ​จ้าว​จิ่งเซวียน​ถึงค่อย​สงบ​ลง​ไม่น้อย​ เพียงแต่​ใบหน้า​ยังคง​เต็มไปด้วย​ความกังวล​เช่น​เดิม​ กล่าวว่า​ “เมื่อ​ครู่​ข้า​กำลัง​ฝึก​ปราณ​อยู่​ ทว่า​ยันต์​ลับ​ใน​ร่าง​กลับ​… สลาย​ไป​แล้ว​…”

ขณะ​พูด​นาง​ก็​พลิก​มือ​ เผย​ยันต์​ลับ​ที่​กลายเป็น​ชิ้นเล็กชิ้นน้อย​มากมาย​ มีมาก​ถึงเจ็ด​แปด​ชนิด​

เมื่อ​ยันต์​พวก​นี้​แตก​ ก็​หมายความว่า​หลิน​ฝาน​พบ​เจอ​อันตราย​และ​ใช้ไพ่ตาย​ปกป้อง​ชีพ​แล้ว​

นี่​ก็​คือ​เหตุผล​ที่​ทำให้​จ้าว​จิ่งเซวียน​รู้สึก​ตระหนก​และ​ลนลาน​

เห็น​เช่นนี้​หว่าง​คิ้ว​หลิน​สวิน​ผุด​แวว​เยียบ​เย็น​สาย​หนึ่ง​ แววตา​เย็นชา​น่า​สะพรึง​

พริบตาเดียว​เขา​ก็​มอง​ออกมา​ว่าการ​ที่​สามารถ​บีบ​ให้​หลิน​ฝาน​ใช้ไพ่ตาย​รักษา​ชีพ​มาก​เช่นนี้​ได้​ คน​ที่​เขา​เผชิญหน้า​ด้วย​เกรง​ว่า​จะไม่ต่ำกว่า​ระดับ​นิรันดร์​!

เพียงแต่​เป็น​ฝีมือ​ใคร​กัน​แน่​

ใน​ตอนนี้​ยังมี​ใคร​กล้า​เป็น​ศัตรู​กับ​ตน​อีก​

“ท่าน​พี่​ ท่าน​รีบ​หา​วิธี​เถิด​ ถ้าฝาน​เอ๋อร์​เกิดเรื่อง​ขึ้น​ ข้า​… ข้า​…” ใบหน้า​งามของ​จ้าว​จิ่งเซวียน​เป็นกังวล​ ทั้ง​ร่าง​อยู่​ใน​สภาพ​อกสั่นขวัญหาย​

หลิน​สวิน​สูด​หายใจ​ลึก​เฮือก​หนึ่ง​ ตบ​ไหล่​นาง​เบา​ๆ กล่าวว่า​ “ไม่เป็นไร​ มีข้า​อยู่​ ฝาน​เอ๋อร์​ไม่มีทาง​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​แน่นอน​”

เสียง​สงบนิ่ง​แต่กลับ​เผย​แวว​หนักแน่น​หา​ใด​เปรียบ​

ปี​นั้น​หลังจาก​เด็กน้อย​ที่​ไม่เคย​ฝึก​ปราณ​อย่าง​ถังเจียง​ประสบ​เคราะห์​เหลือ​เพียง​เลือด​หยด​หนึ่ง​ ยัง​ถูก​เขา​ใช้พลัง​ของ​ระเบียบ​นิพพาน​ช่วย​กลับมา​ได้​

ตอนนี้​ต่อให้​หลิน​ฝาน​ลูกชาย​ของ​ตน​จะประสบ​เคราะห์​ ต่อให้​เหลือ​พลัง​ชีวิต​แค่​เสี้ยว​เดียว​ หลิน​สวิน​ก็​จะช่วย​เขา​กลับมา​สุด​ชีวิต​เช่นกัน​!

แน่นอน​ว่า​นี่​เป็น​แผน​ในกรณีที่​เลวร้าย​ที่สุด​

เรื่อง​เร่งด่วน​คือ​ตรวจสอบ​สถาน​การ์​ให้​ชัดเจน​โดยเร็ว​ที่สุด​

คิดถึง​ตรงนี้​ใน​ใจหลิน​สวิน​ก็​กระตุก​วูบ​ เอ่ย​ว่า​ “จิ่งเซวียน​ ตอนที่​ฝาน​เอ๋อร์​จากไป​ปี​นั้น​ได้​พก​สมบัติ​ที่​ทำให้​พวกเรา​หา​ร่องรอย​ของ​เขา​พบ​หรือไม่​”

จ้าว​จิ่งเซวียน​แววตา​วาบ​ประกาย​ “มี! ตอนนั้น​ผู้อาวุโส​เสวียน​เฟยห​ลิง​เคย​มอบ​หยก​ประดับ​ชิ้น​หนึ่ง​ให้​ฝาน​เอ๋อร์​ จาก​ที่​ผู้อาวุโส​เสวียน​เฟยห​ลิง​ว่า​ หยก​นี้​นาม​ว่า​ ‘รอย​วิญญาณ​ไร้​รูป​’ ไม่ว่า​ฝาน​เอ๋อร์​อยู่​ที่ไหน​ บน​ทาง​ที่​เขา​เดินผ่าน​ล้วน​ทิ้ง​กลิ่นอาย​สาย​หนึ่ง​ของ​หยก​ประดับ​นี้​ไว้​ นี่​ก็​หมายความว่า​ตอนนี้​ขอ​แค่​พวกเรา​ตาม​กลิ่นอาย​สาย​นี้​ไป​ก็​จะหา​เขา​พบ​!”

ขณะ​พูด​นาง​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​หลิน​สวิน​จะออก​ไปนอก​ถ้ำสถิต​ “ท่าน​พี่​ เร็ว​เข้า​ พวกเรา​ไปหา​ผู้อาวุโส​เสวียน​เฟยห​ลิง​”

กลับ​เห็น​หลิน​สวิน​ตบ​ไหล่​นาง​เบา​ๆ ครา​หนึ่ง​ “จิ่งเซวียน​ สภาวะ​จิต​ของ​เจ้าปั่นป่วน​แล้ว​ อยู่​ที่นี่​พักผ่อน​ให้​ดี​สักหน่อย​ รอ​ตอน​เจ้าตื่น​มาข้า​ต้อง​พา​ฝาน​เอ๋อร์​มาพบ​เจ้าแน่นอน​”

คำพูด​ยังคง​สะท้อน​อยู่​ จ้าว​จิ่งเซวียน​ก็​หลับ​ลึก​ไป​แล้ว​ ร่าง​บาง​ทิ้งตัว​เอน​ลง​กลา​งอก​หลิน​สวิน​

เขา​วาง​จ้าว​จิ่งเซวียนบน​ตั่ง​ยาว​ แล้ว​สูด​หายใจ​ลึก​ครา​หนึ่ง​ระงับ​ไอ​สังหาร​ใน​ใจ ขณะ​กำลัง​วางแผน​จากไป​ กลับ​เห็น​ซย่า​จื้อ​เดิน​ออด​มาจาก​เรือ​นิรันดร์​ “ข้า​ไป​กับ​เจ้าด้วย​”

“เจ้าได้ยิน​หมด​แล้ว​หรือ​” หลิน​สวิน​อึ้ง​

ซย่า​จื้อ​พยักหน้า​ กล่าว​ด้วย​เสียง​กระจ่าง​ “ด้วย​พลัง​ของ​ข้า​ตอนนี้​ การ​ฆ่าขั้น​ล่วง​กฎ​น่าจะ​ไม่ใช่ปัญหา​ใหญ่​”

หลิน​สวิน​สังเกต​ซย่า​จื้อ​ปราด​หนึ่ง​ พบ​ว่า​กลิ่นอาย​ของ​นาง​เปลี่ยนไป​ไม่เหมือนกับ​ก่อนหน้านี้​ดัง​คาด​ มีความคลุมเครือ​และ​เร้นลับ​ยิ่งขึ้น​

“ได้​”

หลิน​สวิน​ไม่อยาก​ชักช้า​อีก​ มุ่งหน้า​ไปหา​เสวียน​เฟยห​ลิง​พร้อมกับ​ซย่า​จื้อ​

และ​เมื่อ​รู้​เจตนา​ของ​หลิน​สวิน​ เสวียน​เฟยห​ลิง​ก็​ตระหนัก​ได้​ถึงความหนักหน่วง​ของ​ปัญหา​เช่นกัน​ รีบ​นำ​ม้วน​หยก​ม้วน​หนึ่ง​ส่งให้​หลิน​สวิน​พลาง​กล่าว​ “นี่​เป็น​วิชา​ลับ​ที่​ใช้จับ​สัมผัส​กลิ่นอาย​ของ​ยันต์​รอย​วิญญาณ​ไร้​รูป​ เจ้าเอา​มัน​ไป​ แล้วก็​เรื่อง​นี้​ข้า​จะจะช่วย​เจ้าปกปิด​ไม่ให้​คนอื่น​รู้​ พวก​เจ้าไปหา​ฝาน​เอ๋อร์​อย่าง​วางใจ​เป็น​พอ​”

“รบกวน​ผู้อาวุโส​แล้ว​”

หลิน​สวิน​หยิบ​ม้วน​หยก​และ​หมุนตัว​จากไป​

วันนั้น​เขา​กับ​ซย่า​จื้อ​ออกจาก​ลัทธิ​แรก​กำเนิด​ไป​อย่าง​เงียบๆ​

น่านฟ้า​ที่หก​

เหนือ​ทะเล​ที่​คล้าย​ไร้​สิ้นสุด​ผืน​หนึ่ง​ เกาะ​ที่​ไม่มีหญ้า​ขึ้น​สัก​ต้น​เกาะ​หนึ่ง​กำลัง​ลอย​ล่อง​

“พี่​จี้ ท่าน​แน่ใจ​หรือว่า​หลิน​สวิน​จะมา”

ชาย​ชุด​ดำ​เกา​หยาง​หลี​ดื่มเหล้า​ไป​พลาง​ถามอย่าง​เกียจคร้าน​ไป​พลาง​ เขา​นอน​เอน​บน​หิน​ก้อน​หนึ่ง​ ท่าทาง​อิสระ​เสรี​

“มาแน่​”

ผู้พูด​คือ​ชาย​รูปร่าง​ผึ่งผาย​สวม​ชุด​ขาว​ยิ่งกว่า​หิมะ​ เขา​เอา​มือ​ไพล่หลัง​ ใบหน้า​หล่อเหลา​ราว​ใช้มีด​แกะสลัก​ ใน​ดวงตา​ลุ่มลึก​ที่​มอง​ตรง​ไป​เบื้องหน้า​มีภาพ​ฟ้าดารา​มากมาย​ปรากฏ​อยู่​ลึก​เข้าไป​

ทั้ง​ร่าง​เขา​แผ่​อานุภาพ​กดดัน​ผู้คน​

จี้กุย​เจิน!​

มาจาก​เผ่า​เทพ​ตระกูล​จี้ยุค​ทวยเทพ​!

“เฮ้อ​ ถ้าไม่ใช่ว่า​ร่าง​มีพันธนาการ​ ข้า​ก็​อยาก​อยู่​โลก​ยอด​นิรันดร์​นี่​ไป​ตลอด​ ที่นี่​ดีกว่า​แหล่ง​สถาน​ศุภโชค​ที่​ประหนึ่ง​คุก​นั่น​เป็น​ไหน​ๆ”

เกา​หยาง​หลี​ถอนหายใจ​เฮือก​หนึ่ง​

จี้กุย​เจิน​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ “ตราบใด​ที่อยู่​ที่นี่​ก็​หนี​ไม่พ้น​การ​โจมตี​ของ​เคราะห์​ดับ​สิ้นไร้​ชีพ​ ยิ่งกว่านั้น​ไม่เกิน​เก้า​ร้อย​ปี​ หลังจาก​เคราะห์​แห่ง​ยุคสมัย​มาเยือน​โลก​นี้​ก็​จะพินาศ​จน​หมด​ หาก​โชคดี​อารยธรรม​ยุค​นี้​ก็​ยัง​รอด​ต่อไป​ใน​แหล่ง​สถาน​ศุภโชค​ได้​ หาก​โชคร้าย​ ทั้งหมด​ก็​จบสิ้น​แล้ว​”

เกา​หยาง​หลี​อึ้ง​ไป​ ก่อน​ยิ้ม​ระรื่น​กล่าว​ “พูด​เช่นนี้​ สำหรับ​พวกเรา​แล้ว​แหล่ง​สถาน​ศุภโชค​นี่​นอก​เสีย​จาก​เหมือนกับ​คุก​ กลับเป็น​สถานที่​ที่​ดี​แห่ง​หนึ่ง​”

จี้กุย​เจิน​ไม่ตอบรับ​หรือ​ปฏิเสธ​

และ​ยาม​นี้​เจียง​เจวี๋ย​ที่​นิ่งเงียบ​มาตลอด​พลัน​ใช้ดวงตา​คล้าย​คม​มีด​คู่​นั้น​จ้องมอง​ไป​ไกลๆ​ ดวง​หน้า​งดงาม​เย็นชา​ปาน​น้ำแข็ง​ยังคง​ไม่มีคลื่น​อารมณ์​สัก​เสี้ยว​

“เขา​มาแล้ว​”

เจียง​เจวี๋ย​เอ่ยปาก​

เกา​หยาง​หลี​พลิ​กร่าง​หยัด​ตัว​ขึ้น​จาก​ก้อนหิน​ ยิ้ม​กล่าว​ “ข้า​อยาก​เจอ​จริงๆ​ ยาม​หนี​จาก​เมือง​เทพ​ศุภโชค​เจ้าหมอ​นี่​เพิ่ง​มีมรรค​วิถี​ขั้น​อายุขัย​เทียมฟ้า​ ใน​เวลา​สั้น​ๆ ไม่ถึงร้อย​ปี​กลับ​แจ้งมรรค​นิรันดร์​ได้​อย่างไร​ ทั้ง​ยัง​ใช้พลัง​ของ​ตน​คนเดียว​กวาดล้าง​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ใน​น่านฟ้า​ที่​เก้า​ได้​อย่างไร​ นี่​แม้แต่​ใน​ยุค​ทวยเทพ​ยัง​เรียก​ได้​ว่า​มหัศจรรย์​ไม่เคย​มีมาก่อน​ได้​”

ขณะ​พูด​ดวงตา​เขา​ก็​มองออก​ไป​ไกล​เช่นกัน​

“ระวัง​ไว้​หน่อย​ ถ้าไม่ลงมือ​ได้​ก็​ไม่ต้อง​ลงมือ​”

จี้กุย​เจิน​กล่าว​เสียง​เบา​ เขา​ยืน​ไพล่หลัง​ ชุด​ขาว​โบก​พลิ้ว​ มองออก​ไป​ไกลๆ​ เช่นกัน​

ห่าง​ไป​ไกลโพ้น​มีเงาร่าง​สูงโปร่ง​สาย​หนึ่ง​เคลื่อนย้าย​ผ่าน​ห้วง​อากาศ​เข้ามา​ ไม่กี่​พริบตา​ก็​มาปรากฏตัว​หน้า​เกาะ​นี้​

เป็น​หลิน​สวิน​!

“เป็น​พวก​เจ้าที่​ลักพาตัว​ลูกชาย​ข้า​หรือ​”

นัยน์​ตาดำ​หลิน​สวิน​ลุ่มลึก​เย็นชา​ ไอ​สังหาร​ที่​สั่งสมใน​ใจใกล้​จะคุม​ไม่อยู่​

เขา​มอง​ปราด​เดียว​ก็​ดูออก​ว่า​กลิ่นอาย​ของ​ชาย​สอง​หญิง​หนึ่ง​นี่​ไม่ธรรมดา​ ต่อให้​ข่ม​ไว้​เต็มที่​ แต่​ต้อง​เป็น​พวก​ที่​ก้าว​สู่มรรคา​นิรันดร์​แล้ว​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​

“สหาย​ยุทธ์​หลิน​โปรด​ระงับ​โทสะ​”

เกา​หยาง​หลี​เอ่ย​ยิ้ม​ๆ “ข้า​รับรอง​กับ​เจ้าได้​ว่า​ ไม่ว่า​จะเป็น​ศิษย์​ของ​เจ้าซูไป๋​หรือ​ลูกชาย​ของ​เจ้าหลิน​ฝาน​ ล้วน​ไม่ได้รับ​อันตราย​สักนิด​ ที่​พวกเรา​ทำ​เช่นนี้​ไม่มีอะไร​มาก​ไป​กว่า​อยาก​เจอ​สหาย​ยุทธ์​หลิน​ จากนั้น​ปรึกษา​เรื่อง​หนึ่ง​กับ​สหาย​ยุทธ์​หลิน​ก็​เท่านั้น​”

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท