พลังระเบียบระดับเทพแปดสายลอยกลางอากาศ อบอวลด้วยอานุภาพระเบียบที่แตกต่างกัน บ้างเหมือนตะวันแผดเผาทั่วหล้า บ้างราวคืนนิรันดร์กลบทับสรรพสิ่ง บ้าง…
อานุภาพที่แตกต่างกันผสานกับระเบียบปฐม กดดันจนระเบียบระดับเทพสองสายของฝ่ายตรงข้ามส่งเสียงครวญไม่หยุด
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นมาย่อมเกิดรู้สึกราวกับกฎระเบียบมรรคสวรรค์มากมายกำลังคำรามต่อสู้ น่าสะพรึงหาใดเปรียบ
นี่ทำให้สีหน้าพวกจี้กุยเจินสามคนล้วนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
เป็นดังในข่าวลือในจริงๆ หลินสวินกำจัดเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้นไปแล้ว ไม่เช่นนั้นย่อมไม่มีทางมีพลังระเบียบระดับเทพมากเช่นนี้
“ลงมือ!”
จี้กุยเจินออกโจมตีแทบจะในทันที
จับโจรต้องจับหัวหน้า ขอแค่กำราบหลินสวินได้ ระเบียบระดับเทพพวกนั้นย่อมพ่ายไปเองโดยไม่ต้องโจมตี
ตูม!
เขาชูมือขึ้นฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ พลังกฎเกณฑ์ที่เย็นเยียบเสียดกระดูกควบรวมเป็นประทับฝ่ามือ กลางฟ้าดินราวกับจมสู่ถ้ำหนาวเหน็บหมื่นกาลทันที ห้วงอากาศจับตัวแข็ง สรรพสิ่งแข็งค้าง
นั่นคืออานุภาพของขั้นสรรสร้าง ทรงพลังถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ!
หากเปลี่ยนเป็นขั้นล่วงกฎคนอื่นต้องถูกพลังอันเย็นเยียบนี้ผนึกแช่แข็ง เอาชีวิตไม่รอดแน่
ทว่าหลินสวินที่เผชิญหน้าการโจมตีนี้กลับซัดหมัดหนึ่งออกมาทันใด
ตูม!
หมัดนี้อหังการไร้ใดเปรียบ ทำลายประทับฝ่ามือเย็นเยียบนั่นทั้งอย่างนั้น พลังที่สาดออกมาไหลบ่าสลายไป ฟ้าดินล้วนจมลงตามไปด้วย
จี้กุยเจินนัยน์ตาหดรัดทันที ไม่กล้าเชื่อสักนิดว่าพลังของตนจะถูกทำลายได้ง่ายดายเช่นนี้
ต้องรู้ว่าบนมรรคานิรันดร์ เขาเหนือกว่าหลินสวินถึงหนึ่งขั้นใหญ่!
ภาพนี้ทำให้ในใจเกาหยางหลีและเจียงเจวี๋ยคร่ำเคร่งเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้ดูแคลนหลินสวิน
เพียงแต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังของหลินสวินจริงๆ พวกเขาถึงได้รู้ว่าสุดท้ายข่าวลือก็แค่ข่าวลือ ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของหลินสวินเหนือกว่าจินตนาการของคนทั่วหล้านัก
“ฆ่า!”
เกาหยางหลีและเจียงเจวี๋ยลงมือโจมตีขนาบหลินสวินจากสองด้านโดยไม่ลังเล
“มา!”
รอบกายเกาหยางหลีปรากฏกระบี่เทพสามสิบหกเล่ม กลายเป็นกระบวนค่ายกลกระบี่เร้นลับแน่นขนัด เสียงชิ้งๆ ดังก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน กระบี่เทพไร้เทียมทานนั่นม้วนซัดอย่างบ้าคลั่งราวกับน้ำวน ทุกกระบี่ล้วนปลดปล่อยพลังกฎเกณฑ์นิรันดร์น่าขนลุกออกมา
“ไป!”
นิ้วเรียวยาวของเจียงเจวี๋ยกรีดวาด ดาบบินดำบางเฉียบโฉบออกมาทันที ปลายดาบมืดทึบ แต่ความเร็วกลับเร็วหาใดเปรียบ เพิกเฉยต่อพันธนาการห้วงอากาศ ตวัดพุ่งแปลกประหลาด พาให้คนยากป้องกัน
การโจมตีขนาบของทั้งสองเรียกได้ว่ารวดเร็วยิ่ง แต่ละคนล้วนแข็งแกร่ง เห็นชัดว่าใช้พลังทั้งหมดโดยไม่เก็บกักใดๆ
กลับเห็นหลินสวินไม่หลบไม่เลี่ยง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทะยานออกมา
ตูม!
ละอองแสงคลุมเครือไพศาลไหลหลั่ง ปลดปล่อยอานุภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน น้ำวนกระบวนค่ายกลกระบี่ที่แปลงจากจากกระบี่เทพทั้งสามสิบหกเล่มนั่นของเกาหยางหลี พริบตาเดียวก็ถูกตีแตกกระเจิง กระบี่เทพแต่ละเล่มกระจัดกระจายสะเปะสะปะ
“นี่…” เกาหยางหลีสีหน้าตะลึง
แต่ไม่รอให้เขาตอบโต้ เสียงตูมดังสนั่นคราหนึ่ง กระบี่เทพสามสิบหกเล่มล้วนแตกหัก ระเบิดออกกลางอากาศ ถึงขั้นต้านการกำราบครั้งเดียวของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งไม่อยู่!
พรูด!
เกาหยางหลีกระอักเลือดถอยออกไปอย่างทุลักทุเล ไม่ได้สุขุมอย่างก่อนหน้านี้อีก
ฉัวะ!
และเวลานี้เองดาบบินสีดำของเจียงเจวี๋ยก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวหลินสวินอย่างน่าประหลาด ฟันลงมาอย่างไร้สุ้มเสียง เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
เคร้ง!!!
เสียงปะทะสนั่นหูดังขึ้น ดาบบินสีดำถูกกระบี่มรรคที่โผล่มากะทันหันต้านไว้
เจียงเจวี๋ยหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ ตั้งท่าจะเปลี่ยนกระบวนท่า
ก็เห็นหลินสวินยื่นมือออกมาคว้า ดาบบินสีดำนี่ก็ถูกจับไว้แน่น และเมื่อเขาออกแรงที่ฝ่ามือ ศาสตรามรรคนิรันดร์ที่มีอานุภาพเกินคาดนี้พลันแตกละเอียดทุกกระเบียด กลายเป็นฝุ่นผงปลิวว่อน
ภายใต้การโจมตีนี้ ร่างบางของเจียงเจวี๋ยพลันสั่นเทา ใบหน้างามเย็นเยียบซีดขาวลงไปสามส่วนในพริบตา นางเองก็รู้สึกใจสะท้านยากจะเชื่อเช่นกัน
“ให้ข้าเอง”
จี้กุยเจินในชุดขาวหิมะพุ่งเข้ามา มือกุมทวนศึกทองอร่าม ทั่วร่างเปล่งแสงหมื่นจั้ง กฎเกณฑ์มรรคนิรันดร์ไพศาลไหลหลั่งลงมา ความยิ่งใหญ่ของอานุภาพสะเทือนฟ้าดิน
ตูม!
ทวนศึกทองอร่ามพาดกวาด บดขยี้เวิ้งฟ้าเป็นแนวยาว รุนแรงหาใดเปรียบ แสงเทพที่ฉายขึ้นมาคล้ายกระแสน้ำปั่นป่วนโลกกระหน่ำกลางฟ้าดิน
อานุภาพของเขาแข็งแกร่งสุดขีด อย่างไรก็เป็นขั้นสรรสร้าง ทันทีที่ลงมือก็ทำเอาเกาหยางหลีและเจียงเจวี๋ยอับแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
“ขั้นสรรสร้างแข็งแกร่งมากนักหรือ”
ในเสียงราบเรียบเฉยชา หลินสวินก้าวไปข้างหน้า อานุภาพทั่วร่างพุ่งถึงขีดสุด ทั้งให้กายมรรคทั้งห้าออกเคลื่อนไหว โจมตีพร้อมกับร่างต้น
ไม่มีใครรู้ว่าในใจหลินสวินโกรธเพียงใด
ยามรู้ว่าหลินฝานโดนจับไป เขาก็เหมือนถูกสัมผัสเกล็ดย้อน ในสภาวะจิตบังเกิดไอสังหารรุนแรง หากไม่ใช่ว่าเขาฝืนข่มไว้อย่างเอาเป็นเอาตายคงระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
และตอนนี้เขาก็ระเบิดออกมาโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่มัวสนใจอะไรอีกต่อไป!
ตูม โครม!
ศึกใหญ่ปะทุขึ้น ฟ้าดินแถบนี้ล้วนจมสู่สภาพโกลาหล ก็เห็นเงาร่างหลินสวินกับจี้กุยเจินต่างเข้าปะทะ ประหนึ่งยอดราชันกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
คนหนึ่งมือกุมทวนศึกเหลืองทอง ผงาดผยองอหังการ พลังที่ปลดปล่อยออกมายามโบกมือทำเอาระเบียบระดับเทพที่ปกคลุมกลางฟ้าดินถูกโจมตีรุนแรง
อีกคนเงาร่างดุจหมื่นกาลไม่แปรเปลี่ยน ออกโจมตีพร้อมกับกายมรรคทั้งห้า ต่อให้มรรควิถีเพียงขั้นล่วงกฎสัมบูรณ์ แต่สลายการโจมตีของจี้กุยเจินได้ทั้งหมด แข็งแกร่งถึงขั้นน่าตกใจ
พริบตาเดียวเท่านั้น
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดไปหลายร้อยกระบวนท่า ฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยง สูสีกัน
ศึกเช่นนี้ทำให้เกาหยางหลีกับเจียงเจวี๋ยล้วนหนาวสะท้านในใจ เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสสอดมือแม้แต่น้อย ทันทีที่ยื่นมือเข้าไปต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่
เพียงแต่พวกเขากลับไม่อาจจิตนาการ ว่าเหตุใดหลินสวินซึ่งมีระดับปราณเท่ากับพวกเขา กลับมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าเช่นนี้ ถึงขั้นสามารถต่อสู้อย่างสูสีกับจี้กุยเจินซึ่งเป็นขั้นสรรสร้างได้!
ตูม!
การต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้น บนใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของจี้กุยเจินปรากฏแววแปลกใจและเคร่งขรึมแล้ว ในใจพลิกม้วนไม่หยุด
เห็นได้ชัดว่าถูกพลังต่อสู้ของหลินสวินทำเอาตกใจเช่นกัน
“หึ!”
จี้กุยเจินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาพลุ่งพล่านไปด้วยไอสังหาร ปลดปล่อยอานุภาพทั่วร่างและเริ่มใช้ไพ่ตาย
ตูม!
ทวนศึกเหลืองทองแทงออกไป คล้ายกับทวนศึกจำนวนมหาศาลแทงออกไปพร้อมกัน ปกฟ้าคลุมดิน ส่งเสียงครืนครันราวกับธารยาวหมื่นกาล ผู้เชื่อฟังย่อมรุ่งเรือง ผู้ต่อต้านย่อมพินาศ
นี่เป็นสถานการณ์ที่ทำเอาจิตใจผู้คนหวั่นไหว!
แต่ก็เป็นเวลานี้เอง…
แสงพร่างพราวราวมายาสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากในเรือนิรันดร์บนร่างจี้กุยเจิน
ชิ้ง!
แทบจะในเวลาเดียวกันเสียงครวญใสสะท้านใจสายหนึ่งดังขึ้น ตามมาด้วยทวนศึกกระดูกขาวเล่มหนึ่งแทงออกมา
จี้กุยเจินที่เดิมทีเก็บเรือนิรันดร์ไว้ในแขนเสื้อ มีหรือจะคิดว่าจู่ๆ จะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในยามต่อสู้ จึงหลบไม่ทันแม้แต่น้อย
พรูด!
เมื่อทวนศึกกระดูกขาวแทงออกมา ร่างของจี้กุยเจินก็ถูกแทงทะลุโดยตรง เลือดแดงฉานร้อนผะผ่าวไหลทะลัก
“สารเลว!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนลั่นอย่างเจ็บปวด ร่างของจี้กุยเจินแยกออกคล้ายถูกผ่า ภาพน่าตระหนกนั่นทำให้เกาหยางหลีกับเจียงเจวี๋ยอึ้งไป ต่างรับมือไม่ทัน
ทว่าหลินสวินกลับเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว แทบจะในตอนที่จี้กุยเจินถูกโจมตี เขาก็ทะยานผ่านห้วงอากาศโดยพลัน ล้อมโจมตีพร้อมกายมรรคทั้งห้า
ตูม!
พริบตาเดียวร่างที่แยกออกของจี้กุยเจินก็ถูกทำลาย ส่วนพลังจิตของเขาก็ถูกร่างต้นของหลินสวินจับไว้
“เจ้าพวกต่ำช้า!”
พลังจิตของจี้กุยเจินตะโกนอย่างเดือดดาลหาใดเปรียบ
เขามีหรือจะคิดว่าในสมบัติอย่างเรือนิรันดร์จะถึงกับซ่อนการโจมตีอื่นไว้
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแผนการที่หลินสวินวางไว้ล่วงหน้า!
“ต่ำช้าหรือ พวกเจ้าไม่กล้าสู้กับข้าหลินสวินอย่างผ่าเผย กลับจับลูกศิษย์กับลูกชายข้าเป็นตัวประกัน ใครกันที่ต่ำช้า!”
เพียะ!
ขณะพูดหลินสวินก็หวดฝ่ามือใส่หน้าจี้กุยเจินอย่างแรง ฟาดจนพลังจิตฝ่ายหลังสั่นไหวรุนแรง ส่อแววจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ไป!”
ไกลออกไป เกาหยางหลีกับเจียงเจวี๋ยเลือกเผ่นหนีอย่างไม่ลังเล
จู่ๆ จี้กุยเจินซึ่งเป็นขั้นสรรสร้างก็ถูกกำราบ นี่ทำให้พวกเขาตั้งตัวไม่ทันโดยสิ้นเชิง และรู้สึกว่าท่าไม่ดีเช่นกัน
“คิดจากไปหรือ ฝันไปเถอะ!”
กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินทะยานมา แต่ละคนสีหน้าเย็นชา นัยน์ตาสาดไอสังหาร ปิดตายทางหนีของเกาหยางหลีและเจียงเจวี๋ยทันที
“หลินสวิน เจ้าทำเช่นนี้มีแต่จะเป็นผลเสียต่อลูกชายและลูกศิษย์เจ้า จะทำไปเพื่ออะไรกัน” เกาหยางหลีสีหน้าขมขื่นและไม่หน้าดู
ปัง!
จากนั้นเขาก็ถูกกายมรรคเพลิงแดงซัดร่างไปหนึ่งฝ่ามือ เลือดออกเจ็ดทวาร ทั้งร่างล้วนแตกเป็นรอยแยก เลือดสดไหลริน เจ็บจนร่างกระตุกบิดเบี้ยว
เจ้าคนที่เอาแต่ปั้นหน้ายิ้มแต่ที่จริงเสแสร้งผู้นี้ หลินสวินรังเกียจถึงที่สุดจริงๆ
“ฆ่า!”
เงาร่างของเจียงเจวี๋ยเปลี่ยนเป็นร่างมายานับไม่ถ้วนทันที เผ่นหนีไปทั่วทิศ แน่นขนัดถี่ยิบจนทำให้คนแยกไม่ออกว่าร่างต้นของนางคือร่างไหนกันแน่
นี่เป็นวิชาหลบหนีที่ร้ายกาจที่สุดวิชาหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“น่าขัน” กายมรรควารีดำยิ้มเยาะ พริบตาเดียวก็แปลงร่างเป็นสามพันสายแล้วออกโจมตีเต็มกำลัง
ปึงๆๆ!
ก็เห็นร่างพวกนั้นของเจียงเจวี๋ยระเบิดออกไปทั้งหมด
พริบตาเดียวร่างต้นของนางก็ถูกบีบให้ปรากฏตัว และถูกกายมรรคไม้เขียวคว้าคอไว้ราวหิ้วลูกไก่
จนถึงตอนนี้ จี้กุยเจิน เกาหยางหลี และเจียงเจวี๋ยล้วนถูกจับทั้งหมด!
หลินสวินเก็บกายมรรคทั้งห้า เงยมองฟ้าแล้วโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม โครม!
ระเบียบระดับเทพสองสายที่ถูกเกาหยางหลีกับเจียงเจวี๋ยเรียกออกมาก่อนหน้านี้ล้วนถูกระเบียบระดับเทพเก้าสายของหลินสวินกำราบนานแล้ว ตอนนี้นอกจากระเบียบปฐม ที่เหลือล้วนถูกหลินสวินเก็บมาทั้งหมดแล้ว
นี่ย่อมนับว่าเป็นผลเก็บเกี่ยวใหญ่ที่คาดไม่ถึง
เพียงแต่หลินสวินแทบจะไม่สนใจของพวกนี้สักนิด
“ควรจัดการพวกเขาอย่างไร”
ร่างงามของซย่าจื้อเดินออกมาจากเรือนิรันดร์ นัยน์ตากระจ่างกวาดมองพวกจี้กุยเจิน บนใบหน้าเล็กที่งดงามหาใดเปรียบปกคลุมไปด้วยไอสังหาร นางสัมผัสถึงความเดือดดาลประหนึ่งเพลิงโหมบ้าคลั่งในใจหลินสวินได้อย่างชัดเจน
“ให้ข้าจัดการเอง”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย
ยามนี้พลังจิตของจี้กุยเจิน เกาหยางหลีและเจียงเจวี๋ยล้วนถูกกำราบ ผนึกอยู่เบื้องหน้าเขาราวกับนักโทษที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น สีหน้าแต่ละคนซีดเผือดและฉายแววกราดเกรี้ยว
ครั้งนี้พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างไร้ที่ติ คิดว่าภายใต้ภัยคุกคามของเคราะดับสิ้นไร้ชีพ ทั่วทั้งในโลกยอดนิรันดร์ย่อมไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้
กลับคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะถูกกำราบ...
“หลินสวิน ถ้าพวกเราตายแล้ว ลูกและศิษย์ของเจ้าก็ต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย” จี้กุยเจินพยายามทำให้ตัวเองสงบ น้ำเสียงเย็นชา
เพียะ!
ฝ่ามือหนึ่งฟาดใส่หน้าเขาอย่างแรง ตบจนเบื้องหน้าสายตาเขามีดาวทองผุดพราย รู้สึกอัปยศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในฐานะขั้นสรรสร้าง มีหรือจะเคยถูกคนทำให้ขายหน้าเช่นนี้!