ขั้นสรรสร้างหลอมกฎระเบียบฟ้าดินมาใช้ประโยชน์ มีพลังอัศจรรย์ราวเปลี่ยนหินเป็นทองคำ เหมือนเทพผู้สรรสร้างในตำนาน
ในสายธารยุคสมัยที่อยู่ในพลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชคนั้น หลินสวินข้ามผ่านเก้ายอดเคราะห์มรรค ไม่เพียงแจ้งมรรคขั้นสรรสร้างอย่างราบรื่น ยังครองศักยภาพแฝงที่หลุดพ้นจากการสับเปลี่ยนยุคสมัยด้วย
พลังที่เขามีต่างจากระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่สิ่งที่คนระดับขั้นเดียวกันเทียบได้นานแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การกำจัดเหล่าขั้นล่วงกฎเช่นก่อนหน้านี้เรียกว่าไม่เปลืองแรงสักนิด ทั้งไม่มีทางพบอุปสรรคใดๆ
ส่วนตอนนี้ เผชิญหน้ากับการร่วมมือของขั้นสรรสร้างสิบเก้าคนนั้นก็เช่นเดียวกัน
ถึงอย่างไรนี่ก็ถือว่าเป็นการต่อสู้ระดับขั้นเดียวกันแล้ว
ด้วยมรรควิถีและรากฐานของหลินสวิน ตอนอยู่ขั้นล่วงกฎก็ฆ่าขั้นสรรสร้างขั้นกลางได้ นับประสาอะไรกับเขาในตอนนี้ที่มีมรรควิถีขั้นสรรสร้าง
ดังนั้นเมื่อการต่อสู้เริ่มต้นหลินสวินก็อยู่ในสภาพกร้าวแกร่งแล้ว อานุภาพเกรียงไกร กดข่มคนระดับเดียวกัน เผยพลังต่อสู้พลิกฟ้าไร้ใดเปรียบ
ตูม!
เจดีย์สมบัติหลังหนึ่งซึ่งหล่อจากกระดูกขาวเคลื่อนขวางกำราบเข้ามา พลังกฎระเบียบที่แผ่คลุมรอบเจดีย์สมบัติกลายเป็นภูเขาศพทะเลเลือดกับนรกขุมมาร บีบกดจนห้วงอากาศปั่นป่วน
หลินสวินแค่ซัดฝ่ามือออกไปเจดีย์สมบัติกระดูกขาวก็กระเด็นลอยออกไปดังปึง พื้นผิวเผยรอยแตกร้าวมากมาย
ขณะเดียวกันบนตัวหลินสวินปรากฏปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งวาบไปในห้วงอากาศ
ฉัวะ!
ศีรษะของขั้นสรรสร้างที่ควบคุมเจดีย์สมบัติกระดูกขาวถูกฟันร่วง น้ำเลือดพุ่งสาด เคราะห์ดีที่พลังจิตของเขาหลีกหลบทันที ไม่ได้ถูกกำจัด
ตูม!
เมื่ออานุภาพบนตัวหลินสวินปลดปล่อยออกมาก็ซัดการโจมตีที่มาจากทั่วทิศจนพินาศ ทำร้ายเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
“ฆ่า!”
ชายชุดดำคนหนึ่งแผดเสียงแข็ง ราวหลอมมรรควิถีของตน กลายเป็นรุ้งสายยาวสีเลือดพลีชีพโจมตี
แต่การโจมตีชวนประหวั่นเหมือนสู้สุดชีวิตของเขายังบุกเข้าไม่ได้แม้แต่รัศมีสิบจั้งรอบตัวหลินสวิน ราวกับพุ่งชนกำแพงสำริดผนังเหล็ก กลายเป็นจุณชั่วพริบตา
หลินสวินฉวยโอกาสก้าวไปข้างหน้า
ตูม!
ละอองแสงลึกลับมากมายร้อยเรียงเป็นกระบวนค่ายกลกฎระเบียบตรงหน้า สังหารชายชุดดำคนนี้ตายคาที่ กายหยาบและพลังจิตยังไม่แตกซ่านก็ถูกพลังของหลินสวินหอบม้วนไปสิ้น
ขั้นสรรสร้างคนหนึ่งถูกกำราบอย่างง่ายดายเช่นนี้!
ภาพความตายนี้ทำให้พวกเกาหยางไหว เจียงเถาหนาวเยือกไปทั้งตัว
“ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้!!?”
มีคนส่งเสียงคำรามขุ่นเคือง
ตั้งแต่เปิดศึกถึงตอนนี้หลินสวินเผยท่าทีกร้าวแกร่งหาใดเปรียบ ต่อให้ขั้นสรรสร้างอย่างพวกเขาร่วมมือกันก็ไม่อาจกำราบเขาได้โดยสิ้นเชิง
กลายเป็นว่าเมื่อสู้ต่อเนื่องหลินสวินคนเดียวกลับข่มการโจมตีของพวกเขาได้หมด ใครจะยอมรับเรื่องนี้ได้เล่า
ต้องรู้ว่าขั้นสรรสร้างอย่างพวกเขาล้วนผ่านการเปลี่ยนแปลงมาไม่รู้กี่วันเวลา แต่ตอนนี้พอร่วมมือกันกลับเข้าใกล้ไม่ได้สักชุ่น กลับถูกหลินสวินฉวยโอกาสกำจัดทิ้งคนหนึ่ง นี่เป็นเรื่องน่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ทุกท่าน พวกเราไม่มีหนทางให้ถอยแล้ว สู้มัน!”
หญิงสาวชุดเงินคนหนึ่งกล่าวเย็นชา
มือหยกของนางควบคุมระเบียบระดับเทพสายหนึ่งโจมตีใส่หลินสวิน อานุภาพแข็งแกร่งถึงขีดสุด อานุภาพที่ล้อมรอบตัวล้วนสยบขั้นล่วงกฎได้โดยง่าย
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินแล้วกลับไม่เอาไหน เพียงพริบตาก็ถูกหลินสวินซัดพินาศโดยง่าย บาดเจ็บจนถอยร่น หากไม่ใช่ว่ามีคนอื่นคอยสกัดนางคงยากพ้นเคราะห์แน่!
เวลานี้หลินสวินแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ซัดกวาดราวไร้คู่ต่อกร ไม่มีสิ่งใดกีดขวาง
ฟุ่บ!
ไม่นานหลินสวินก็เหยียดนิ้วมือราวกับดาบตัดขวางเวิ้งฟ้า คมประกายเจิดจรัสไร้ใดเปรียบพุ่งวาบ ฟันกายมรรคของขั้นสรรสร้างคนหนึ่งเป็นสองท่อน แม้แต่พลังจิตยังไม่ทันได้หลบหนีก็ต้องกล้ำกลืนความแค้นตายคาที่
ในการต่อสู้หลังจากนั้นขั้นสรรสร้างคนแล้วคนเล่าถูกสังหาร...
กลิ่นคาวเลือดอบอวลกลางฟ้าดาราที่พังทลายราวแดนแรกกำเนิด เสียงมรรคดังกระหึ่มทุกหนแห่ง แสงศักดิ์สิทธิ์ม้วนซัด คล้ายภาพนรกแห่งมหันตภัยวันสิ้นโลก
เงาร่างหลินสวินโลดแล่นอยู่ในนั้น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างขั้นสรรสร้างยังต้านการสังหารนี้ไม่ได้
เสียงคำราม เสียงหวีดร้อง เลือดแดงก่ำตัดสลับกับความตาย กลายเป็นภาพสีเลือดสะเทือนกาลนิรันดร์
ในเมืองเทพศุภโชคพวกอู๋ยางเห็นแล้วมือเท้าเย็นเยียบ จิตมรรคสั่นสะท้าน ยืนอึ้งงันอยู่ตรงนั้นเหมือนลืมหายใจ
นี่ใช่ศึกใหญ่ของการถูกรุมล้อมเสียที่ไหน เห็นชัดว่าเป็นการสังหารหมู่ของหลินสวินคนเดียว!
“ฆ่า!”
เสียงคำรามราวอสนีบาตดังก้องฟ้าดารา ดวงตาพวกเกาหยางไหว เจียงเถาคั่งโลหิต แทบถลนราวกับคลุ้มคลั่ง ล้วนสู้สุดชีวิตโดยไม่สนความเป็นตาย
แต่ยังคงเปล่าประโยชน์ ไม่อาจสั่นคลอนหลินสวินได้แม้แต่น้อย
กลับกลายเป็นว่าพวกพ้องข้างกายพวกเขากำลังสิ้นชีพทีละคน…
ทุกอย่างนี้กระตุ้นจนพวกเขาขวัญหนีดีฝ่อ
ใช่ว่าในมือพวกเขาไม่มีไพ่ตาย แต่ต่อให้ใช้ก็ถูกหลินสวินสลายไปอย่างแข็งกร้าว ไม่ได้สร้างประโยชน์เท่าไรนัก
ไม่นานขั้นสรรสร้างสิบเก้าคนในที่นั้นก็ถูกฆ่าจนเหลือแค่เก้าคน ภายในนั้นยังมีส่วนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส
พวกเกาหยางไหว เจียงเถายังไม่ยอมแพ้ ทว่าขั้นล่วงกฎสามสิบกว่าคนที่เหลืออยู่นั้นเวลานี้ต่างตื่นตระหนก จิตต่อสู้พังทลายแล้ว
“หนีกันเถอะ”
“แหล่งสถานศุภโชคนี้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้โดยสิ้นเชิง!”
“ไป!”
ขั้นล่วงกฎพวกนี้สีหน้าตื่นตระหนกตกใจกลัว หนีไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แตกฮือกันไปก่อนแล้ว
“คิดว่าข้าคนแซ่หลินจะปล่อยให้กุ้งฝอยปลาน้อยอย่างพวกเจ้าหนีไปจริงหรือ”
ก็เห็นหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ระเบียบระดับเทพหลายสายตัดผ่านอากาศขึ้นมาปิดฟ้าดาราแถบนี้
ฟุ่บๆๆ!
ขณะเดียวกันกายมรรคทั้งสี่พุ่งผ่านอากาศ จู่โจมไปทางขั้นล่วงกฎพวกนี้
ตอนนี้กายมรรคทั้งสี่ล้วนมีพลังไม่ด้อยไปกว่าร่างต้น เมื่อออกโรงพร้อมกัน ความรวดเร็วอันว่องไว ความแข็งแกร่งของพลัง ใช่ว่าขั้นล่วงกฎพวกนั้นจะเทียบได้
กระทั่งไม่นานเสียงร้องอย่างหวาดผวา เสียงสาปแช่งอย่างเดือดดาลก็ดังขึ้นมา
เพียงพริบตาระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎสามสิบกว่าคนนั้นก็ถูกกวาดล้าง ไม่รอดสักคน!
เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหล่านี้ ในใจของขั้นสรรสร้างที่เหลืออยู่ซึ่งกำลังดิ้นรนอย่างพวกเกาหยางไหว เจียงเถาพลันเศร้ารันทด
จบกัน!
แนวโน้มสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้พวกเขาร่วมมือกับระดับนิรันดร์จากเผ่าเทพหลากตระกูลทั่วหล้า กระบวนรบยิ่งใหญ่เพียงใด ตอนมาถึงก็ไม่เห็นหลินสวินอยู่ในสายตา ทั้งพากันประกาศว่าให้หลินสวินไสหัวออกมารับความตาย
แต่ตอนนี้…
ในใจพวกเขาเหลือเพียงความสิ้นหวังและหมดหนทาง!
ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินแจ้งมรรคขั้นสรรสร้างได้อย่างไร
ทั้งไม่มีใครคิดว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินคนเดียวจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว!
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
หลินสวินไม่มีทางออมมือ อีกทั้งเมื่อสี่กายมรรคเข้าร่วมการต่อสู้ก็ทำให้ความเร็วที่ศัตรูพ่ายแพ้ยิ่งเพิ่มขึ้นมาก
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ขั้นสรรสร้างคนแล้วคนเล่าสิ้นชีพในฟ้าดารา ก่อนตายพลังจิตกับกายหยาบถูกหลินสวินเก็บไป แต่ละคนพบจุดจบน่าอนาถ
ถึงตอนท้ายเหลือเพียงเกาหยางไหวคนเดียว
ใบหน้าเขาเปื้อนเลือด ผมดำแผ่สยาย คำรามคลั่ง “หลินสวิน ยามเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน เจ้าก็หนีจุดจบแห่งความตายไม่พ้น! พวกเจ้า…”
ตูม!
เขายังพูดไม่จบหลินสวินก็ตบฝ่ามือลงมาอย่างเหี้ยมโหด ซัดร่างเขาจนระเบิดแหลกแล้ว
บัดนี้เหล่าระดับนิรันดร์ที่รวมตัวยกทัพมาประชิดเมืองครั้งนี้ ล้วนถูกหลินสวินคนเดียวกวาดล้างจนเกลี้ยง!
แต่ยังไม่รอให้ผู้คนในเมืองเทพศุภโชคดึงสติกลับมาจากความตกตะลึงยิ่งยวดนั่น แสงเคราะห์ชวนประหวั่นสายหนึ่งปรากฏกลางอากาศกะทันหัน แข็งแกร่งหาใดเปรียบ เหนือกว่าพลังทั้งหมด ราวปราณกระบี่ขวางน่านฟ้า ผ่าตรงลงมายามหลินสวินไม่ระวังที่สุด
“เกิดอะไรขึ้น”
พริบตานั้นผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึง
แสงเคราะห์สายนั้นเร้นลับลุ่มลึกหาใดเปรียบ เจือกลิ่นอายแปลกประหลาดและแฝงความอัปมงคล เมื่อปรากฏตัวฟ้าดารากว้างใหญ่แถบนี้พลันมืดลง พลังระเบียบระดับเทพมากมายที่ปกคลุมรอบฟ้าดาราล้วนถูกกำราบจนไม่อาจขยับเขยื้อน
ขณะที่ทุกคนยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แสงเคราะห์สายนี้ทะลวงผ่านความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดชั่วพริบตา โจมตีใส่ร่างหลินสวินทันที ฉีกทึ้งกายเนื้อของหลินสวินออกจากกันทันใด
“หลินสวิน!”
“ท่านพ่อ!”
“อาจารย์!”
พริบตานั้นพวกอู๋ยาง หลินฝาน ซูไป๋ต่างร้องเสียงหลง สีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าใครต่างก็คาดไม่ถึงว่ายามหลินสวินกวาดล้างศัตรู กำราบระดับนิรันดร์ทั้งหมดแล้ว กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้
แต่พริบตาต่อมา
เงาร่างของหลินสวินกลับปรากฏกลางอากาศห่างไปหลายร้อยจั้ง สิ่งที่แสงเคราะห์สายนั้นซัดกระจุยก่อนหน้านี้ เป็นแค่รอยเงาหนึ่งที่เขาเหลือไว้เพราะความเร็วของการเคลื่อนย้ายเร็วเกินไปเท่านั้น
พวกอู๋ยาง หลินฝาน ซูไป๋ล้วนเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่อย่างอดไม่ได้ แต่ไม่นานทุกคนก็มองไปยังส่วนลึกของฟ้าดาราด้วยสีหน้าสงสัย
ขณะเดียวกันหว่างคิ้วหลินสวินเผยแววจริงจัง
ไม่รู้ว่าส่วนลึกของฟ้าดารานั้นปรากฏเมฆาเคราะห์ขมุกขมัวแถบหนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ เต็มไปด้วยกลิ่นอายประหลาดและอัปมงคล แม้ว่าเงียบสนิทไร้สุ้มเสียง แต่กลับพาให้คนตัวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ก่อนหน้านี้แสงเคราะห์นั่นก็มาจากส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ขมุกขมัวนี่
แม้แต่หลินสวินก็ตัวเย็นวาบ เหมือนถูกสายตาที่มองไม่เห็นจับจ้องจากไกลๆ ทำให้เขาอึดอัดไปทั้งตัว
‘หรือว่าเป็นเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ!?’
ในใจหลินสวินเพิ่งมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา ก็เห็น…
เมฆาเคราะห์ตรงส่วนลึกของฟ้าดารานั้นพลันสั่นไหว จากนั้นแสงเคราะห์ไร้รูปไร้สีหลากสายก็พุ่งออกมานับร้อยพัน แหวกห้วงอากาศพุ่งเข้าใส่หลินสวินโดยตรง
ตูม!
หลินสวินโคจรมรรควิถีของตนเต็มที่อย่างแทบจะเป็นไปตามสัญชาตญาณ เสียงปะทุโครมครามราวกับเตาหลอมพลุ่งพล่าน
“ทลาย!”
หลินสวินตวาดลั่น ปราณกระบี่ประทับนัยเร้นลับนิพพานนับหมื่นแสนทะยานออกมา ปลดปล่อยม่านแสงไร้ขอบเขตปะทะกับแสงเคราะห์พวกนั้น
เสียงปะทะกัมปนาททึบหนักราวฟ้าผ่าดังก้องตามมาติดๆ ทำให้ฟ้าดาราแถบนั้นเกิดรอยแยกยุบทลายมากมายคล้ายผืนผ้าฉีกขาด
สุดท้ายแม้ว่าหลินสวินจะต้านแสงเคราะห์นับร้อยพันนี้ได้ แต่กลับถูกผ่าจนเลือดลมทั่วร่างตีกลับ เงาร่างซวนเซ สีหน้าเปลี่ยนเป็นอึมครึมไม่น้อย
กลางแสงเคราะห์มากมายนั้นเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย เหมือนกฎระเบียบไท่ชูที่แฝงอยู่ในรูปปั้นไท่ชูซึ่งถูกเขาหลอมไปตอนนั้นไม่มีผิด!
ไม่ต้องสงสัย ผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นลงมือแล้ว!
ทั้งครั้งนี้ผู้บงการหลังม่านไม่ได้ใช้พลังของคนอื่น แต่แปลงมหาเคราะห์หนึ่งโดยตรง จับจ้องตนอยู่ในส่วนลึกของฟ้าดารา!